ช่วงเย็นย่ำของวันจันทร์ที่ 8 สิงหาคมนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มตัวแล้ว เชื่อว่าตลอดทั้งคืนวันที่ 8 สิงหาคมจนถึงช่วงสายวันอังคารที่ 9 สิงหาคม
การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีใน ครม.ยิ่งลักษณ์ 1 ก็จะทำการเคาะโผรอบสุดท้ายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นจะมีแรงกระเพื่อมหลายระลอกไม่จบสิ้น จนทำให้โผ ครม.กว่าจะเสร็จอาจล่าช้าออกไป
เห็นได้จากช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า โผรอบสุดท้ายก็ยังไม่นิ่ง มีการปรับเปลี่ยนทั้งตัวคนและตำแหน่งในช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมากันหลายตำแหน่ง
แถมยังมีข่าวเรื่องความขัดแย้งกันเองภายในครอบครัว “ชินวัตร” ที่ข่าวบอกว่าทักษิณ ชินวัตรกับยิ่งลักษณ์เห็นอย่างหนึ่ง แต่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อยากได้อีกแบบหนึ่ง เป็นประเด็นขัดใจกันในเรื่องการจัดทีมเศรษฐกิจและรัฐมนตรีสายมั่นคง ในมหาดไทยและกลาโหม
เพราะฝ่ายทักษิณกับยิ่งลักษณ์กับฝั่งคุณหญิงอ้อคิดไม่เหมือนกัน
ข่าวเรื่องสองฝั่งอำนาจในพรรคเพื่อไทยเห็นไม่ตรงกันในการทำโผ ครม. ถูกพูดถึงทั้งในพรรคเพื่อไทยลามไปถึงแวดวงธุรกิจ ตำรวจ ทหาร
นอกจากนั้นยังมาเจอปัญหาคนที่วางตัวไว้โดยเฉพาะคนนอกที่ไปทาบทามเอาไว้เริ่มมีท่าทีอิดออดตาม วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ปฏิเสธเทียบเชิญช่วงโค้งสุดท้าย
เลยทำให้หลายตำแหน่งต้องปรับเปลี่ยนไปมาหลายรอบ แต่เชื่อว่าไม่เกินช่วงสายของ 9 สิงหาคม ทุกอย่างน่าจะตกผลึก
ที่ต้องพูดถึงมากสักหน่อยก็คือ แคนดิเดตรัฐมนตรีบางคน ที่ดูทางข่าวแล้วไม่น่าจะพลาดในการได้เป็นรัฐมนตรี เห็นแล้วมันปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นการตอบแทนและเล่นพรรคเล่นพวกมากเกินไป
อย่างกรณี ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตเลขาธิการคณะกรรมการสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่งหมาดๆ เพื่อมารอเป็นว่าที่รัฐมนตรีในกระทรวงการคลังที่เดิมมีข่าวจะได้แค่ รมช.คลังแต่ตอนนี้มีโอกาสข้ามชั้นเป็นรมว.คลัง
รายนี้แค่เห็นหน้าก็มีเงาระบอบทักษิณอยู่ข้างหลังแล้ว เนื่องจากหากย้อนดูหลายต่อหลายกรณีไล่ตั้งแต่สมัยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) สอบเรื่องหุ้นชินคอร์ปจนนำไปสู่การตัดสินยึดทรัพย์ทักษิณ 4.6 หมื่นล้าน
พบว่า คตส.เรียกธีระชัยไปสอบหลายชั่วโมง แต่ธีระชัยไม่ให้ความร่วมมืออะไรเลยในการให้ข้อมูลเรื่องการซุกหุ้นขายหุ้นของทักษิณและคนในครอบครัวซึ่งก็มียิ่งลักษณ์ที่เป็นนอมินีถือหุ้นชินคอร์ป 20 ล้านหุ้นให้ทักษิณรวมอยู่ด้วย
ล่าสุด สดๆ ร้อน ๆ ก็คือ การออกมาปกป้องยิ่งลักษณ์ ในข้อกล่าวหาเรื่องมีส่วนร่วมในการซุกหุ้นชินคอร์ป และคดีเอสซี แอสเซท ที่กลุ่มเครือข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษกรรมคอร์รัปชันทักษิณ (คนท.) ไปเรียกร้องให้ ก.ล.ต.เอาผิดยิ่งลักษณ์ตามคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ฯ
บทสรุปเรื่องนี้ ก.ล.ต.ออกแถลงการณ์อุ้มยิ่งลักษณ์เต็มสูบในช่วงเลือกตั้งว่า ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะคดีสิ้นสุดแล้ว
ซึ่งตอนนั้นก็มีการคาดการณ์กันไว้แล้วว่า หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ธีระชัยต้องมีตำแหน่งในรัฐบาลยิ่งลักษณ์แน่นอน แล้วก็เป็นจริง
ส่วนอดีตคน ก.ล.ต.อีกคนที่มีข่าวจะมีตำแหน่งในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็คือ “เสี่ยโต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เจ้าของวลีเด็ด “ติ๊กผิด”
