วานนี้ (25 ก.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียก ส.ส.ภาคใต้ไปพบที่บ้านพัก เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยขอให้เลือกนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ คนใหม่ (ปชป.) ว่า คงไม่ใช่ เท่าที่ทราบคือนายสุเทพ ได้พบปะกับส.ส.ภาคใต้ และบอกว่าไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องมีการเคลื่อนไหวในเรื่องของเลขาธิการพรรค และคงจะพูดเพื่อทำความเข้าใจว่า เลขาธิการพรรคไม่จำเป็นต้องมาจากทางภาคใต้ ส่วนชื่อนั้นก็มีการพูดกันไปเยอะว่าจะมาจากหลายชื่อด้วยกัน
ส่วนจะเป็นการวางคนที่มาขัดตาทัพ เพื่อรอให้ นายอภิรักษ์ หลุดจากคดีรถดับเพลิงก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีข้อยุติในเรื่องนี้ ส่วนได้ตัดสินใจในเรื่องนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค ขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติ เป็นเรื่องของสมาชิกทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นที่จะหารือกัน มีเพียงแต่นายสุเทพ คนเดียวเท่านั้นที่แสดงเจตนาชัดเจนว่า จะไม่ขอรับตำแหน่ง
ส่วนที่ว่าไม่จำกัดว่าจำเป็นต้องเป็นคนใต้ นายอภิรักษ์ ก็มีโอกาสหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนมีโอกาสหมด และตนขอขอบคุณหลายๆ ท่าน ทั้งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งนายสุเทพ ที่ออกมาพูดตรงนี้ เพราะจะทำให้พรรคสามารถที่จะดูทางเลือกต่างๆ ได้กว้างขวางขึ้น อย่างไรก็ตาม การเสนอชื่อต้องเป็นไปตามข้อบังคับว่า ต้องมี 2 รายชื่อ
เทั้งนี้คนที่มีคดีติดตัวจะทำให้เป็นข้อด้อยในการที่จะมารับตำแหน่งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนก็ต้องดูทั้งหมด เพราะทุกคนมีทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน และดูว่ามีความเหมาะสมอย่างไร ซึ่งต้องว่ากันไป
ทั้งนี้ กระบวนการของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประชุมใหญ่จะเป็นผู้ลงมติ สมาชิกทุกคนที่มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง เขาก็ต้องดูแนวทาง ดูคุณสมบัติของบุคคลมาเป็นอย่างดี แม้กระทั้ง เรื่องการเสนอชื่อ ซึ่งเมื่อหากมีการเสนอชื่อเข้ามาแล้วมีการถอนตัว ข้อบังคับก็ยังบอกว่าต้องลงมติอยู่ดี เพราะว่าถ้าเกิดเหลือคนเดียว แล้วได้เสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ก็ถือว่าที่ประชุมใหญ่ไม่รับรอง ฉะนั้น สมาชิกพรรคทุกคนก็สบายใจว่า ที่ประชุมใหญ่จะมีอำนาจในการกำหนดแนวทาง ซึ่งเราเชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมใหญ่ จะเลือกแนวทางที่เหมาะสม
ส่วนการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในครั้งนี้ จะทำให้ภาพของพรรคเป็นอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดเรื่องภาพ ตนคิดเรื่องการทำงานต่อไป เพราะถือว่าเป็นการทำงานที่ท้าทาย เนื่องจากว่าเราแพ้การเลือกตั้งมา คนในพรรคก็ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง เพื่อนำไปสู่การพลิกผลการเลือกตั้งในอนาคต โดยที่เราทราบดีว่าทางคู่แข่งนั้นได้ใช้วิธีการทุกรูปแบบในการทำงานทางการเมือง ดังนั้น วันนี้มันไม่ได้แข่งกับพรรคการเมืองอย่างเดียว มันมีเรื่องมวลชนจัดตั้ง มีเรื่องสื่อเทียม สื่อแท้ ที่กำลังจะกลายเป็นสื่อเทียม และยังมีอีกหลายเรื่อง
ส่วนอะไรที่จะทำให้พลิกได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางพรรคจะต้องเป็นผู้กำหนดแนวทาง เมื่อถามต่อว่า ตำแหน่งหลักที่จะเปลี่ยน นอกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคแล้ว ยังมีตำแหน่งอื่นที่ต้องปรับอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่สมาชิกพรรค
