**ร่างแถลงนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา เสร็จสมบูรณ์ไปเรียบร้อยแล้ว เตรียมแถลงต่อสภาในสัปดาห์หน้า เอกสารทั้งสิ้น 34 หน้า หลังจากนั้นคงได้เห็นการทำงานอย่างจริงจังเสียที
นโยบาย ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ณ ยามนี้ คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเขียนไว้ชัดเจนว่าจะตั้งกรรมการขึ้นมาศึกษาแก้ไขในเรื่องนี้ และจะทำประชามติอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
สิ่งที่พรรคเพื่อไทยสัญญาไว้ช่วงหาเสียง ก็นำมาบรรจุไว้ในนโยบายรัฐบาลล็อตใหญ่ ต้องแปะข้างฝาไว้ตามจับตาดูว่า จะทำได้อย่างปากว่าหรือ ดีแต่พูด เพราะหลายเรื่องนับว่ายากพอดูอยู่เหมือนกัน และยังสงสัยว่า เมื่อทำไปแล้วจะเกิดผลกระทบอื่นใดตามมาหรือไม่ เช่น เรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เงินเดือนคนจบปริญญาตรี 15,000 บาท ทำแล้วจะเกิดภาวะเงินเฟ้อ หรือสินค้าอุปโภค บริโภค สูงขึ้นหรือไม่
วันนี้ ได้ครม.ครบแล้ว ใครนั่งกระทรวงไหน มีภารกิจอะไรเริ่มเห็นภาพลางๆ แล้ว กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ทันไรก็ทำท่าว่าจะทำงานสนองนายใหญ่ เน้นภารกิจช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ เคลียร์การเดินทางท่องโลกให้สะดวกโยธิน และก็โฉบเฉี่ยวมาใกล้ไทยเรื่อยๆ
ไม่ช้าไม่นาน อาจได้เห็นการกลับบ้านเกิดอีกครั้งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ลั่นคำไว้ว่าจะกลับประเทศประมาณสิ้นปีนี้
**แต่ที่ยังไม่ชัดคือ เนื้องานของรองนายกรัฐมนตรี ที่มีอยู่ทั้งสิ้น 5 คน จะแบ่งสรรกันอย่างไร ใครกำกับดูแลกระทรวง และภารกิจด้านไหน ยังไม่ระบุอย่างเป็นทางการ
แรกเริ่มเดิมที รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ได้วาง พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภา “รองโรมานอฟ” เป็นรองนายกฯไว้อีกคนหนึ่ง แต่พ.อ.อภิวันท์ น้อยใจ ไม่พอใจที่สลับจากเก้าอี้รมว.ศึกษาธิการ มานั่งรองนายกฯ จึงประกาศไม่รับตำแหน่งแบบกะทันหัน
**เล่นเอานายใหญ่ นายน้อย ฉุนกึ้กไปตามๆ กัน
ก่อนหน้านั้นก็แสดงอิทธิฤทธิ์มาทีหนึ่ง ด้วยการเดินเกมให้คนเสื้อแดงล็อบบี้ กดดันแกนนำพรรค บุกมายื่นหนังสือต่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงพรรคเพื่อไทย ให้มอบตำแหน่งประธานสภาให้ พ.อ.อภิวันท์ เมื่อไม่สำเร็จก็ประกาศถอนตัวไม่ชิงตำแหน่ง แล้วก็มาถอนตัวจากการเป็นรองนายกฯ สองดอกติดๆ กัน
ความจริง พ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำพรรคได้วางงานแบ่งงานให้รองนายกฯ เสร็จสรรพแล้ว แม้ พ.อ.อภิวันท์ อาจจะได้เป็นรองนายกฯ ลำดับ 4 หรือ 5 แต่ดูเนื้องานแล้ว เสมือนเป็นเบอร์ 1 ด้วยซ้ำ
ได้ดูแลงานด้านความมั่นคง ให้กำกับและสั่งราชการกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และกระทรวงการต่างประเทศ แต่กลับไม่แยแส ทิ้งเก้าอี้ไปดื้อๆ ป่านนี้ยังไม่แน่ใจว่า เจ้าตัวจะรู้สึกว่าคิดผิดหรือไม่ ที่ทิ้งเก้าอี้ใหญ่โตบิ๊กเป้งไป
เมื่อไม่มีรองโรมานอฟไปคน การแบ่งงานรองนายกฯ จึงสับสนอลหม่านไปหมด เพราะจะโยนแต่ละกระทรวง แต่ละสายงานไปให้ใครดูแลไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยเพราะบุคลิกของแต่ละคน ข้อจำกัด ความเหมาะสม ต้องคิดกันหลายตลบ ไหนจะต้องวางบทบาทไม่ให้เหลื่อมล้ำกันมาก เดี๋ยวจะเหยียบตาปลา หมั่นไส้ ไม่กินเส้นกันอีก
สำหรับ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ ลำดับ 1 และยังควบรมว.มหาดไทย ด้วย งานตึงมืออยู่แล้ว จึงน่าจะได้คุมหน่วยงานที่ไม่มีภารกิจมากนัก จะรับมอบหมายงานจากนายกฯ ให้เป็นซีอีโอ เรื่องต่างๆ มากกว่า ตัวอย่างเช่น การเป็นเจ้าภาพร่างแถลงนโยบาย หรือรับหน้าเสื่อดูแลปัญหาอุทกภัยทั้งระบบ
