xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ชี้ ปชป.แพ้ภัยตัวเอง 2 ปีมัวหากินเมินเจาะฐาน “แม้ว” - หลงเชื่อ “ห้อย” ทิ้งพันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” ชำแหละ ปชป.แพ้ภัยตัวเอง เป็นรัฐบาล 2 ปีกว่า ไม่จัดการระบอบทักษิณจริงจัง กลับสวมตอหาประโยชน์ หลงเชื่อ “เนวิน” คุมตำรวจ-ผู้ว่าฯ ชิงพื้นที่อีสาน-เหนือได้ เมินลงเจาะฐานรากหญ้าของทักษิณ ซ้ำทิ้งเพื่อนแท้อย่างพันธมิตรฯ เหมารวมให้เป็นตัวยุ่งเหมือนเสื้อแดง ต้องจัดการทั้ง 2 ฝ่าย หวังทำตัวเป็นพระเอก ย้ำชุมนุมไล่ “ยิ่งลักษณ์” หากนิรโทษ-ปล่อยจาบจ้วง เรื่องอื่นให้ ปชป.จัดการเอง พร้อมมุ่งสร้างปัญญาพันธมิตรฯ ฮาร์ดคอร์ 2 ล้านคน

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนเคาะข่าว”  

เวลาประมาณ 20.30 น. วันที่ 4 ก.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมรายการ “คนเคาะข่าว” ทางเอเอสทีวี ซึ่งออกอากาศเป็นครั้งแรก หลังจากถ่ายทอดสดการชุมนุมที่สะพานมัฆวานมาเป็นเวลา 158 วัน และมีการปรับผังรายการใหม่

นายสนธิกล่าวว่า หลังจากนี้เอเอสทีวีจะทำหน้าที่ในการให้ปัญญาแก่ประชาชนมากขึ้น การชุมนุม 158 วันทำให้เรารู้ว่ามีแฟนพันธุ์แท้อยู่ประมาณ 1.5-2 ล้านคน จากนี้ไปพันธมิตรฯ จะนั่งอยู่หน้าจอทีวีเติมปัญญาความรู้ โดยเนื้อหาของรายการต่างๆ จะเน้นการวิเคราะห์ ให้ความรู้ และใช้ปัญญาถกเถียงหาข้อสรุปในปัญหาต่างๆ และวนเวียนอยู่กับการสร้างปัญญาอย่างเดียว

นายสนธิได้วิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้การเลือกตั้งต่อพรรคเพื่อไทยว่า ต้องย้อนไปถึงตั้งแต่ที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้พรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้งปี 2544 เพราะประชาธิปัตย์ทำงานอืดอาดล่าช้า และมีกรณีไอเอ็มเอฟที่เข้ามาเกี่ยวข้อง มีการขายสมบัติชาติในราคาถูกให้ฝรั่งแล้วเอากลับมาขายคนไทยในราคาแพง มีการอออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ และในช่วงไอเอ็มเอฟเข้ามานั้นมีคนเดือดร้อนมาก และรอว่าจะมีใครจะเข้ามาแก้ไขปัญหา ซึ่งก็มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเข้ามา ด้วยความที่เป็นคนตัดสินใจเร็ว พูดจาเร็ว มีวิสัยทัศน์ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์มีนายชวนเชื่องช้า

นอกจากนี้ โครงสร้างพรรคประชาธิปัตย์เต็มไปด้วยพวกอำมาตย์ศักดินา จะทำอะไรก็ช้า ขณะที่พรรคไทยรักไทยมีการนำคนรุ่นใหม่ คนที่เชี่ยวชาญการลงทุนเข้ามา เอาพวกฝ่ายซ้ายที่เข้าใจงานมวลชนเข้ามา เอาหมอที่ต้องการเสนอนโยบายสาธารณสุขใหม่ๆ เข้ามา ขณะที่ประชาธิปัตย์ไม่เคยสนใจปรับปรุงงานด้านสาธารณสุขการศึกษา เมื่อทักษิณเข้ามามีโครงการใหม่ๆ ผู้คนจึงรู้สึกว่าเป็นความหวัง

ทักษิณชนะครั้งแรกได้มาเพียง 200 กว่าเสียง แต่พอชนะอยู่ในอำนาจมา 6 ปี ก็ถูกอำนาจครอบงำ เอาญาติพี่น้องมารุมทึ้งประเทศ พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านพรรคเล็กๆ ยกมือทีไรก็แพ้ ทำอะไรไมได้ มวลชนของตัวเองก็ไม่มี จนเกิดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขึ้นมา และรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ถูกถอดออกจากช่อง 9 กลายเป็นเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ทักษิณก็ยังใช้อำนาจรัฐเข้ามาบีบ คนที่ไม่ชอบทักษิณก็แห่เข้ามาร่วม ประชาธิปัตย์ก็เห็นว่าเป็นมวลชนที่สามารถทำอะไรได้ก็เข้ามาร่วม แต่ในวันนั้นเราทำเพื่อหลักการไม่ให้ทักษิณกลับมาเป็นนายกฯ และล้มระบอบทักษิณ จนเกิด 19 กันยา 49

แต่หลังจากนั้นรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และ คมช.ก็ไม่ดำรงเป้าหมายที่จะไม่ให้ทักษิณกลับมา ล้มเหลวในการจักการกับระบอบทักษิณ แถมยังไปประนีประนอม มองว่าเป็นเรื่องสมบัติผลัดกันชม และคิดว่าทักษิณโดนไล่ออกไปแล้วจะอยู่เฉยๆ เหมือนอดีตนายกฯ คนอื่นๆ แต่ทักษิณอยู่มา 6 ปี มีฝ่ายซ้ายลงไปสร้างฐานมวลชนในกลุ่มรากหญ้า ซื้อใจประชาชนในภาคอีสาน-ภาคเหนือ ขณะที่ประชาธิปัตย์อยู่มา 60 ปีเข้าไปไม่ถึงรากญ้า รัฐบาลสุรยุทธ์มาก็ปล่อยไว้เหมือนเดิม และรีบจัดการเลือกตั้ง ทั้งที่ปัญหายังไม่ได้แก้ เพราะฉะนั้นตัวการที่ทำให้ระบอบทักษิณฟื้นตัวคือรัฐบาลสุรยุทธ์ และที่แอบสนับสนุนโดยไม่ตั้งใจคือ คมช.ทั้งที่ตัวเองยึดอำนาจทักษิณมา กลายเป็นการปฏิวัติเสียของ

