นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 22 -23 สิงหาคมนี้ ตนเองต้องการให้การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีการกำหนดตัวบุคคลในการอภิปรายแล้วในแต่ละด้าน หลักๆ ได้มอบให้อดีตรัฐมนตรีเป็นผู้อภิปราย โดยในส่วนด้านความมั่นคงมอบให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ด้านเศรษฐกิจ นายกรณ์ จาติกวณิช ส่วนตนเองจะเป็นผู้เปิดและสรุปการอภิปราย ซึ่งหากประเด็นใดนายกรัฐมนตรีไม่ตอบเองก็เป็นสิทธิ์ แต่เห็นว่าเป็นโอกาสดีที่นายกรัฐมนตรีจะแสดงออกถึงภาวะผู้นำ
ทั้งนี้ เท่าที่เห็นร่างนโยบายรัฐบาลแล้ว ยังมีความกังวลหลายเรื่องที่ใช้หาเสียง และนโยบายด้านเศรษฐกิจ เช่น ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท การแจกแท็บเล็ตให้เด็กนักเรียน ตลอดจนนโยบายด้านต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะด้านกฎหมาย
ส่วนกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะฟ้องกลับกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาว่ามีส่วนช่วยในการขอวีซ่าให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้ตั้งคำถามกลับว่า จะมีการฟ้องประเทศญี่ปุ่นด้วยหรือไม่ เพราะเป็นผู้เปิดเผย ซึ่งส่วนตัวเชื่อมั่นว่า นายสุรพงษ์ ใช้อำนาจหน้าที่ทำผิดชัดเจนจึงเกิดกระบวนการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ขณะนี้ยังอยู่ที่ฝ่ายกฎหมายกำลังดำเนินการอยู่ ยังไม่ส่งเรื่องมาให้ตนเองลงชื่อ พร้อมยืนยันพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยสร้างเรื่องแต่มีหน้าที่ตรวจสอบเท่านั้น และไม่ทราบรายละเอียดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้าประเทศกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ขอร้องว่าอย่าใช้ความสัมพันธ์กับรัฐบาล ไปหาประโยชน์ทางธุรกิจของตนเอง เพราะทราบว่ามีแผนลงทุนธุรกิจหลายประเทศในภูมิภาคนี้
นายอภิสิทธิ์ ระบุด้วยว่า ไม่กังวลต่อการตรวจสอบ 172 โครงการของรัฐบาลสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ เพราะเชื่อว่าอดีตรัฐมนตรีที่รับผิดชอบชี้แจงได้ พร้อมฝากรัฐบาลไม่ควรเบี่ยงเบนประเด็น ขอให้เร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับประชาชน สำหรับการลงพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันนี้ เพื่อเยี่ยมเยียนประชาชนที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม โดยจะไปดูระบบการระบายน้ำ และต้องการเร่งให้รัฐบาลมีความชัดเจนเรื่องหลักเกณฑ์ช่วยเหลือ ทั้งการชดเชยรายได้ พืชผลทางการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมาเคยชดเชยให้ในอัตราไร่ละ 2,000 บาท ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมระยะยาวและครบวงจรนั้น เห็นด้วยกับแนวคิดการสร้างเขื่อนแม่น้ำยมบน ยมล่าง แทนการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องมาหลายรัฐบาล เพราะประชาชนจะได้ประโยชน์จากการสร้างเขื่อนขนาดเล็ก
ทั้งนี้ เท่าที่เห็นร่างนโยบายรัฐบาลแล้ว ยังมีความกังวลหลายเรื่องที่ใช้หาเสียง และนโยบายด้านเศรษฐกิจ เช่น ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท การแจกแท็บเล็ตให้เด็กนักเรียน ตลอดจนนโยบายด้านต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะด้านกฎหมาย
ส่วนกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะฟ้องกลับกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาว่ามีส่วนช่วยในการขอวีซ่าให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้ตั้งคำถามกลับว่า จะมีการฟ้องประเทศญี่ปุ่นด้วยหรือไม่ เพราะเป็นผู้เปิดเผย ซึ่งส่วนตัวเชื่อมั่นว่า นายสุรพงษ์ ใช้อำนาจหน้าที่ทำผิดชัดเจนจึงเกิดกระบวนการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ขณะนี้ยังอยู่ที่ฝ่ายกฎหมายกำลังดำเนินการอยู่ ยังไม่ส่งเรื่องมาให้ตนเองลงชื่อ พร้อมยืนยันพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยสร้างเรื่องแต่มีหน้าที่ตรวจสอบเท่านั้น และไม่ทราบรายละเอียดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้าประเทศกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ขอร้องว่าอย่าใช้ความสัมพันธ์กับรัฐบาล ไปหาประโยชน์ทางธุรกิจของตนเอง เพราะทราบว่ามีแผนลงทุนธุรกิจหลายประเทศในภูมิภาคนี้
นายอภิสิทธิ์ ระบุด้วยว่า ไม่กังวลต่อการตรวจสอบ 172 โครงการของรัฐบาลสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ เพราะเชื่อว่าอดีตรัฐมนตรีที่รับผิดชอบชี้แจงได้ พร้อมฝากรัฐบาลไม่ควรเบี่ยงเบนประเด็น ขอให้เร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับประชาชน สำหรับการลงพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันนี้ เพื่อเยี่ยมเยียนประชาชนที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม โดยจะไปดูระบบการระบายน้ำ และต้องการเร่งให้รัฐบาลมีความชัดเจนเรื่องหลักเกณฑ์ช่วยเหลือ ทั้งการชดเชยรายได้ พืชผลทางการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมาเคยชดเชยให้ในอัตราไร่ละ 2,000 บาท ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมระยะยาวและครบวงจรนั้น เห็นด้วยกับแนวคิดการสร้างเขื่อนแม่น้ำยมบน ยมล่าง แทนการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องมาหลายรัฐบาล เพราะประชาชนจะได้ประโยชน์จากการสร้างเขื่อนขนาดเล็ก
