12 ก.ค.2554/ในเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ประกาศรับรองความเป็น ส.ส.ให้ว่าที่นายกฯ “รักยิ่ง รักยิ่ง...รัก...ยิ่งลักษณ์” ของคนเสื้อแดง พร้อมกับ ส.ส.ล็อตแรก 358 คนได้ แม้ด้านหนึ่งอาจจะทำให้คุณปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระวนกระวายใจอยู่บ้าง แต่ในอีกด้านหนึ่งก็น่าจะทำให้เธอง่ายต่อการตอบคำถามนักข่าวเกี่ยวกับโผ ครม.ชุดใหม่หรือ ครม.คณะที่ 60 ของประเทศไทย...
เพราะคำตอบแบบบะหมี่สำเร็จรูปก็คือ...คงต้องรอให้ กกต.ประกาศผลรับรองก่อนค่ะ ถึงจะพูดอะไรที่ชัดเจนได้มากขึ้น....
ในฐานะที่ผมแอบฟังเพลง “หนึ่งนารี” ที่สดุดีคุณปูอยู่บ่อยๆ พอได้ยินข่าวว่านอกจากเธอจะเป็นว่าที่นายกฯ หญิงคนแรกของประเทศไทยแล้ว เธออาจจะควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม กำกับดูแลกองทัพไทยอีกต่างหาก...โดยจะให้พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี เป็น รมช.หรือเป็นตัวช่วยเป็นตัวแทนคอยดูแลอยู่อีกชั้นหนึ่ง ความรู้สึกแรกก็บอกตัวเองว่า...เป็นไปไม่ได้และไม่ควรเป็นเช่นนั้น...
อย่างไรก็ตาม หากย้อนมองอดีตในรอบ 10 ปีของรัฐบาลไทยที่ผ่านมาจะพบว่า...
รัฐบาลทักษิณ 2 รอบ (หลังการเลือกตั้ง 2544 และ 2548) ทักษิณ ชินวัตร มีรมว.กลาโหม 3 คนในต่างกรรมต่างวาระ คือพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา, พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร และพล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันต์
รัฐบาลสุรยุทธ์ หลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ใช้บริการ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์
รัฐบาลสมัคร (ก.พ. 2551- ก.ย. 2551) สมัคร สุนทรเวช นายกฯ นั่งควบด้วยตัวเอง
รัฐบาลสมชาย (ก.ย. 2551- ธ.ค.2551) สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ว่าการเอง เช่นเดียวกัน
กระทั่ง..รัฐบาลอภิสิทธิ์ (ธ.ค. 2551-ปัจจุบัน) พี่เอื้อยแห่ง “พยัคฆ์บูรพา” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ.นั่งว่าการฯ และมีข่าวลือว่าท่านยังเป็น 1 ใน 12 พลเอกที่ติดโผ รมว.กลาโหมของรัฐบาล รัก..ยิ่งลักษณ์ อีกด้วย
จริงๆ นะครับ วันก่อนมีสื่อบางฉบับได้รวบรวมแคนดิเดตตำแหน่ง รมว.กลาโหมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่าถึงขณะนี้มีมากถึง 12 คน
พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี, พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร, พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา, พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี, พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์, พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์, พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์, พล.อ.อู๊ด เบื้องบน, พล.อ.พรชัย กรานเลิศ, พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร...
