xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” ตอบโจทย์ (2) แผ่นเสียงตกร่อง ปรองดอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
“แม้ว” รับผิดพลาดใช้ความรุนแรงปราบปรามโจรใต้ เรื่องพื้นที่ทับซ้อนชายแดนให้เป็น “โนแมนแลนด์” ฟุ้งขอ “วีระ-ราตรี” เชื่อคุยไม่ยาก ปฏิเสธทุกข้อหาผลประโยชน์ทับซ้อน อยากเห็นทุกสีปรองดอง สามัคคี ยืนยันตนกลับหรือไม่กลับไทยไม่สำคัญ แต่ยังอ้อนอยากทำงานเพื่อคนที่ยังไม่ลืมตน


พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์รายการ “ตอบโจทย์” ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ระบุว่า เรื่องปัญหาภาคใต้ เดิมตนตั้งใจ ได้เคยกราบ บังคมทูลพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านทรงเล่าให้ฟังว่าได้เสด็จไปดูความเป็นอยู่ชาวมุสลิมภาคใต้ การทำมาหากิน ได้เข้าใจวิถีชีวิตของเขา พระองค์ท่านก็ไปช่วยพัฒนา และทรงมีพระราชดำรัสว่าต้องเข้าใจเขา เข้าถึง ไปพัฒนา ตนก็ทำ แต่ระหว่างนั้นมีการปล้นปืนไป 300-400 กระบอก

การออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเป็นโจรกระจอก พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า “ใช่ ผมพลาดไป ผมมีนิสัยเคยทำธุรกิจจึงใช้เกณฑ์บลัฟไป แต่ในทางการเมืองมันผิด เรื่องนี้ผิด ก็ต้องขออภัยที่ไม่เข้าหู มันผิด ตอนนั้นปืนหายไป ก่อนหน้านั้นก็มีเรื่องเขื่อนบางลาง ทำให้ผมรู้สึกว่ามีอาวุธหนักหายไปเรื่อยๆ ผมก็เริ่มใช้กฎหมายเข้มขึ้น แต่ยิ่งปราบปรามก็ยิ่งเพิ่ม อันนี้ผิดต้องแก้ไข การปราบปราม การใช้ความรุนแรง มีแต่จะรุนแรงมากขึ้น ผมได้อ่านหนังสือของคานธี บอกว่าถ้าเราใช้ความรุนแรงก็จะได้ความรุนแรงตอบ ควรใช้การปราบปรามน้อยๆ พูดคุยให้มาก นี่คือส่วนที่ผิดพลาด รัฐบาลใหม่จะต้องใช้ไม้อ่อนมากกว่าไม้แข็ง ใช้การพูดคุย สื่อสาร ไปพัฒนาให้เขา วันนี้ต้องคิดว่าจะทำอย่างไร ส่วนมาเลเซียก็ต้องขอให้เขาช่วย ต้องพูดคุยกัน”

ส่วนกรณีกรือเซะ และตากใบ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า “ผมมีความตั้งใจดีกับชาวมุสลิมภาคใต้ ผมทำเรื่องราวต่างๆ ด้วยความเข้าใจมาตลอด แต่ที่เกิดขึ้นเพราะเห็นความรุนแรง ผมก็รุนแรงตอบ อันนี้ต้องขออภัย ผมนิสัยตำรวจ ใช้กฎหมาย เมื่อมีความรุนแรงมาก็รุนแรงไป (พิธีกรถามว่าหมายถึงต้องการบอกว่าขอโทษ ขออภัย?) ใช่ๆ ได้เลยครับ”

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า การพูดคุยมีความสำคัญ ต้องพูดคุยด้วยเหตุด้วยผล เรื่องชายแดนรอบบ้านเรา ประเทศต่างๆ ล้วนเคยเป็นเมืองขึ้นมาก่อน แผนที่ที่เคยเขียนไว้ โดยเจ้าอาณานิคมเป็นสิ่งตกค้างมา ซึ่งเราก็มีการตั้งคณะกรรมการชายแดนเพื่อขีดเส้นแบ่งเขตแดน ที่ไหนไม่มีข้อโต้แย้งไม่มีก็จบ ที่ไหนมีข้อโต้แย้งก็เว้นวรรคไว้ ต้องค้างไว้ก่อน ยังไม่จบ ต้องให้เป็นที่ไม่มีคนอยู่ หรือ no man land ไม่มีคนไปอาศัยอยู่ เรื่องข้อโต้แย้งก็ค่อยไปให้ศาลโลกตัดสิน แล้วก็ลากเส้นแบ่งเขตแดนให้ถูกต้อง ถ้าไม่ตัดสินก็ปล่อยไว้อย่างนั้น ไม่ต้องทะเลาะกัน วันนี้เราไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่ต้องไปใช้ประโยชน์

