xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.อ้างไม่มีล็อบบี้ตั้งเลขาฯ “เทพไท” ยันไม่ใช่เก้าอี้ของ ส.ส.ใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เทพไท เสนพงศ์  (แฟ้มภาพ)
ปชป.ยันไม่มีล็อบบี้ เลือก กก.บห.ชุดใหม่ เชื่อ “อภิรักษ์” ไม่หลุดโผแคนดิเดตเลขาธิการพรรค แม้ถูก ป.ป.ช.ฟ้องคดีรถดับเพลิง อ้างตำแหน่งในพรรคคนละมาตรฐานกับตำแหน่งทางการเมือง ด้าน “เทพไท” เผย ส.ส.ใต้กินข้าวบ้าน “สุเทพ” เพื่อขอบคุณหลังเลือกตั้ง ไม่เกี่ยววางตัวเลขาธิการพรรคคนใหม่ เชื่อสมาชิกมีวุฒิภาวะพอ บอกตำแหน่งแม่บ้านพรรคไม่จำเป็นต้องให้ ส.ส.ใต้

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ รักษาการโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมใหญ่วิสามัญของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 ส.ค.นี้ว่า ถือว่าเป็นกลไกสำคัญของสถาบันพรรคการเมืองในการให้ที่ประชุมซึ่งประกอบไปด้วย ส.ส. ประธานสาขาพรรค ตัวแทนองค์กรส่วนท้องถิ่น และจากทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งกระบวนดังกล่าวถือเป็นแบบอย่างที่พรรคจะสร้างผู้นำทุกรุ่น เปิดโอกาสในการแสดงความคิดเห็นต่อตำแหน่งที่มีความสำคัญเหมือนกับตลอดเวลาการก่อตั้งพรรคกว่า 65 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม พรรคยังได้ระบุถึงกลไกบางส่วนที่มีการให้เอกสิทธิ์แก่ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นหัวหน้าพรรคในการคัดเลือกบุคลากรที่มีความคาบเกี่ยวที่จะทำงานร่วมกับหัวหน้าพรรค อาทิ เลขาธิการพรรค โฆษกพรรค

นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า รูปแบบการทำงานภายหลังวันที่ 6 ส.ค.นี้ จะเป็นของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะกำหนดร่วมกัน และมีการทำงานร่วมกันกับคณะกรรมการอีก 3 ชุด ประกอบไปด้วย 1.คณะกรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย 2.คณะกรรมการนโยบายพรรค 3.คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครในลักษณะของการทำงานเป็นทีม ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมของพรรคที่ยึดถืออุดมการณ์ประชาธิปไตย

นพ.บุรณัชย์กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีการจัดซื้อรถดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเกี่ยวพันกับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.ระบบบัญชี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแคนดิเดตในตำแหน่งเลขาธิการพรรคคนใหม่ว่า คงจะไม่กระทบอะไรกับกระบวนการคัดเลือกตำแหน่งเลขาธิการฯ และพรรคก็สนับสนุนในการได้รับการตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีการใช้เอกสิทธิ์พิเศษ ส.ส.ในการคุ้มครองแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามถึงการลาออกจากการเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของนายอภิรักษ์ นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า ครั้งนั้นถือเป็นการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการตัดสินใจของนายอภิรักษ์เองที่ต้องการวางบรรทัดฐานทางการเมือง ในฐานะที่คดีซึ่งมีการสอบสวนในขณะนั้นเกี่ยวข้องต่อการดำรงตำแหน่งผู้บริหารองค์กร ในฐานะที่เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ แต่คงไม่เกี่ยวกับการรับตำแหน่งเป็นผู้บริหารภายในพรรค เพราะพรรคไม่เกี่ยวข้องกับคดี และบรรทัดฐานของภายในพรรคก็คือจะต้องให้ที่ประชุมมั่นใจว่าจะไม่มีส่วนการกำหนดประเด็นของรูปคดี

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงการนัดทานอาหารของ ส.ส.ภาคใต้ที่บ้านดอนรัก ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อคืนวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นการไปแสดงน้ำใจเพื่อขอบคุณนายสุเทพ ไม่ได้มีนัยทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น เพราะท่านเป็นเลขาธิการพรรคและนำพรรคประสบชัยชนะในพื้นที่ภาคใต้ และไม่มีการกล่าวถึงตัวเลขาธิการพรรคคนใหม่ หรือล็อกสเปกเลขาธิการพรรคคนใหม่ การพูดคุยนอกรอบของ ส.ส.พรรค ทุกคนยืนยันว่าตำแหน่งเลขาธิการพรรคใหม่ไม่ใช่ตำแหน่งของ ส.ส.ภาคใต้ แต่เป็นตำแหน่งของพรรคที่สมาชิกทุกภูมิภาคทุกคนมีสิทธิ์ที่จะดำรงตำแหน่งนี้ตามความเหมาะสมของบุคคลนั้น

“ส.ส.ภาคใต้ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าหัวหน้าพรรคเสนอบุคคลใดให้ที่ประชุมเลือก 2 ชื่อ ที่ประชุมก็จะเลือก และ ส.ส.ภาคใต้ก็จะยอมรับมติของที่ประชุม ขอยืนยันว่าไม่มีปัญหาแม้ว่าตำแหน่งอื่นๆ ก็ตาม ตำแหน่งหัวหน้าพรรคในภาคต่างๆ ขอเป็นเอกสิทธิ์ขององค์ประชุม ไม่ได้มีการวาวตัวหรือกะเกณฑ์ หรือวางตัวทายาทใดๆ ทั้งสิ้น ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสถาบันทางการเมืองไม่มีมรดกตกทอดในเรื่องคณะกรรมการบริหาร ไม่มีการวางทายาท สมาชิกคนใดก็ตามที่ความรู้ความสามรถเป็นผู้นำพรรคได้ก็จะยอมรับให้เป็นผู้บริหารพรรค”