ส่วน กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ถือว่างานหนักเอาการ นอกจากจะต้องไปดูเรื่องสินค้า ข้าวของแพง ในกระทรวงพาณิชย์แล้ว ตำแหน่งรองนายกฯ วันนี้เหมือนเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ หรือรองหัวหน้าต่อจาก “ยิ่งลักษณ์” ที่ให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจเป็นพิเศษ
ล่าสุดจะเจรจาความเมืองเรื่องเครื่องบินกับเยอรมนี ยังกำชับให้กิตติรัตน์ คิดหน้าคิดหลังถึงเรื่องผลกระทบเรื่องธุรกิจการค้าเป็นสำคัญ ส่วนเรื่องกำกับดูแลงานคงหนีไม่พ้นเป็นกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจแทบทั้งหมด
ชุมพล ศิลปอาชา รองนายกฯ และรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จากชาติไทยพัฒนา จะได้ดูแลงานด้านสังคม
**ที่จับตากันมากก็คือ ใครจะเป็นรองนายกฯ ดูแลฝ่ายความมั่นคง วันนี้มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกลำดับ 2 กับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ ลำดับ 3 ซึ่งไม่ได้ควบว่าการกระทรวงใด จึงสามารถบริหารกำกับดูแลราชการได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
แต่ดูเหมือนจะมีความพยายามเฉลี่ยงานกันไม่ให้โดดกว่ากันมากนัก ระหว่างอดีตนายตำรวจทั้ง 2 คน ไม่เหมือนสมัยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ที่ควบรวมอำนาจทุกอย่างไว้ในกำกับดูแลทั้งหมด ใหญ่คับประเทศ ต้องเดินแขนคอก กางรักแร้จนหุบไม่ลง
ร.ต.อ.เฉลิม น่าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านการปราบปรามยาเสพติด และกระบวนการยุติธรรม กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( สตช. ) ได้ดูแลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ ใช้ความบ้าบิ่นโผงผาง เข้าไปจัดระเบียบโยกย้าย ถ่ายเทคนของฟากเพื่อไทย เข้าไปแทนที่ของพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย
พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ ลำดับ 3 เดิมทีแกนนำพรรคเพื่อไทย เหมือนจะเอาชื่อมาแปะไว้เฉยๆ ด้วยความคิดว่า ชื่อของพล.ต.อ.โกวิท สามารถช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ เรื่องจงรักภักดี พร้อมมอบบทบาทจุ๋มจิ๋ม ให้กำกับดูแลสั่งราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อะไรเทือกนั้น
**แต่เมื่อไม่มี พ.อ.อภิวันท์ มาดูแลกลาโหม ความมั่นคง งานตรงนี้อาจถูกโอนถ่ายให้พล.ต.อ.โกวิท พร้อมทั้งให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม เป็นตัวหลักดูแลกระทรวงกลาโหมแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะถ้าให้ ร.ต.อ.เฉลิม ดูแลความมั่นคงเบ็ดเสร็จ จะยิ่งใหญ่ กร่างเกินไป ไม่น่าไว้วางใจนัก
ล่าสุด ถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เดินทางมาหารือกับพล.ต.อ.โกวิท ถึงทำเนียบรัฐบาล เหมือนแทงหวยล่วงหน้าว่า พล.ต.อ.โกวิท จะดูงานด้านความมั่นคง เลยมารับขวัญแต่เนิ่นๆ การเมืองเปลี่ยนอำนาจอาจหลุดมือ ต้องมารายงานตัวกันหน่อย ก่อนหน้านี้ “ถวิล” ก็เคยไปทำงานมีบทบาทสำคัญใน ศอฉ. เสียด้วย
ขณะที่พล.ต.อ.โกวิท ก็ออกแอ๊คชั่นทันที ขึงขังดึ๋งดั๋ง พร้อมทำหน้าที่รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง บอกว่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียน สมช. หารือการทำงานอีกครั้ง