ส่วนกรณีของนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนไพบูรณ์ ที่ติดคุกอยู่ที่กัมพูชา พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ไม่น่ามีปัญหา แต่ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ไม่ค่อยราบรื่น กรณีคนไทยไปติดคุก ถ้าขอได้ก็ขอ บางทีก็ใช้วิธีแลกตัวผู้ต้องหา ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตนเคยไปพม่าไปขอชาวประมงไทยที่ถูกจับ เขาก็ปล่อยให้

ต่อข้อถามว่า การเดินทางไปต่างประเทศเป็นการไปขายของ เช่น กรณีเอ็กซิมแบงก์กับพม่า พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ตนไปพม่าไปขอให้ ปตท.สผ.(ปตท.สำรวจและผลิต)ได้แหล่งแก๊ซประมาณ 2 แสนล้าน ส่วนเงินที่ให้ก็เป็นเงินให้กู้ยืม ไม่ได้ให้ฟรี ส่วนเรื่องขายของตนไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้เรื่องขายของ เขาเช่าดาวเทียมตั้งแต่ตอนที่ตนยังไม่ได้เป็นนักการเมือง ตนไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัว เดินทางไปที่ไหน ไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัว

เมื่อถามถึงความเป็นห่วงต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า “เขาดีกว่าผมเยอะ เขาไม่ใจร้อนเหมือนผม ทำงานมีระบบกว่าผม ผมบุกหน้าไม่ระวังหลัง แต่เขาเดินหน้า แต่ละเอียดกว่า เชื่อว่าเขาจะทำงานได้ดีกว่าผม ส่วนเรื่องการทับซ้อนทางธุรกิจ ไม่มีหรอกครับ วันนี้ครอบครัวได้ขาย (ธุรกิจ) เทเลคอมไปนานแล้ว ไม่มีผล ประโยชน์เหลือ ขายไปนานแล้ว มีแต่ตึกให้เช่า ซื้อขายที่ดิน”

ส่วนเรื่องการขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเสก พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า “ครอบครัวของผมอยากให้ทำงานการเมืองอย่างเต็มที่ ลูกๆ ไม่อยากให้ถูกกล่าวหา เขาเลยตัดสินใจ ขายหุ้น แต่ก็มีเรื่องการเมืองเข้ามา มันเป็นเรื่องของลูกๆ ที่อยากขาย ผมยกให้เขาไปแล้ว เป็นมรดกเขา แต่ก็เกิดเรื่องเดือดร้อนก็ไม่เป็นไร ทำไปแล้วเอาคืนไม่ได้ จบ แล้วจบไป ถือว่าเป็นบทเรียนไป”

“ตอนนี้ผมไม่คิดทำธุรกิจในไทยแล้ว ไม่ทำแล้ว ยกเว้นมีธุรกิจอสังหาฯอยู่นิดหน่อย ไม่เกี่ยวกับราชการ การมาวางฐานอยู่ที่ประเทศดูไบ เพราะที่นี่เขาให้การต้อนรับดี ทั้งเจ้านายที่นี่ ทั้งประชาชนให้การต้อนรับ ผมอบอุ่นดี และที่นี่ก็เป็นศูนย์กลางเดินทางไปไหนก็สะดวกดี”

สำหรับปัญหาสำคัญของสังคมไทย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ปัญหาของสังคมไทยอยู่ที่ความสามัคคีของคนในชาติ ต้องเอาผลประโยชน์ยชาติเป็นตัวตั้ง แล้วเดินไปด้วยกัน เรื่องส่วนตัว เรื่องขององค์กรต้องเล็กกว่าเรื่องของชาติ เราต้องช่วยกัน อย่าเล่นการเมืองจนผลประโยชน์ของชาติเสียหาย

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวถึงการจัดงานเฉลิมฉลองพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบรอบ 84 พรรษาว่า เราควรร่วมกันถวายความจงรักภักดี เลิกตีกันเสียที ตนอยากเห็นมีคนเสื้อทุกสีมายืนอยู่ด้วยกันร่วมกันถวายพระพร จะทำให้พระองค์ทรงมีพระกำลังใจ มีความสุขมาก เราน่าจะร่วมใจกันถวาย ต้องลดราวาศอกกัน ถ้าลูกๆ รักกัน พ่อแม่ก็มีความสุข เราเรียกพระองค์ท่านว่าพ่อและแม่ ต้องทำให้พ่อแม่มีความสุข ต้องเลิกตีกัน “อย่ามาห่วงผม ผมเรื่องเล็ก กลับก็ได้ ไม่กลับก็ได้ ไม่เป็นไร วันนี้น้องสาวได้รับไว้วางใจ เขาทำงานได้อยู่แล้ว ผมจะกลับหรือไม่กลับไม่สำคัญ ขอให้มีความสามัคคีกัน”