**ปัดวิ่งล็อบบี้ ยัน“อภิรักษ์”ไม่กระทบคดี
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ รักษาการโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รูปแบบการทำงานภายหลังวันที่6 ส.ค.นี้ จะเป็นของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่จะกำหนดร่วมกัน และมีการทำงานร่วมกันกับคณะกรรมการอีก3ชุด ประกอบไปด้วย 1.คณะกรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย 2.คณะกรรมการนโยบายพรรค 3.คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครในลักษณะของการทำงานเป็นทีม ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมของพรรคที่ยึดถืออุดมการณ์ประชาธิปไตย
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ยื่นฟ้องกับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในดีการจัดซื้อรถดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเกี่ยวพันกับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.ระบบบัญชี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแคนดิเดตในตำแหน่งเลขาธิการพรรคคนใหม่ว่า คงจะไม่กระทบอะไรกับกระบวนการคัดเลือกตำแหน่งเลขาธิการฯ และพรรคก็สนับสนุนในการได้รับการตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีการใช้เอกสิทธิ์พิเศษส.ส.ในการคุ้มครองแต่อย่างใด
“ในฐานะที่เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ แต่คงไม่เกี่ยวกับการรับตำแหน่งเป็นผู้บริหารภายในพรรค เพราะพรรคไม่เกี่ยวข้องกับคดี และบรรทัดฐานของภายในพรรคก็คือจะต้องให้ที่ประชุมมั่นใจว่าจะไม่”
**เทพไทปัดสุมหัวเลอืกเลขาฯบ้านเทือก
นายเทพ ไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงการนัดทานอาหารของส.ส.ภาคใต้ที่บ้านดอนรักนายสุเทพที่จ.สุราษฎร์ธานีเมื่อคืนวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นการไปแสดงน้ำใจ เพื่อขอบคุณนายสุเทพ ไม่ได้มีนัยยะทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น เพราะท่านเป็นเลขาธิการพรรคและนำพรรคประสบชัยชนะในพื้นที่ภาคใต้ และไม่มีการกล่าวถึงตัวเลขาธิการพรรคคนใหม่ หรือ ล็อกสเป็กเลขาธิการพรรคคนใหม่ การพูดคุยนอกรอบของส.ส.พรรค ทุกคนยื่นยันว่า ตำแหน่งเลขาธิการพรรคใหม่ไม่ใช่ตำแหน่งของส.ส.ภาคใต้ แต่เป็นตำแหน่งของพรรคที่สมาชิกทุกภูมิภาคทุกคนมีสิทธิ์ที่จะดำรงตำแหน่งนี้ตามความเหมาะสมของบุคคลนั้น
“ ส.ส.ภาคใต้ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคใดๆทั้งสิ้น ถ้าหัวหน้าพรรคเสนอบุคคลใดให้ที่ประชุมเลือก 2 ชื่อที่ประชุม ก็จะเลือกและส.ส.ภาคใต้ก็จะยอมรับมติของที่ประชุม ขอยืนยันว่าไม่มีปัญหาแม้ว่า ตำแหน่งอื่นๆตาม ตำแหน่งหัวหน้าพรรคในภาคต่างๆขอเป็นเอกสิทธิ์ขององค์ประชุม ไม่ได้มีการวาวตัว หรือ กะเกณฑ์ หรือวางตัวทายาทใดๆทั้งสิ้น ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสถาบันทางการเมืองไม่มีมรดกตกทอดในเรื่องคณะกรรมการบริหาร ไม่มีการวางทายาท สมาชิกคนใดก็ตามที่ความรู้ความสามารถเป็นผู้นำพรรคได้ก็จะยอมรับให้เป็นผู้บริหารพรรค” นายเทพไท กล่าว
เมื่อถามว่า หากคนที่เสนอชื่อให้เป็นเลขาพรรคคนใหม่ เป็นคนเดียวกับกลุ่มที่ไปกินข้าวเสนอมา หมใยความว่าอย่างไร นายเทพไท กล่าวว่า วันที่ไปกินข้าวยังไม่มีใครพูดถึงเรื่องตัวบุคคลเป็นแต่เพียงการพูดถึงหลักการ เชื่อว่า 50 กว่าคน ไม่มีใครคิดเหมือนกัน เพราะทุกคนมีความคิดของตัวเอง เชื่อว่าเป็นความคิดที่หลากหลายค่อนข้างมาก ยืนยันได้ว่าไม่มีการล๊อบบี้ใดๆทั้งสิ้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ มีวุฒิภาวะ ทุกคนเป็นเจ้าของไม่ใช่พรรคของนายห้างใหญ่
