ประชุมจัดสรร กมธ.สภาฯ ไม่ลงตัว พรรคเล็กก่อหวอดต่อรองเก้าอี้ประธาน ด้าน ชทพ.ห่วงตั้งเร็วขัดข้อบังคับ “ปู่ชัย” เสนอใช้ของเดิมไปก่อน ระหว่างยกร่างฉบับใหม่ ก่อนที่ “รองฯเจริญ” จะตัดบทโยนที่ประชุมใหญ่ตัดสิน ส่วนโควตาหัวโต๊ะ กมธ.ให้ไปขอกันเอาเอง
ที่รัฐสภา วันนี้ (8 ส.ค.) ได้มีการประชุมหารือเพื่อพิจารณาการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธารสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานในที่ประชุม และมีตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เช่น นายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ จากพรรคเพื่อไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ และนายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากพรรคประชาธิปัตย์ นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา จากพรรคภูมิใจไทย และ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน เป็นต้น
โดยที่ประชุมได้หยิบยกกรณีการคำนวณอัตราสัดส่วนตำแหน่งประธานคณะ กมธ.ทั้ง 35 คณะที่แต่ละพรรคได้รับขึ้นมาพิจารณา เบื้องต้นได้คำนวณให้เป็นไปตามสัดส่วน ส.ส.ของพรรคการเมือง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย ที่มี ส.ส.265 คนได้ 19 คณะ พรรคประชาธิปัตย์ที่มี ส.ส. 159 คนได้ 11 คณะ พรรคภูมิไทย ที่มี ส.ส.34 คนได้ 2 คณะ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และพรรคพลังชน ได้พรรคละ 1 คณะ ส่วนพรรคมาตุภูมิ พรรครักประเทศไทย พรรครักษ์สันติ พรรคมหาชน และพรรคประชาธิปไตยใหม่ สัดส่วนไม่ถึงเกณฑ์ที่จะได้นั่งประธาน กมธ. จึงได้เพียงเป็น กมธ.เท่านั้น
ทั้งนี้ นายปาน พึ่งสุจริต ตัวแทนจากพรรคมาตุภูมิ และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จากพรรครักประเทศไทย ได้ร่วมกันเสนอต่อที่ประชุมว่า ขอให้เปิดโอกาสพรรคเล็กรวมเสียง ส.ส.เพื่อให้ได้ตามเกณฑ์ที่จะได้รับตำแหน่งประธาน กมธ. โดยนำ ส.ส.ของพรรคมาตุภูมิ พรรครักประเทศไทย และพรรครักษ์สันติ ที่รวมกันได้ 7 เสียง เข้าหลักเกณฑ์ในการได้รับตำแหน่งประธาน กมธ. 1 คณะ แต่บรรดาพรรคการเมืองใหญ่ได้ทักท้วงว่า จะเป็นการขัดต่อข้อบังคับของสภาฯ
ขณะที่ นายภราดร ปริศนานัทกุล ส.ส.อ่างทอง ตัวแทนจากพรรคชาติไทยพัฒนา แสดงความเป็นห่วงว่า หากมีการตั้ง กมธ.ในระหว่างที่ยังไม่มีข้อบังคับการประชุมใหม่ จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์จึงได้สอบถามเจ้าหน้าที่สภาฯ ถึงระยะเวลาในการร่างข้อบังคับใหม่ว่ามีกฎหมายบังคับไว้หรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่สภาฯ ได้ชี้แจงว่า ไม่มีกฎหมายบังคับไว้ว่าจะต้องมีการร่างข้อบังคับทุกครั้งที่สภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ และยังสามารถใช้ข้อบังคับเดิมได้จนกว่าจะมีสมาชิกเสนอขอแก้ไข ส่วนระยะเวลาในการยกร่างใหม่นั้น เท่าที่ผ่านมาพบว่าเคยใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 เดือน
ขณะที่ นายชัย ชิดชอบ กล่าวในที่ประชุมว่า ที่ผ่านมาสภาฯ มักใช้เวลายาวนานในการแต่งตั้ง กมธ. และในเมื่อทุกฝ่ายอยากจะให้งานของสภาฯ เดินไปได้ จึงเสนอให้มีการบังคับใช้ข้อบังคับการประชุม ปี 51 ไปพลางก่อน ในระหว่างการร่างข้อบังคับการประชุมใหม่
ซึ่งในที่ประชุมได้มีการหารือทั้ง 2 ประเด็นอย่างกว้างขวาง ก่อนที่นายเจริญจะสรุปว่า ในส่วนของข้อบังคับการประชุมจะมีการเสนอญัตติเพื่อขอใช้ข้อบังคับการประชุม ปี 51 ต่อที่ประชุมสภาฯ ชุดใหญ่ ในวันที่ 10 ส.ค.นี้ โดยขอให้มีการบังคับใช้ไปพลางก่อน เพื่อให้สามารถจัดตั้ง กมธ.ขึ้นมาได้โดยเร็ว ในส่วนของประเด็นอัตราส่วนตำแหน่งประธาน กมธ.สำหรับพรรคเล็กนั้นเห็นควรให้เลื่อนการพิจารณา และให้แต่ละพรรคไปพูดคุยตกลงในส่วนโควตาให้แก่พรรคเล็กที่จะมารวมตัวกันแล้วเสร็จเสียก่อน ก่อนจะมีการนัดประชุมหาข้อสรุปอีกครั้ง