“วันนี้ได้ส่งสัญญาณไปยังทุกสี ผมไม่ได้โกรธ และให้อภัยทุกฝ่าย ส่วนสีแดงก็อยากขอให้ให้อภัยคนอื่น ได้รับการเยียวยาพี่น้อง ส่วนเรื่องความจริงก็ให้คณะ กรรมการพิจารณา วันนี้อย่าทำให้เกิดความตึงเครียด ต้องหันหน้ามาหากัน อยากให้ทุกคน ทิ้งทุกอย่าง เพื่อชาติบ้านเมือง สำคัญที่สุดคือความสามัคคี เอาเรื่องนี้ก่อน ผมถูกกระทำ ผมยังยอมกลืนความเจ็บปวด วันนี้ลืมทุกเรื่อง เอาความสามัคคี ไม่กลับประเทศไม่มีปัญหาเลย อย่าไปติดยึด ผมไม่ไปหลอกหลอนใคร ใครไม่แน่ใจ อยากกินข้าวกับผมก็มาเลย”

สำหรับกรณีที่ลูกสาวจะแต่งงาน พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ความปรารถนาของพ่อก็อยากไปอยู่ในงานกับลูก ได้ชื่นชม ดูลูกมีความสุข เมื่อมีอุปสรรค ลูกก็เข้าใจ ไม่เป็นไร ไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไร อยากจะบอกกับลูกสาวว่า ความรักอยู่กับลูกตลอด ใจอยู่กับลูกตลอด (กล่าวถึงตอนนี้พ.ต.ท.ทักษิณมีน้ำตาซึมออกมา)

“สำหรับครอบครัว ผมอาสาทุ่มเทให้บ้านเมือง แต่ถูกกระทำ คนเดือดร้อน คือครอบครัวผม ส่วนตัวผมยอมรับได้ แต่สงสารคนในครอบครัวเรา คนใกล้ชิดต้องรับกรรมแทนเราด้วย ไม่เป็นธรรม แต่ลูกๆ ก็เข้มแข็ง ให้กำลังใจพ่อ อดทนได้ สำหรับอดีตภรรยา เขาไม่ยอมให้ผมเล่นการเมืองมาตั้งแต่ต้น เขาบอกว่าเข้าไปไม่น่าดี เขาเคยบอก เงินก็มี เล่นกอล์ฟ สอนหนังสือไป แต่ผมเลือกเองที่จะทำงานการเมืองให้บ้านเมือง เพราะคิดว่าเราสบายแล้ว...”

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ตนอาจจะผิดที่ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน แต่ถูกที่ได้ทำให้ประชาชน ถ้าถามว่าจะทำอีกไหม ตนสบายแล้ว ตนจะไม่ลืมคนข้างหลัง ตนจะดูแลคนข้างหลัง ตนเป็นหนี้บุญคุณประชาชน ผ่านมา 5 ปี ประชาชนยังไม่ลืมตน เขาไม่ลืม ตนต้องตอบแทนตามกำลังตามโอกาสที่ทำได้ ตนไม่ทะเยอทะยานทางการเมือง แต่ตนใช้การเมือง เพราะมีโอกาสทำงานให้ประชาชนมากกว่า “ผมบ้ากับการทำ บางคนอยากเป็น แต่ผมอยากทำ อยากทำ ต้องเป็นก่อน”

สำหรับเรื่องความทุกข์ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า “ความทุกข์ คือ เราตั้งใจดี แต่มีคนไม่เข้าใจเรา ยังใช้โอกาสทำลาย เคยมีคนเตือนผมก่อนเข้าการเมือง ว่าการเมืองไทยเป็นระบบทำลายผู้นำ ต้องทำใจเลยว่าต้องถูกทำลาย”

เมื่อถามว่ามีสิ่งใดที่ต้องทบทวน พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ต้องลดการบ้างานลงมา ต้องมีเวลากับสิ่งที่ควรดูแล ส่วนเรื่องความฝัน ตนอยากเห็นบ้านเมืองปกติ มีความเป็นธรรม สงบเรียบร้อย ก้าวหน้า คนไทยหายจน ส่วนตัวอยากใช้ชีวิตสงบ ตีกอล์ฟ สอนหนังสือ ตอนเป็นนายกฯตั้งใจจะเกษียณตอนอายุ 60 ปี คิดว่าจะจัดงานฉลองแซยิด แล้วจะลาออก เวลาที่เหลือจะให้กับครอบครัว แล้วไปสอนหนังสือ แต่โดนซะก่อน เลยสู้ต่อ ทั้งที่อยากจะหยุด

เรื่องการส่งสัญญาณปรองดอง พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า เราตีกลองครั้งที่หนึ่งอาจมีคนได้ยินสิบคน ต้องตีต่อเนื่อง เราต้องยืนยันต่อไป พฤติกรรมต้องชัด ปากกับใจต้องตรงกัน ตนปากกับใจตรงกัน ล้านเปอร์เซ็นต์

ต่อคำถามว่าอยากให้คนจดจำในฐานะอะไร พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า คนที่รักบ้านเมือง รักประชาชน รักพระเจ้าอยู่หัว
กำลังโหลดความคิดเห็น