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากคนที่เสนอชื่อให้เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่เป็นคนเดียวกับกลุ่มที่ไปกินข้าวเสนอมา หมายความว่าอย่างไร นายเทพไทกล่าวว่า วันที่ไปกินข้าวยังไม่มีใครพูดถึงเรื่องตัวบุคคล เป็นแต่เพียงการพูดถึงหลักการ เชื่อว่า 50 กว่าคนไม่มีใครคิดเหมือนกัน เพราะทุกคนมีความคิดของตัวเอง เชื่อว่าเป็นความคิดที่หลากหลายค่อนข้างมาก ยืนยันได้ว่าไม่มีการล็อบบี้ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะในพรรคประชาธิปัตย์มีวุฒิภาวะ ทุกคนเป็นเจ้าของไม่ใช่พรรคของนายห้างใหญ่

นายเทพไทกล่าวว่า ไม่เคยมีการพูดถึงตัวบุคคลใดๆ ทั้งสิ้น จะมีก็เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของแต่ละคนว่าในแต่ละภาคมีใครบ้างที่เป็นแคนดิเดต ภาคใต้ เช่น นายวิทยา แก้วภราดัย, นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์, นายถาวร เสนเนียม, นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส่วน กทม. มีนายกรณ์ จาติกวณิช, คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ภาคกลางมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน, นายอลงกรณ์ พลบุตร, นายธีระ สลักเพชร ภาคอีสานมี นายวิฑูรย์ นามบุตร, นายอิสสระ สมชัย, นายไชยยศ จิรเมธากร ภาคเหนือมีนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์, นายจุติ ไกรฤกษ์, นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการคุยกันหรือไม่ว่า ส.ส.ในภาคใต้ที่ได้มาเป็นจำนวนมาก ตำแหน่งเลขาธิการพรรคควรที่จะเป็นของภาคใต้ นายเทพไทกล่าวว่า เป็นความรู้สึกของบางคน แต่องค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารพรรคไม่ได้อยู่ที่หัวหน้าพรรค หรือเลขาธิการพรรคเท่านั้น 19 คนที่เป็นกรรมการบริหารพรรคมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบต่ออนาคตของพรรค สัดส่วนของ ส.ส.ภาคใต้สามารถที่จะอยู่ใน 19 คนได้ อาจจะอยู่ในตำแหน่งอื่นๆ ของพรรคได้ที่มีสัดส่วนเพียงพอเท่ากับฐานเสียงของพรรค เป็นเรื่องของสมาชิกที่อยู่ในองค์ประชุมที่จะโหวตโต้ ที่จะเลือกใช้ดุลพินิจ องค์ประชุมก็คงมีวุฒิภาวะที่จะให้น้ำหนักกับคณะกรรมการแต่ละภาคได้

ต่อข้อถามว่า ก่อนหน้านี้นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อยากให้ยกเลิกระบบการชี้นิ้ว นายเทพไทกล่าวว่า ไม่มีการชี้นิ้ว และนายสุเทพก็ไม่ได้เรียกเข้าพบ แต่เป็นการไปขอบคุณ เพราะท่านแสดงเจตนาชัดเจนว่าจะไม่รับตำแหน่งเลขาการพรรคแล้ว เป็นการไปอำลาตำแหน่ง และนายสุเทพก็ไม่ได้ชี้นิ้วมีแต่ยืนกำหมัด

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช แถลงถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทยออกมาเรียกร้องกดดันให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ลาออกจากตำแหน่งนั้น ตนคิดว่าเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องจากประธาน กสม.ได้แสดงท่าที่จะรับผิดชอบต่อกรณีรายงานของ กสม.รั่วไหลออกมา ถือว่าเป็นการแสดงท่าทีของประธาน กสม. พรรคเพื่อไทยเลยได้โอกาสได้ทีขี่แพะไล่ และเห็นว่าเมื่อประธาน กสม.แสดงท่าทีเลยถือโอกาสออกกดดันและมาขับไล่ ทั้งที่ไม่มีใครยืนยันว่าที่เอกสารรั่วไหลนั้นเป็นเอกสารจริงหรือเอกสารเท็จ

แต่ถ้าดูจากเอกสารโดยสรุป คงไม่เป็นประโยชน์ต่อพรรคเพื่อไทย หรือฝ่ายคนเสื้อแดง จึงทำให้คนเหล่านี้ออกมาเคลื่อนไหว ผลักดันหวังที่จะเปลี่ยนแปลง กสม. โดยคาดหวังว่าถ้ามี กสม.ชุดใหม่ขึ้นมาอาจทำให้ผลการสอบสวนเบี่ยงเบนไป ทำให้ตัวเองได้ประโยชน์ อยากให้สังคมจับตามองว่าขณะนี้มีขบวนการที่จะเปลี่ยนแปลงผลการศึกษาโดยพยายามที่จะล็อบบี้ไปยัง กสม.บางคน รวมไปถึงการพยายามที่จะนำเรื่องเอกสารรั่วไหลออกมาเป็นประเด็นกดดันให้ กสม.ลาออกทั้งชุด และมีกรรมการชุดใหม่ที่พรรคเพื่อไทยจะได้ประโยชน์ที่เข้าไปแทรกแซงและบงการได้
กำลังโหลดความคิดเห็น