ทูตสหรัฐฯ ประจำไทยแหวกธรรมเนียม เชื่อมสัมพันธ์ผู้คนผ่านทวิตเตอร์

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สำนักข่าวเอเอฟพีเจาะประเด็น “คริสตี เคนนีย์” เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำไทย สาวกทวิตเตอร์ ผู้แหวกธรรมเนียมปฏิบัติทางการทูตแบบเดิมๆ เพื่อเชื่อมโยง และเข้าถึงบุคคลทั่วไปผ่านทางเว็บไซต์สังคมออนไลน์ยอดนิยม

สำหรับทูตหญิง วัย 56 ปี ช่วงเวลาของการใช้ชีวิตนักการทูตบนหอคอยงาช้างนั้นสิ้นสุดไปแล้ว เธอระบุว่า การทูตเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่แค่เพียงระหว่าง 2 รัฐบาล แต่ยังหมายถึงระหว่าง 2 บุคคลด้วย และการใช้เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์สังคมออนไลน์อื่นๆ สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนได้

ทูตสหรัฐฯ ซึ่งเข้ามาประจำในไทยตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา อธิบายว่า “สำหรับฉัน มันเป็นความสัมพันธ์ และเป็นวิธีที่จะเชื่อมต่อกับผู้คนได้ และยังทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาสามารถเข้าถึงทูต ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงบุคคลที่ซ่อนอยู่ในอาคารหลังใหญ่เท่านั้น”

ความสัมพันธ์ดังกล่าวถูกสั่นคลอน โดย เอริค จอห์น ทูตสหรัฐฯ ประจำไทยคนก่อนหน้า เมื่อเว็บไซต์จอมแฉ วิกิลีกส์เปิดเผยเอกสารลับทางการทูต ซึ่งเผยถึงการแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาของเขาเกี่ยวกับราชวงศ์ไทย อันเป็นประเด็นอ่อนไหว และต้องห้าม

ขณะที่สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของไทยมาตั้งแต่สมัยสงครามเย็น ดังนั้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่การกระทำของทูตเคนนี จะถูกมองว่าเป็นการปรับปรุงภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ในสายตาคนไทย

“ฉันไม่เคยคิดว่านั้นเป็นแผนทางยุทธศาสตร์สำคัญอะไรเช่นนั้น” เธอกล่าว โดยเสริมว่า ข้อความที่เธอทวีตผ่านบัญชี @kristiekenney ซึ่งปรากฏต่อผู้ติดตามของเธอเกือบ 20,000 คนนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว เพื่อให้คนอื่นรู้ว่าเธอทำอะไรอยู่ที่ไหน โดยไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงต่างประเทศเลย

ความพยายามของทูตเคนนีย์ ในการรับวัฒนธรรมไทยนั้น ยังไปไกลกว่าการเป็นที่รู้จักในโลกอินเทอร์เน็ต โดยเธอยังเป็น 1 ในชาวต่างชาติ 2 คนที่ได้รับรางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นชาวต่างประเทศจากกระทรวงวัฒนธรรมด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นที่ตื่นตาตื่นใจจากภาพกระโดดร่มเหนือทุ่งนา ซึ่งปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับ “ผู้คนเมนชั่นหาฉันตลอดเวลา ส่วนใหญ่คนจะพูดว่า 'โอ้พระเจ้า ฉันเห็นที่คุณทำ มันเป็นอย่างไรบ้าง' ฉันก็ตอบไปว่า มันเป็นการผจญภัยที่น่ากลัว...จนไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก”

อย่างไรก็ตาม ทัศนคติของเคนนีย์นั้น ไม่เพียงสร้างความประหลาดใจ แต่ยังสร้างความไม่พอใจให้กับนักการทูต ที่ถือธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิมบางคน ซึ่งประจำหน้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ ด้วยเช่นกัน

“เหมือนกับอลิซในแดนมหัศจรรย์ ถ้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมา หลังจากกระโดดร่มแล้ว ต้องมีคนสงสัยว่าเธอจะทำอะไรต่อไปอีก” นักการทูตต่างชาติรายหนึ่งกล่าว