อังคารที่ 23 สิงหาคมและพุธที่ 24 สิงหาคม คือสองวันของการชำแหละนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเป็นบททดสอบสำคัญครั้งแรกของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ในห้องประชุมรัฐสภาอันทรงเกียรติ
รวมทั้งรัฐมนตรีหลายคนที่เป็นพวกมือใหม่เพิ่งเป็นรัฐมนตรีครั้งแรก ชนิดไม่เคยเป็นส.ส.มาก่อน เล่นการเมืองครั้งแรกก็ได้เป็นรัฐมนตรีอย่างเช่น ธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล รมว.คลัง-กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์-พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณฑัต รมว.คมนาคม ก็ล้วนเป็นเหยื่อรายใหม่อันโอชะของสภาแห่งนี้ด้วย
รัฐมนตรีคนอื่นๆ แม้อาจจะมีส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและสมาชิกวุฒิสภาอภิปรายซักถามกันหนักๆ แต่ก็คงไม่หนักเท่ายิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่เล่นการเมืองได้ไม่ถึง 50 วันก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเลย คาดว่า “ยิ่งลักษณ์”จะต้องถูกอภิปรายซักถามที่จะมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบดุดัน เหน็บแนม เสียดสี ตั้งข้อสังเกตุในเรื่องต่างๆ
เพราะในความเป็นผู้นำประเทศ จึงถือว่า “ยิ่งลักษณ์”เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงในการกำกับนโยบายรัฐบาลที่แถลงไว้ให้ทำได้จริง“ยิ่งลักษณ์”จึงต้องรับบทหนักในการชี้แจงตอบข้อซักถามของสมาชิกรัฐสภา
เมื่อมองแล้วจะต้องเป็นเช่นนี้แน่ ก็เลยมีการตั้งหน่วยพิเศษขึ้นมาโดยเฉพาะ
แกนนำพรรคเพื่อไทยพวก “สายชเลียร์”อย่างเฉลิม อยู่บำรุง ที่เอาอกเอาใจนายหญิงเป็นพิเศษ ถึงขั้นตั้งทีม องครักษ์พิทักษ์ยิ่งลักษณ์ แต่ทำเป็นแก้ตัวว่าไม่ใช่องครักษ์แต่เป็นทีมงานส.ส.ที่เรียกตัวเองว่า “คณะกรรมการส่งเสริมประชาธิปไตย เพื่อให้รัฐบาลบริหารราชการไปได้”
โดยตั้งเอาไว้ด้วยกัน 8 ทีม มีชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านคอยคุมทีม แต่หัวหน้าทีมจริงๆ ก็คือ เฉลิม โดยทีมองครักษ์นี้ตั้งขึ้นตามนโยบายรัฐบาลที่มีด้วยกัน 8 ด้าน คนที่อยู่ในทีมจะคอยทั้งลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนรัฐบาลและหากฝ่ายค้าน-ส.ว.คนไหน อภิปรายแล้วไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล โดยจะดูว่าประเด็นที่อภิปรายอยู่ในส่วนไหนของ 8 ทีมดังกล่าว คนที่อยู่ในทีมก็จะลุกขึ้นตัดเกมประท้วงทันที
ซึ่งทีมที่ตั้งขึ้น จะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ ความจริงก็คือ พวกลิ่วล้อ “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” นั่นเอง
พวกส.ส.เพื่อไทยคนไหนที่สนใจจะทำหน้าที่ดังกล่าว ตอนนี้ได้แจ้งชื่อและความจำนงกับเฉลิมเอาไว้เป็นการส่วนตัวตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เพื่อให้รองเหลิมเซ็ตทีมขึ้นให้เป็นระบบว่าส.ส.เพื่อไทยคนไหน ใครจะรับหน้าที่ตรงไหนอย่างไร เข้าเวรวันไหนจะวันอังคารหรือวันพุธ อยู่ตอนกี่โมงถึงกี่โมง จะรับลูกส่งลูกอย่างไร
ตอนที่มีการอภิปราย จังหวะไหนควรต้องตัดเกมฝ่ายค้าน หากเห็นแล้วว่ารัฐบาลโดยเฉพาะนายกฯยิ่งลักษณ์กำลังเสียที ก็จะได้ส่งทีมลิ่วล้อขึ้นประกบตัดเกมทันที
