xs
xsm
sm
md
lg

“ใจ” ย้อนศร “แม้ว-ปู” ร้องเก็บภาษีคนรวย ดักคอจับมืออำมาตย์ “เสื้อแดง” ต้องชุมนุมใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บทความ “ไปให้ (เกือบ) สุดกับ ‘ใจ อึ๊งภากรณ์’ : ‘เสื้อแดงสังคมนิยม’ ขอทวงความยุติธรรมและประชาธิปไตยจากรัฐบาลใหม่ของคุณยิ่งลักษณ์” ในเว็บไซต์ประชาไท
“ใจ” ทวงบุญคุณ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ชี้แกนนำไพร่เป็นอำมาตย์ไม่ได้ถ้าไม่มีเสื้อแดง เพ้อหนักให้ปล่อยนักโทษเสื้อแดง-หมิ่นเบื้องสูงทุกคน พร้อมยกเลิก ม.112-พ.ร.บ.คอมพ์ จับ “อภิสิทธิ์-สุเทพ-อนุพงษ์-ประยุทธ์” ขึ้นศาลคดีฆ่าเสื้อแดง ขุด รธน.40 กลับมาใช้ เปลี่ยนศาลเป็นระบบลูกขุน ขู่ถ้าหักหลังมวลชนไปจับมืออำมาตย์ เสื้อแดงม็อบใหญ่แน่

วานนี้ (3 ส.ค.) เว็บไซต์ประชาไท ได้เผยแพร่บทความในหัวข้อ “ไปให้ (เกือบ) สุดกับ ‘ใจ อึ๊งภากรณ์’ : ‘เสื้อแดงสังคมนิยม’ ขอทวงความยุติธรรมและประชาธิปไตยจากรัฐบาลใหม่ของคุณยิ่งลักษณ์” ของนายใจ ใจลส์ อึ๊งภากรณ์ อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ โดยกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งเพราะคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวต่อสู้และเสียสละมาตลอดช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอนนี้เมื่อเห็น ส.ส.และคณะรัฐมนตรีใหม่แต่งชุดเครื่องแบบสีขาวเดินเข้ารัฐสภาตามธรรมเนียมอำมาตย์ แต่คนเหล่านี้จะไม่มีตำแหน่งดังกล่าว ถ้าไม่มีขบวนการเสื้อแดง ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะต้องเตือนความจำรัฐบาลใหม่ว่า คนเหล่านี้จะต้องตอบแทนบุญคุณของมวลชนประชาชน

นายใจกล่าวต่อว่า ตนขอทวงความยุติธรรมและประชาธิปไตย คือ ต้องปล่อยนักโทษการเมืองเสื้อแดงทุกคน ไม่ใช่แค่แกนนำ และไม่ใช่แค่การประกันตัว แต่ต้องเลิกคดี เพราะเห็นว่าเป็นข้อหาทางการเมืองทั้งสิ้น และอ้างว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ทำความผิด รวมทั้งต้องปล่อยนักโทษกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 และยกเลิกกฎหมายดังกล่าวพร้อมกับ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ) โดยอ้างว่ากฎหมายดังกล่าวรวมถึงกฎหมายหมิ่นศาล เป็นอุปสรรคต่อเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพทางวิชาการ และความสามารถที่จะตรวจสอบองค์กรของรัฐ เพื่อความโปรงใส และอ้างว่ากฎหมายเหล่านี้ไม่มีในประเทศประชาธิปไตย ซึ่งไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยแท้ได้ ถ้ายังมีกฎหมายนี้อยู่ และไม่สามารถร่วมกันกำหนดอนาคตของระบบการปกครองไทยได้อีกด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลใหม่ต้องเลิกเซ็นเซอร์สื่ออย่างที่มีตั้งแต่ช่วงรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

ต่อมา นายใจเรียกร้องให้สร้างมาตรฐานสิทธิมนุษยชน โดยการนำนักการเมืองและนายพล (ทหาร) ที่มีส่วนในการสลายการชุมนุมที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์มาขึ้นศาล อย่างที่ประเทศ อียิปต์ เกาหลีใต้ และประเทศอื่นทำ และต้องนำ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.คนปัจจุบันมาขึ้นศาลโดยเร็ว รวมทั้งต้องมีกระบวนการที่ชัดเจนในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่นายใจเห็นว่าไม่ใช่รัฐธรรมนูญทหาร อาจนำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้แล้วแก้ให้ดีขึ้น หรืออาจร่างใหม่ แต่นายใจได้กล่าวว่า คราวนี้ชุมชนคนเสื้อแดงต้องมีส่วนสำคัญในทุกขั้นตอนของกระบวนการ ไม่ใช่ยกให้นักวิชาการหรือเอ็นจีโอที่นายใจเห็นว่าชื่นชมเผด็จการร่างแต่ฝ่ายเดียว