** หรือมันจะเป็นการเล่นบทชี้นำให้นายใหญ่ นายหญิง พรรคเพื่อไทย มอบบทบาทสำคัญกำกับดูแลงานด้านความมั่นคงให้ตัวเขา ดีกว่าจะให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกฯหญิงต้องแบกรับทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง
นโยบาย ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ณ ยามนี้ คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเขียนไว้ชัดเจนว่าจะตั้งกรรมการขึ้นมาศึกษาแก้ไขในเรื่องนี้ และจะทำประชามติอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
สิ่งที่พรรคเพื่อไทยสัญญาไว้ช่วงหาเสียง ก็นำมาบรรจุไว้ในนโยบายรัฐบาลล็อตใหญ่ ต้องแปะข้างฝาไว้ตามจับตาดูว่า จะทำได้อย่างปากว่าหรือ ดีแต่พูด เพราะหลายเรื่องนับว่ายากพอดูอยู่เหมือนกัน และยังสงสัยว่า เมื่อทำไปแล้วจะเกิดผลกระทบอื่นใดตามมาหรือไม่ เช่น เรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เงินเดือนคนจบปริญญาตรี 15,000 บาท ทำแล้วจะเกิดภาวะเงินเฟ้อ หรือสินค้าอุปโภค บริโภค สูงขึ้นหรือไม่
วันนี้ ได้ครม.ครบแล้ว ใครนั่งกระทรวงไหน มีภารกิจอะไรเริ่มเห็นภาพลางๆ แล้ว กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ทันไรก็ทำท่าว่าจะทำงานสนองนายใหญ่ เน้นภารกิจช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ เคลียร์การเดินทางท่องโลกให้สะดวกโยธิน และก็โฉบเฉี่ยวมาใกล้ไทยเรื่อยๆ
ไม่ช้าไม่นาน อาจได้เห็นการกลับบ้านเกิดอีกครั้งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ลั่นคำไว้ว่าจะกลับประเทศประมาณสิ้นปีนี้
**แต่ที่ยังไม่ชัดคือ เนื้องานของรองนายกรัฐมนตรี ที่มีอยู่ทั้งสิ้น 5 คน จะแบ่งสรรกันอย่างไร ใครกำกับดูแลกระทรวง และภารกิจด้านไหน ยังไม่ระบุอย่างเป็นทางการ
แรกเริ่มเดิมที รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ได้วาง พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภา “รองโรมานอฟ” เป็นรองนายกฯไว้อีกคนหนึ่ง แต่พ.อ.อภิวันท์ น้อยใจ ไม่พอใจที่สลับจากเก้าอี้รมว.ศึกษาธิการ มานั่งรองนายกฯ จึงประกาศไม่รับตำแหน่งแบบกะทันหัน
**เล่นเอานายใหญ่ นายน้อย ฉุนกึ้กไปตามๆ กัน
ก่อนหน้านั้นก็แสดงอิทธิฤทธิ์มาทีหนึ่ง ด้วยการเดินเกมให้คนเสื้อแดงล็อบบี้ กดดันแกนนำพรรค บุกมายื่นหนังสือต่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงพรรคเพื่อไทย ให้มอบตำแหน่งประธานสภาให้ พ.อ.อภิวันท์ เมื่อไม่สำเร็จก็ประกาศถอนตัวไม่ชิงตำแหน่ง แล้วก็มาถอนตัวจากการเป็นรองนายกฯ สองดอกติดๆ กัน
ความจริง พ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำพรรคได้วางงานแบ่งงานให้รองนายกฯ เสร็จสรรพแล้ว แม้ พ.อ.อภิวันท์ อาจจะได้เป็นรองนายกฯ ลำดับ 4 หรือ 5 แต่ดูเนื้องานแล้ว เสมือนเป็นเบอร์ 1 ด้วยซ้ำ
ได้ดูแลงานด้านความมั่นคง ให้กำกับและสั่งราชการกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และกระทรวงการต่างประเทศ แต่กลับไม่แยแส ทิ้งเก้าอี้ไปดื้อๆ ป่านนี้ยังไม่แน่ใจว่า เจ้าตัวจะรู้สึกว่าคิดผิดหรือไม่ ที่ทิ้งเก้าอี้ใหญ่โตบิ๊กเป้งไป
เมื่อไม่มีรองโรมานอฟไปคน การแบ่งงานรองนายกฯ จึงสับสนอลหม่านไปหมด เพราะจะโยนแต่ละกระทรวง แต่ละสายงานไปให้ใครดูแลไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยเพราะบุคลิกของแต่ละคน ข้อจำกัด ความเหมาะสม ต้องคิดกันหลายตลบ ไหนจะต้องวางบทบาทไม่ให้เหลื่อมล้ำกันมาก เดี๋ยวจะเหยียบตาปลา หมั่นไส้ ไม่กินเส้นกันอีก
สำหรับ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ ลำดับ 1 และยังควบรมว.มหาดไทย ด้วย งานตึงมืออยู่แล้ว จึงน่าจะได้คุมหน่วยงานที่ไม่มีภารกิจมากนัก จะรับมอบหมายงานจากนายกฯ ให้เป็นซีอีโอ เรื่องต่างๆ มากกว่า ตัวอย่างเช่น การเป็นเจ้าภาพร่างแถลงนโยบาย หรือรับหน้าเสื่อดูแลปัญหาอุทกภัยทั้งระบบ
