xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองในรัฐสภา จุดบอดรัฐบาลยิ่งลักษณ์

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง

นึกว่าจะราบรื่นเรียบร้อยสุดท้ายการแถลงนโยบายการบริหารประเทศของรัฐบาลนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรก็ต้องมามีปัญหาเล็กน้อยเกิดขึ้นในช่วงกลางดึกก่อนเที่ยงคืนของการประชุมรัฐสภาคือเมื่อ 24 สิงหาคม 2554

จากเหตุที่องค์ประชุมไม่ครบ คือนับองค์ประชุมได้แค่ 314 เสียง ซึ่งแม้ส.ส.รัฐบาลจะมีเกือบ 300 เสียง แต่ฝ่ายค้านหลายคนไม่ได้เสียบบัตรแสดงตนและไม่ได้อยู่ประชุม รวมถึงสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม

หลังจากเกิดปัญหาในการประชุมช่วงท้ายๆ เมื่อมีการปะทะคารมกันอย่างดุเดือดระหว่างฝ่ายประชาธิปัตย์กับส.ส.เพื่อไทยโดยเฉพาะพวกส.ส.กลุ่มเสื้อแดงที่มีการอภิปรายพาดพิงกันไปมาในเรื่องเดิมๆ คือ

“ทักษิณ-เสื้อแดง-ความไม่จงรักภักดี-ล้มเจ้า-สั่งฆ่าคนเสื้อแดง”

ทำให้ฝ่ายประชาธิปัตย์และกลุ่มส.ส.เสื้อแดงไม่มีใครยอมใคร ประท้วงกันวุ่นวายเต็มไปหมด แม้รัฐบาลจะต้องมาขยายวันแถลงนโยบายเป็นวันที่สามอีกเมื่อ 25 สิงหาคม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า

“ขุนค้อน”สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฏรในฐานะประธานรัฐสภา ยังอ่อนต่อการรับมือกับประชาธิปัตย์ในสภาฯอย่างมาก

เห็นแบบนี้แล้ว เชื่อว่า การเมืองในสภาฯของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หากจะหวังพึ่งใช้บริการแต่ เฉลิม อยู่บำรุง ให้เป็นพี่ใหญ่คอยประคองยิ่งลักษณ์ และเป็นขุนพลเอกให้รัฐบาลเพื่อไทยเพื่อทำศึกกับประชาธิปัตย์ในสภาฯ หากยังหวังพึ่งบริการเฉลิมคนเดียว คงไม่ไหวแน่นอน

เพราะการอภิปรายนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ผ่านพ้นไปเห็นได้ชัดว่า ประชาธิปัตย์พร้อมจะขย้ำยิ่งลักษณ์เพื่อกระทบซิ่งไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ในสภาฯให้แหลกคามือแน่นอน

“ทีมข่าวการเมือง”ติดตามการประชุมแถลงนโยบายรัฐบาลดังกล่าวอย่างต่อเนื่องร่วมๆ 30 ชั่วโมงขอสรุปว่า สุดท้าย การเมืองไทย ต่อให้ในห้องประชุมสภาฯไม่ใช่การเมืองบนท้องถนนหรือในวงสัมมนาวิชาการ การเมืองไทยก็ยังคงก้าวข้ามไม่พ้น ทักษิณ ชินวัตรไปได้

และยากเหลือเกินกับสิ่งที่ยิ่งลักษณ์ ประกาศนโยบายเร่งด่วนคือเรื่องการสร้างความสมานฉันท์และความปรองดองทางการเมือง จะได้เห็นความร่วมมือจากประชาธิปัตย์

เพราะตลอดสองวันของการอภิปรายเห็นได้ชัดว่า ประชาธิปัตย์ ไม่มีทางยอมรับแผนการปรองดองของเพื่อไทยแน่นอน

เช่นคำพูดตอนหนึ่งในช่วงการอภิปรายคนท้ายๆของประชาธิปัตย์ของ นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติส.ส.พัทลุง ประชาธิปัตย์ที่บอกทำนองว่า

“สงครามสมัยใหม่ คือสงครามการสู้รบบนความเชื่อสูงสุด ความเชื่อสูงสุดของพรรคประชาธิปัตย์คือเรื่องสถาบัน ถ้าใครจะมาทำลายความเชื่อนั้น ก็ต้องเป็นศัตรูกัน”

จนทำให้ เฉลิม อยู่บำรุง ต้องรีบลุกขึ้นการันตีทันทีว่า พรรคเพื่อไทยทุกคนจงรักภักดีต่อสถาบัน สมแล้วกับการที่เฉลิมได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากทักษิณในการตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีนั้นก็คือภารกิจในการเป็น