ข่าวว่า ตอนนี้ส.ส.เพื่อไทยแจ้งความจำนงกับเหลิมไว้แล้วจำนวนมาก ที่ก็เข้าใจได้ไม่ยากเพราะพวกนี้ต้องการเอาใจนายกฯยิ่งลักษณ์เป็นพิเศษ เผื่อจะได้มีโอกาสลุ้นตำแหน่งอะไรกับเขาบ้าง
เพราะสัปดาห์หน้า ก็จะเริ่มพิจารณาจัดสรรตำแหน่งเอาคนไปเป็นประธานคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ของสภาผู้แทนราษฏรกันแล้วรวมถึงตำแหน่งเล็กตำแหน่งน้อยกันอีกหลายอย่าง เช่น วิปรัฐบาล-กรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555
พวกไม่ได้เป็นรัฐมนตรีรอบนี้ แต่อยากมีตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการหรือกรรมาธิการงบประมาณก็ยังดี ตอนนี้ก็ต้องขอแสดงผลงานในสภาด้วยการปกป้องยิ่งลักษณ์เอาไว้ก่อน เผื่อรอบหน้าปรับครม.จะได้มีลุ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยจะมีการจัดตั้งทีมองครักษ์เอาไว้คอยช่วยยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีมือใหม่กันแล้ว แต่ของแบบนี้ ต่อให้มีพี่เลี้ยงล้นเวที คอยช่วยประคับประคองในห้องประชุมรัฐสภา แต่หากยิ่งลักษณ์เจอเข้าไปหนักๆ สักหลายดอก แล้วจะเล่นโยนให้รองนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แจงเอง ก็คงไม่เหมาะ
“ยิ่งลักษณ์”จะใช้วิธีพออ่านคำแถลงนโยบายเสร็จในช่วงเช้าวันที่ 23 สิงหาคม แล้วก็รอลุกขึ้นขอบคุณสมาชิกรัฐสภาตอนเลิกประชุมคืนวันที่ 24 สิงหาคมเลย ช่วงอื่นไม่ยอมลุกขึ้นชี้แจง “ยิ่งลักษณ์” เสียภาวะผู้นำแน่นอน
ยิ่งเวลานี้หลายคนกำลังวิจารณ์หนักที่ “ยิ่งลักษณ์”เริ่มไปไม่เป็น หนีสื่อมวลชนพอเจอคำถามหนักๆ แถมจะมาตั้งกฏเกณฑ์จะให้สัมภาษณ์สื่อแค่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะทีมงานรอบตัวรวมถึงทักษิณ ชินวัตรคงเริ่มเห็นแล้วว่า ยิ่งลักษณ์กำลังโดนสื่อทดสอบอย่างหนัก ยิงคำถามเชิงตรวจสอบหลายๆครั้ง แล้วแก้สถานการณ์ไม่ได้ เลยจะใช้วิธีหนีสื่อแทน
ตอนช่วงเลือกตั้ง “ยิ่งลักษณ์” ไม่ยอมขึ้นเวทีดีเบต คนก็ยังพอรับได้ ไม่ว่ากัน แต่พอมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะวิธีเดิมๆ หนีทั้งสื่อ หนีทั้งการตรวจสอบจากฝ่ายค้าน –สว.ที่ต้องการอภิปรายซักถามนโยบายการบริหารประเทศ
ย่อมไม่เป็นเรื่องดีสำหรับ “ยิ่งลักษณ์” ทำให้มีข่าวว่า “ยิ่งลักษณ์” ก็เครียดไม่น้อย เพราะรู้ดีว่า กำลังจะเจอของจริงทางการเมือง เลยต้องปิดห้องประชุมพรรคเพื่อไทยติวเข้มรับมือการแถลงนโยบายเต็มที่ เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ไปวางแผนรับมือมาแล้วรอบหนึ่ง
ข่าวว่าวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ เป็นงานซ้อมจริง เพื่อหวังติวเข้มให้ยิ่งลักษณ์รับมือฝ่ายค้านและส.ว.ได้
โดยข่าวแจ้งมาว่าในวันประชุม 23-24 สิงหาคม จะมีพวกทีมการเมืองที่เป็นพวกนักโทษการเมืองในคดียุบพรรคไทยรักไทย-พลังประชาชน ที่ส่วนใหญ่เป็นพวกอดีตรัฐมนตรีอย่างจาตุรนต์ ฉายแสง-พงษ์เทพ เทพกาญจนา-ชูศักดิ์ ศิรินิล-วราเทพ รัตนากร-ภูมิธรรม เวชชยะชัย-เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช-พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์-สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นต้น มาเปิดวอร์รูมเอาไว้เป็นห้องพิเศษ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยในวันที่ 23-24สิงหาคมนี้ เพื่อคอยช่วยยิ่งลักษณ์อีกทางหนึ่งในการแก้เกมฝ่ายค้าน ส่วนในห้องประชุม ก็คงจะมี เหลิม ทำหน้าที่กำกับดูแลไม่ให้รัฐบาลเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ
ส่วนการเตรียมการของฝ่ายค้าน ที่มีประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ ข่าวว่ามีอดีตรัฐมนตรี-ส.ส.ปชป.ขอลงชื่ออภิปรายครั้งนี้ร่วมๆ 70 คน แต่เวลาที่จัดสรรกันในวิปฝ่ายค้านปชป.จะได้เวลาอภิปรายประมาณ 8 ชั่วโมง 50 นาที ไม่นับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่จะใช้สิทธิผู้นำฝ่ายค้านฯ อภิปรายได้เต็มที่ไม่จำกัดเวลา
เวลาที่มีให้กับจำนวนคนที่จะขอพูด คงไม่พอแน่นอน และคงต้องคุยกันให้สะเด็ดน้ำในที่ประชุมส.ส.ปชป.เว่า จะมีใครอภิปรายกันบ้าง คนไหนอภิปรายเรื่องอะไร นโยบายอะไร จะได้ไม่ซ้ำประเด็นกัน
ศึกอภิปรายชำแหละนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกที่นายกฯหญิงยิ่งลักษณ์ต้องเข้ามาทำหน้าที่ในสภาในฐานะฝ่ายผู้ถูกตรวจสอบ โดยสมาชิกของรัฐสภา เมื่อถูกถามจะนิ่งหรือหนีก็ไม่ได้ “ยิ่งลักษณ์”จะเอาตัวรอดได้หรือไม่ เป็นอีกฉากการเมืองที่ต้องติดตาม
นอกจากนี้ ยังเป็นการกลับมาทำหน้าที่ฝ่ายค้านอีกครั้งของประชาธิปัตย์ ที่จะต้องพิสูจน์ฝีปากให้ได้ดีกว่ามาตรฐานที่เคยทำได้ เพราะจะเป็นการเรียกศรัทธาในการทำงานการเมืองให้กับพรรคอีกครั้ง หลังบริหารประเทศล้มเหลวจนส่งผลให้พ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างหมดรูป
จึงน่าติดตามว่า ฝ่ายไหนจะทำหน้าที่เข้าตากรรมการมากกว่ากัน
รวมทั้งรัฐมนตรีหลายคนที่เป็นพวกมือใหม่เพิ่งเป็นรัฐมนตรีครั้งแรก ชนิดไม่เคยเป็นส.ส.มาก่อน เล่นการเมืองครั้งแรกก็ได้เป็นรัฐมนตรีอย่างเช่น ธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล รมว.คลัง-กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์-พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณฑัต รมว.คมนาคม ก็ล้วนเป็นเหยื่อรายใหม่อันโอชะของสภาแห่งนี้ด้วย
รัฐมนตรีคนอื่นๆ แม้อาจจะมีส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและสมาชิกวุฒิสภาอภิปรายซักถามกันหนักๆ แต่ก็คงไม่หนักเท่ายิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่เล่นการเมืองได้ไม่ถึง 50 วันก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเลย คาดว่า “ยิ่งลักษณ์”จะต้องถูกอภิปรายซักถามที่จะมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบดุดัน เหน็บแนม เสียดสี ตั้งข้อสังเกตุในเรื่องต่างๆ
เพราะในความเป็นผู้นำประเทศ จึงถือว่า “ยิ่งลักษณ์”เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงในการกำกับนโยบายรัฐบาลที่แถลงไว้ให้ทำได้จริง“ยิ่งลักษณ์”จึงต้องรับบทหนักในการชี้แจงตอบข้อซักถามของสมาชิกรัฐสภา
เมื่อมองแล้วจะต้องเป็นเช่นนี้แน่ ก็เลยมีการตั้งหน่วยพิเศษขึ้นมาโดยเฉพาะ