คำนี้เกิดขึ้นตอนที่มีการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปของนายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ให้กับเทมาเส็กเมื่อปี 2549 ที่มีการตรวจสอบพบว่าทั้งสองคนแจ้งข้อมูลการซื้อขายหุ้นต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ตรงกับความเป็นจริง หลังมีข่าวตอนแรกกิตติรัตน์ออกมาการันตีว่าตรวจสอบแล้วไม่พบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปผิดปกติ
แต่ต่อมาพบหลักฐานชัดว่า การขายหุ้นชินคอร์ปในส่วนของแอมเพิลริช มีการแจ้งไม่ตรงกับความจริง กิตติรัตน์เลยอ้างว่าเหตุที่ผิดพลาดเพราะติ๊กผิด
ตอนนี้ทั้ง “กิตติรัตน์-ธีระชัย” จะมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์พร้อมกัน มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่ง่ายนัก ถ้าไม่ใช่เพราะเกิดจากการตอบแทนกัน
อีกหนึ่งการตอบแทนที่มีชื่อมาโผล่เอาช่วงสุดท้าย แม้ยังเป็นกระแสข่าวอยู่ ไม่อาจยืนยันได้ว่าจริงหรือไม่ แต่ก็น่าพูดถึงไม่น้อย คือข่าวที่ว่า พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต จเรทหารทั่วไป เพื่อนร่วมรุ่นเตรียม 10 กับทักษิณ มีชื่ออาจส้มหล่นตีนบวมได้เป็น รมว.คมนาคม!
ที่ว่าเป็นการตอบแทน ก็เพราะ พล.อ.อ.สุกำพล หรือ “บิ๊กโอ๋” ทักษิณ เคยวางตัวไว้ให้เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ ต่อจากพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ทว่า “บิ๊กโอ๋” ไปไม่ถึงฝัน เพราะทักษิณโดน คมช.ทำรัฐประหาร
พล.อ.อ.สุกำพล อดีต ผช.ผบ.ทอ.และเสนาธิการทหารอากาศ ต้องชอกช้ำ กระเด็นจาก 5 เสือทัพฟ้าไปเข้ากรุเป็นที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และจเรทหารทั่วไป เหลือเดือนหน้าก็จะเกษียณอายุแล้ว
ชะตากรรมของ “บิ๊กโอ๋” ทำให้ทักษิณเห็นใจเพื่อนรักทัพฟ้าคนนี้มาก เลยมีข่าวจะให้เป็น รมว.คมนาคม เพื่อปลอบใจเพื่อนรักหลังเกษียณ อีกทั้งยังไว้ใจได้ สั่งได้ คุยรู้เรื่อง มีหรือทักษิณจะไม่หนุน แต่ยังติดที่คนในพรรคยังไม่โอเค
สำหรับ พล.อ.อ.สุกำพลคนนี้ ชาวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจดจำกันได้ดี เพราะเมื่อหลายปีที่แล้ว ถูกพันธมิตรฯ ออกมาเปิดเผยพร้อมเอกสารทางราชการว่ากองทัพอากาศได้นำเครื่องบินซี 130 ของกองทัพอากาศไปรับแขกของนาง มณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล ชินวัตร น้องสาวทักษิณ พี่สาวยิ่งลักษณ์ เพื่อขนคนไปร่วมงานวันเกิดและขึ้นบ้านใหม่ของมณฑาทิพย์ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2548
ข้อมูลที่พันธมิตรฯ นำมาเปิดเผยตอนนั้น สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองและทางกองทัพอย่างมาก กับการเอาเครื่องบินซี 130 ของราชการไปอำนวยความสะดวกให้แขกของนางมณฑาทิพย์ น้องสาวทักษิณที่เป็นนายกรัฐมนตรี
ซึ่งตอนนั้น พล.อ.อ.สุกำพล เป็นเสนาธิการทหารอากาศ จึงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
สิ่งที่สังคมวิจารณ์กันหนักก็คือ หากบิ๊กทัพฟ้าอย่าง พล.อ.อ.สุกำพล ไม่ใช่เพื่อน ตท.10 กับ ทักษิณและไม่ใช่เพื่อนร่วมรุ่น วปอ.กับมณฑาทิพย์ หรือ “พี่แป๊ว” ของน้องปูแล้ว
เครื่องบินซี 130 ของ ทอ.จะถูกนำมาใช้เพื่อภารกิจแบบนี้ได้อย่างไร
หากโผ ครม.ยิ่งลักษณ์มีชื่อ “ธีระชัย-กิตติรัตน์-พล.อ.อ.สุกำพล” จริง เมื่อดูจากที่มาที่ไปของทั้งสามคนกับทักษิณและยิ่งลักษณ์ ก่อนจะได้เป็นรัฐมนตรีใน ครม.ยิ่งลักษณ์
เสียงวิจารณ์ ครม.ต่างตอบแทน ยิ่งลักษณ์คงปฏิเสธไม่ได้ เถียงไม่ขึ้น
