ที่ประชุมสภาฯ เตรียมถก กมธ.ทั้ง 35 คณะในวันพรุ่งนี้ ชี้สัดส่วน พท.19-ปชป.11 ที่เหลือแบ่งเค้กพรรคเล็กตามสัดส่วน หวั่นป่วนแย่งเก้าอี้ ปธ. ก่อนชงเข้าที่ประชุมใหญ่ 10 ส.ค. พร้อมงัด พ.ร.บ.ติดหนวดเล่นงานคนเบี้ยวไม่มาชี้แจง
วันนี้ (7 ส.ค.) นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เปิดเผยถึงการประชุมตัวแทนของทุกพรรคการเมือง เพื่อหารือถึงการเลือกกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ในวันพรุ่งนี้ (8 ส.ค.) เวลา 13.30 น. ว่า ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ที่ทุกพรรคการเมืองต้องเข้ามามีส่วนร่วมเป็น กมธ.สามัญทั้ง 35 คณะ สำหรับสัดส่วนประธาน กมธ.สามัญนั้น เบื้องต้นได้คำนวณให้เป็นไปตามสัดส่วนของ ส.ส.ของพรรคการเมือง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย ได้ 19 คณะ พรรคประชาธิปัตย์ได้ 11 คณะ พรรคภูมิไทย ได้ 2 คณะ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และพรรคพลังชน ได้พรรคละ 1 คณะ ส่วนพรรครักประเทศไทยและพรรคประชาธิปไตยใหม่นั้นมีสัดส่วนไม่ถึงเกณฑ์ที่จะได้นั่งประธาน กมธ. จึงได้เพียงเป็น กมธ.เท่านั้น
นายเจริญกล่าวต่อว่า หากสัดส่วนประธานคณะ กมธ. ทุกพรรคเห็นตรงกันก็จะเป็นในส่วนของการเลือกว่าพรรคการเมืองใดจะได้คณะ กมธ.ใดบ้าง ซึ่งประเด็นดังกล่าวตนกังวลว่าจะเกิดข้อถกเถียงกันขึ้นได้ แต่หากสามารถตกลงกันได้ ขั้นตอนต่อไปคือกำหนดจำนวนสมาชิก กมธ. ว่าแต่ละพรรคได้จำโควต้ากี่คนต่อ 1 กมธ. จากนั้นจะให้ตัวแทนของพรรคการเมืองไปคัดสรร ส.ส.เข้ามาดำรงตำแหน่ง เบื้องต้นตนคาดว่าหากสามารถทำได้เร็ว ในวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งจะมีการประชุมสภาฯ เพื่อกำหนดวันนัดประชุมสภาฯ อาจนำเรื่องการตั้ง กมธ.มาพิจารณาและแต่งตั้งได้ทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่าในจำนวนของ กมธ.35 คณะมีผู้ท้วงติงว่าบางคณะนั้นมีความทับซ้อนเรื่องงาน เช่น กมธ.ปกครอง และกมธ.ปกครองส่วนท้องถิ่น นายเจริญกล่าวว่า ความเห็นส่วนตัวมองว่าการทำงานของแต่ละคณะ กมธ.นั้นมีความเหมาะสมแล้ว แต่หากงานตรวจสอบที่อาจมีการเรียกคนมาชี้แจงซึ่งมีความทับซ้อนกัน ผู้ที่มาชี้แจงอาจนำคำชี้แจงจากอีกคณะ มาตอบในอีกคณะได้ ทั้งนี้สภาฯชุดนี้ มี พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของ กมธ. จึงคาดว่าไม่มีปัญหา อีกทั้งเร็วๆ นี้จะมีการหารือกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อออกระเบียบในการออกหนังสือเชิญบุคคลมาชี้แจงในคณะกรรมการ
“ผมมองว่าคณะกรรมาธิการที่พูดกันว่ามีความทับซ้อนเรื่องภารกิจงานและเสนอให้ยุบรวมกันนั้น ไม่มีความจำเป็น ที่สำคัญหากมีการปรับลด จำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุมสภาฯ เพื่อแก้ไขข้อบังคับการประชุม ซึ่งอาจทำให้การแต่งตั้ง กมธ.นั้นล่าช้าเหมือนช่วงที่ผ่านมาได้” นายเจริญกล่าว