ส่วน กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ถือว่างานหนักเอาการ นอกจากจะต้องไปดูเรื่องสินค้า ข้าวของแพง ในกระทรวงพาณิชย์แล้ว ตำแหน่งรองนายกฯ วันนี้เหมือนเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ หรือรองหัวหน้าต่อจาก “ยิ่งลักษณ์” ที่ให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจเป็นพิเศษ
ล่าสุดจะเจรจาความเมืองเรื่องเครื่องบินกับเยอรมนี ยังกำชับให้กิตติรัตน์ คิดหน้าคิดหลังถึงเรื่องผลกระทบเรื่องธุรกิจการค้าเป็นสำคัญ ส่วนเรื่องกำกับดูแลงานคงหนีไม่พ้นเป็นกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจแทบทั้งหมด
ชุมพล ศิลปอาชา รองนายกฯ และรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จากชาติไทยพัฒนา จะได้ดูแลงานด้านสังคม
**ที่จับตากันมากก็คือ ใครจะเป็นรองนายกฯ ดูแลฝ่ายความมั่นคง วันนี้มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกลำดับ 2 กับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ ลำดับ 3 ซึ่งไม่ได้ควบว่าการกระทรวงใด จึงสามารถบริหารกำกับดูแลราชการได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
แต่ดูเหมือนจะมีความพยายามเฉลี่ยงานกันไม่ให้โดดกว่ากันมากนัก ระหว่างอดีตนายตำรวจทั้ง 2 คน ไม่เหมือนสมัยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ที่ควบรวมอำนาจทุกอย่างไว้ในกำกับดูแลทั้งหมด ใหญ่คับประเทศ ต้องเดินแขนคอก กางรักแร้จนหุบไม่ลง
ร.ต.อ.เฉลิม น่าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านการปราบปรามยาเสพติด และกระบวนการยุติธรรม กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( สตช. ) ได้ดูแลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ ใช้ความบ้าบิ่นโผงผาง เข้าไปจัดระเบียบโยกย้าย ถ่ายเทคนของฟากเพื่อไทย เข้าไปแทนที่ของพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย
พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ ลำดับ 3 เดิมทีแกนนำพรรคเพื่อไทย เหมือนจะเอาชื่อมาแปะไว้เฉยๆ ด้วยความคิดว่า ชื่อของพล.ต.อ.โกวิท สามารถช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ เรื่องจงรักภักดี พร้อมมอบบทบาทจุ๋มจิ๋ม ให้กำกับดูแลสั่งราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อะไรเทือกนั้น
**แต่เมื่อไม่มี พ.อ.อภิวันท์ มาดูแลกลาโหม ความมั่นคง งานตรงนี้อาจถูกโอนถ่ายให้พล.ต.อ.โกวิท พร้อมทั้งให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม เป็นตัวหลักดูแลกระทรวงกลาโหมแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะถ้าให้ ร.ต.อ.เฉลิม ดูแลความมั่นคงเบ็ดเสร็จ จะยิ่งใหญ่ กร่างเกินไป ไม่น่าไว้วางใจนัก
ล่าสุด ถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เดินทางมาหารือกับพล.ต.อ.โกวิท ถึงทำเนียบรัฐบาล เหมือนแทงหวยล่วงหน้าว่า พล.ต.อ.โกวิท จะดูงานด้านความมั่นคง เลยมารับขวัญแต่เนิ่นๆ การเมืองเปลี่ยนอำนาจอาจหลุดมือ ต้องมารายงานตัวกันหน่อย ก่อนหน้านี้ “ถวิล” ก็เคยไปทำงานมีบทบาทสำคัญใน ศอฉ. เสียด้วย
ขณะที่พล.ต.อ.โกวิท ก็ออกแอ๊คชั่นทันที ขึงขังดึ๋งดั๋ง พร้อมทำหน้าที่รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง บอกว่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียน สมช. หารือการทำงานอีกครั้ง
** หรือมันจะเป็นการเล่นบทชี้นำให้นายใหญ่ นายหญิง พรรคเพื่อไทย มอบบทบาทสำคัญกำกับดูแลงานด้านความมั่นคงให้ตัวเขา ดีกว่าจะให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกฯหญิงต้องแบกรับทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง