“ยิ่งลักษณ์” อ่านแถลงการณ์หลังรับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ พร้อมยึดพระบรมราโชวาท น้อมนำมาบริหารราชการแผ่นดิน อ้างความเป็นผู้หญิง จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำหน้าที่ แต่จะใช้ความอ่อนโยนเพื่อคืนความสงบสุขให้กับพี่น้องประชาชน โดยไม่ทำเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถือเป็นพันธสัญญาทางใจ เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แถลงการณ์
เมื่อเวลาประมาณ 18.50 น.วันนี้ (8 ส.ค.) ภายหลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 28 หลังประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณา นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้อ่านแถลงการณ์ว่า
“พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพรักทุกท่าน ในวาระที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดิฉันดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อรับสนองพระบรมราชโองการรับใช้เบื้องพระยุคลบาท ประเทศชาติ และประชาชนนั้น ในวาระนี้ ดิฉันถือว่าเป็นเกียรติยศอันสูงสุด และเป็นมิ่งมงคลแก่ชีวิตอย่างหาที่สุดมิได้ ดิฉันและครอบครัวรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นล้นพ้น นับเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ดิฉันเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ด้วยความจงรักภักดี ดิฉันพร้อมทุ่มเท มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ และจะอุทิศตนเพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และประชาชนต่อไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา ในเดือนธันวาคมนี้ ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันที่ 12 สิงหาคม ปีนี้ นับเป็นวโรกาสพิเศษที่สำคัญยิ่งต่อพี่น้องคนไทยทุกคน ดิฉันขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้ร่วมกันจัดงานถวายพระพร เพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแด่ล้นเกล้าล้นกระหม่อมทั้งสองพระองค์ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ทุกท่านโดยพร้อมเพรียงกัน
ดิฉันขอขอบคุณพี่น้องประชาชนคนไทย ขอบคุณสมาชิกพรรค ขอบคุณพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ประชาธิปไตย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน ที่ได้กรุณาให้โอกาสแก่ดิฉันได้ทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดิฉันถือเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ ที่ต้องการพลังจากทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันผลักดันให้ประเทศชาติของเรานั้นก้าวข้ามอุปสรรค และปัญหาต่างๆ เพื่อประกาศเกียรติยศศักดิ์ศรี ให้เป็นที่ประจักษ์และยอมรับของนานาประเทศในสากล
ดิฉันยังระลึกถึงพระบรมราโชวาท ที่ได้พระราชทานแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2532 ซึ่งดิฉันเป็นบัณฑิตจบใหม่ในรุ่นนั้นด้วย ดิฉันขออัญเชิญพระบรมราโชวาทบางตอนดังนี้
“ประการที่สำคัญต้องพยายามใช้ความคิด ความเฉลียวฉลาดปรับปรุงตัว ปรับปรุงงานให้มีประสิทธิภาพเสมอ พร้อมทั้งพยายามประสานงาน ประสานประโยชน์ให้แก่ทุกคน และทุกฝ่ายที่สัมพันธ์เกี่ยวข้องด้วย โดยสอดคล้องทั่วถึงงานจึงจะสัมฤทธิ์ผล เป็นประโยชน์ที่พึงประสงค์คือ เป็นประโยชน์แก่งาน แก่ตัวผู้ปฏิบัติ แก่ส่วนรวม พร้อมทุกส่วน จึงขอให้บัณฑิตนำสิ่งที่พูดนี้ ไปพิจารณาให้เข้าใจ เพื่อใช้เป็นแนวทางต่อไป”
ซึ่งดิฉันได้โน้มนำมาเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม และจะใช้เป็นแนวทางในการทำงานเพื่อผลักดันงานต่างๆ ของรัฐบาลต่อไป ดิฉันขอปวารณาตนที่จะนำความรู้ความสามารถ และสติปัญญา ทุ่มเททำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และตั้งใจอย่างเต็มที่ เพื่อนำพาประเทศของเราไปสู่ความสงบสุข ความสามัคคีปรองดอง มีเจตนารมณ์แน่วแน่ที่จะเข้ามาทำงาน เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ดิฉันพร้อมที่จะทำงานร่วมกับพี่น้องข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน สื่อมวลชนทุกแขนง และพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่อย่างตั้งใจ และเต็มใจ เพื่อให้ความสุขนั้นกลับคืนสู่พี่น้องคนไทยทั้งประเทศอีกครั้ง ดิฉันตระหนักดีว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีผู้หญิงในขณะนี้ เป็นความท้าทาย และความคาดหวังอย่างมากจากพี่น้องประชาชน แต่ดิฉันเชื่อมั่นว่า ความเป็นผู้หญิงจะไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน แต่ในทางตรงข้าม ความเข้มแข็งที่ควบคู่กับความอ่อนโยน การรับฟังปัญหาทรรศนะที่แตกต่าง จะช่วยให้เรานั้นมองเห็นทางเลือกใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น
สุดท้ายนี้ดิฉันขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ที่ให้โอกาสดิฉัน ซึ่งถือว่าเป็นพันธสัญญาทางใจให้ตระหนักถึงหน้าที่ และความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ในการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ด้วยความภาคภูมิใจ ดิฉันจะมุ่งมั่นสร้างสุข สลายทุกข์ให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างสุดกำลังความสามารถ ดิฉันจะไม่ทำเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะทำเพื่อประเทศชาติ และคนไทยทุกคน ขอขอบคุณคะ"
เปรียบเทียบคำแถลง"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"วันรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 17 ธันวาคม 2551
-“อภิสิทธิ์” ประกาศใช้หลักนิติธรรม-นิติรัฐฟื้นฟูชาติสร้างสามัคคี