แกนนำพรรคเพื่อไทยพวก “สายชเลียร์”อย่างเฉลิม อยู่บำรุง ที่เอาอกเอาใจนายหญิงเป็นพิเศษ ถึงขั้นตั้งทีม องครักษ์พิทักษ์ยิ่งลักษณ์ แต่ทำเป็นแก้ตัวว่าไม่ใช่องครักษ์แต่เป็นทีมงานส.ส.ที่เรียกตัวเองว่า “คณะกรรมการส่งเสริมประชาธิปไตย เพื่อให้รัฐบาลบริหารราชการไปได้”
โดยตั้งเอาไว้ด้วยกัน 8 ทีม มีชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านคอยคุมทีม แต่หัวหน้าทีมจริงๆ ก็คือ เฉลิม โดยทีมองครักษ์นี้ตั้งขึ้นตามนโยบายรัฐบาลที่มีด้วยกัน 8 ด้าน คนที่อยู่ในทีมจะคอยทั้งลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนรัฐบาลและหากฝ่ายค้าน-ส.ว.คนไหน อภิปรายแล้วไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล โดยจะดูว่าประเด็นที่อภิปรายอยู่ในส่วนไหนของ 8 ทีมดังกล่าว คนที่อยู่ในทีมก็จะลุกขึ้นตัดเกมประท้วงทันที
ซึ่งทีมที่ตั้งขึ้น จะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ ความจริงก็คือ พวกลิ่วล้อ “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” นั่นเอง
พวกส.ส.เพื่อไทยคนไหนที่สนใจจะทำหน้าที่ดังกล่าว ตอนนี้ได้แจ้งชื่อและความจำนงกับเฉลิมเอาไว้เป็นการส่วนตัวตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เพื่อให้รองเหลิมเซ็ตทีมขึ้นให้เป็นระบบว่าส.ส.เพื่อไทยคนไหน ใครจะรับหน้าที่ตรงไหนอย่างไร เข้าเวรวันไหนจะวันอังคารหรือวันพุธ อยู่ตอนกี่โมงถึงกี่โมง จะรับลูกส่งลูกอย่างไร
ตอนที่มีการอภิปราย จังหวะไหนควรต้องตัดเกมฝ่ายค้าน หากเห็นแล้วว่ารัฐบาลโดยเฉพาะนายกฯยิ่งลักษณ์กำลังเสียที ก็จะได้ส่งทีมลิ่วล้อขึ้นประกบตัดเกมทันที
ข่าวว่า ตอนนี้ส.ส.เพื่อไทยแจ้งความจำนงกับเหลิมไว้แล้วจำนวนมาก ที่ก็เข้าใจได้ไม่ยากเพราะพวกนี้ต้องการเอาใจนายกฯยิ่งลักษณ์เป็นพิเศษ เผื่อจะได้มีโอกาสลุ้นตำแหน่งอะไรกับเขาบ้าง
เพราะสัปดาห์หน้า ก็จะเริ่มพิจารณาจัดสรรตำแหน่งเอาคนไปเป็นประธานคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ของสภาผู้แทนราษฏรกันแล้วรวมถึงตำแหน่งเล็กตำแหน่งน้อยกันอีกหลายอย่าง เช่น วิปรัฐบาล-กรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555
พวกไม่ได้เป็นรัฐมนตรีรอบนี้ แต่อยากมีตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการหรือกรรมาธิการงบประมาณก็ยังดี ตอนนี้ก็ต้องขอแสดงผลงานในสภาด้วยการปกป้องยิ่งลักษณ์เอาไว้ก่อน เผื่อรอบหน้าปรับครม.จะได้มีลุ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยจะมีการจัดตั้งทีมองครักษ์เอาไว้คอยช่วยยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีมือใหม่กันแล้ว แต่ของแบบนี้ ต่อให้มีพี่เลี้ยงล้นเวที คอยช่วยประคับประคองในห้องประชุมรัฐสภา แต่หากยิ่งลักษณ์เจอเข้าไปหนักๆ สักหลายดอก แล้วจะเล่นโยนให้รองนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แจงเอง ก็คงไม่เหมาะ
“ยิ่งลักษณ์”จะใช้วิธีพออ่านคำแถลงนโยบายเสร็จในช่วงเช้าวันที่ 23 สิงหาคม แล้วก็รอลุกขึ้นขอบคุณสมาชิกรัฐสภาตอนเลิกประชุมคืนวันที่ 24 สิงหาคมเลย ช่วงอื่นไม่ยอมลุกขึ้นชี้แจง “ยิ่งลักษณ์” เสียภาวะผู้นำแน่นอน