หลังเลือกตั้งปี 50 ได้นายสมัคร สุนทรเวช มาเป็นนายกนอมินีของทักษิณ พยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ พันธมิตรฯ จึงออกมาคัดค้าน จนมีการล้มตายของพี่น้องในวันที่ 7 ตุลาฯ หลังจากนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้มาเป็นนายกฯ โดยแรงสนับสนุนจากกองทัพ เพราะว่ากลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ ถูกลดอำนาจในพรรคพลังประชาชนลงหลังจากนายสมัครพ้นจากตำแหน่งนายกฯ และทักษิณสนับสนุนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์เป็นนายกฯ แทน เมื่อมีสุญญากาศจากการยุบพรรคพลังประชาชน นายสมชายพ้นจากตำแหน่ง นายเนวินจึงย้ายกลุ่มมาผสมผสานกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ผูกตัวเองอยู่กับ พล.อ.อนุงพษ์ เผ่าจินดา และวางทายาทไว้คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายสนธิกล่าวว่า การเกิดของประชาธิปัตย์ไม่ใช่เพราะอยากแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง แต่เกิดเพราะอยากเป็นรัฐบาล นายสุเทพอยากเป็นมากหลังจากไม่ได้เป็นมา 6 ปีกว่า นายอภิสิทธิ์ก็ฝันจะเป็นนายกฯมาตั้งแต่เด็ก นายเนวินก็ต้องการมาขี่คอพรรคประชาธิปัตย์เพื่อหาประโยชน์ ทหารก็รู้ว่าตัวเองมีบทบาท เข้ากับฝ่ายไหนฝ่ายนั้นชนะ จึงหลายเป็นพรรคทหารขึ้นมา สามารถขู่พรรคขนาดเล็กให้มาร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ได้

เมื่อเริ่มต้นมาเป็นรัฐบาลด้วยวิธีการแบบนี้ประชาธิปัตย์ก็ละทิ้งอุดมการณ์ที่จะล้มล้างระบอบทักษิณ กลับมองว่าเสื้อแดงและเสื้อเหลืองเป็นตัวยุ่ง เป็นเรื่องของคน 2 คนตีกัน เขาจะอยู่ตรงกลางแล้วใช้กฎหมายจัดการทั้งสองฝ่าย นี่คือข้อผิดพลาด ไม่ดูว่าเนื้อหาหลักการที่พันธมิตรฯ ทำไว้มีอะไรบ้าง ไม่ดูว่าพันธมิตรฯ ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นผลพวงให้ประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล แต่พอมาเป็นรัฐบาลก็อยากเป็นพระเอก ให้เสื้อเหลืองเสื้อแดงเป็นผู้ร้าย และเขาจะมาแก้ปัญหา

นายสนธิกล่าวต่อว่า หลังจากที่รัฐบาลอภิสิทธิ์หยุดเสื้อแดงเผาเมืองในเดือนเมษายน 2552 ลงได้ เขาก็คิดว่าคุมเสื้อแดงได้แล้ว จู่ๆ วันที่ 17 เม.ย.52 ตนก็ถูกลอบยิง เพราะเขาคิดว่าเมื่อคุมเสื้อแดงอยู่หมัดแล้วต้องจัดการคนเสื้อเหลืองด้วย เพื่อให้ทุกอย่างจบ ซึ่งเป็นการคิดแบบตื้นๆ

เราสู้กับทักษิณ สู้กับ คมช. ในที่สุดก็มาสู้กับประชาธิปัตย์ ไม่ใช่ว่าเพราะไม่ชอบ แต่สู้เพื่อความถูกต้อง นายอภิสิทธิ์นั้นเราให้โอกาสมาก พยายามสนับสนุนและช่วยเหลือ และคิดว่านายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ นายเนวินคิดคนละแบบ นายอภิสิทธิ์คิดแต่ว่าจะเป็นนายกฯ นานๆ นายสุเทพก็วางแผนสืบทอดอำนาจให้ และเมื่อมีนายเนวินมาร่วมก็จะให้นายเนวินจัดการกับระบอบทักษิณ เพราะเป็นคนอีสาน พูดจาเก่ง ก็ให้คุมมหาดไทย เพราะคิดว่าเมื่อมีอำนาจแล้วจะล้างระบอบทักษิณได้ ทั้งตำรวจ ทั้งผู้ว่าฯ ก็อยู่ในมือนายเนวิน ขณะที่นายสุเทพคุมความมั่นคง เลยคิดว่ามีทุกอย่างอยู่ในกระเป๋าแล้ว พันธมิตรฯ ก็เลยถูกไล่ออกมา

นายสนธิกล่าวต่อว่า เราไม่ได้ทิ้งประชาธิปัตย์แต่ประชาธิปัตย์ไล่เราออกมา เขาดำเนินคดีก่อการร้ายกับคนเสื้อแดง ก็ดำเนินคดีคนเสื้อเหลืองให้เป็นผู้ก่อการร้ายเหมือนกัน โดยให้ตำรวจคนใกล้ชิดนายเนวินมาทำคดี พยายามสร้างภาพว่าเสื้อเหลืองก็เป็นตัวป่วนเช่นเดียวกับเสื้อแดง เหมือนที่ พล.อ.อนุพงษ์พูด แล้วนายสุเทพก็เอาไปพูด ลามไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่พรรคภูมิใจไทยก็พยายามสร้างภาพเพื่อทำลายทั้งสองสี

“ผมเห็นว่าเขากำลังทิ้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เขาลืมว่าเพื่อนของเขาซึ่งสู้ให้เขา สู้เพื่อความถูกต้อง เขากลับมาเหยียบศีรษะพวกเรา เหยียบย่ำพวกเรา ซึ่งตรงนี้ผมอยากจะให้คุณอภิสิทธิ์ทบทวนตัวเอง เพราะคุณอภิสิทธิ์ไปพึ่งคุณเนวิน พอพึ่งคุณเนวินแล้ว คุณเนวินจะทำอะไร คุณอภิสิทธิ์ไม่กล้าพูด หลายต่อหลายครั้งทำท่าจะแข็ง แต่ในที่สุดพอเนวินทุบโต๊ะบอกสุเทพ สุเทพก็มากล่อมคุณอภิสิทธิ์ คุณอภิสิทธิ์ก็ยอมตามคุณเนวิน ยอมตามคุณสุเทพ ทำทุกอย่าง” นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวต่อว่า ช่วง 2 ปีกว่าที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ไม่คิดแก้ไขปัญหาประเทศชาติ ไม่ลงไปหาคนรากหญ้า ไม่คิดจะเปลี่ยนความคิดคนอีสานคนเหนือ คิดแค่ว่าถ้าเพื่อไทยให้ 100 เขาจะให้ 300 เขาไม่คิดว่าเครือข่ายที่ทักษิณสร้างไว้ 6 ปียังอยู่ ทั้งระดับ อบต. อบจ. และที่สำคัญคนอีสานมองว่านายเนวินทรยศ เขาจึงไม่เลือก ว่ากันว่าเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจ่ายน้อยกว่าแต่ก็ชนะภูมิใจไทย

