“ณัฐวุฒิ” ซัด กกต.ตั้งอนุฯ ไต่สวนคุณสมบัติ 12 แกนนำแดงไม่ถูกต้อง อ้างเฉยทั้งหมดล้วนบริสุทธิ์เพราะยังไม่ถูกศาลตัดสินจำคุก พร้อมเรียกร้องความเป็นธรรม ขณะเดียวกันส่งสัญญาณไปยังสมุนแดงอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวกดดัน แต่ให้รอหาก 30 วัน ถ้า กกต.ไม่รับรองให้เป็น ส.ส.จะหารือถึงการดำเนินการอีกครั้ง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า การประกาศรับรอง ส.ส.ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา และมีบางส่วนยังถูกแขวนไว้โดยเฉพาะของพรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช.ทั้ง 12 คน ซึ่งการพิจารณาตามคำสั่ง 212/2554 ของ กกต. เมื่อวันที่ 14 ก.ค.54 ลงนามโดยนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. และตั้งอนุกรรมการให้ไต่สวนคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ถูกร้องคัดค้าน ตามข้อบังคับพรรค ข้อ 10 (5) ว่า หากถูกจับกุมคุมขังจะขาดความเป็นสมาชิกภาพ หากดูตามรายชื่อ 7 ใน 12 คน ประกอบอด้วย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นายพายัพ ปั้นเกตุ นายวิเชียร ขาวขำ นายการุณ โหสกุล นายวรชัย เหมะ นายสถาพร มณีรัตน์ และจ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีศักดิ์ ไม่เคยถูกคุมขังตามคำสั่งศาล หรือตามหมายใดๆ ทั้งสิ้น บางคนไม่ถูกดำเนินคดี แต่ กกต.เอามารวมไว้เป็นเรื่องเดียวกันและแขวนไว้ ซึ่ง 7 คนนี้ กกต.ไม่ต้องตั้งคณะอนุกรรมการ หากแหกตาดูให้ดีจะรู้ว่าคนเหล่านี้ไมได้เกี่ยวข้อง
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ที่ผ่านมา พ.อ.อภิวันท์ นั่งรองประธานสภา นายวิเชียร นายการุณ และนายสถาพร เป็น ส.ส.ปฏิบัติหน้าที่จนปิดสมัยการประชุม จ.ส.ต.ประสิทธิ์ และนายพายัพ ก็ชัดเจนไม่ได้ถูกคุมขัง ซึ่งตนเคยแถลงเรื่องดังกล่าวไปแล้ว และหวังว่า กกต.จะพิจารณาอย่างตรงไปตรงมา แต่ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะยังแขวนคนเหล่านี้อยู่ โดยไม่มีข้อกล่าวหา จึงอยากถามว่ามีมาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่อย่างไร
ส่วนผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ยังติดอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ข้อบังคับพรรคที่ระบุต่อ กกต. เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายพรรคพิจารณาและมีมติตรงกันว่า การขาดสมาชิกพรรคเพราะการคุมขังต้องมาจากผลการพิจารณาของศาลสั่งตัดสินให้จำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ซึ่งเป็นบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ แต่นายจตุพรยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด และพรรคดำเนินการดังกล่าวตั้งแต่นายก่อแก้ว พิกุลทอง เคยติดคุก และทำมาตรฐานเดียวมาตลอด ซึ่ง กกต.ก็รับรองนายก่อแก้วมาแล้ว จึงไม่น่ามีอะไรแตกต่าง
“แต่เมื่อร้องเรียนไปแล้วแต่กลับยังแขวนไว้ ทำให้ไม่อาจเข้าใจได้ ดังนั้น ของให้ กกต.ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้บานเมืองเดินไปขางหน้าได้ หากถึงชั้นศาลสามารถรับได้ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช.ทั้งสิ้น”
ส่วนนายจตุพรก็ได้ทำหนังสือแจ้งเหตุไม่สามารถไปเลือกตั้งที่เขตวังทองหลาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับมาเมื่อวันที่ 7 ก.ค.ว่ามีเหตุผลเพียงพอ จึงทำให้ไม่เสียสิทธิแต่อย่างใด
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า กรณีตน นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และนายก่อแก้ว ที่มีการกล่าวหาว่าถูกคุมขังและออกมาทำให้ขาดสมาชิกภาพ โดยเมื่อได้รับการประกันตัวตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.54 ก็เข้าใจสถานภาพตัวเองดีต่อความเสี่ยงสถานการณ์การเมือง ดังนั้นพวกตนจึงได้ลาออกและสมัครใหม่เพื่อกันปัญหา และยืนยันว่าทั้งหมดได้ทำตามขั้นตอนทุกประการ หรือ กกต.มีเจตนาไม่เข้าใจหรืออย่างไร
“หากหลักฐานชัดขนาดนี้ กกต.คงไม่อ้างการตรวจสอบให้ยืดเยื้อยาวนานออกไป ดังนั้น กกต.ควรให้ความเป็นธรรมกับทุกคนทุกพรรคถ้ามีหลักฐานชัดเจน เพราะตลอด 4 ปี ที่ผ่านมา ที่บ้านเมืองมีปัญหาเพราะกติกาไม่เป็นกติกา ทำเพื่อประโยชน์บางคนบางฝ่าย ดังนั้น อยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้นำไปสู่สันติภาพ และอยากส่งสัญญาณไปยังประชาชนอยากให้อยู่ในความสงบ และยืนยันว่าไม่คิดเคลื่อนไหวมวลชนมากดดันการทำหน้าที่ของ กกต. เพราะต้องเคารพเวลาในการทำหน้าที่ของ กกต. แต่ทั้งหมดต้องอยู่บนการพิจารณาอย่างชอบธรรม ส่วนพรุ่งนี้ (21ก.ค.) กกต.จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวหรือไม่ จะไม่มีการขับเคลื่อนประชาชนไปกดดัน แต่อยากให้ กกต.พิจารณาและแสดงเกียรติยศตามความเป็นจริงด้วย”
อย่างไรก็ตาม นายณัฐวุฒิกล่าวว่า หาก 30 วัน กกต.ไม่พิจารณารับรองผลการเป็น ส.ส. พวกตนคงมีการหารือปรึกษาถึงสถานการณ์อีกครั้ง ทั้งนี้ ตนได้รับการติดต่อจากทูตนานาประเทศ เพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ กกต.ทำอยู่ เพราะฉะนั้น โลกทั้งโลกสนใจความเป็นประชาธิปไตยในประเทศไทยว่าพรรคการเมืองชนะเกินครึ่งจะทำอย่างไร ดังนั้น ตนอยากให้ทุกฝ่ายคำนึงภาพรวมของประเทศ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้
