ไชน่าเดลี - เทศบาลนครปักกิ่งเตรียมออกมาตรการเข้มงวดในการให้ทะเบียนบ้านถาวรแก่บัณฑิต ที่จบการศึกษาในปีนี้ เพื่อควบคุมจัดสรรผู้มีความสามารถพิเศษด้านต่าง ๆ ในการทำงานในเมืองหลวง
หลังจากสำเร็จการศึกษา ทะเบียนบ้านของบัณฑิตจะส่งกลับไปยังภูมิลำเนาเดิม ก่อนย้ายมาเรียนหนังสือที่กรุงปักกิ่ง เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับทะเบียนบ้านถาวร
มีรายงานเมื่อเดือนพ.ค. ว่า บัณฑิต ซึ่งมิได้เป็นชาวกรุงปักกิ่งแต่กำเนิดจะได้รับทะเบียนบ้านถาวรจำนวนเพียง 6,000 รายในปีนี้ ขณะที่เมื่อปีก่อน มีผู้ได้รับ 18,000 ราย อย่างไรก็ตาม จะมีการตัดสินครั้งสุดท้ายสิ้นเดือนนี้
จำนวนที่แบ่งสรรให้อย่างจำกัดนี้จะให้สิทธิ์แก่บัณฑิตระดับหัวกะทิในบางสาขาวิชาเอกก่อนเป็นอันดับแรก จากการชี้แจงของนายจาง จูเต๋อ รองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรมนุษย์และความมั่นคงทางสังคมของเทศบาลนครปักกิ่งระบุในการประชุมระดับคณะทำงานเมื่อวันพุธ (15 มิ.ย.)
มาตรการดังกล่าวเป็นกระบวนการควบคุมประชากร และปรับปรุงรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองหลวง โดยต้องมีการปรับสัดส่วนจากปัจจุบัน ซึ่งมีบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาด้านวรรณคดีและประวัติศาสตร์มากล้นเกิน ขณะที่ยังขาดแคลนบัณฑิตด้านวิทยาศาสตร์
นอกจากนั้น เทศบาลนครปักกิ่งกำลังยังต้องการดึงดูดความสนใจจากนักศึกษาระดับหัวกะทิ ที่เรียนด้านการค้า การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์
นักศึกษาราว 229,000 คนจะสำเร็จการศึกษาในกรุงปักกิ่งในปีนี้ ซึ่ง 98,000 คนเป็นชาวปักกิ่งโดยกำเนิด น้อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว 1,000 คน
เทศบาลนครปักกิ่งยังเตรียมออกมาตรการ เพื่อเพิ่มโอกาสในการจ้างงานแก่บัณฑิต ที่จบการศึกษาในปีนี้อีกด้วย เช่น การสนับสนุนให้บัณฑิตสร้างธุรกิจของตนเอง ซึ่งจะสามารถกู้เงิน และได้รับสิทธิประโยชน์จากนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล เช่นได้รับเงินอุดหนุน หรือการคืนเงินภาษี
ขณะเดียวกัน เทศบาลนครปักกิ่งจะยังคงส่งเสริมให้บัณฑิตสมัครทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในหมู่บ้าน หรือทำงานตามโรงเรียน หรือศูนย์สาธารณสุขในเขตชนบทห่างไกล
ขณะที่รัฐบาลจีนประกาศว่า ในอีกไม่ช้านี้ บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาอาจมีโอกาสเปลี่ยนทะเบียนบ้านตามสถานที่ที่ตนทำงาน ยกเว้นเทศบาลนครปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน และฉงชิ่ง
ในปีนี้จะมีบัณฑิตจบใหม่ทั่วประเทศจีนทั้งสิ้น 6 ล้าน 6 แสนคน มากกว่าปีที่แล้ว 3 แสนคน ขณะที่อัตราการจ้างงานบัณฑิตเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 89.6 ในปี 2553 สูงกว่าในปี 2550 ราวร้อยละ 2 จากผลสำรวจของ MyCOS Institute ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านการศึกษา