นายสนธิกล่าวอีกว่า ในยุครัฐบาลไทยรักไทยทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของทักษิณคนเดียว ส่วนประชาธิปัตย์มีการแบ่งโซนกันทำมาหากิน กระทรวงใครกระทรวงมัน นายอภิสิทธิ์ก็ทำทีเป็นคัดค้านเพื่อกลบเกลื่อน พอคนลืมก็ปล่อยให้ผ่าน ครม.ไปทุกเรื่อง แต่เราก็คิดว่าเป็นเพราะนายอภิสิทธิ์ถูกนายสุเทพครอบงำ หรือเพราะสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ

จนกระทั่งเมื่อมาถึงเรื่องไทย-กัมพูชา เราก็จับโกหกนายอภิสิทธิ์ได้ เพราะถ้านายอภิสิทธิ์โกหกคนไทย เรื่องจริงก็ไปโผล่ที่เขมร จนในที่สุดเราต้องชุมนุมเพื่อทวงคืนแผ่นดินไทย และเปิดโปงข้อมูลตอบโต้จนนายอภิสิทธิ์พูดไม่ออก และยุบสภาหนี โดยหวังว่าจะให้เลือกตั้งวันที่ 26 มิ.ย.ก่อนที่คณะกรรมการมรดกโลกจะพิจารณาเรื่องแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร แต่การยุบสภาต้องเลื่อนออกมา และ กกต.ให้เลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งนายอภิสิทธ์ก็ยังหวังว่า จะให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ เลื่อนแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารออกไปก่อนเพื่อให้พ้นตัวเอง โดยให้นายสุวิทย์เซ็นข้อตกลง 8 ข้อ ที่จะทำให้ไทยเสียอธิปไตย เรื่องปราสาทพระวิการจึงเป็นความขัดแย้งระหว่างคนที่รักนายอภิสิทธิ์กับพวกเรา แต่เรามีหลักการเดียวกับที่เราสู้กับรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสุรยุทธ์ เราจึงได้ข้อสรุปกว่า ทั้งงรัฐบาลนายชวน หลีกภุย ที่เซ็นเอ็มโอยู 2543 มาถึงรัฐบาลทักษิณ รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ รัฐบาลสมัคร-สมชาย รัฐบาลอภิสิทธิ์ นักการเมืองเลวเหมือนกันหมด เราจึงต้องโหวตโน

นายสนธิกล่าวว่า ช่วง 2 ปี 7 เดือนจึงเท่ากับว่านายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ในระบอบทักษิณ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียนายอภิสิทธิ์ที่เป็นคนมีคุณวุฒิดี ชาติตระกูลดี ตั้งแต่ปี 2549 ระบอบทักษิณยังส่งทอดมา ไม่มีใครล้มได้ ประชาธิปัตย์ก็ไปสวมตอต่อยอด เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ ไม่ได้เข้ามาทำเพื่อประชาชน

“ประชาธิปัตย์แพ้ตัวเอง แพ้ภัยตัวเอง เพราะประชาธิปัตย์ไม่ทำตามที่ตัวเองพูดเอาไว้ การเลือกตั้งแข่งคุณทักษิณ ปี 44 ก็แพ้ ปี 48 ก็แพ้ ปี 50 ก็แพ้ ปี 54 ก็แพ้ เมื่อคุณไปดูคะแนนเสียงพรรคประชาธิปัตย์แล้ว จะอยู่ระหว่าง 150, 160, 170 อยู่เพียงแค่นี้ ไม่เคยชนะ 200 เหมือนที่คุณทักษิณชนะ เหตุผลเพราะว่า ทักษิณคุมเครือข่ายข้างล่างหมดเรียบร้อย เมื่อตัวเองมีอำนาจแทนที่จะแกะเครือข่ายเหล่านี้ออกแล้วเอาเครือข่ายตัวเองเข้าไป ให้ประชาชนมารักการทำงานของตัวเอง อย่าว่าอย่างนั้นเลย คนใต้ที่เลือกประชาธิปัตย์ ถ้าพิจารณาให้ดีๆ พูดกันด้วยความเป็นธรรมแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ไม่ทำอะไรให้คนใต้เป็นรูปธรรม นับประสาอะไรกับคนอีสาน และคนเหนือ”

นายสนธิกล่าวต่อว่า ประชาธิปัตย์ไม่ทำลายโครงข่ายของทักษิณ หันไปพึ่งนายเนวินที่มีนักเลงหัวโจกอยู่ในพรรค แต่แม้แต่นักเลงก็สู้ทักษิณไม่ได้ เพราะทักษิณเป็นที่รวมของมาเฟีย เอานักเลงโตมาจะสู้ทักษิณได้อย่างไร ตำรวจ ทักษิณก็ยังคุมอยู่ ทหาร เขาก็เป็นเตรียมทหารรุ่น 10 แต่นายอภิสิทธิ์หลงเชื่อนายเนวินก็คิดว่านายเนวินคุมอีสานได้ เพราะมีผู้ว่า มีตำรวจอยู่ในมือ ทั้งยังมีเงินมหาศาล ด้วยเหตุนี้ จึงไม่สนใจพันธมิตรฯ

“เขาทิ้งเรา เราไม่เคยทิ้งเขาเลย เราจริงใจต่อเขา เราอยากให้เขาเป็นนายกฯ ที่ดี เพราะหาคนที่มีคุณสมบัติอย่างเขาหายาก แต่เขาต้องจริงใจ เขาต้องซื่อสัตย์ และเขาต้องไม่ทิ้งมวลชน พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ไม่เคยมีมวลชน” นายสนธิกล่าว และว่า แกนนำพรรคประชาธิปัตย์หลงคิดว่า คนที่มาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ คือคนของพรรคประชาธิปัตย์ พวกเราจึงเป็นอะไรที่เขาจะทำลาย แต่เราก็ได้กลั่นกรองพวกเรากันเอง แม้กลุ่มเราจะเล็กลง แต่นี่คือเนื้อแท้ของเราที่ไปลงคะแนนโหวตโนประมาณ 1.5-2 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นพันธมิตรฯ ฮาร์ดคอร์