นอกจากนี้ นายใจได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปกองทัพและระบบศาลแบบถอนรากถอนโคน โดยต้องปลด พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. ต้องรับใช้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องนำทหารออกจากสื่อ และลดงบประมาณทหารให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้แทรกแซงการเมือง ต้องปลดผู้พิพากษาที่นายใจอ้างว่าสองมาตรฐานออก และนำระบบลูกขุนมาใช้เพื่อพิจารณาคดีสำคัญๆ รวมทั้งต้องสร้างสันติภาพในภาคใต้ และที่ชายแดนเขมร ด้วยมาตรการทางการเมืองที่ปฏิเสธการคลั่งชาติ ควรให้ทหารกลับกรมกอง เพื่อปูทางไปสู่สมัชชาประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง เพื่อกำหนดวิธีการปกครองที่ประชาชนเหล่านั้นต้องการ และในกรณีเขมร นายใจ เห็นว่า ควรร่วมพัฒนาเขาพระวิหารกับฝ่ายเขมรดังมิตรและเพื่อนบ้านที่ดี

อย่างไรก็ตาม นายใจเห็นว่าประเทศไทยต้องเริ่มสร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าและครบวงจร ผ่านการเก็บภาษีก้าวหน้าจากคนรวย เพื่อสร้าง “ความเป็นพลเมืองเท่าเทียมกัน” แทน “วัฒนธรรมเจ้ากับไพร่” และ ขบวนการทางสังคม เช่น สหภาพแรงงาน และกลุ่มชุมชน ต้องมีสิทธิเสรีภาพในการต่อรองตามมาตรฐานสากล การก่อตั้งสหภาพแรงงานและการนัดหยุดงานจะต้องไม่ถูกปราบปรามโดยรัฐหรือนายจ้าง และแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านต้องมีสิทธิร่วมเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานกับคนงานไทย

นายใจกล่าวในตอนท้ายว่า ถ้ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลือกที่จะหักหลังมวลชนเสื้อแดง และหันไปจับมือ “ปรองดอง” กับอำมาตย์ คนเสื้อแดงควรออกมาชุมนุมใหญ่จนกว่าจะได้ความยุติธรรมและประชาธิปไตย ซึ่งคนเสื้อแดงจะมีพลังยิ่งใหญ่ถ้าจับมือกับขบวนการแรงงาน และทหารเกณฑ์ระดับล่างในการต่อสู้ และเห็นว่า วีรชนคนเสื้อแดงต้องไม่ตายเปล่า

สำหรับบทความ “ไปให้ (เกือบ) สุดกับ “ใจ อึ๊งภากรณ์”: ‘เสื้อแดงสังคมนิยม’ ขอทวงความยุติธรรมและประชาธิปไตยจากรัฐบาลใหม่ของคุณยิ่งลักษณ์” มีเนื้อหาดังต่อไปนี้

“พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งเพราะคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวต่อสู้และเสียสละมาตลอดช่วงรัฐบาลเผด็จการทหารของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอนนี้เราเห็น ส.ส.และคณะรัฐมนตรีใหม่แต่งชุดเครื่องแบบสีขาวเดินเข้ารัฐสภาตามธรรมเนียมอำมาตย์ แต่เขาจะไม่มีตำแหน่งดังกล่าว ถ้าไม่มีขบวนการเสื้อแดง ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะต้องเตือนความจำรัฐบาลใหม่ว่า เขาต้องตอบแทนบุญคุณของมวลชนประชาชน เราขอทวงความยุติธรรมและประชาธิปไตยดังนี้

1.ต้องปล่อยนักโทษการเมืองเสื้อแดงทุกคน ไม่ใช่แค่แกนนำ และไม่ใช่แค่การประกันตัวเท่านั้น ต้องเลิกคดี เพราะข้อหาต่างๆ นานา ที่อำมาตย์ตั้งกับคนเสื้อแดง เป็นข้อหาทางการเมืองทั้งสิ้น คนของเราไม่ได้ทำความผิด

