ปธ.วิปฝ่ายค้านแถลงสรุปผลงานอภิปรายถล่มนโยบายรัฐวันแรกเข้าเป้า ขย่มจับโกหกได้หลายข้อ แขวะ “ยิ่งลักษณ์” ไม่ถือโอกาสโชว์ภาวะผู้นำ ขู่ลิ่วล้อ พท.ประท้วงมั่วระวังต้องต่อเวลา ยังกั๊กชง กกต.เล่นงาน รบ.หาเสียงหลอกลวงประชาชน เตรียมทีม กม.สรุปคำอภิปรายประจาน รบ.
วันนี้ (24 ส.ค.) ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคฝ่ายค้าน แถลงสรุปภาพรวมของการอภิปรายนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาวันแรกวานนี้ (23 ส.ค.) ว่า การทำหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านในการติดตามตรวจสอบนโยบายของรัฐบาลตรงตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ เพราะคำตอบของรัฐบาลเองได้แสดงให้เห็นและเป็นการตอกย้ำว่าเป็นนโยบายแก้บน และเลี่ยงบาลีจริงๆ เพราะรัฐมนตรีหลายกระทรวงก็ได้ยอมรับว่า นโยบายดังกล่าวเขียนไม่ตรงกับคำประกาศที่ได้ใช้ในการหาเสียงต่อประชาชน เช่น กรณีค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาททำทันที ที่ไม่ได้ใช่เป็นค่าแรงขั้นต่ำ แต่กลับใช้เป็นรายได้ หรือกรณีเงินเดือนของผู้ที่จบปริญญาตรี 15,000 บาทต่อเดือน ก็ใช้คำว่ารายได้เช่นกัน ทุกอย่างตรงกับที่ถูกตั้งข้อสังเกตและมีการวิจารณ์มาก่อนหน้านี้
“ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น เชื่อว่าจะเป็นปัญหาที่จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมและสร้างความขัดแย้งในสังคมไทยเพิ่มขึ้นอีก และยังเป็นที่น่าเสียดายที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการแสดงวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำในการอภิปรายและชี้แจงตอบข้อสงสัยตามที่พรรคฝ่ายค้านอยากจะเห็น จะมีก็เพียงการออกมาตอบคำถามเพื่อแค่ประเด็นครึ่งประเด็นให้พอเห็นเป็นพิธีกรรมว่าได้ตอบคำถามแล้วในช่วงเดียว ซึ่งฝ่ายค้านอยากจะเห็นมากกว่านี้” นายจุรินทร์ระบุ
ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวด้วยว่า ในการอภิปรายวันนี้ (24 ส.ค.) จะเป็นหมวดการเมืองและสังคม ที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยมีผู้รอคิวอภิปรายอีกราว 35 คน หากฝ่ายรัฐฐาลไม่ออกมาพูดในทุกเรื่องก็คิดว่าการอภิปรายจะสามารถอยู่ในกรอบที่วางไว้ เพราะฝ่ายค้านเพิ่งจะใช้เวลารวมในการอภิปรายไปเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น ยังเหลือเวลาอีกกว่า 8 ชั่วโมง จึงขอเสนอแนะว่า ควรปล่อยให้สมาชิกฝ่ายค้านได้ใช้สิทธิอภิปราย และอย่าประท้วงโดยไม่จำเป็นทุกอย่างก็จะอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดที่ตกลงกันไว้ ดังนั้น หากรัฐบาลจะเข้ามาแทรกเพื่อขออภิปรายด้วยอีกนั้น ตนเกรงว่าจะล่วงเลยเวลาไปและอาจจะไม่จบในวันนี้ (24 ส.ค.)
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำแถลงนโยบายไม่ตรงกับที่หาเสียงไว้จะเป็นการเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนหรือไม่นั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า นโยบายที่แถลงไป มีข้อสรุปในตัวของมันเองอยู่แล้ว เพราะถ้าพูดอย่าง ทำอย่างไม่ตรงกับที่ได้หาเสียงไว้ ก็จะเป็นบทเรียนกับทุกฝ่าย และคิดว่าประชาชนจะได้มองเห็นว่าการตัดสินใจในทางการเมืองในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ประเด็นประกอบการพิจารณาต่อไปในอนาคต คือ ความเป็นไปได้จริงของนโยบาย และความรับผิดชอบต่อนโยบายที่นำไปหาเสียงของแต่ละพรรคการเมืองว่าเชื่อได้หรือไม่ได้ เขาจะมาหลอกเราหรือเปล่า จะถูกหลอกซ้ำซ้อนหรือไม่ ตรงนี้ตนมองว่าจะเป็นการให้ความรู้ในทางการเมืองกับสังคมไทยต่อไปในอนาคต
เมื่อถามย้ำว่าจะให้ฝ่ายกฏหมายของพรรคยกประเด็นเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนในการหาเสียง โยงไปถึงการถูกยุบพรรคได้หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ทางพรรคยังไม่ได้มีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา แต่อย่างน้อยที่สุดเป็นเรื่องจริยธรรมทางการเมือง และอย่างน้อยควรจะได้มีการฟ้องประชาชน เหมือนกับที่เราทำอยู่ให้ประชาชนได้เห็นว่าอย่างน้อยที่สุดแล้ว การที่สักแต่ว่าจะเอาคะแนนเสียงจากประชาชนบนพื้นฐานของการขาดความรับผิดชอบ ที่สุดแล้วไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่ประชนจะลงโทษในอนาคต และขึ้นอยู่กับสำนึกความรับผิดชอบของพรรคการเมืองนั้นเป็นหลักด้วย แต่ว่าถ้าสมมติว่ามีประเด็นไหนทีเข้าข่ายหลอกลวงด้วย ก็จะต้องมีการตั้งเรืองและ กกต.จะต้องเข้าไปสอบ
เมื่อถามว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์จะนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปหารือกับ กกต.หรือไม่ เพราะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ยังไม่มีการพิจารณาในเรื่องนี้ แต่อย่างน้อยขณะนี้เราถือว่าเราได้ทำหน้าที่ในสภา ในการที่จะบอกกับประชาชนแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในเรื่องเอกสารทางพรรคก็มีทีมกฎหมายและทีมงานโฆษกของพรรคที่พร้อมจะสรุปคำอภิปรายเผยแพร่ต่อสาธารณะแล้ว