นายเทพไท กล่าวว่า ไม่เคยมีการพูดถึงตัวบุคคลใดๆทั้งสิ้น จะมีก้เพียงความเห็นส่วนตัวของแต่ละคนว่าในแต่ละภาค มีใครบ้างที่เป็นแคนดิเดต ภาคใต้อาทิ นายวิทยา แก้วภราดัย นายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ นายถาวร เสนเนียม นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ,กทม มีนายกรณ์ จาติกวณิช ,คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ภาคกลาง มี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน นายอลงกรณ์ พลบุตร นายธีระ สลักเพชร ภาคอีสานมี นายวิฑูรย์นามบุตร, นายอิสสระ สมชัย นายไชยยศ จิรเมธากร ภาคเหนือมีนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ นายจุติ ไกรฤกษ์ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู
เมื่อถามว่า ได้มีการคุยกันหรือไม่ว่า ส.ส.ในภาคใต้ที่ได้มาเป็นจำนวนมากตำแหน่งเลขาธิการพรรคควรที่จะเป็นของภาคใต้ นายเทพไท กล่าวว่า เป็นความรู้สึกของบางคน แต่องค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารพรรคไม่ได้อยู่ที่หัวหน้า หรือ เลขาธิการพรรคเท่านั้น 19 คนที่เป็นกรรมการบริหารพรรคมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบต่ออนาคตของพรรคสัดส่วนของส.ส.ภาคใต้สามารรถที่จะอยู่ใน 19 คนได้ อาจจะอยู่ในตำแหน่งอื่นๆของพรรคได้ ที่มีสัดส่วนเพียงพอเท่ากับฐานเสียงของพรรคเป็นเรื่องของสมาชิกที่อยู่ในองค์ประชุมที่จะโหวตโต้ ที่จะเลือกใช้ดุลพินิจ องค์ประชุมก็คงมีวุฒิภาวะที่จะให้น้ำหนักกับคณะกรรมการแต่ละภาคได้
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อยากให้ยกเลิก ระบบการชี้นิ้ว นายเทพไท กล่าวว่า ไม่มีการชี้นิ้ว และนายสุเทพ ก็ไม่ได้เรียกเข้าพบ แต่เป็นการไปขอบคุณ เพราะท่านแสดงเจตนาชัดเจนว่า ท่าจะไม่รับตำแหน่งเลขาการพรรคแล้ว เป็นการไปอำลาตำแหน่ง และนายสุเทพก็ไม่ได้ชี้นิ้วมีแต่ยืนกำหมัด.
ส่วนจะเป็นการวางคนที่มาขัดตาทัพ เพื่อรอให้ นายอภิรักษ์ หลุดจากคดีรถดับเพลิงก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีข้อยุติในเรื่องนี้ ส่วนได้ตัดสินใจในเรื่องนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค ขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติ เป็นเรื่องของสมาชิกทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นที่จะหารือกัน มีเพียงแต่นายสุเทพ คนเดียวเท่านั้นที่แสดงเจตนาชัดเจนว่า จะไม่ขอรับตำแหน่ง
ส่วนที่ว่าไม่จำกัดว่าจำเป็นต้องเป็นคนใต้ นายอภิรักษ์ ก็มีโอกาสหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนมีโอกาสหมด และตนขอขอบคุณหลายๆ ท่าน ทั้งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งนายสุเทพ ที่ออกมาพูดตรงนี้ เพราะจะทำให้พรรคสามารถที่จะดูทางเลือกต่างๆ ได้กว้างขวางขึ้น อย่างไรก็ตาม การเสนอชื่อต้องเป็นไปตามข้อบังคับว่า ต้องมี 2 รายชื่อ
เทั้งนี้คนที่มีคดีติดตัวจะทำให้เป็นข้อด้อยในการที่จะมารับตำแหน่งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนก็ต้องดูทั้งหมด เพราะทุกคนมีทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน และดูว่ามีความเหมาะสมอย่างไร ซึ่งต้องว่ากันไป
