xs
xsm
sm
md
lg

ซัดนโยบายรัฐแค่“โปรมือถือ” ปชป.ห่วงบิดพลิ้ว จี้กำหนดกรอบเวลา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่อาคารรัฐสภา วานนี้ (24ส.ค) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นโยบายการเพิ่มรายได้ 300 บาทนั้น มักจะตีความตามตัวอักษรมากกว่า แต่แท้ที่จริงแล้วต้องการให้ผู้ใช้แรงงานและพี่น้องประชาชนมีรายได้ 300 บาท มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นจึงอยากให้ดูที่ผลการกระทำจะดีกว่า ถ้าไปคุยตามตัวอักษร อาจจะทำให้ไปเน้นในเรื่องการตีความเกินไป ทั้งนี้เชื่อว่า พี่น้องประชาชนคงจะรับฟัง อีกทั้งตนก็มีความจริงใจในการส่งมอบนโยบายที่มีการหาเสียงที่เตรียมไว้อยู่แล้ว แต่ในรายละเอียดบางครั้งอาจจะเป็นรายละเอียดที่ต้องลงไปทำงานจริงๆ วันนี้เป็นการร่างนโยบายเพื่อเป็นกรอบรวม แต่เจตนารมณ์ต่างๆ ที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้ยังเหมือนเดิม ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่า รายได้กับค่าจ้างขั้นต่ำนั้นไม่เหมือนกันนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไปฟังการชี้แจงในสภาฯดีกว่า เมื่อฝ่ายค้านระบุว่า นโยบายที่ออกมาเป็นเพียงแค่การหาเสียงเท่านั้น ตนก็ขอยืนยันว่า ไม่เป็นอย่างนั้นแน่นอน เพราะเรามีความตั้งใจที่จะทำอยู่แล้ว

**"เหลิม"แถ!แทน “ปูแดง”ทุกเรื่อง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่างถึงกรณีฝ่ายค้าน โจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าไม่ปฏิบัติตามคำพูดที่หาเสียงไว้ โดยเลี่ยงใช้คำว่ารายได้เเทน ค่าจ้างขั้นต่ำ จะต้องเเสดงความรับผิดชอบของนักการเมืองว่า ไม่ใช่ ต้องรับผิดชอบ หากจะใช้คำพูดว่าสัญญาจะผิดกฎหมายเลือกตั้ง ต้องบอกว่านโยบาย ตนเเปลความตามกฎหมาย
“การกำหนดมันต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ว่าเป็นนโยบายเเล้วเเละเป็นรัฐบาลเพียงเดือนเเรกจะทำได้หมด มันมีระยะเวลา เเต่ต้องเป็นการเริ่มต้นที่มีเป้าหมายตามนโยบายที่บอกกับประชาชนไว้ เป้าหมายของรัฐบาลคือเมื่อมาทำงานเเล้ว ต้องทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ส่วนขั้นตอนนั้นมีวิธีเเละกระบวนการที่นำไปสู่ความสำเร็จ” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
เมื่อถามว่า ประชาชนรู้สึกว่ามันเป็นการหลอกให้ไปเลือกพรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่มีใครคิดหรอกว่าหลอกลวง เพราะรู้ว่ากระบวนการทางราชการมีขั้นตอน ต้องเเก้กฎหมายเเละออกกฎระเบียบที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน

**“มาร์ค” ห่วงรัฐบิดพลิ้วไม่ทำตามที่หาเสียง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า บางเรื่องเราได้ความชัดเจน ซึ่งอาจมีบางสิ่งที่ทำให้เราสบายใจขึ้น และมีบางสิ่งที่น่าเป็นห่วง โดยสิ่งที่สบายใจขึ้นคือ การยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 ยืนยันว่าจะไม่ทำเรื่องการนิรโทษกรรม แต่ก็ต้องติดตามกันต่อไป
ส่วนสิ่งที่เป็นห่วงก็คือ การยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงนโยบายจากที่หาเสียงเอาไว้ วันนี้เรื่อง 300 บาท กลายเป็นไม่ใช่เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ แต่กลายเป็นเรื่องรายได้ โดยข้อเท็จจริงนั้น มีแรงงานที่ได้รับรายได้เกิน 300 บาทอยู่แล้วจำนวนมาก ตรงนี้ก็คงไม่เป็นไปตามความคาดหวังของประชาชน เช่นเดียวกับเรื่องเงิน 15,000 บาท ก็ไม่เป็นเรื่องของเงินเดือนแล้ว แต่กลายเป็นเรื่องของรายได้ เช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ท่านอยากให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ สะท้อนความเป็นผู้นำในเวทีสภา เมื่อวานนี้ คิดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ สะท้อนความเป็นผู้นำหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ท่านยังไม่ได้ตอบอะไรมาก เพียงแต่ขึ้นมาชี้แจงสั้นๆ ประมาณ 2 ครั้ง และยังไม่ได้ฟังท่านชี้แจงเรื่องหลักๆ จึงต้องรอดูวันนี้ก่อน
ทั้งนี้การที่นายกฯ มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามเป็นหลักนั้น อาจเป็นเพราะท่านคิดว่ารองนายกฯ มีประสบการณ์มาก แต่ที่ชี้แจงมาตนว่าพี่น้องประชาชนคงจะได้ฟังแล้วว่า มีเหตุมีผลแค่ไหน ซึ่งสิ่งที่ตนคิดว่าควรระมัดระวังก็คือ ต่อไปนี้ถ้าพูดว่าเรื่องนั้น เรื่องนี้ เป็นเทคนิคทางการเมือง เทคนิคการหาเสียง ความเชื่อถือของนักการเมืองก็จะลดลง
เมื่อถามว่า ถ้าความหมายของการหาเสียง ไม่ใช่การให้คำสัญญากับประชาชน ความรับผิดชอบของนักการเมืองในช่วงเลือกตั้งจะอยู่ตรงไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่ตนได้เตือนไว้ในการอภิปรายว่า เราควรจะสร้างศรัทธาให้นักการเมืองที่พูดไว้รักษาคำพูด

**จี้รัฐบาลวางกรอบเวลาแจงประชาชน
เมื่อถามว่า ในบางเรื่องที่ไม่ตรงกับการหาสียงนั้น เข้าข่ายการหลอกลวง ที่สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มองในเรื่องกฎหมาย แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ ทำให้ประชานไม่สมหวังในสิ่งที่ได้ตัดสินใจไป และผลกระทบที่ตามมาก็ต้องเร่งทำความชัดเจนว่า สิ่งที่จะทำจริงๆ คืออะไร เพราะเมื่อวานนี้ ถ้าถามเรื่องกรอบเวลาเราจะได้ยินคำว่า อย่างรวดเร็ว อย่างกระชับ แต่ไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาออกมาให้เกิดความมั่นใจ ทำให้คนที่อยู่ในแวดวงเศรษฐกิจ เขารู้ว่าอะไร จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

**ซัดเพื่อไทยไหนว่า “แม้ว”ไม่เกี่ยว
เมื่อถามว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ไปพูดที่ประเทศญี่ปุ่นว่า รัฐบาลจะเห็นผลในส่วนของการทำงานประมาณ 6 เดือน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะเมื่อวานนี้ทางพรรครัฐบาลได้ออกมาปฎิเสธว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้มาเกี่ยวข้องอะไร เห็นกระทั่งไปพูดถึง “ชาวนาญี่ปุ่นมาใช้พื้นที่ในประเทศไทย”
อย่างไรก็ตาม คิดว่านานาชาติส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่า ความเกี่ยวข้องเกี่ยวพันจริงๆ คืออะไร เมื่อถามว่า ความเข้าใจของนานาชาติอาจจะเข้าใจว่าคุณทักษิณคือนายกฯตัวจริง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่หรอก เราก็พูดถึงว่าความรับผิดชอบที่แท้จริงนั้นอยู่ที่นายกฯ

