xs
xsm
sm
md
lg

“กรณ์” จี้เก็บภาษี “นช.แม้ว” ทำเฉยเจอข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กรณ์ จาติกวณิช  (แฟ้มภาพ)
“กรณ์” จี้สรรพากรเรียกเก็บภาษี “นช.แม้ว” หลังศาลชี้ชัดเป็นเจ้าของหุ้นตัวจริง ยันคดียังไม่หมดอายุความ เตือนหากยังเฉยเจอข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ดักคออย่าตีความซื้อ-ขายเป็นโมฆะ รับไม่คาดหวัง “ธีระชัย” เหตุมีพฤติกรรมช่วยคนในกลุ่มนี้มาตลอด พร้อมเตือนเพื่อไทยอย่ากู้เงินสนองนโยบายประชานิยม ยันรัฐบาล ปชป.ทำเศรษฐกิจไว้ดีก่อนส่งไม้ต่อรัฐบาลใหม่


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายกรณ์ จาติกวณิช ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (9 ส.ค.) นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวกรณีกรมสรรพากรเตรียมคืนเงินภาษีของนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ไม่มีการคืนภาษี แต่ภาษีที่ว่านี้ คือ ภาษีที่ยังเรียกเก็บไม่ได้ ส่วนที่กรมสรรพากรคืนให้กับทั้ง 2 คน เป็นเงินในบัญชีที่อายัดไว้ ซึ่งมีมูลค่าโดยรวมประมาณ 200 ล้านบาท ในขณะที่ภาษีที่ประเมินไว้แต่แรกมีมูลค่าโดยรวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่เคยอยู่ในมือของรัฐ

ทั้งนี้ การพิจารณาโดยกรมสรรพากรนั้นมีความเปลี่ยนแปลงหลังจากมีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีคำพิพากษาว่าหุ้นทั้งหมดที่เคยมีการอ้างว่าเป็นของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทานั้น แท้จริงแล้วเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ

นายกรณ์กล่าวว่า เมื่อไม่ได้เก็บจาก นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ก็ต้องไปเรียกเก็บจากผู้ที่เป็นเจ้าของตัวจริง ซึ่งศาลพิพากษาแล้วว่า คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องให้สรรพากรดำเนินการ คิดว่า สรรพากรกำลังดำเนินการอยู่ และหวังว่าสรรพากรจะดำเนินการต่อไปเพื่อปกป้องประโยชน์ประเทศ

ส่วนในเรื่องของประเด็นอายุความที่ตีความกันว่าอาจจะขาดหรือไม่นั้น ยืนยันว่า เรื่องของอายุความไม่เป็นประเด็น เข้าใจว่า ภาระภาษีมีนับ 10 ปี และข้อเท็จจริงเพื่อปรากฏหลังจากที่ศาลฎีกาเพิ่งจะมีคำพิพากษา ก็น่าจะหมายความว่า อย่างน้อยที่สุดคือจุดเริ่มต้นที่จะทำได้ และตนก็ได้สอบถามอธิบดีกรมกสรรพากรแล้ว ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ใช่ประเด็น ดังนั้น ถ้ามีภาษีที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องจ่ายเรื่องของอายุความไม่ใช่ปัญหา ส่วนจะทำอย่างไรเพื่อความชัดเจนก่อนนั้นอยู่ที่กรมสรรพากร ในฐานะผู้มีอำนาจทางกฎหมาย ทั้งนี้ หากไม่มีการเรียกเก็บก็จะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

“ผมเชื่อมือกรมสรรพากร คำว่าเชื่อมือหมายถึงว่า ถ้าเขาประเมินว่ามีภาษีค้างชำระ เขาจะเก็บแน่นอน” นายกรณ์กล่าว และว่า กรณีจะอ้างว่าไม่ต้องเก็บจากใคร คือการอ้างว่าคำพิพากษาหมายถึงการซื้อขายในครั้งนั้นเป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นนิติกรรมอำพราง ผู้ซื้อ ผู้ขายเป็นคนเดียวกัน แต่ตนไม่คิดเช่นนั้นเพราะถ้าเป็นโมฆะจริงตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะนำหุ้นไปขายให้บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้ง อีกชั้นได้อย่างไร และการอ้างว่าการซื้อขายครั้งนี้เป็นการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ไม่มีภาระภาษีที่เกิดขึ้นนั้นคือการสร้างความสับสน เพราะเราไม่ได้พูดถึงการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ แต่พูดถึงการซื้อขายระหว่างนิติบุคคล ดังนั้น จึงต้องรอดูกรมสรรพากรหาข้อสรุป อย่างไรก็ตาม ต้องให้ความยุติธรรมกับกรมสรรพากร เพราะเรื่องราวที่ว่านี้เกิดขึ้นมานานแล้ว