ทั้งนี้ กระบวนการของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประชุมใหญ่จะเป็นผู้ลงมติ สมาชิกทุกคนที่มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง เขาก็ต้องดูแนวทาง ดูคุณสมบัติของบุคคลมาเป็นอย่างดี แม้กระทั้ง เรื่องการเสนอชื่อ ซึ่งเมื่อหากมีการเสนอชื่อเข้ามาแล้วมีการถอนตัว ข้อบังคับก็ยังบอกว่าต้องลงมติอยู่ดี เพราะว่าถ้าเกิดเหลือคนเดียว แล้วได้เสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ก็ถือว่าที่ประชุมใหญ่ไม่รับรอง ฉะนั้น สมาชิกพรรคทุกคนก็สบายใจว่า ที่ประชุมใหญ่จะมีอำนาจในการกำหนดแนวทาง ซึ่งเราเชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมใหญ่ จะเลือกแนวทางที่เหมาะสม
ส่วนการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในครั้งนี้ จะทำให้ภาพของพรรคเป็นอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดเรื่องภาพ ตนคิดเรื่องการทำงานต่อไป เพราะถือว่าเป็นการทำงานที่ท้าทาย เนื่องจากว่าเราแพ้การเลือกตั้งมา คนในพรรคก็ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง เพื่อนำไปสู่การพลิกผลการเลือกตั้งในอนาคต โดยที่เราทราบดีว่าทางคู่แข่งนั้นได้ใช้วิธีการทุกรูปแบบในการทำงานทางการเมือง ดังนั้น วันนี้มันไม่ได้แข่งกับพรรคการเมืองอย่างเดียว มันมีเรื่องมวลชนจัดตั้ง มีเรื่องสื่อเทียม สื่อแท้ ที่กำลังจะกลายเป็นสื่อเทียม และยังมีอีกหลายเรื่อง
ส่วนอะไรที่จะทำให้พลิกได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางพรรคจะต้องเป็นผู้กำหนดแนวทาง เมื่อถามต่อว่า ตำแหน่งหลักที่จะเปลี่ยน นอกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคแล้ว ยังมีตำแหน่งอื่นที่ต้องปรับอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่สมาชิกพรรค
**ปัดวิ่งล็อบบี้ ยัน“อภิรักษ์”ไม่กระทบคดี
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ รักษาการโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รูปแบบการทำงานภายหลังวันที่6 ส.ค.นี้ จะเป็นของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่จะกำหนดร่วมกัน และมีการทำงานร่วมกันกับคณะกรรมการอีก3ชุด ประกอบไปด้วย 1.คณะกรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย 2.คณะกรรมการนโยบายพรรค 3.คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครในลักษณะของการทำงานเป็นทีม ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมของพรรคที่ยึดถืออุดมการณ์ประชาธิปไตย
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ยื่นฟ้องกับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในดีการจัดซื้อรถดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเกี่ยวพันกับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.ระบบบัญชี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแคนดิเดตในตำแหน่งเลขาธิการพรรคคนใหม่ว่า คงจะไม่กระทบอะไรกับกระบวนการคัดเลือกตำแหน่งเลขาธิการฯ และพรรคก็สนับสนุนในการได้รับการตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีการใช้เอกสิทธิ์พิเศษส.ส.ในการคุ้มครองแต่อย่างใด
“ในฐานะที่เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ แต่คงไม่เกี่ยวกับการรับตำแหน่งเป็นผู้บริหารภายในพรรค เพราะพรรคไม่เกี่ยวข้องกับคดี และบรรทัดฐานของภายในพรรคก็คือจะต้องให้ที่ประชุมมั่นใจว่าจะไม่”