**“วิปค้าน”จวก'แก้บน -เลี่ยงบาลี'
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคฝ่ายค้าน แถลงว่า การทำหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านในการติดตามตรวจสอบนโยบายของรัฐบาลตรงตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ เพราะคำตอบของรัฐบาลเองได้แสดงให้เห็นและเป็นการตอกย้ำว่าเป็นนโยบายแก้บน และเลี่ยงบาลีจริงๆ เพราะรัฐมนตรีหลายกระทรวงก็ได้อยมรับว่า นโยบายดังกล่าวเขียนไม่ตรงกับคำประกาศที่ได้ใช้ในการหาเสียงต่อประชาชน เช่น กรณีค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาททำทันที ที่ไม่ได้ใช่เป็นค่าแรงขั้นต่ำแต่กลับใช้เป็นรายได้ หรือกรณีเงินเดือนของผู้ที่จบปริญญาตรี 15,000 บาทต่อเดือนก็ใช้คำว่ารายได้เช่นกัน ทุกอย่างตรงกับที่ถูกตั้งข้อสังเกตและมีการวิจารณ์มาก่อนหน้านี้
“ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น เชื่อว่าจะเป็นปัญหาที่จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมและสร้างความขัดแย้งในสังคมไทยเพิ่มขึ้นอีก และยังเป็นที่น่าเสียดายที่นายกฯยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการแสดงวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำในการอภิปรายและชี้แจงตอบข้อสงสัยตามที่พรรคฝ่ายค้านอยากจะเห็น จะมีก็เพียงการออกมาตอบคำถามเพื่อแค่ประเด็นครึ่งประเด็นให้พอเห็นเป็นพิธีกรรมว่า ได้ตอบคำถามแล้วในช่วงเดียวซึ่งฝ่ายค้านอยากจะเห็นมากกว่านี้” นายจุรินทร์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำแถลงนโยบายไม่ตรงกับที่หาเสียงไว้จะเป็นการเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนหรือไม่นั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า นโยบายที่แถลงไป มีข้อสรุปในตัวของมันเองอยู่แล้ว เพราะถ้าพูดอย่าง ทำอย่างไม่ตรงกับที่ได้หาเสียงไว้ ก็จะเป็นบทเรียนกับทุกฝ่ายและคิดว่าประชาชนจะได้มองเห็นว่าการตัดสินใจในทางการเมืองในการเลือกตั้งแต่ละครั้งประเด็นประกอบการพิจารณาต่อไปในอนาคตคือ ความเป็นไปได้จริงของนโยบาย และความรับผิดชอบต่อนโยบายที่นำไปหาเสียงของแต่ละพรรคการเมือง ว่าเชื่อได้หรือไม่ได้ เขาจะมาหลอกเราหรือเปล่า จะถูกหลอกซ้ำซ้อนหรือไม่ ตรงนี้ตนมองว่าจะเป็นการให้ความรู้ในทางการเมืองกับสังคมไทยต่อไปในอนาคต

**กั๊กชง กกต.ฟันหาเสียงหลอกปชช.
เมื่อถามย้ำว่า จะให้ฝ่ายกฏหมายของพรรคยกประเด็นเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนในการหาเสียง โยงไปถึงการถูกยุบพรรคได้หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ทางพรรคยังไม่ได้มีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา แต่อย่างน้อยที่สุดเป็นเรื่องจริยธรรมทางการเมือง และอย่างน้อยควรจะได้มีการฟ้องประชาชน เหมือนกับที่เราทำอยู่ให้ประชาชนได้เห็นว่า อย่างน้อยที่สุดแล้ว การที่สักแต่ว่าจะเอาคะแนนเสียงจากประชาชนบนพื้นฐานของการขาดความรับผิดชอบที่สุดแล้วไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่ประชนจะลงโทษในอนาคต และขึ้นอยู่กับสำนึกความรับผิดชอบของพรรคการเมืองนั้นเป็นหลักด้วย แต่ว่าถ้าสมมุติว่ามีประเด็นไหนทีเข้าข่ายหลอกลวงด้วย ก็จะต้องมีการตั่งเรืองและกกต.จะต้องเข้าไปสอบ
เมื่อถามว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ จะนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปหารือกับ กกต.หรือไม่เพราะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ยังไม่มีการพิจารณาในเรื่องนี้ แต่อย่างน้อยขณะนี้เราถือว่าเราได้ทำหน้าที่ในสภา ในการที่จะบอกกับประชาชนแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในเรื่องเอกสารทางพรรคก็มีทีมกฎหมายและทีมงานโฆษกของพรรคที่พร้อมจะสรุปคำอภิปรายเผยแพร่ต่อสาธารณะแล้ว

