xs
xsm
sm
md
lg

แม้วผวา “ปู” ล้มก่อนกำหนด-สลัดภาพ “แดงขี้เรื้อน” ล้มเจ้า!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 ธิดา ถาวรเศรษฐ์
ผ่าประเด็นร้อน

สังเกตหรือไม่ว่า หลังการเลือกตั้งเป็นต้นมาได้เกิดความเคลื่อนไหวแปลกๆ ภายในกลุ่มคนเสื้อแดง มีลักษณะของ “แดงแท้” และ “แดงเทียม” ปรากฏออกมาให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน ภายในองค์กรของกลุ่มคนเสื้อแดงด้วยกันเองก็เริ่มมีความคิดเห็นที่ขัดแย้ง มีการตอบโต้ระหว่างกลุ่ม “หัวโจก” กันอย่างดุเดือดและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากความพยายามในการปลด ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ให้พ้นจากประธาน นปช. การตอบโต้รุนแรงระหว่าง ธิดา กับ ขวัญชัย ไพรพนา ในเรื่องการคงอยู่ของหมู่บ้านเสื้อแดงในภาคอีสาน โดยฝ่ายหลังต้องการให้สลาย ซึ่งก็ถูกกล่าวหาว่าต้องการขยายบทบาทตัวเองออกไปครอบงำทดแทนมากกว่า เป็นต้น

เชื่อว่าปรากฏการณ์เหล่านี้จะต้องทวีความรุนแรง และหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหลายคนมองว่าถึงเวลาที่จะต้องแยก “เนื้อแท้” ออกมา เป็น “แดงเพื่อไทย-เพื่อแม้ว” ออกมาให้เด็ดขาดจาก “แดงห้อยโหน” ซึ่งกำลังจะถูกทำให้เป็น “แดงขี้เรื้อน” ให้หลุดออกไปโดยเร็ว

ต้องยอมรับว่าองค์ประกอบของคนเสื้อแดงมีที่มาอย่างหลากหลาย ซึ่งหากให้แยกออกมาก็จะพบว่ามีอยู่สองกลุ่มใหญ่ นั่นกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาจากกลุ่มคนที่สนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่ม “ซ้ายอกหัก” ซึ่งถือว่าเป็นสองกลุ่มหลัก แม้ว่าในสองกลุ่มหลักดังกล่าวจะมีลักษณะทับซ้อนกันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นสาระสำคัญเท่าใดนัก

เพื่อให้เห็นภาพก็ต้องแยกกลุ่มเสื้อแดงทั้งสองกลุ่มออกมาพิจารณาก่อน โดยเริ่มจากกลุ่มแรก ที่เป็นกลุ่มเสื้อแดงที่สนับสนุน ทักษิณ หรือ อีกด้านหนึ่งก็คือกลุ่มที่ ทักษิณ ให้การสนับสนุนอยู่ข้างหลัง กลุ่มนี้ระดับแกนนำหรือ “หัวโจก” แทบทั้งหมดล้วนเคยเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย หรือไม่ก็เคยร่วมทำงานเป็นคณะงานภายในพรรคทั้งสิ้น แต่จะเป็นลักษณะ “ลิ่วล้อปลายแถว” รวมไปถึงประเภทที่เป็นนักการเมืองการเมือง “ตกรุ่น” ไปแล้ว

ไม่ว่าจะเป็น วีระ(กานต์) มุสิกพงศ์ จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รวมไปถึงอดีต ส.ส.ในต่างจังหวัดบางคน เป็นต้น นี่ว่ากันเฉพาะเท่าที่มีบทบาทจดจำได้ ขณะเดียวกันยังมีกลุ่ม “แกนนำท้องถิ่น” ที่หลงใหลในนโยบายประชานิยมของทักษิณ และต้องการฉกฉวยโอกาส “ถีบตัว” ขึ้นมาให้มีราคาโดดเด่น ล่าสุดเท่าที่เห็นก็จะเป็น ขวัญชัย ไพรพนา

อย่างไรก็ดี ภายในคนเสื้อแดงกลุ่มนี้แม้ว่าจะมีการคาบเกี่ยวกับ “แดงขี้เรื้อน” ตามนิยามใหม่ เช่น อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดิศร เพียงเกษ แต่ก็ยังต้องการอยู่ในร่มเงาของทักษิณอยู่วันยังค่ำ