นายสนธิกล่าวต่อว่า 1.5-2 ล้านคนนี้ คือคนที่เชื่อมั่นในอุดมการณ์เดียวกัน เป็นคนที่จะนั่งดูเอเอสทีวี ไม่สนใจช่องอื่น เป็นพลังที่แน่นหนา ซึ่งเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ตนได้บอกกับพี่น้องที่เวทีสะพานมัฆวานฯ แล้วว่า จากนี้ไป ถ้าแกนนำยังไม่มีมติอย่าไปเชื่อใคร เราจะไม่เป็นเครื่องมือให้ใครอีก ตอนนี้เราเกิดใหม่อย่างอิสระ ไม่มีเครื่องพันธนาการ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เราชอบประชาธิปัตย์ พอเราบอกว่าผิดหวังนายอภิสิทธิ์ ก็มีคนที่ชอบนายอภิสิทธิ์แยกตัวออกไป เหลือแต่พวกเราแท้ๆ

พรรคเพื่อไทยก็ยังมีปัญหาภายใน และต้องชัดเจนว่าจะไม่เดินรอยตามทักษิณ ซึ่งจะทำได้หรือไม่ มีคนบอกว่าทักษิณอยู่เบื้องหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ไม่สำคัญเท่ากับว่า ขณะที่ทำนโยบายประชานิยมเพื่อคนรากหญ้า แต่ตัวเองก็เข้าไปกินงบประมาณด้วยหรือไม่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ทำเหมือนกัน

นายสนธิกล่าวว่า ประเด็นที่เราจะออกมาสู้มีอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.เมื่อใดก็ตามที่มีการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมให้ทักษิณ ชินวัตร 2.หากมีกระบวนการล้มเจ้าออกมาแล้วรัฐบาลไม่จัดการให้เด็ดขาด ซึ่งถ้าพ้นจาก 2 เรื่องนี้แล้วเราจะไม่ยุ่ง เพราะถ้ายุ่งเท่ากับว่าเราไปเป็นมวชนให้พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตอนนี้ก็มีมวลชนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ถ้าบอกว่ารัฐบาลเพื่อไทยเข้ามาโยกย้ายข้าราชการ รัฐบาลประชาธิปัตย์ก็ทำเหมือนกัน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะประท้วงก็ประท้วงไป หรือเอาไปคุยกันในสภา เพราะนายอภิสิทธิ์ชอบบอกว่าปัญหาทุกอย่างต้องไปจบกันในสภา

ส่วนเรื่องไทย-กัมพูชา พันธมิตรฯ ทำงานจบแล้ว เพราะเราต่อสู้จนมีการถอนตัวจากภาคีมรดกโลก หลังจากนี้ไป ถ้าพรรคเพื่อไทยยังใช้เอ็มโอยู 2543 อยู่ ก็ต้องไปถามพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านว่าเห็นด้วยไหม ถ้าเห็นด้วย ก็แสดงว่าทั้งสองพรรคร่วมมือกันขายชาติ แต่ถ้ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยยกเลิกก็ดีไป ส่วนทหารซึ่งพรรคเพื่อไทยสามารถเอาคนของตัวเองมาคุมได้ ถ้าไม่ปกป้องอธิปไตย ก็ต้องถามพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านว่าจะเอายังไง พวกเราถ้าจะเคลื่อนไหวก็มีแค่การยื่นหนังสือเท่านั้น การชุมนุมจะมีแค่ 2 เรื่องที่กล่าวมา ใครจะมาหลอกให้เราชุมนุมเพื่อตีกิน เพื่อเป็นเงื่อนไข หลอกให้พวกเราไปตายแล้วไปแอบจัดตั้งรัฐบาล ให้เราเป็นนั่งร้าน เราไม่เอา ถ้าเขาอยากจะชุมนุมก็ให้ใช้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์ซึ่งเขามีอยู่แล้ว

ทั้ง 2 เรื่องดังกล่าว ถ้าทักษิณโง่ก็คงจะทำ แต่ถ้าไม่โง่ก็ควรเลี่ยง ส่วนเรื่องทุจริตก็ไปตัดกันเองกับพรรคประชาธิปัตย์ เขามีสิทธิ์อภิปรายในสภาอยู่แล้ว มีแต่คนฝีปากกล้าไม่ใช่หรือ ก็เอาเข้าสภาล่อกันเอง ตรงนี้พันธมิตรฯ อย่าหวั่นไหว เพราะเราเกิดใหม่แล้ว เราเหมือนกองกำลังพระเจ้าตาก แต่เรามีเกือบ 2 ล้านคน เราจะคอยลับปัญญาแล้วเอาไปกระจายต่อ พันธมิตรฯ ฮาร์ดคอร์จะมีแต่คนคุณภาพ มีสัมมาทิฐิ มีสัมมาปัญญา การเมืองวันนี้สลับซับซ้อน เราจะไม่ตกเป็นเหยื่ออีก และจะเอาชาติเป็นตัวตั้ง ถ้าใครอยากจะล้มรัฐบาลก็ไปล้มในสภาเอง หรือถ้าอยากล้มนอกสภาก็ให้มวลชนของคุณล้มเอง

นายสนธิกล่าวอีกว่า ตลอด 5-6 ปี พรรคประชาธิปัตย์เดินซ้ำรอยตัวเองในการเมืองน้ำเน่า หลังจากนี้จะดูว่าประชาธิปัตย์จะทำอย่างไรเมื่อเป็นฝ่ายค้านในสภา ถ้ายกมือด่าพรรคเพื่อไทย ก็อาจจะโดนสวนกลับว่าตอนคุณเป็นรัฐบาลก็ทำอย่างนี้ นายอภิสิทธิ์จะกล้าพูดเรื่องกัมพูชาหรือไม่ เพราะพรรคเพื่อไทยอาจจะเอาเทปตอนนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ มาเปิด ประชาธิปัตย์กำลังติดกับดักตัวเอง ถ้าบอกว่าเพื่อไทยโกง ก็อาจจะโดนย้อนเรื่องน้ำมันปาล์ม ถือว่ากรรมสนอง เพราะตอนที่เข้ามาแล้วไม่แก้ปัญหา แต่มาแค่สืบทอดอำนาจตัวเองและหาประโยชน์