**ซัดแค่โปรโมชั่นบริษัทมือถือ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศในลักษณะของบริษัทที่อาจจะคุ้นเคยกับนายกฯ คนนี้ ลักษณะการออกโปรโมชั่นก่อนการเลือกตั้ง เช่นเดียวกับบริษัทมือถือ หรือบริษัทที่ขายบ้าน ที่มีแถมและลดราคา ทำทุกอย่างเพื่อให้เขามาเป็นลูกค้า มาซื้อสินค้า แต่สุดท้ายเมื่อมีการตกลงทำสัญญากลับมีการเพิ่มเงื่อนไขมากมาย เพิ่มเติมองค์ประกอบการให้โปรโมชั่น และหากจะบริหารประเทศเช่นนี้ประชาชนจะลงโทษพรรคเพื่อไทยเอง
ในขณะที่มีการแถลงนโยบายของรัฐบาล ที่นโยบายหลายอย่าง ทั้งขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ฯลฯ ทำไม่ได้จริงอย่างที่หาเสียง ไม่อยากให้รัฐบาลบริหารประเทศเหมือนบริหารบริษัทที่นายกฯ ใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทมือถือหรือบริษัทขายบ้าน ที่มีการออกโปรโมชั่นมาล่อใจ แต่เมื่อลูกค้าไปทำสัญญา กลับไปเพิ่มเงื่อนไขหรือองค์ประกอบอื่นๆ ถ้าเล่นกันง่ายๆ อย่างนี้ และบริหารประเทศแบบนี้ เชื่อว่าประชาชนจะมีมาตรการลงโทษกับท่านเอง"

**ปชป.ชี้ชาวบ้านฝันสลาย
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม.และทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากการติดตามการแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้อง ทำให้รู้ว่ามีอย่างน้อย 2 เรื่องที่ประชาชนฝันสลาย โดยไม่ต้องรอ 3 เดือน 6 เดือน คือ 1.นโยบายขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ทำไม่ได้จริง เพราะนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ชี้แจงเหตุที่ใช้คำว่า “รายได้” แทน “ค่าจ้าง” ในนโยบายที่แถลง ตามประมวลกฎหมายรัษฎากร มาตรา 40 (1) คำว่า รายได้ หมายถึงค่าจ้างรวมถึงผลประโยชนอื่นที่ลูกจ้างได้ อาทิ ค่าอาหาร ค่าที่พัก เงินแต๊ะเอีย ฯ เท่ากับ เพื่อไทยโกหกคำโต และขอแสดงความเสียใจกับประชาชนที่เลือกเพื่อไทยด้วย
ฝันสลายที่ 2.การลดราคาน้ำมัน ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยประกาศในการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายว่า หาก พท.เป็นรัฐบาลจะยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงถาวร แต่ในนโยบายของรัฐบาลกลับเขียนถ้อยคำว่า "ชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชั่วคราว" ขีดเส้นใต้ 500 ครั้งคำว่าชั่วคราว เรื่องนี้จึงเป็นอีก 1 นโยบายที่พี่น้องจะต้องฝันสลาย นโยบายดังกล่าวจึงใส่ไว้แค่แก้บน นอกจากนี้ ยังจะส่งผลกระทบต่อชาวไร่อ้อยและมันสำปะหลัง เพราะเมื่อราคาน้ำมันเบนซิน 91 ลดลงก็จะต่างจากน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 91 เพียง 0.7 บาท จะทำให้ราคาอ้อยและมันสำปะหลังในปลายปีนี้ตกลงอย่างแน่นอน

**เพื่อไทยเตรียมยื่น กกต.ยุบ ปชป.
วันเดียวกันนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ เวลา 10.00 น. พรรคเพื่อไทยจะไปยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อร้องให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวพาดพิงนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในเรื่องของการขอวีซ่า เพื่อเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นการใส่ร้ายป้ายสีต่อนายสุรพงษ์ และเพื่อไทย.
กำลังโหลดความคิดเห็น