กลุ่มที่สองก็คือกลุ่ม “แดงซ้าย” ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอุดมการณ์ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมใหม่ และที่ผ่านมาคนพวกนี้มักจะเคยร่วมเคลื่อนไหวมากับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ในอดีต จนกระทั่งหมดยุค “ขวาพิฆาตซ้าย” และยุคสงครามเย็นทำให้คนเหล่านี้ต้องออกมาจากป่ากลับเข้ามาสู่เมืองตามนโยบาย 66/23 แตกกระสานซ่านเซ็นปะปนไปอยู่ในระบบทุนนิยมอย่างกลมกลืน

ในกลุ่มที่สองดังกล่าวหากจะให้โฟกัสกันแบบชัดเจนไปเลย ก็เห็นจะเป็น ธิดา ถาวรเศรษฐ์ เหวง โตจิราการ สองสามีภรรยา เป็นต้น ซึ่งเป็นที่รับรู้กันมานานแล้วว่าทั้งคู่มีอุดมการณ์ในทางซ้าย ออกไปในแนวสังคมนิยม และหากติดตามเส้นทางของคนพวกนี้จะพบว่าเคยอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณ ชินวัตร โดยเมื่อครั้งที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมขับไล่ ทักษิณ เมื่อประมาณปี 2549 เหวง ก็ขึ้นเวทีเคยด่าทักษิณว่าเป็น “คนขายชาติ” มาแล้ว แต่ต่อมาก็หันเหมาเข้าร่วมกับคนเสื้อแดงสนับสนุนทักษิณหน้าตาเฉย

หลายคนพากันวิเคราะห์ว่าสาเหตุที่แดงซ้ายเหล่านี้หันมารวมกลุ่มกับแดงทักษิณ ก็เนื่องจากมีเป้าหมายเดียวกันนั่นคือ ต้องการ “ล้มอำมาตย์” ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมใหม่ ในลักษณะ “แสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่าง” ความหมายก็คือเดินร่วมทางไปก่อน แล้วค่อยแยกทางในภายหลัง หรืออาศัย “มวลชน” ของฝ่ายทักษิณ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของตัวเองในวันข้างหน้า

นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม “ซ้ายจัด” ที่เข้ามาร่วมเดินทางไปด้วย แม้จะไม่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรแดง เช่น ใจสส์ อึ้งภากรณ์ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ รวมไปถึงนักชาการในมหาวิทยาลัยฝ่ายซ้ายอีกหลายคน

อย่างไรก็ดี เมื่อกล่าวถึงพวกฝ่ายซ้าย กลุ่มนี้ก็ต้องมาพิจารณาให้ครอบคลุมถึงบุคคลที่อยู่รอบตัวของทักษิณ ในเวลานี้หลายคนทำตัวเป็น “กุนซือ” เป็นผู้กำหนดเกมทางการเมืองทั้งจากในอดีตจนถึงปัจจุบันที่กำลังเป็นที่ปรึกษาในทางลับให้กับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทยในปัจจุบันนี้ด้วย แต่ในที่สุดกลุ่มซ้ายที่อยู่รอบตัว ทักษิณ ดังกล่าวแม้จะไม่ชอบอำมาตย์ แต่การเคลื่อนไหวก็ต้องเป็นไปตามคำสั่งของ “นาย” คือ ทักษิณ และต้องเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคเพื่อไทยนั่นเอง

นั่นคือองค์ประกอบของคนเสื้อแดงที่มาจากหลากหลายที่มา และกำลังจะมาถึง “ทางแยก” สำคัญที่จะต้อง คัดกรองเอาไว้ให้เหลือแต่ “ เนื้อแท้” เท่านั้น