นายสนธิกล่าวย้ำว่า ความพ่ายแพ้ของประชาธิปัตย์ก็คือการแพ้ภัยตัวเอง เพราะว่า 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา และการทิ้งเพื่อนที่มีความจริงใจ ถ้านายอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์จับมือกับพันธมิตรฯ เดินหน้าปฏิรูปประเทศ ใช้พันธมิตรฯ เป็นเครื่องขับเคลื่อนในการลงสู่พื้นที่ ขยับขยาย ให้ความรู้คน ให้รายการทีวีนับสนุนพันธมิตรฯ วันนี้ เชื่อประชาธิปัตย์ยังมีโอกาสอยู่ต่อไป และแก้ปัญหาเรื่องระบอบทักษิณได้ดีพอสมควร แต่เขาไม่เคย เพราะเขาไม่ชอบพวกเรา เขากลัวพวกเรา เพราะว่าเขากำลังทำในสิ่งซึ่งระบอบทักษิณทำอยู่ เขาไม่อยากให้เรามายุ่ง



คำต่อคำ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ร่วมรายการ “คนเคาะข่าว”

เติมศักดิ์ จารุปราณ- รายการคนเคาะข่าว 20.30-22.00 น. วันนี้แขกรับเชิญคนแรกของรายการ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สวัสดีครับคุณสนธิ

สนธิ- สวัสดีครับคุณเติมศักดิ์

เติมศักดิ์- ช่วงแรกต้องให้คุณสนธิแนะนำ พูดถึงความเปลี่ยนแปลงของ ASTV News 1 หลังการชุมนุม 158 วัน

สนธิ- เราคงต้องให้ปัญญาคนมากขึ้น เราจะได้ปรับผังไปแล้ว เหตุผลการปรับผังนั้น ตอนนี้ ASTV มีแฟนประจำที่ตายตัว จากการชุมนุม 158 วัน คนดู ASTV เป็นเวลา 158 วัน เรารู้ว่าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้เรา แฟนพันธุ์แท้เรามีอยู่ประมาณ 1.5-2 ล้านคน อย่างที่ผมเรียนให้คุณเติมศักดิ์ ท่านผู้ชม และพี่น้องได้ทราบว่า จากนี้ไปพันธมิตรฯ ต้องชิลล์ นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ แล้วดู ASTV อย่างเดียว เพื่อเสริมปัญญาและความรู้ ผมคิดว่า โดยเนื้อหา โดยกรอบของรายการใหม่ จะเน้นในเรื่องของการวิเคราะห์ ให้ความรู้ แล้วใช้ปัญญามาถกเถียงเพื่อหาข้อสรุปในปัญหาต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะของประเทศชาติ ของโลก ของอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นแล้ว เราจะวนอยู่ในเรื่องของการสร้างปัญญาอย่างเดียว

เติมศักดิ์- ช่วง 2 19.30-22.00 น. ก็จะเจาะลึกกับแขกรับเชิญพิเศษ

สนธิ- แขกรับเชิญพิเศษอาจจะมีหลายคนมาเป็นส่วนร่วมกับคุณเติมศักดิ์มาเป็นพิธีกร เช่น บางวันอาจจะมีคุณชัชวาลย์ คุณประพันธ์ คูณมี แล้วก็เชิญแขกข้างนอกมาด้วย สมมติว่า คุณเติมศักดิ์เป็นตัวหลัก สมมติว่าเอาคุณชัชวาลย์เข้ามาจะนั่งฟัง แล้วคุณชัชวาลย์ก็เป็นคนที่พยายามตกผลึกความคิดของการโต้เถียง หรือว่าการตอบคำถาม คุณชัชวาลย์จะตั้งคำถามอะไรบางอย่าง หรืออาจจะออกความเห็นของตัวเองส่วนตัว ออกเข้ามาเพื่อเพิ่มรสชาติเพิ่มปัญญาให้กับเนื้อหาสาระ

เติมศักดิ์- ใครที่อาจจะคิดถึงเคาะข่าวริมโขง ก็จะมีรสชาติแบบนั้นอยู่

สนธิ- มีรสชาติเป็นส่วนผสมบางส่วนของเคาะข่าวริมโขงแต่ไม่ใช่ทุกส่วน เพราะเคาะข่าวริมโขงค่อนข้างจะคนเยอะ แล้วจะแยกกันพูดมากจนเกินไป แต่ผมคิดว่า ASTV ยุคหลัง 158 วัน จะเป็น ASTV ที่นำล้ำในเรื่องปัญญากว่าทุกช่อง ธรรมดาเราก็นำทุกช่องอยู่แล้ว ฟรีทีวี เราจะล้ำไปมากกว่านั้น เพราะว่า ผมมีความรู้สึกว่า พันธมิตรฯ ที่จับตาดู ASTV เป็นประจำ คือคนที่ได้รับความรู้และปัญญามากกว่าคนที่ดูช่องอื่นๆ พอถึงระดับหนึ่งเราต้องพัฒนาตัวเราเองขึ้นอีกระดับหนึ่ง เพื่อมีศักยภาพเพียงพอที่จะให้ความรู้ให้กับคนซึ่งติดตาม ASTV

เติมศักดิ์- อยากให้คุณสนธิแนะนำรายการนี้ในช่วงที่ 2 ที่ยังมีทั้งเศรษฐกิจ ต่างประเทศ เคาะข่าวสังคม บันเทิง กีฬา สีสันจะเป็นอย่างไรบ้าง

สนธิ- อย่างที่บอก เคาะไข่

เติมศักดิ์- เคาะไข่ใส่ข่าว

สนธิ- เคาะไข่ใส่ข่าว เป็นรายการ ฅ.คอข่าว ซึ่งเป็นรายการเบาๆ ภายใต้พื้นฐานการเบา จะมีการเสียดสีพอสมควร ส่วนด้านเศรษฐกิจ คือขาประจำเจ้าเก่า คุณสุนันท์ ศรีจันทรา ซึ่งท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญ มีองค์ความรู้เรื่องเศรษฐกิจ การเงิน หุ้น ต่างประเทศคงหนีไม่พ้น คุณแอ้ม-สโรชา พรอุดมศักดิ์ เพราะคุณแอ้มเป็นถึงผู้อำนวยการช่องข่าวภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้นคุณแอ้ม ตลอดทั้งวันจะสนใจและสัมผัสเฉพาะข่าวต่างประเทศ มากๆ คุณแอ้มจะมีโอกาส คนที่ออกมาพร้อมคุณแอ้มเป็นคนที่คมในฝักเรื่องข่าวต่างประเทศแต่คนข้างนอกไม่รู้ รอดูต่อไป ส่วนกีฬากับบันเทิง อย่างที่เคยเห็นมา น่าจะมีความเข้มข้นมากกว่าเก่า ส่วนจะเข้มข้นมากน้อยแค่ไหนต้องให้ผู้ชมติดตาม แต่ผมคิดว่า มีอีกรายการซึ่งน่าสนใจมาก คือรายการวันอาทิตย์ ของคุณแอน-จินดารัตน์ ซึ่งเราเรียกว่า ก่อนจะถึงวันจันทร์ สมัยก่อนเราเคยมีรายการ ก่อนจะถึงวันจันทร์ แต่ก่อนจะถึงวันจันทร์ ครั้งนี้จะเป็นรายการวาไรตี้ ซึ่งผมเชื่อว่า พี่น้องพันธมิตรฯ หรือผู้ชม ASTV ซึ่งชมประจำ จะต้องติดรายการนี้