**เทพไทปัดสุมหัวเลอืกเลขาฯบ้านเทือก
นายเทพ ไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงการนัดทานอาหารของส.ส.ภาคใต้ที่บ้านดอนรักนายสุเทพที่จ.สุราษฎร์ธานีเมื่อคืนวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นการไปแสดงน้ำใจ เพื่อขอบคุณนายสุเทพ ไม่ได้มีนัยยะทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น เพราะท่านเป็นเลขาธิการพรรคและนำพรรคประสบชัยชนะในพื้นที่ภาคใต้ และไม่มีการกล่าวถึงตัวเลขาธิการพรรคคนใหม่ หรือ ล็อกสเป็กเลขาธิการพรรคคนใหม่ การพูดคุยนอกรอบของส.ส.พรรค ทุกคนยื่นยันว่า ตำแหน่งเลขาธิการพรรคใหม่ไม่ใช่ตำแหน่งของส.ส.ภาคใต้ แต่เป็นตำแหน่งของพรรคที่สมาชิกทุกภูมิภาคทุกคนมีสิทธิ์ที่จะดำรงตำแหน่งนี้ตามความเหมาะสมของบุคคลนั้น
“ ส.ส.ภาคใต้ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคใดๆทั้งสิ้น ถ้าหัวหน้าพรรคเสนอบุคคลใดให้ที่ประชุมเลือก 2 ชื่อที่ประชุม ก็จะเลือกและส.ส.ภาคใต้ก็จะยอมรับมติของที่ประชุม ขอยืนยันว่าไม่มีปัญหาแม้ว่า ตำแหน่งอื่นๆตาม ตำแหน่งหัวหน้าพรรคในภาคต่างๆขอเป็นเอกสิทธิ์ขององค์ประชุม ไม่ได้มีการวาวตัว หรือ กะเกณฑ์ หรือวางตัวทายาทใดๆทั้งสิ้น ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสถาบันทางการเมืองไม่มีมรดกตกทอดในเรื่องคณะกรรมการบริหาร ไม่มีการวางทายาท สมาชิกคนใดก็ตามที่ความรู้ความสามารถเป็นผู้นำพรรคได้ก็จะยอมรับให้เป็นผู้บริหารพรรค” นายเทพไท กล่าว
เมื่อถามว่า หากคนที่เสนอชื่อให้เป็นเลขาพรรคคนใหม่ เป็นคนเดียวกับกลุ่มที่ไปกินข้าวเสนอมา หมใยความว่าอย่างไร นายเทพไท กล่าวว่า วันที่ไปกินข้าวยังไม่มีใครพูดถึงเรื่องตัวบุคคลเป็นแต่เพียงการพูดถึงหลักการ เชื่อว่า 50 กว่าคน ไม่มีใครคิดเหมือนกัน เพราะทุกคนมีความคิดของตัวเอง เชื่อว่าเป็นความคิดที่หลากหลายค่อนข้างมาก ยืนยันได้ว่าไม่มีการล๊อบบี้ใดๆทั้งสิ้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ มีวุฒิภาวะ ทุกคนเป็นเจ้าของไม่ใช่พรรคของนายห้างใหญ่
นายเทพไท กล่าวว่า ไม่เคยมีการพูดถึงตัวบุคคลใดๆทั้งสิ้น จะมีก้เพียงความเห็นส่วนตัวของแต่ละคนว่าในแต่ละภาค มีใครบ้างที่เป็นแคนดิเดต ภาคใต้อาทิ นายวิทยา แก้วภราดัย นายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ นายถาวร เสนเนียม นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ,กทม มีนายกรณ์ จาติกวณิช ,คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ภาคกลาง มี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน นายอลงกรณ์ พลบุตร นายธีระ สลักเพชร ภาคอีสานมี นายวิฑูรย์นามบุตร, นายอิสสระ สมชัย นายไชยยศ จิรเมธากร ภาคเหนือมีนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ นายจุติ ไกรฤกษ์ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู
เมื่อถามว่า ได้มีการคุยกันหรือไม่ว่า ส.ส.ในภาคใต้ที่ได้มาเป็นจำนวนมากตำแหน่งเลขาธิการพรรคควรที่จะเป็นของภาคใต้ นายเทพไท กล่าวว่า เป็นความรู้สึกของบางคน แต่องค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารพรรคไม่ได้อยู่ที่หัวหน้า หรือ เลขาธิการพรรคเท่านั้น 19 คนที่เป็นกรรมการบริหารพรรคมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบต่ออนาคตของพรรคสัดส่วนของส.ส.ภาคใต้สามารรถที่จะอยู่ใน 19 คนได้ อาจจะอยู่ในตำแหน่งอื่นๆของพรรคได้ ที่มีสัดส่วนเพียงพอเท่ากับฐานเสียงของพรรคเป็นเรื่องของสมาชิกที่อยู่ในองค์ประชุมที่จะโหวตโต้ ที่จะเลือกใช้ดุลพินิจ องค์ประชุมก็คงมีวุฒิภาวะที่จะให้น้ำหนักกับคณะกรรมการแต่ละภาคได้
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อยากให้ยกเลิก ระบบการชี้นิ้ว นายเทพไท กล่าวว่า ไม่มีการชี้นิ้ว และนายสุเทพ ก็ไม่ได้เรียกเข้าพบ แต่เป็นการไปขอบคุณ เพราะท่านแสดงเจตนาชัดเจนว่า ท่าจะไม่รับตำแหน่งเลขาการพรรคแล้ว เป็นการไปอำลาตำแหน่ง และนายสุเทพก็ไม่ได้ชี้นิ้วมีแต่ยืนกำหมัด.