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเป็นคนที่ 13 สำหรับแคนดิเดตว่าที่ รมว.กลาโหม
ผมคร้านที่จะคาดเดาว่าแล้วที่สุดใครจะเข้าป้าย รมว.กลาโหมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะเป็น 1 ในโหลรายชื่อที่เอ่ยมาหรือไม่ แต่ไม่เชื่อว่าคุณยิ่งลักษณ์เธอจะอาจหาญหรือถูกมนต์สะกดให้นั่งควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม แต่ถ้าความเชื่อผมผิดก็ต้องขอบิณฑบาตกันตรงนี้ว่า...อย่าทำเลย
ไม่ต้องไปเลียนแบบอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย, นายกฯ สมัคร หรือนายกฯ สมชาย แต่ควรเดินตามรอยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ไม่ต้องออกแรงถ่างขาควบเก้าอี้ตัวนี้
เหตุผลหลักของผมที่ไม่เห็นด้วยก็คือ...เอาพลังสมองสติปัญญาสมาธิไปบริหารราชการบ้านเมืองในเรื่องอื่นๆ สร้างจุดแข็งจุดขายให้ตัวเองเถอะ แค่สัญญาประชาคมที่ประกาศวิสัยทัศน์ประเทศไทยไว้ 22 รายการ ทำให้ได้แค่ 1 ใน 4 ผมก็คิดว่าเก่งแล้วหรือทำให้มิตรรักแฟนเพลง “หนึ่งนารี” เป็นปลื้มกันแล้ว …
ดังนั้นระหว่างรอการประกาศการรับรองความเป็น ส.ส.จาก กกต.แม้แทบทุกคำถามคุณปูจะบอกว่าต้องรอประกาศผลก่อน...แต่กับคำถามข่าวลือจะนั่งควบกลาโหมตอบไปเลยครับว่า...ไม่คิดและไม่เอาเด็ดขาด พรรคเพื่อไทยมีผู้ที่เหมาะสมกับเก้าอี้ตัวนี้จำนวนมาก...แต่รอให้พี่แม้ว..เอ๊ย กรรมการพรรคเคาะกันอีกทีหนี่ง....
ต้องยอมรับว่าเก้าอี้ รมว.กลาโหม เป็นที่สนใจของคนทั่วไปมากเป็นพิเศษ เป็นเพราะก่อนการเลือกตั้ง 3 ก.ค. 2554 มีการตั้งประเด็นกันว่า หากพรรคเพื่อไทยภายใต้คำขวัญ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ชนะการเลือกตั้ง คงจะมีการเช็กบิลจัดระเบียบขั้วอำนาจในกองทัพหรือกลาโหมกันใหม่ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การรัฐประหารล้างแค้นกันไปล้างแค้นกันมาอีกครั้ง...หรืออย่างน้อยที่สุดน่าจะทำให้แนวรบด้านกองทัพร้อนระอุ เพราะพรรคเพื่อไทยจะต้องส่งทหารแตงโมมาคุมกองทัพให้ “พยัคฆ์บูรพา” หรือ “วงศ์เทวัญ” อกสั่นขวัญแขวนกันเป็นแน่...
ในความเป็นจริงลึกๆ มันอาจจะมีเชื้อดังกล่าวอยู่ไม่น้อย...แต่ในความเป็นจริงที่มันต้องดำเนินไป สถานการณ์มันไม่อนุญาตให้ฝ่ายการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง และกำลังจัดตั้งรัฐบาลเหิมเกริมทำตามใจตัวเองได้ทั้งหมด และกองทัพไทยทหารไทยถึงแม้ในยุคหลังๆ จะไม่เป็นปึกแผ่นแน่นหนา มีอาการ “แตกจากภายใน” ค่อนข้างมากก็ตาม แต่ถึงยังไงก็ยังเป็นเสาหลักสำคัญสำหรับงานด้านความมั่นคง...
ที่สำคัญ ยังเป็นเสาหลักในการพิทักษ์ปกป้องสถาบันราชบัลลังก์...