องครักษ์พิทักษ์ทักษิณและยิ่งลักษณ์ทั้งในสภาและนอกสภา หากมีเรื่องอะไรที่เป็นเรื่องลบกับทักษิณ-ยิ่งลักษณ์

เฉลิม จะทำหน้าที่เป็นโฆษกประจำตัวทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชี้แจงทันที ไม่รอช้า

ไม่ผิดหวังจริงๆ เหลิม ของทักษิณและน้องปู

อย่างไรก็ตาม”ทีมข่าวการเมือง”เห็นว่า ภาพรวมการอภิปรายสองวันสองคืนที่ผ่านมา บทบาทและภาวะผู้นำที่ยิ่งลักษณ์ควรต้องแสดงออกในสภาฯ ทั้งการลุกขึ้นตอบข้อสงสัยหรือข้อวิจารณ์จากฝ่ายค้าน-สว. ที่อภิปรายไม่เห็นด้วยหรือให้คำแนะนำในการนำนโยบายที่แถลงไว้ไปปฏิบัติ

ซึ่งคำอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาหลายคนล้วนน่ารับฟังและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ที่โดยหลักแล้ว นายกรัฐมนตรีก็ต้องเป็นคนลุกขึ้นตอบข้อสงสัยต่างๆ ของสมาชิกรัฐสภา

แต่กลับปรากฏว่า ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีกลับ ไม่ยอมทำอะไรเลย ปล่อยให้เฉลิม คอยชี้แจงและตอบแทนเป็นส่วนใหญ่ โดยบางช่วงอาจมีคนอื่นๆ อย่าง ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 หรืออีกหนึ่งรองนายกรัฐมนตรีคือ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ คอยลุกขึ้นชี้แจงบ้างเพื่อแบ่งเบาภาระเฉลิม แต่หลักๆ ก็เป็นเฉลิม ทำหน้าที่โฆษกส่วนตัวให้ยิ่งลักษณ์เป็นส่วนใหญ่

เรียกได้ว่า บางคนยังพลอยนึกไปว่า ตกลงยิ่งลักษณ์หรือเฉลิมกันแน่ที่เป็นนายกรัฐมนตรี

เพราะสองวันของการอภิปราย นอกจากยืนอ่านเอกสารนโยบายรัฐบาลนานร่วมสองชั่วโมงซึ่งเป็นไฟท์บังคับที่นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้อ่านแล้ว ก็มีแค่กลางดึกคืนวันที่ 23 สิงหาคมทิ่ยิ่งลักษณ์โผล่มาอีกทีหนึ่งไม่กี่นาทีพร้อมกับสคิปต์เดิมๆหลังถูกวิจารณ์ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะทำเพื่อทักษิณโดยยิ่งลักษณ์ก็ยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำเพื่อพี่น้องประชาชนไม่ใช่ทำเพื่อคนๆเดียว(อีกแล้ว)

ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี จึงสอบตกอย่างชัดเจนกับการแถลงนโยบายที่ผ่านไป

ที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือ เบื้องหลังที่ประชาชนพากันสงสัยว่าทำไม วันที่สองของการอภิปราย รัฐมนตรีหลายคน ถึงพากันลุกขึ้นขอช่วยชี้แจงตอบโต้ฝ่ายค้านและอุ้มทักษิณกับยิ่งลักษณ์ในห้องประชุม

โดยบางรายไม่นึกว่าจะลุกขึ้นพูดก็ลุกขึ้นพูด แถมพูดแล้วไม่ทำให้ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ผิดหวังจริงๆ

เช่นกรณีพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีที่จะได้คุมงานความมั่นคงให้รัฐบาล ก็ปรากฏว่าถึงกับโอบอุ้มทักษิณเต็มตัวว่ามีความตั้งใจทำงานให้บ้านเมืองแต่การทำงานอาจมีผิดพลาดบ้างแต่พล.ต.อ.โกวิทบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา พร้อมกับหยิบยกคติพจน์แกนนำนปช.มาใช้กลางสภาฯคือ นักรบต้องมีบาดแผล

ซึ่งเท่าที่รู้กันมา สาเหตุที่ทำให้รัฐมนตรีหลายคนต้องออกมาช่วยเฉลิมแทคทีมสู้กับประชาธิปัตย์ในสภาฯ ก็เพราะมีคำสั่งสายตรงมาจาก

วอร์รูมพรรคเพื่อไทย

ที่ไปเปิดห้องมอนิเตอร์การประชุมอยู่ที่ตึกชินคอร์ป 3 ที่มีพวกแกนนำเพื่อไทยสายนักโทษการเมืองคดียุบพรรคอย่างภูมิธรรม เวชชยชัย วราเทพ รัตนากร จาตุรนต์ ฉายแสง เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ นั่งทำงานอยู่โดยวอร์รูมดังกล่าวเห็นว่ารัฐบาลอยู่ในสภาพตั้งรับประชาธิปัตย์มากเกินไป

ปล่อยให้ยิ่งลักษณ์และทักษิณโดนตอดตลอดทั้งวัน รัฐมนตรีหลายคนแทนที่จะลุกขึ้นชี้แจงก็ไม่ทำทันที วอร์รูมดังกล่าวจึงรีบบอกให้ยิ่งลักษณ์ต้องปรับแผนสู้กับฝ่ายค้านคือควรให้รัฐมนตรีแต่ละคนต้องตอบโต้ชี้แจงบ้าง

ทำให้ข้อเสนอวอร์รูมดังกล่าวมีการต่อสายตรงจากวอร์รูมไปยัง มือถือของยิ่งลักษณ์เพื่อให้ปรับแผนจากตั้งรับเป็นสวนกลับและพยายามตัดเกมฝ่ายค้านไม่ให้โยงไปถึงทักษิณ

ส่งผลให้ช่วงเย็นของวันที่สองของการประชุม ยิ่งลักษณ์ต้องเรียกประชุมรัฐมนตรีหลายคนที่หลังบังลังก์ที่นั่งประธานรัฐสภาฯ เพื่อปรับแผนตามข้อเสนอแนะจากวอร์รูมดังกล่าว

จึงเป็นที่มาของการที่รัฐมนตรีหลายคนโดยเฉพาะพวกรองนายกรัฐมนตรี เช่นพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ-พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก-กิตติรัตน์ ณ ระนอง รวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเช่น ธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล รมว.คลัง ต้องรีบลุกขึ้นชี้แจงช่วยยิ่งลักษณ์หลังนั่งบื้อกันทั้งวัน

รวมถึงพวกกลุ่มองครักษ์พิทักษณ์ยิ่งลักษณ์ทั้งหลายที่พรรคตั้งขึ้นแต่กลับไม่ค่อยมีบทบาท อย่าง สุนัย จุลพงษธร ชลน่าน ศรีแก้ว ก็ต้องรีบปรับแผนชนกับฝ่ายค้านทันทีทันใดเช่นกัน

อย่างไรก็ตามเชื่อว่า หลังยิ่งลักษณ์ผ่านศึกชี้แจงนโยบายนี้ไปแล้ว พรรคเพื่อไทยคงมีการหารือปรับยุทธศาสตร์เกมในสภาฯเสียใหม่ หลังเห็นแล้วว่าหลายแผนที่วางไว้เอาไม่อยู่

ทั้งการตั้งทีมส.ส.เพื่อคอยตัดเกมฝ่ายค้านในห้องประชุมสภาฯ ที่เห็นได้ชัดว่าส.ส.เพื่อไทย กระดูกยังห่างไกลจากส.ส.ปชป.มาก ทั้งเรื่องข้อบังคับการประชุมสภาฯ -ลูกเก๋าส์ทางการเมือง แต่ครั้นพอให้พวกส.ส.เสื้อแดงอย่าง จตุพร พรหมพันธ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ช่วยทำหน้าที่คอยชนกับประชาธิปัตย์ดูบ้าง

พอจตุพร-ณัฐวุฒิ ขึ้นชนด้วย ก็กลายเป็นการเรียกแขกให้ประชาธิปัตย์เร่งเกมดุดันในห้องประชุมมากขึ้น จนประธานสมศักดิ์และวิปรัฐบาลคุมไม่อยู่

หรือการที่พรรคเพื่อไทยให้นายกฯยิ่งลักษณ์ลอยตัว ไม่ต้องแสดงบทบาทอะไรในสภาฯปล่อยให้เป็นหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีแต่ละด้านคอยแสดงบทบาทเอง โดยเฉพาะเฉลิม อยู่บำรุง

ซึ่งแม้เหลิมจะทุ่มสุดตัวทำหน้าที่เป็นด่านกันชนให้ยิ่งลักษณ์ชนิดทำงานถวายชีวิต เพื่อเอาใจทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ แต่เฉลิมคนเดียวพอเจอมวยหมัดหนักของประชาธิปัตย์ออกมาเป็นพายุ ก็เห็นแล้วว่าสองวันของการแถลงนโยบายรัฐบาล กว่าเหลิมจะตั้งหลักสู้กับฝ่ายค้านได้หลายเรื่อง ก็โดนฝ่ายค้านชกตุนคะแนนไปมากแล้ว

การเมืองในสภาเพื่อต่อกรกับประชาธิปัตย์นับจากนี้ จึงเป็นการบ้านข้อใหญ่ของทักษิณ -ยิ่งลักษณ์ นอกเหนือไปจากการทำอย่างไรให้นโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาทำได้จริง ไม่ใช่การแหกตาคนทั้งประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น