เมื่อพิจารณาจากเป้าหมายของ “ระบอบทักษิณ” หลังจากที่ชนะเลือกตั้งได้กลับเข้ามายึดอำนาจรัฐอีกรอบ นาทีนี้ก็ถือว่าไป “ถึงเป้าหมาย” แล้ว ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจาก “ตัวตน” ของทักษิณ เขาเป็นนักธุรกิจที่ต้องแสวงหาผล “กำไรสูงสุด” เป็นหลัก ไม่ได้มี “อุดมการณ์ไพร่-อำมาตย์” อย่างที่มีความพยายามประดิษฐ์ประดอยถ้อยคำขึ้นมากล่าวอ้างแต่อย่างใดไม่ เพราะสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ในเวลานี้ก็คือจะทำอย่างไรให้รัฐบาล “โคลนนิ่ง” ของน้องสาวคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ได้นานที่สุดเท่านั้น สิ่งใดก็ตามที่กำลังทำลายน่าเชื่อถือ หรือสร้างความหวาดระแวงให้กับสังคมก็ต้องหาทางสลัดทิ้งไปให้เร็วที่สุด

หากสังเกตให้ดี สิ่งที่เครือข่ายทักษิณกำลังสร้างภาพให้เห็นก็คือ “ความปรองดอง” และภาพของ “ความจงรักภักดี” มีความพยายามชี้ให้เห็นถึง “แดงเทียม” ที่แฝงตัวเข้ามาเท่านั้น

จากการอภิปรายนโยบายรัฐบาลของฝ่ายค้านที่มีการหยิบยกเอาเรื่องการบ่อนทำลายสถาบัน มีการกล่าวหาพาดพิงไปที่คนเสื้อแดง โดยมีการยกตัวอย่างเรื่องการจัดงาน “ทักษิณมหาราษฎร์” ให้มีลักษณะคำพ้องเสียง รวมไปถึงมีการผุดเว็บหมิ่นสถาบันมากมาย แต่ก็มีการแก้ต่างยืนยันจากฝ่ายรัฐบาลเริ่มตั้งแต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีว่า ทุกคนในรัฐบาลมีความจงรักภักดี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่วานนี้ (25 สิงหาคม) นำผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าอวยพรวันเกิด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีความหมายเป็น “อำมาตย์” ได้รับโอวาทให้เน้นย้ำในเรื่องการปกป้องสถาบันมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

ที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือคำอภิปรายยืนยันในสภาของ จตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ได้ออกมากล่าวหน้าตาเฉยในทำนองว่าพฤติกรรมที่จาบจ้วงทำลายสถาบันล้วนเป็นพวก “แดงเทียม” เป็น “แดงขี้เรื้อน” แอบแฝงเข้ามาทำลาย ทั้งที่ขณะที่พูดอยู่นั้นคงหลงลืมไปว่าตัวเองกำลังถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจากการปราศรัยบนเวทีเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2554 ที่ระบุถึง “กระสุนพระราชทาน” ในเหตุการณ์สลายการจลาจลเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553

อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวที่จะสลัด “แดงนอกใส้” ออกไปเพื่อลดความหวาดระแวงจากสังคม ให้เหลือแต่ “แดงแท้” เพื่อนำไปสู่เป้าหมายให้ยึดกุมอำนาจรัฐให้นานที่สุด อย่างน้อยเมื่อสามารถทำกำไรได้สูงสุดก็ต้องคงสภาพเอาไว้แม้กระทั่งภาพที่ออกมากำลัง “ปรองดองกับอำมาตย์” ก็ต้องเดินหน้าเต็มกำลัง

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่ปัจจุบันและในอนาคตจะได้เห็นความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นภายในกลุ่ม “หัวโจก” คนเสื้อแดง เริ่มตั้งแต่ความพยายามในการเฉดหัว ธิดา ถาวรเศรษฐ์ หนึ่งในแดงเทียม ให้พ้นจากหัวขบวน รวมไปถึงการส่งสัญญาณให้ ขวัญชัย ไพรพนา แกนนำท้องถิ่น ขยายอาณาจักรเข้ามาทับซ้อน กดดันให้สลายหมู่บ้านเสื้อแดงในภาคอีสาน ที่เคยเป็นความริเริ่มจากกลุ่มแดงนอกไส้ ซึ่งกำลังทำให้กลายเป็น “แดงขี้เรื้อน” จะต้องถูกพวกเดียวกันกำจัดออกไปในที่สุด!!
จตุพร พรหมพันธุ์
ขวัญชัย ไพรพนา
กำลังโหลดความคิดเห็น