เติมศักดิ์- นี่คือช่วงรายการ 20.30-23.00 น.ของวันจันทร์-ศุกร์ และรายการก่อนจะถึงวันจันทร์ ที่คุณสนธิแนะนำ นี่คือความเปลี่ยนแปลงของ ASTV News1

สนธิ- ส่วนวันเสาร์ยังมีรายการ 18.30-19.30 น.ยังเป็นคุณประพันธ์ คูณมี โชว์เดี่ยว ปากกล้าขาไม่สั่น แต่คุณประพันธ์จะออกเพียงอาทิตย์ละ 1 วัน คือวันเสาร์ครั้งเดียว สมัยก่อนออก 2 วัน ผมเชื่อว่าผังใหม่ของรายการ ASTV จะเป็นผังที่ เมื่อดูภาพรวมแล้วจะเป็นผังซึ่งท่านผู้ชมพอใจมากๆ เป็นอย่างยิ่ง เสาร์-อาทิตย์ จะเป็นรายการที่ค่อนข้างจะดูแล้วน่าสนใจมากกว่าเก่าเยอะ ผมคิดว่าจะมีอะไรหลายอย่างซึ่งผู้ชมจะพอใจ และขอให้แนะนำและติชมมาได้ที่ ASTV หากต้องการการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือแก้ไข

เติมศักดิ์- คอยติดตามกันได้ครับสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งนี้ เดี๋ยวช่วงหน้าเป็นต้นไปเราจะคุยกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล จะมองอนาคตหลังจากพรรคเพื่อไทยยึดอำนาจรัฐ 3 กรกฎาคม 2554 เราจะมองดุลอำนาจของสังคมไทยนับจากนี้ไป พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยที่มียิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ ดุลอำนาจระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไทย และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นอย่างไร สักครู่ครับ

เติมศักดิ์- ช่วงที่ 2 ของคนเคาะข่าวนะครับ เราจะสนทนากับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เราจะถามคุณสนธิ เรื่องความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ได้ให้บทเรียนอะไรแก่พรรคการเมืองพรรคนี้บ้าง
พรรคเพื่อไทยที่กำลังเป็นแกนนำรัฐบาล 299 เสียง และกำลังจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก แต่ว่าเป็นนายกฯ นอมินีของคุณทักษิณคนที่ 3 จะมีปัจจัย มีเงื่อนไขอะไรบ้าง ที่จะเป็นตัวเร่งให้เกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับพลังทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนิรโทษกรรม การฟอกความผิดให้คุณทักษิณ เรื่อง 46,000 ล้าน เรื่องคดีความต่างๆแม้กระทั่งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทย - กัมพูชา ซึ่งมันไปเกี่ยวโยงกับปัญหาอธิปไตยของชาติ หรือปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพรรครัฐบาล พรรคเพื่อไทย และดุลอำนาจต่างๆ ในสังคม ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย และมวลชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนับจากนี้จะพลิกโฉมหน้าไปอย่างไร รวมทั้งแน่นอนครับ การเผชิญหน้าระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มมวลชนพันธมิตรฯ มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ช้าเร็วแค่ไหน เราจะไปถามกับคุณสนธิ นะครับ
คุณสนธิครับ ก่อนอื่นเรื่องความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้เขาได้บทเรียนอะไรบ้างครับ

