นักวิชาการ แนะใช้ กม.นิรโทษต้องมีเหตุผลที่สมควร ผู้มีอำนาจไม่ควรใช้เพื่อช่วยให้ตัวเองพ้นผิด เตือนนิรโทษพร่ำเพรื่อจะเกิดการกระทำผิดซ้ำๆ ระบุการทำชั่วโดยคิดไตร่ตรองไว้ก่อนไม่ควรได้รับการนิรโทษ ซัด “นช.แม้ว” เลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ป จุดเริ่มต้นชนวนความขัดแย้ง
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีการจัดเสวนาวิชาการ เนื่องในวันรพี 54 เรื่อง “นิรโทษกรรม...ทางออกหรือทางตัน” โดยนายกิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรรมศาสตร์ กล่าวว่า การออกกฎหมายนิรโทษกรรมไม่ใช่แนวทางนำไปสู่ความปรองดอง การจะใช้กฎหมายนี้ต้องมีเหตุผลที่สมควร อย่างเช่นเหตุึการณ์ปราบปรามนักศึกษา เมื่อ 6 ตุลา 2519 จากนั้นรัฐบาลออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ทุกฝ่าย หรือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ก็มีการนิรโทษกรรมให้ตำรวจ ทหาร ซึ่งแม้รัฐสภาจะไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ก่อผลใดๆ
กฎหมายนี้จะมีภยันตรายหากใช้ในทางที่ผิด สิ่งไม่พึงกระทำคือ ผู้มีอำนาจนิรโทษกรรมให้ตัวเอง พร้อมยกนักปราชญ์อย่างเพลโต เคยกล่าวไว้ว่า การกระทำความผิดคือความเลวอันดับสอง แต่อันดับหนึ่งคือ การไม่ลงโทษคนกระทำผิด ส่วนเอมมานูเอล คาลซ์ ระบุว่า หากนิรโทษกรรมบ่อยๆ เจ้าหน้าที่รัฐจะละเลยในการเอาผิดคนที่กระทำผิด และการปรองดองจะไม่เกิดขึ้นหากไม่มองความจริง หากทุกฝ่ายในสังคมประสงค์ที่จะอยู่ร่วมกันภายใต้กฎหมาย ไม่ใช่บังคับกับคนอ่อนแอแต่ยกเว้นกับคนที่มีอำนาจและรวย
นายกิตติศักดิ์กล่าวอีกว่า ความคิดปรองดองมีสองปีกคือ ปีกซ้ายคือให้อภัยแบบสุดปีก คือ ออกฎหมายอภัยโทษอย่างมองข้ามความผิดไปเลย แต่ต้องแสวงหาความจริงก่อน ส่วนอีกปีกหนึ่ง คือ ปีกขวาที่ต้องเยียวยาและสอบสวน ซักฟอกความคิดว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก รวมทั้งฟ้องร้องดำเนินคดี จากนั้นค่อยคิดว่าจะให้อภัยกันหรือไม่ แต่การกระทำที่มีความชั่วในตัวที่มีความคิดไตร่ตรองตั้งใจกระทำผิด เช่น คนวางแผนให้ผู้ชุมนุมตีกัน นำระเบิดไปยิงโดยไม่แสดงตัวให้สังคมแตกแยก คนพวกนี้ไม่ควรได้รับการนิรโทษ
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฟังสิ่งที่นายกิติศักดิ์พูดเเล้ว ตนเข้าใจว่านิรโทษกรรมน่าจะเป็นทางตัน การทำงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือต้นเหตุความขัดแย้งที่ต้องกลับไปมอง เพราะตอนนั้นตนเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านที่คัดค้านการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือ การให้พม่ากู้เงินแบบมีผลประโยชน์ทับซ้อนแต่ค้านไม่สำเร็จ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้อำนาจฝ่ายบริหารจนฝ่ายค้านตรวจสอบไม่ได้ ต่อมาพรรคไทยรักไทยเป็นรับบาลสมัยที่สอง จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณขายหุ้นและซุกหุ้นให้เทมาเสกแบบไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว ตรงนี้คือความขัดแย้งที่เกิดขึ้นแบบรุนแรงสุด เพราะประชาชนมองว่า ไม่เป็นธรรม
พล.ท.พีรพงษ์ มานะกิจ อนุกรรมการด้านการศึกษาวิจัยและกิจกรรมทางวิชาการ คอป. กล่าวว่า บริบทของทุนนั้นควรไปหาให้ได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รวยสุดในประเทศไทยจริงหรือไม่ แต่บางคนไม่มีตำแหน่งกลับมีอำนาจมาก เราต้องศรัทธาในประชาธิไตยและเศรษฐกิจในระยะยาวที่โครงสร้างต้องกระจายตัว แต่โครงสร้างของสังคมไทยมันขัดกัน คือทุนเก่ากับทุนใหม่ที่ขัดกัน เพราะมีเท้าที่มองไม่เห็น การสลายการชุมนุมครั้งที่แล้วไม่มีคำขอโทษแต่มีแค่คำว่าเสียใจเท่านั้น หากตนเป็นรัฐบาลแล้วเกิดเหตุแบบนั้นก็ลาออกไปแล้ว แต่วันนั้นฝ่ายการเมืองควรมีฝ่ายข้อมูลในสถานการณ์ช่วงนั้นประเมินสถานการณ์ด้วย ทหารไทยไม่มีระบบทบทวนคำสั่งของผู้บังคับบัญชาและยังมีวัฒนธรรมว่าคำสั่งผู้บังคับบัญชาคือคำสั่งสวรรค์ และรุ่นพี่เลวที่สุดยังดีกว่ารุ่นน้องที่ดีที่สุดอยู่ในระบบ ตรงนี้ต้องปฏิรูปกองทัพไปด้วย
จากนั้นนายกิตติศักดิ์ได้กล่าวโดยสรุปว่า นิรโทษกรรมนั้นมันขัดหลักนิติรัฐ เพราะเมื่อใดที่มีการยกเว้นก็จะมีการหาช่องทางยกเว้นการกระทำผิดแบบซ้ำๆ อย่างแยบยลต่อไปเรื่อยๆ และจะอ้างแบบนี้อีก แต่มีข้อยกเว้นว่าการนิรโทษกรรมนั้นเป็นการคุ้มครองรัฐธรรมนูญเพื่อใช้แก้ไขรูรั่วของกฎหมายบางข้อที่ไม่ชัดเจนนั้น มันต้องดำเนินการโดยแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ โดยต้องดำเนินการให้เป็นธรรม
