วานนี้ ( 4 ส.ค.) สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานกกต.ได้ออกเอกสารชี้แจง กรณีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของกกต. ว่าปฏิบัติหน้าที่ 2 มาตรฐาน ด้วยการหยิบประเด็นหนึ่งไปเชื่อมโยงกับอีกประเด็นหนึ่ง จึงทำให้เนื้อหาข่าวเกิดความคลาดเคลื่อนขัดกับหลักข้อเท็จจริง ซึ่งกรณีของนายยุทธพงษ์ แสงศรี ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ถูกกกต.ตัดสิทธิการเป็นผู้สมัคร เนื่องจากพบว่าไม่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้น มาเปรียบเทียบกับกรณีของนายจตุพร นั้นไม่สามารถทำได้
เนื่องจาก กรณีของนายยุทธพงษ์ แสงศรี ได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และพบว่าได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว จึงทำให้ขาดคุณสมบัติ ตามมาตรา 101(3) ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งแตกต่างจากกรณีของ นายจตุพร ที่มีเหตุต้องพิจารณาเรื่องคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ว่าจะมีอยู่ในวันเลือกตั้งหรือหลังวันเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งเมื่อพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง จึงต้องประกาศรับรองผลตามกรอบที่กฎหมายกำหนด โดยดำเนินการสอบสวนอย่างต่อเนื่องให้แล้วเสร็จ เพื่อวินิจฉัยต่อไป
**ปธม.โร่แจง อดีตหน.พรรคแจ้งเท็จ
วานนี้ ( 4 ส.ค.) นายวารินทร์ อัฐนาค รักษาการโฆษกพรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) กล่าวชี้แจงกรณี กกต.เตรียมดำเนินคดีกับ นายสุรทิน พิจารณ์ อดีตหัวหน้าพรรคปธม.ฐานแจ้งเท็จต่อกกต.ในช่วงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งอาจมีผลนำไปสู่การยุบพรรคว่า กรณีที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ยืนยันว่า ความผิดของนายสุรทิน เป็นความผิดเฉพาะตัว ซึ่งน.ส.พัชรินทร์ มั่นปาน และกรรมการบริหารพรรคไม่ทราบเรื่องมาก่อนว่า นายสุรทิน เป็นบุคคลล้มละลาย ก่อนที่จะมีการตั้งพรรค จึงขอเรียกร้องไปยังกกต.ว่า อย่าขุดคุ้ย หรือพูดจาชี้นำให้สังคมเข้าใจผิด หากจะดำเนินคดี ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่เป็นการชี้นำ การพูดมากก็จะถือว่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้ เพราะหน้าที่ของกกต. หลังจากเสร็จเลือกตั้งแล้ว กกต. ควรจะกวาดบ้านของตัวเองให้สะอาด เนื่องจากเวลานี้มีประชาชนสงสัยว่า งบประมาณที่กกต. ใช้จัดการเลือกตั้ง กว่า 3 พันล้านบาทนั้น ทำไมถึงจัดการเลือกตั้งแบบวุ่นวาย และไม่มีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ส่วนการดำเนินคดีกับนายสุรทิน นั้นหากมีความผิดจริงนายสุรทินก็พร้อมที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นขอให้ กกต. อย่าชี้นำสังคม เพราะจะทำให้พรรคเกิดความเสียหาย และถือว่าเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้
เนื่องจาก กรณีของนายยุทธพงษ์ แสงศรี ได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และพบว่าได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว จึงทำให้ขาดคุณสมบัติ ตามมาตรา 101(3) ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งแตกต่างจากกรณีของ นายจตุพร ที่มีเหตุต้องพิจารณาเรื่องคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ว่าจะมีอยู่ในวันเลือกตั้งหรือหลังวันเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งเมื่อพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง จึงต้องประกาศรับรองผลตามกรอบที่กฎหมายกำหนด โดยดำเนินการสอบสวนอย่างต่อเนื่องให้แล้วเสร็จ เพื่อวินิจฉัยต่อไป
**ปธม.โร่แจง อดีตหน.พรรคแจ้งเท็จ
วานนี้ ( 4 ส.ค.) นายวารินทร์ อัฐนาค รักษาการโฆษกพรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) กล่าวชี้แจงกรณี กกต.เตรียมดำเนินคดีกับ นายสุรทิน พิจารณ์ อดีตหัวหน้าพรรคปธม.ฐานแจ้งเท็จต่อกกต.ในช่วงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งอาจมีผลนำไปสู่การยุบพรรคว่า กรณีที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ยืนยันว่า ความผิดของนายสุรทิน เป็นความผิดเฉพาะตัว ซึ่งน.ส.พัชรินทร์ มั่นปาน และกรรมการบริหารพรรคไม่ทราบเรื่องมาก่อนว่า นายสุรทิน เป็นบุคคลล้มละลาย ก่อนที่จะมีการตั้งพรรค จึงขอเรียกร้องไปยังกกต.ว่า อย่าขุดคุ้ย หรือพูดจาชี้นำให้สังคมเข้าใจผิด หากจะดำเนินคดี ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่เป็นการชี้นำ การพูดมากก็จะถือว่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้ เพราะหน้าที่ของกกต. หลังจากเสร็จเลือกตั้งแล้ว กกต. ควรจะกวาดบ้านของตัวเองให้สะอาด เนื่องจากเวลานี้มีประชาชนสงสัยว่า งบประมาณที่กกต. ใช้จัดการเลือกตั้ง กว่า 3 พันล้านบาทนั้น ทำไมถึงจัดการเลือกตั้งแบบวุ่นวาย และไม่มีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ส่วนการดำเนินคดีกับนายสุรทิน นั้นหากมีความผิดจริงนายสุรทินก็พร้อมที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นขอให้ กกต. อย่าชี้นำสังคม เพราะจะทำให้พรรคเกิดความเสียหาย และถือว่าเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้