คนอย่างทักษิณ ชินวัตร ถึงแม้จะถูกรัฐประหารกระเด็นกระดอนจากเก้าอี้ต้องระเหเร่ร่อนอยู่ต่างแดน แม้ลึกๆ อาจจะมีความเจ็บลึกอยู่ไม่น้อยแต่เวลาที่ผ่านไป 5 ปีก็น่าที่จะสรุปอะไรต่อมิอะไรได้พอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประเด็นกองทัพว่าควรจะอย่างไรแค่ไหน...ดังนั้นรอบนี้เราจึงไม่ค่อยได้ยินได้เห็นความแข็งกร้าวอหังการของทักษิณ ซึ่งผมต้องบอกว่าดีแล้วที่เป็นเช่นนั้น....และผมเชื่อว่าระดับทักษิณก็ต้องสื่อข่าวส่งความส่งสัญญาณถึงผู้มีอำนาจในกองทัพแล้วว่าแต่ละฝ่ายจะมีเส้นแบ่งเส้นหลังหรืออยู่ร่วมกันอย่างไร...!?
แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็ต้องรอดูการตัดสินใจเคาะสุดท้าย ตำแหน่ง รมว.กลาโหม กันอีกครั้ง...
ก็ต้องบอกคุณ “หนึ่งนารี” บอกพรรคพรรคเพื่อไทยว่า ถ้าอยากจะเอาชนะใจคนส่วนใหญ่ก็ต้องทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่คาดคิด...
ในเมื่อคนส่วนใหญ่หรือจำนวนไม่น้อยคาดคิดว่ารัฐบาล “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” จะต้องเข้ามาล้างบางกองทัพแบบ “ทีใครทีมัน” ก็ต้องคัดสรรผู้เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งนี้และทำในสิ่งตรงข้าม นั่นคือกระชับความสามัคคีคนในกองทัพ ให้เป็นสถาบันหลักในการปกป้องสถาบัน บริหารแบบมืออาชีพหรือทหารอาชีพ ใช้งบประมาณปีละเกือบ 2 แสนล้านบาทให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผล ปฏิรูปกองทัพ ปรับปรุงงานด้านความมั่นคงที่ยังมีจุดอ่อนมีความหละหลวมอีกมากมายหลายประการ...
ก้าวข้ามความคิดที่จะเอากองทัพไปรับใช้งานการเมืองหรือการเลือกตั้งครั้งต่อไปให้ได้...
ทำให้กองทัพเป็น “ทหารอาชีพ” ไม่ใช่ทหารแตงโม ทหารแตงกวา ทหารแตงไทย ทหารปูแดง ทหารปูดอง และทหารเซ็งลี้ให้จงได้.
samr_rod@hotmail.com
เพราะคำตอบแบบบะหมี่สำเร็จรูปก็คือ...คงต้องรอให้ กกต.ประกาศผลรับรองก่อนค่ะ ถึงจะพูดอะไรที่ชัดเจนได้มากขึ้น....
ในฐานะที่ผมแอบฟังเพลง “หนึ่งนารี” ที่สดุดีคุณปูอยู่บ่อยๆ พอได้ยินข่าวว่านอกจากเธอจะเป็นว่าที่นายกฯ หญิงคนแรกของประเทศไทยแล้ว เธออาจจะควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม กำกับดูแลกองทัพไทยอีกต่างหาก...โดยจะให้พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี เป็น รมช.หรือเป็นตัวช่วยเป็นตัวแทนคอยดูแลอยู่อีกชั้นหนึ่ง ความรู้สึกแรกก็บอกตัวเองว่า...เป็นไปไม่ได้และไม่ควรเป็นเช่นนั้น...
อย่างไรก็ตาม หากย้อนมองอดีตในรอบ 10 ปีของรัฐบาลไทยที่ผ่านมาจะพบว่า...
รัฐบาลทักษิณ 2 รอบ (หลังการเลือกตั้ง 2544 และ 2548) ทักษิณ ชินวัตร มีรมว.กลาโหม 3 คนในต่างกรรมต่างวาระ คือพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา, พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร และพล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันต์
รัฐบาลสุรยุทธ์ หลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ใช้บริการ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์
รัฐบาลสมัคร (ก.พ. 2551- ก.ย. 2551) สมัคร สุนทรเวช นายกฯ นั่งควบด้วยตัวเอง
รัฐบาลสมชาย (ก.ย. 2551- ธ.ค.2551) สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ว่าการเอง เช่นเดียวกัน
กระทั่ง..รัฐบาลอภิสิทธิ์ (ธ.ค. 2551-ปัจจุบัน) พี่เอื้อยแห่ง “พยัคฆ์บูรพา” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ.นั่งว่าการฯ และมีข่าวลือว่าท่านยังเป็น 1 ใน 12 พลเอกที่ติดโผ รมว.กลาโหมของรัฐบาล รัก..ยิ่งลักษณ์ อีกด้วย
จริงๆ นะครับ วันก่อนมีสื่อบางฉบับได้รวบรวมแคนดิเดตตำแหน่ง รมว.กลาโหมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่าถึงขณะนี้มีมากถึง 12 คน
พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี, พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร, พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา, พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี, พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์, พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์, พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์, พล.อ.อู๊ด เบื้องบน, พล.อ.พรชัย กรานเลิศ, พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร...
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเป็นคนที่ 13 สำหรับแคนดิเดตว่าที่ รมว.กลาโหม
ผมคร้านที่จะคาดเดาว่าแล้วที่สุดใครจะเข้าป้าย รมว.กลาโหมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะเป็น 1 ในโหลรายชื่อที่เอ่ยมาหรือไม่ แต่ไม่เชื่อว่าคุณยิ่งลักษณ์เธอจะอาจหาญหรือถูกมนต์สะกดให้นั่งควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม แต่ถ้าความเชื่อผมผิดก็ต้องขอบิณฑบาตกันตรงนี้ว่า...อย่าทำเลย
ไม่ต้องไปเลียนแบบอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย, นายกฯ สมัคร หรือนายกฯ สมชาย แต่ควรเดินตามรอยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ไม่ต้องออกแรงถ่างขาควบเก้าอี้ตัวนี้
เหตุผลหลักของผมที่ไม่เห็นด้วยก็คือ...เอาพลังสมองสติปัญญาสมาธิไปบริหารราชการบ้านเมืองในเรื่องอื่นๆ สร้างจุดแข็งจุดขายให้ตัวเองเถอะ แค่สัญญาประชาคมที่ประกาศวิสัยทัศน์ประเทศไทยไว้ 22 รายการ ทำให้ได้แค่ 1 ใน 4 ผมก็คิดว่าเก่งแล้วหรือทำให้มิตรรักแฟนเพลง “หนึ่งนารี” เป็นปลื้มกันแล้ว …
ดังนั้นระหว่างรอการประกาศการรับรองความเป็น ส.ส.จาก กกต.แม้แทบทุกคำถามคุณปูจะบอกว่าต้องรอประกาศผลก่อน...แต่กับคำถามข่าวลือจะนั่งควบกลาโหมตอบไปเลยครับว่า...ไม่คิดและไม่เอาเด็ดขาด พรรคเพื่อไทยมีผู้ที่เหมาะสมกับเก้าอี้ตัวนี้จำนวนมาก...แต่รอให้พี่แม้ว..เอ๊ย กรรมการพรรคเคาะกันอีกทีหนี่ง....
ต้องยอมรับว่าเก้าอี้ รมว.กลาโหม เป็นที่สนใจของคนทั่วไปมากเป็นพิเศษ เป็นเพราะก่อนการเลือกตั้ง 3 ก.ค. 2554 มีการตั้งประเด็นกันว่า หากพรรคเพื่อไทยภายใต้คำขวัญ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ชนะการเลือกตั้ง คงจะมีการเช็กบิลจัดระเบียบขั้วอำนาจในกองทัพหรือกลาโหมกันใหม่ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การรัฐประหารล้างแค้นกันไปล้างแค้นกันมาอีกครั้ง...หรืออย่างน้อยที่สุดน่าจะทำให้แนวรบด้านกองทัพร้อนระอุ เพราะพรรคเพื่อไทยจะต้องส่งทหารแตงโมมาคุมกองทัพให้ “พยัคฆ์บูรพา” หรือ “วงศ์เทวัญ” อกสั่นขวัญแขวนกันเป็นแน่...
ในความเป็นจริงลึกๆ มันอาจจะมีเชื้อดังกล่าวอยู่ไม่น้อย...แต่ในความเป็นจริงที่มันต้องดำเนินไป สถานการณ์มันไม่อนุญาตให้ฝ่ายการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง และกำลังจัดตั้งรัฐบาลเหิมเกริมทำตามใจตัวเองได้ทั้งหมด และกองทัพไทยทหารไทยถึงแม้ในยุคหลังๆ จะไม่เป็นปึกแผ่นแน่นหนา มีอาการ “แตกจากภายใน” ค่อนข้างมากก็ตาม แต่ถึงยังไงก็ยังเป็นเสาหลักสำคัญสำหรับงานด้านความมั่นคง...
ที่สำคัญ ยังเป็นเสาหลักในการพิทักษ์ปกป้องสถาบันราชบัลลังก์...
คนอย่างทักษิณ ชินวัตร ถึงแม้จะถูกรัฐประหารกระเด็นกระดอนจากเก้าอี้ต้องระเหเร่ร่อนอยู่ต่างแดน แม้ลึกๆ อาจจะมีความเจ็บลึกอยู่ไม่น้อยแต่เวลาที่ผ่านไป 5 ปีก็น่าที่จะสรุปอะไรต่อมิอะไรได้พอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประเด็นกองทัพว่าควรจะอย่างไรแค่ไหน...ดังนั้นรอบนี้เราจึงไม่ค่อยได้ยินได้เห็นความแข็งกร้าวอหังการของทักษิณ ซึ่งผมต้องบอกว่าดีแล้วที่เป็นเช่นนั้น....และผมเชื่อว่าระดับทักษิณก็ต้องสื่อข่าวส่งความส่งสัญญาณถึงผู้มีอำนาจในกองทัพแล้วว่าแต่ละฝ่ายจะมีเส้นแบ่งเส้นหลังหรืออยู่ร่วมกันอย่างไร...!?
แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็ต้องรอดูการตัดสินใจเคาะสุดท้าย ตำแหน่ง รมว.กลาโหม กันอีกครั้ง...
ก็ต้องบอกคุณ “หนึ่งนารี” บอกพรรคพรรคเพื่อไทยว่า ถ้าอยากจะเอาชนะใจคนส่วนใหญ่ก็ต้องทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่คาดคิด...
ในเมื่อคนส่วนใหญ่หรือจำนวนไม่น้อยคาดคิดว่ารัฐบาล “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” จะต้องเข้ามาล้างบางกองทัพแบบ “ทีใครทีมัน” ก็ต้องคัดสรรผู้เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งนี้และทำในสิ่งตรงข้าม นั่นคือกระชับความสามัคคีคนในกองทัพ ให้เป็นสถาบันหลักในการปกป้องสถาบัน บริหารแบบมืออาชีพหรือทหารอาชีพ ใช้งบประมาณปีละเกือบ 2 แสนล้านบาทให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผล ปฏิรูปกองทัพ ปรับปรุงงานด้านความมั่นคงที่ยังมีจุดอ่อนมีความหละหลวมอีกมากมายหลายประการ...
ก้าวข้ามความคิดที่จะเอากองทัพไปรับใช้งานการเมืองหรือการเลือกตั้งครั้งต่อไปให้ได้...
ทำให้กองทัพเป็น “ทหารอาชีพ” ไม่ใช่ทหารแตงโม ทหารแตงกวา ทหารแตงไทย ทหารปูแดง ทหารปูดอง และทหารเซ็งลี้ให้จงได้.
samr_rod@hotmail.com