2.ต้องปล่อยนักโทษกฎหมายหมิ่นฯ (ม.112) ยกเลิกกฎหมายหมิ่นและกฏหมายคอมพิวเตอร์ที่ใช้ปิดปากประชาชนไทย การมีกฏหมายหมิ่นฯ รวมถึงกฎหมายหมิ่นศาล เป็นอุปสรรคต่อเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพทางวิชาการ และความสามารถของประชาชนที่จะตรวจสอบองค์กรของรัฐ เพื่อความโปรงใส กฎหมายเหล่านี้ไม่มีในประเทศประชาธิปไตย และเราจะไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยแท้ได้ถ้ายังมีกฏหมายนี้อยู่ และเราไม่สามารถร่วมกันกำหนดอนาคตของระบบการปกครองไทยได้อีกด้วย รัฐบาลใหม่ต้องเลิกเซ็นเซอร์สื่ออย่างที่อำมาตย์ทำมาตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยา

3.ต้องสร้างมาตรฐานสิทธิมนุษยชน โดยการนำนักการเมืองและนายพลที่มีส่วนในการฆ่าประชาชนที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์มาขึ้นศาล อย่างที่ประเทศ อียิปต์ เกาหลีใต้ และประเทศอื่นทำ ต้องนำ นายอภิสิทธิ์ สุเทพ เทือกสุบรรณ อนุพงษ์ เผ่าจินดา และประยุทธ์ จันทร์โอชา มาขึ้นศาลโดยเร็ว

4.ต้องมีกระบวนการที่ชัดเจนในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ไม่ใช่รัฐธรรมนูญทหาร อาจนำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้แล้วแก้ให้ดีขึ้น หรืออาจร่างใหม่ แต่คราวนี้ชุมชนคนเสื้อแดงต้องมีส่วนสำคัญในทุกขั้นตอนของกระบวนการ ไม่ใช่ยกให้นักวิชาการหรือเอ็นจีโอที่ชื่นชมเผด็จการร่างแต่ฝ่ายเดียว

5.ต้องมีการปฏิรูปกองทัพและระบบศาลแบบถอนรากถอนโคน ต้องปลด พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. ต้องรับใช้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องนำทหารออกจากสื่อ และลดงบประมาณทหารให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้แทรกแซงการเมือง ต้องปลดผู้พิพากษาสองมาตรฐานออก และนำระบบลูกขุนมาใช้เพื่อพิจารณาคดีสำคัญๆ

6.ต้องสร้างสันติภาพในภาคใต้ และที่ชายแดนเขมร ด้วยมาตรการทางการเมืองที่ปฏิเสธการคลั่งชาติ ควรให้ทหารกลับกรมกอง เพื่อปูทางไปสู่สมัชชาประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง เพื่อกำหนดวิธีการปกครองที่ประชาชนเหล่านั้นต้องการ และในกรณีเขมร เราควรร่วมพัฒนาเขาพระวิหารกับฝ่ายเขมรดังมิตรและเพื่อนบ้านที่ดี

7.ประเทศไทยต้องเริ่มสร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าและครบวงจร ผ่านการเก็บภาษีก้าวหน้าจากคนรวย เพื่อสร้าง “ความเป็นพลเมืองเท่าเทียมกัน” แทน “วัฒนธรรมเจ้ากับไพร่"

8.ขบวนการทางสังคม เช่น สหภาพแรงงาน และกลุ่มชุมชน ต้องมีสิทธิเสรีภาพในการต่อรองตามมาตรฐานสากล การก่อตั้งสหภาพแรงงานและการนัดหยุดงานจะต้องไม่ถูกปราบปรามโดยรัฐหรือนายจ้าง และแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านต้องมีสิทธิร่วมเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานกับคนงานไทย

ถ้ารัฐบาลใหม่เลือกที่จะหักหลังมวลชนเสื้อแดง และหันไปจับมือ “ปรองดอง” กับอำมาตย์ เราคนเสื้อแดงควรออกมาชุมนุมใหญ่จนกว่าเราจะได้ความยุติธรรมและประชาธิปไตย

คนเสื้อแดงจะมีพลังยิ่งใหญ่ถ้าจับมือกับขบวนการแรงงาน และทหารเกณฑ์ระดับล่างในการต่อสู้

วีรชนคนเสื้อแดงต้องไม่ตายเปล่า!!!

วีรชนคนเสื้อแดงต้องไม่ถูกขังลืม!!!”
นายใจ ใจลส์ อึ๊งภากรณ์ อดีตอาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ และผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่หลบหนีคดีในต่างประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น