หน.ปชป.ท้า รมว.ต่างประเทศฟ้องญี่ปุ่นออกวีซ่าให้ “นช.แม้ว” เย้ย ปชป.ไม่ได้กุข่าว มั่นใจถอด “ปึ้ง” จากเก้าอี้ รมต.บัวแก้วได้แน่ ดักคอแม้วอย่าใช้ความสัมพันธ์กับรัฐบาล หาประโยชน์ธุรกิจให้กับตัวเอง จัดขุนพล “เทพเทือก-กรณ์” สับนโยบายปูจ๋า มั่นใจอดีต รมต.ทุกคนชี้แจง 162 โครงการได้
วันนี้ (21 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะฟ้องกลับกรณีพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหามีส่วนช่วยในการขอวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าขอตั้งคำถามกลับว่าจะมีการฟ้องประเทศญี่ปุ่นด้วยหรือไม่ เพราะเป็นผู้เปิดเผย นายสุรพงษ์ใช้หน้าที่ทำผิดชัดเจน จึงเกิดกระบวนการถอดถอนออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องอยู่ที่ฝ่ายกฎหมายกำลังดำเนินการอยู่ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยสร้างเรื่อง และพรรคมีหน้าที่ตรวจสอบ
ส่วนกรณีที่มีข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางเข้าประเทศกัมพูชานั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียด แต่ขอร้องว่าอย่าใช้ความสัมพันธ์กับรัฐบาล ไปหาประโยชน์ทางธุรกิจของตนเอง เพราะทราบว่ามีแผนลงทุนธุรกิจหลายประเทศในภูมิภาคนี้ ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะตรวจสอบโครงการทุจริตของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์นั้น เชื่อว่ารัฐมนตรีของพรรคที่เคยรับผิดชอบกระทรวงใดจะชี้แจงได้ แต่อยากฝากรัฐบาลไม่ควรเบี่ยงเบนประเด็น ขอให้เร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับประชาชน
ส่วนการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันที่ 23-24 ส.ค.นี้ ตนหวังว่าการแถลงนโยบายจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับการอภิปรายพรรคได้กำหนดตัวบุคคลที่จะอภิปรายแล้ว โดยแบ่งการอภิปรายออกเป็นด้านเศรษฐกิจ มีนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับผิดชอบ ด้านความมั่นคงมอบให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตตรองนายกรัฐมนตรี ส่วนกระทรวงสำคัญๆ มอบหมายอดีตรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งตนจะเป็นผู้อภิปรายเปิดและสรุปการอภิปราย
ส่วนที่ทาง ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะตั้งคณะกรรมการพิทักษ์นายกรัฐมนตรี โดยจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้นายกรัฐมนตรีตอบคำถามเองว่า หากประเด็นใดนายกรัฐมนตรี ไม่ตอบเองก็เป็นสิทธิของนายกรัฐมนตรี แต่ตนเห็นว่าเป็นโอกาสดี ที่นายกรัฐมนตรีจะแสดงออกถึงภาวะผู้นำ และเป็นผู้ชี้แจงทำความเข้าใจในประเด็นต่างๆ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐมนตรีพูดถึงนโยบายรัฐบาลไม่ตรงกัน ซึ่งเท่าที่เห็นร่างนโยบายรัฐบาล ยังมีความกังวลหลายเรื่องที่ใช้หาเสียง และนโยบายด้านเศรษฐกิจ เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท แท็บเล็ตแจกเด็ก ป.1 ตลอดจนนโยบายด้านต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะด้านกฎหมาย