ยิ่งเวลานี้หลายคนกำลังวิจารณ์หนักที่ “ยิ่งลักษณ์”เริ่มไปไม่เป็น หนีสื่อมวลชนพอเจอคำถามหนักๆ แถมจะมาตั้งกฏเกณฑ์จะให้สัมภาษณ์สื่อแค่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะทีมงานรอบตัวรวมถึงทักษิณ ชินวัตรคงเริ่มเห็นแล้วว่า ยิ่งลักษณ์กำลังโดนสื่อทดสอบอย่างหนัก ยิงคำถามเชิงตรวจสอบหลายๆครั้ง แล้วแก้สถานการณ์ไม่ได้ เลยจะใช้วิธีหนีสื่อแทน
ตอนช่วงเลือกตั้ง “ยิ่งลักษณ์” ไม่ยอมขึ้นเวทีดีเบต คนก็ยังพอรับได้ ไม่ว่ากัน แต่พอมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะวิธีเดิมๆ หนีทั้งสื่อ หนีทั้งการตรวจสอบจากฝ่ายค้าน –สว.ที่ต้องการอภิปรายซักถามนโยบายการบริหารประเทศ
ย่อมไม่เป็นเรื่องดีสำหรับ “ยิ่งลักษณ์” ทำให้มีข่าวว่า “ยิ่งลักษณ์” ก็เครียดไม่น้อย เพราะรู้ดีว่า กำลังจะเจอของจริงทางการเมือง เลยต้องปิดห้องประชุมพรรคเพื่อไทยติวเข้มรับมือการแถลงนโยบายเต็มที่ เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ไปวางแผนรับมือมาแล้วรอบหนึ่ง
ข่าวว่าวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ เป็นงานซ้อมจริง เพื่อหวังติวเข้มให้ยิ่งลักษณ์รับมือฝ่ายค้านและส.ว.ได้
โดยข่าวแจ้งมาว่าในวันประชุม 23-24 สิงหาคม จะมีพวกทีมการเมืองที่เป็นพวกนักโทษการเมืองในคดียุบพรรคไทยรักไทย-พลังประชาชน ที่ส่วนใหญ่เป็นพวกอดีตรัฐมนตรีอย่างจาตุรนต์ ฉายแสง-พงษ์เทพ เทพกาญจนา-ชูศักดิ์ ศิรินิล-วราเทพ รัตนากร-ภูมิธรรม เวชชยะชัย-เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช-พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์-สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นต้น มาเปิดวอร์รูมเอาไว้เป็นห้องพิเศษ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยในวันที่ 23-24สิงหาคมนี้ เพื่อคอยช่วยยิ่งลักษณ์อีกทางหนึ่งในการแก้เกมฝ่ายค้าน ส่วนในห้องประชุม ก็คงจะมี เหลิม ทำหน้าที่กำกับดูแลไม่ให้รัฐบาลเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ
ส่วนการเตรียมการของฝ่ายค้าน ที่มีประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ ข่าวว่ามีอดีตรัฐมนตรี-ส.ส.ปชป.ขอลงชื่ออภิปรายครั้งนี้ร่วมๆ 70 คน แต่เวลาที่จัดสรรกันในวิปฝ่ายค้านปชป.จะได้เวลาอภิปรายประมาณ 8 ชั่วโมง 50 นาที ไม่นับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่จะใช้สิทธิผู้นำฝ่ายค้านฯ อภิปรายได้เต็มที่ไม่จำกัดเวลา
เวลาที่มีให้กับจำนวนคนที่จะขอพูด คงไม่พอแน่นอน และคงต้องคุยกันให้สะเด็ดน้ำในที่ประชุมส.ส.ปชป.เว่า จะมีใครอภิปรายกันบ้าง คนไหนอภิปรายเรื่องอะไร นโยบายอะไร จะได้ไม่ซ้ำประเด็นกัน
ศึกอภิปรายชำแหละนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกที่นายกฯหญิงยิ่งลักษณ์ต้องเข้ามาทำหน้าที่ในสภาในฐานะฝ่ายผู้ถูกตรวจสอบ โดยสมาชิกของรัฐสภา เมื่อถูกถามจะนิ่งหรือหนีก็ไม่ได้ “ยิ่งลักษณ์”จะเอาตัวรอดได้หรือไม่ เป็นอีกฉากการเมืองที่ต้องติดตาม
นอกจากนี้ ยังเป็นการกลับมาทำหน้าที่ฝ่ายค้านอีกครั้งของประชาธิปัตย์ ที่จะต้องพิสูจน์ฝีปากให้ได้ดีกว่ามาตรฐานที่เคยทำได้ เพราะจะเป็นการเรียกศรัทธาในการทำงานการเมืองให้กับพรรคอีกครั้ง หลังบริหารประเทศล้มเหลวจนส่งผลให้พ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างหมดรูป
จึงน่าติดตามว่า ฝ่ายไหนจะทำหน้าที่เข้าตากรรมการมากกว่ากัน