ส่วนจะฝากความหวังไว้กับรัฐมนตรีคนใหม่ คือ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตเลขาฯ ก.ล.ต.ได้หรือไม่นั้น นายกรณ์กล่าวว่า ยาก และไม่กล้าฝากความหวังกับผู้ที่ปรากฏชื่อ เพราะพฤติกรรมในอดีตก็ส่อให้เห็นชัดเจนว่าช่วยเหลือการเมืองในซีกที่มีอำนาจมาโดยตลอด ตั้งแต่วันที่ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเมื่อปี 2549 ว่า การดำเนินการเรื่องหุ้นชินคอร์ปนั้น ไม่มีประเด็นไหนขัดต่อกฎหมาย แต่ภายหลังกับขัดแย้งกับข้อเท็จจริงหลายประเด็น

นายกรณ์กล่าวถึง รมว.คลังคนใหม่ ภายใต้นโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่จะส่งผลภาพรวมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า ตอนนี้ปัญหาเศรษฐกิจมีมาก แต่ที่แน่นอนที่สุดคือ ในแง่ของประชาชน ประเด็นที่มีผลมากที่สุด คือ ราคาสินค้าที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และความคาดหวังในเรื่องรายได้ที่สืบเนื่องมาจากนโยบายของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าแรง รายได้สำหรับนักศึกษาที่จบปริญญาตรี และเวลานี่ราคาสินค้าหลายตัว รวมไปถึงราคาข้าวมีการปรับตัวสูงขึ้น ตามความเชื่อในนโยบายที่พรรคเพื่อไทย และมีประเด็นปัญหาในเรื่องเสถียรภาพทางการคลังว่านโบยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะดำเนินการทั้งหมดจะมีผลต่อเสถียรภาพ ในส่วนของการกู้ยืมเงิน ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยพุดมาตลอดว่าจะไม่กู้ และก็ออกมายอมรับว่าจะกู้และกู้มากกว่าเดิม

“การกู้ยืมในช่วงของพรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นการกู้ยืมเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากต่างประเทศ แต่การกู้ยืมของพรรคเพื่อไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นการกู้ยืมเพื่อตอบสนองนโยบายประชานิยมที่ทางพรรคหาเสียงไว้ และตรงจุดนี้ไม่ได้มีการคำนึงถึงวิกฤตทางการเงินและเศรษฐกิจที่กำลังจะตามมาจากวิกฤตศรัทธา ในสกุลเงินสำคัญ อย่างดอลล่าร์ และยูโร ทั้งหมดต้องมีความชัดเจนว่ารัฐบาลจะมีมาตรการดำเนินการต่อไปอย่างไร”

นายกรณ์กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจในปัจจุบันมีความเข้มแข็ง ในแง่ของเสถียรภาพ ไม่ว่าจะวัดด้วยเงินคงคลังที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ทำไว้ และส่งต่อให้รัฐบาลเพื่อไทย หรือมองในส่วนของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ หรือดูในส่วนของระดับหนี้สาธารณะที่ปรับลดลงเรื่อยๆ ดูทุกแง่มุม รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนสะท้อนให้เห็นถึงเสถียรภาพ และความเข้มแข็งของเศรษฐกิจ ถ้าบริหารดีๆ ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าบริหารเพื่อเอาใจกลุ่มนายทุนตามแนวทางที่ปรากฏ และส่อเค้าว่าจะมีการดำเนินการต่อไปก็จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นและมีโอกาสที่จะทำให้มีผลกระทบในเชิงลบได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนผลกระทบที่เกรงว่าจะเกิดขึ้นนั้น นายกรณ์กล่าวว่า ตนในฐานะ รมว.คลัง ได้ตกลงกับผู้วาการ ธปท.ไว้ก่อนหน้าแล้ว เราจะต้องเดินไปสู่การมีงบสมดุลภายใน 4 ปี สัญญาณที่ชัดเจนคือระดับการขาดดุลของงบประมาณปี 2555 ที่รัฐบาลจะต้องรีบทำ เพื่อให้มีการพิจารณาในสภาภายใน 1 เดือนนี้ ที่ไม่ควรขาดดุลเกิน 3.5 แสนล้านบาท เพราะหากเกินกว่านั้นจะส่งผลให้สินค้ามีราคาแพง
กำลังโหลดความคิดเห็น