วันนี้ (7 ส.ค.) นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เปิดเผยถึงการประชุมตัวแทนของทุกพรรคการเมือง เพื่อหารือถึงการเลือกกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ในวันพรุ่งนี้ (8 ส.ค.) เวลา 13.30 น. ว่า ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ที่ทุกพรรคการเมืองต้องเข้ามามีส่วนร่วมเป็น กมธ.สามัญทั้ง 35 คณะ สำหรับสัดส่วนประธาน กมธ.สามัญนั้น เบื้องต้นได้คำนวณให้เป็นไปตามสัดส่วนของ ส.ส.ของพรรคการเมือง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย ได้ 19 คณะ พรรคประชาธิปัตย์ได้ 11 คณะ พรรคภูมิไทย ได้ 2 คณะ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และพรรคพลังชน ได้พรรคละ 1 คณะ ส่วนพรรครักประเทศไทยและพรรคประชาธิปไตยใหม่นั้นมีสัดส่วนไม่ถึงเกณฑ์ที่จะได้นั่งประธาน กมธ. จึงได้เพียงเป็น กมธ.เท่านั้น
นายเจริญกล่าวต่อว่า หากสัดส่วนประธานคณะ กมธ. ทุกพรรคเห็นตรงกันก็จะเป็นในส่วนของการเลือกว่าพรรคการเมืองใดจะได้คณะ กมธ.ใดบ้าง ซึ่งประเด็นดังกล่าวตนกังวลว่าจะเกิดข้อถกเถียงกันขึ้นได้ แต่หากสามารถตกลงกันได้ ขั้นตอนต่อไปคือกำหนดจำนวนสมาชิก กมธ. ว่าแต่ละพรรคได้จำโควต้ากี่คนต่อ 1 กมธ. จากนั้นจะให้ตัวแทนของพรรคการเมืองไปคัดสรร ส.ส.เข้ามาดำรงตำแหน่ง เบื้องต้นตนคาดว่าหากสามารถทำได้เร็ว ในวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งจะมีการประชุมสภาฯ เพื่อกำหนดวันนัดประชุมสภาฯ อาจนำเรื่องการตั้ง กมธ.มาพิจารณาและแต่งตั้งได้ทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่าในจำนวนของ กมธ.35 คณะมีผู้ท้วงติงว่าบางคณะนั้นมีความทับซ้อนเรื่องงาน เช่น กมธ.ปกครอง และกมธ.ปกครองส่วนท้องถิ่น นายเจริญกล่าวว่า ความเห็นส่วนตัวมองว่าการทำงานของแต่ละคณะ กมธ.นั้นมีความเหมาะสมแล้ว แต่หากงานตรวจสอบที่อาจมีการเรียกคนมาชี้แจงซึ่งมีความทับซ้อนกัน ผู้ที่มาชี้แจงอาจนำคำชี้แจงจากอีกคณะ มาตอบในอีกคณะได้ ทั้งนี้สภาฯชุดนี้ มี พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของ กมธ. จึงคาดว่าไม่มีปัญหา อีกทั้งเร็วๆ นี้จะมีการหารือกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อออกระเบียบในการออกหนังสือเชิญบุคคลมาชี้แจงในคณะกรรมการ
“ผมมองว่าคณะกรรมาธิการที่พูดกันว่ามีความทับซ้อนเรื่องภารกิจงานและเสนอให้ยุบรวมกันนั้น ไม่มีความจำเป็น ที่สำคัญหากมีการปรับลด จำเป็นต้องนำเข้าที่ประชุมสภาฯ เพื่อแก้ไขข้อบังคับการประชุม ซึ่งอาจทำให้การแต่งตั้ง กมธ.นั้นล่าช้าเหมือนช่วงที่ผ่านมาได้” นายเจริญกล่าว