สนธิ- เมื่อสักครู่นี้คุณเติมศักดิ์ถามคำถามเยอะเลยครับ แต่จริงๆแล้วคำถามที่คุณเติมศักดิ์ถาม ฟังผมเล่าว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ แล้วพันธมิตรฯ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ถ้าผมเล่าไปเรื่อยๆ คุณเติมศักดิ์จะเข้าใจหมดเราสามารถจะตอบคำถามทุกคำถามที่คุณเติมศักดิ์ถาม และระหว่างที่ผมเล่า คุณเติมศักดิ์จะแทรกตรงไหนกรุณาแทรก จะเข้าใจคำถามทั้งหมดที่คุณเติมศักดิ์เข้ามาถามผม ต้องไล่ที่มาที่ไปก่อน ที่มาที่ไปของครั้งแรกสุดที่พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ต่อไทยรักไทย พรรคประชาธิปัตย์ที่พ่ายแพ้ต่อไทยรักไทยในขณะนั้นมีอยู่สาเหตุใหญ่ๆ คือสาเหตุของการที่พรรคประชาธิปัตย์อืดอาดล่าช้า เชื่องช้าในการทำงาน ในกรณีทีไอเอ็มเอฟเข้ามายึดครองประเทศไทย และก็พรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้นพึ่งพาคุณธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และก็เลยเกิดยุคที่ผมเรียกว่าเป็นยุคที่ยกสมบัติของชาติให้กับฝรั่งซื้อไปในราคาถูก และเอาให้ฝรั่งพวกนี้กลับมาขายให้คนไทยอีกทีในราคาแพง ก็เหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นเครื่องมือให้ฝรั่งมาปล้นคนไทยในเวลานั้นในปี 2541 - 42
ในขณะเดียวกันสิ่งหนึ่งที่ประชาชนรับไม่ได้อีกเรื่องกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนร่างขึ้นมา กฎหมาย 11 ฉบับนั้นก็ยังไม่ได้ยกเลิก ตรงนี้ต่างหากมันทำให้ความคุกรุ่นของคน เศรษฐกิจล่มสลายตอนไอเอ็มเอฟนั้น คนล้มละลายกันเยอะ คนเดือดร้อนกันแสนสาหัส ทุกคนกำลังรอว่าใครจะเข้ามาช่วย ก็ปรากฏว่าคุณทักษิณ อาสาเข้ามา ทีนี้การพูดการจาคุณทักษิณ พูดจาพูดเร็ว ตัดสินใจเร็ว แล้วก็แสดงวิสัยทัศน์อย่างรวดเร็วในขณะที่คุณชวน จะเชื่องช้าตลอดเวลา มันก็เลยเกิดข้อเปรียบเทียบกัน และพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคไทยรักไทยในขณะนั้นโครงสร้างไม่เหมือนกัน ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์มีกำแพงอยู่เยอะภายใน มีคนโบราณอยู่ มีพวกอำมาตย์อยู่ มีพวกศักดินาอยู่ มีพวกความคิดเก่าๆอยู่ แต่ว่าพรรคไทยรักไทย ทักษิณเริ่มตอนนั้น เขาได้เปรียบ เพราะเขาเป็นพรรคการเมืองใหม่ เป็นนักธุรกิจที่ถนัดในการซื้อมาขายไป ถนัดในการซึ่งจะเก็งกำไร ถนัดในการซึ่งจะลงทุน 10 บาท ได้มา 15 บาท เขาจะไม่ปฏิเสธความเห็นคนนอก ฉะนั้นคุณจะเห็นว่าพรรคไทยรักไทยในขณะนั้นเชิญคนนอกเข้ามาหมดเลย ไม่ว่าใคร จะเป็นสายฝ่ายซ้าย สายทางคุณหมอมิ้ง จตุรนต์ ฉายแสง พวกนี้เข้ามาหมด ภูมิธรรม เวชยชัย เข้ามาเพื่อคนพวกนี้คือคนซึ่งเข้าใจการต่อสู้เพื่อช่วงชิงมวลชน
ทักษิณในขณะนั้น ยังไม่เข้าใจ ในขณะเดียวกันเขาก็เอาสายหมอเข้ามา หมอสุรพงศ์ หมอสงวน คนพวกนี้มีความฝันมานานแล้วที่จะทำนโยบายสาธารณสุขเพื่อประชาชน แต่ว่าไม่มีใครเคยฟัง พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยฟัง พรรคประชาธิปัตย์พอดูแลสาธารณสุข ก็ดูแลแบบเดิมๆ ดูแลการศึกษาก็ดูแลแบบเดิม เพราะฉะนั้นแล้วนโยบายพรรคไทยรักไทยก็เลยโดนใจคนไปหมด 30 บาทรักษาทุกโรค ทำให้คนมีความรู้สึกว่า ทักษิณคือคำตอบของสังคม เป็นความหวัง
พอทักษิณขึ้นมา ทักษิณชนะครั้งแรกแค่ 200 กว่าเสียง 250 เสียงประมาณนั้น พอทักษิณชนะ 6 ปีที่ทักษิณอยู่ อำนาจครอบงำคุณทักษิณทำให้หลงตัวเอง เมื่อหลงตัวเองแล้วเลยเอาญาติพี่น้องเข้ามารุมทึ้งประเทศในขณะนั้น พอรุมทึ้งประเทศแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งต่อสู้ในสภามาตลอด กลายเป็นพรรคเล็กๆ พรรคหนึ่งนั่งอยู่มุมห้องสภา วันๆ ไม่ต้องทำอะไรนั่งวาดการ์ตูน เพราะยกมือทีไรก็แพ้เขา ไม่มีทาง เพราะตัวเองเชื่อระบบรัฐสภา ตัวเองไม่เชื่อว่าต้องมีมวลชนมาหนุนหลัง ในที่สุดแล้วพรรคประชาธิปัตย์ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ อย่างดีก็ขึ้นมายกมือแล้วตีฝีปาก จนกระทั่งเกิดปรากฏการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ก่อนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เราต้องยอมรับว่า ได้มีความพยายามจากหลายฝ่ายที่จะปลุกมวลชนขึ้นมาแต่ปลุกไม่ติด หลายครั้ง มีบางคนให้นักธุรกิจใหญ่คนหนึ่งไปตั้งเวทีที่สนามหลวง เรียกคนมาได้ 100-200 คน ในที่สุดเลยต้องเอาวงดนตรีลูกทุ่งไปเล่นให้ฟัง จุดเปลี่ยนคือ จุดของรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่เราเริ่ม เมื่อเราเริ่มแล้วจุดติดทันที คนเข้ามาหอประชุมเล็กแน่น หอประชุมใหญ่แน่น ย้ายออกไปที่สวนลุมฯ ก็แน่น
ทีนี้ข้อผิดพลาดคุณทักษิณ และบริวาร คือ ใช้อำนาจรัฐเข้าไปบีบการทำงานของทีมงานเมืองไทยรายสัปดาห์ ยิ่งบีบในทางกฎหมาย ให้ตำรวจออกหมายจับ ฟ้องร้อง ข่มขู่ เอาเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาไล่ตีประชาชน ยิ่งทำให้ประชาชนหลายคนซึ่งถูกกดดันในสังคมขณะนั้น ด้วยนโยบายที่รัฐบาลคุณทักษิณครอบงำประเทศทั้งประเทศ ก็เลยแห่เข้ามา พรรคประชาธิปัตย์ และหลายๆ คนเริ่มเห็นว่า มวลชนนี้เป็นมวลชนที่สามารถขับไล่คุณทักษิณได้ ในวันนั้นที่เราทำงาน เราทำเพื่อหลักการว่า เราคิดว่าคุณทักษิณไม่เหมาะที่จะเป็นนายกฯ และเราคิดว่าเราจะสู้กับระบอบทักษิณ เราสู้อยู่ 2 อย่าง เราสู้ไม่ให้คุณทักษิณเป็นนายกฯ และ 2.เราสู้เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ
จนกระทั่งเกิดเหตุ 19 ก.ย. พอเกิดเหตุ 19 ก.ย.แล้วไม่รู้อะไรเกิดขึ้น ในที่สุดทั้ง คมช.ทั้งรัฐบาลชุด พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ออกมาดำรงไว้ซึ่งเป้าหมายหลัก คือทำทุกอย่างที่ตัวเองมีอำนาจแล้วเพื่อที่จะไม่ให้คุณทักษิณกลับมาเป็นนายกฯ ได้ 2.ล้มล้างระบอบทักษิณ เขาไม่ได้ทำเลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากไม่ทำแล้วยังมีทีท่าประนีประนอม ผมมองเกมว่า เขาเข้าใจผิดว่า เมื่อเขาปฏิวัติยึดอำนาจแล้วมันเป็นสมบัติผลัดกันชม เขามองในประวัติศาสตร์ว่า ใครก็ตามที่ถูกคณะทหารไล่ออกนอกประเทศแล้ว คนนั้นจะยอมแพ้ ชักธงขาว อยู่เงียบๆ เหมือนจอมพลป.พิบูลย์สงคราม พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เขามองเพียงแค่นั้น

เติมศักดิ์- เพราะที่ผ่านมาเป็นอย่างนั้น

สนธิ- เป็นอย่างนั้น แต่เขาลืมว่า 6 ปี คุณทักษิณทำอะไรไว้บ้าง ฝ่ายซ้ายคุณทักษิณเขาลงลึกไปที่มวลชน เขาลงไปที่หมู่บ้าน เขาซื้อใจรากหญ้า ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอีสานและภาคเหนือ ในขณะซึ่งประชาธิปัตย์ทำงานมาตั้งนาน อ้างว่าตัวเองอยู่มา 65 ปี แต่ประชาธิปัตย์ไม่เคยเข้าถึงรากหญ้าได้เลยแม้แต่นิดเดียว เข้าได้ภาคเดียวคือ ภาคใต้เท่านั้นเอง ที่อื่นเข้าไม่ได้เด็ดขาด

เติมศักดิ์- มีแต่ผ่านหัวคะแนน ไม่มีฐานมวลชน

สนธิ- แล้วโดยความเชื่อของคุณชวน หลีกภัย และคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และเป็นความเชื่อของคนในพรรคประชาธิปัตย์หลายๆ คนว่า การเมืองนั้นมันต้องจบที่สภา มันต้องอยู่ที่สภา มันต้องมาโต้เถียงที่สภา ในสภาถ้าโต้เถียงกันแล้วฟังเหตุฟังผลมันก็น่าโต้เถียง แต่พอในสภาแล้วไม่มีเหตุไม่มีผล ใครเสียงข้างมากกว่าคนนั้นชนะไป ถึงแม้คนซึ่งมาค้านเขาจะมีเหตุผลมากกว่าเสียงข้างมาก แต่เสียงข้างมากถือว่า ฉันมีเสียงข้างมากกว่า เลยทำให้ระบบรัฐสภาเริ่มล้มเหลว และเริ่มทำให้คุณทักษิณกลายเป็นเผด็จการในรัฐสภา
ทีนี้พอพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จัดการรัฐบาลชุด พล.อ.สุรยุทธ์ พวกนี้ยังมองรูปแบบเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ถ้าจะมีข้อดีข้อเดียวที่เขาทำ รัฐบาลชุด พล.อ.สุรยุทธ์ และไม่ใช่ พล.อ.สุรยุทธ์ ทำด้วย สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นคนทำ คือการแก้กฎหมาย ร่างกฎหมาย ทำทุกอย่าง บางกฎหมายซึ่งร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขาดอยู่อย่างเดียวคือ เข้าสภาให้เป็นกฎหมาย คือ กรณีที่ให้อำนาจ สตง.สามารถจะดำเนินคดีโดยตรง โดยไม่ต้องส่งเรื่องให้อัยการได้ ตรงนี้จะเป็นวิธีการแก้คอร์รัปชั่นได้ แต่ในขณะนั้นยังเข้าไม่ทันเลยไม่เป็นกฎหมาย แต่ไม่เป็นไร ในที่สุดรัฐบาลชุด พล.อ.สุรยุทธ์ มาเร่งการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ปัญหาไม่ได้แก้ไขเลย ถ้าจะพูดถึงตัวการซึ่งทำให้ระบอบทักษิณฟื้นกลับมาอีกครั้งก็คือ รัฐบาลชุด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และตัวการซึ่งแอบสนับสนุนโดยไม่ตั้งใจคือ คมช.ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนล้มเขา เพราะฉะนั้นแล้ว ผมยังจำได้ว่า การเลือกตั้งปี 2550 ที่คุณสมัครได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ช่วงนั้นคือผลพวงที่คุณสมัครกลับมาได้ และต่อด้วยคุณสมชาย คือผลพวงช่วงของการทำงานไม่เป็นของรัฐบาลชุด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จริงๆ คือ ปฏิวัติแล้วเสียของ ระบอบทักษิณยังอยู่เหมือนเดิม บทบาทคุณทักษิณยังอยู่เหมือนเดิม
จนกระทั่งมาถึงคุณสมัคร และคุณสมชาย ปัญหาเกิดตอนที่เขาจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้คุณทักษิณกลับมา ช่วงนั้นเป็นช่วงที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจำเป็นต้องออกมาอีกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ ผลพวงคือ การล้มหายตายจากของพี่น้องพันธมิตรฯ วันที่ 7 ต.ค. เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ล้มหายตายจากเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผ่านไปอีก 2 เดือน ที่เหลือคือประวัติศาสตร์ก็คือว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยวิถีพิเศษ มีแรงหนุนจากองทัพ เพราะกองทัพเองไม่ต้องการที่จะเข้ามายึดอำนาจปฏิวัติอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าตัวเองไม่รู้ในการบริหารชาติบ้านเมือง แต่ตัวเองรู้แต่ว่า ถ้าอย่างนั้นแล้วเอาคุณอภิสิทธิ์ดีกว่า แต่วันนั้นทำไมถึงเอาคุณอภิสิทธิ์ ถึงทำสำเร็จ เหตุผลเพราะว่าในขณะคุณสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี เนวิน ชิดชอบ เข้ากับคุณสมัคร ได้ดี ทีมงานเดียวกัน แก๊งออฟโฟร์ มีหมดคุณธีรพล นพรัมภา คนสนิทของคุณสมัคร ก็เข้ามาร่วมทำงานกับคุณเนวิน ในหลายๆโครงการ นายวิชัย รักศรีอักษร เจ้าของ King Power ซึ่งเป็นคนซึ่งให้กองเงินทุนสนับสนุนกลุ่มของคุณเนวิน คือพรรคภูมิใจไทย แต่พอคุณสมัครไม่ได้เป็นนายกฯ กลายเป็นคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปรากฏว่าบทบาทคุณเนวิน ไม่มี เนวินอยากจะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อยากจะเอาคนของตัวเองวาง ไม่ได้ กลายเป็นสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และสายคุณทักษิณ กลับมาคุมพรรคพลังประชาชนอีกครั้งหนึ่ง

เติมศักดิ์- เนวินถูกกันออกจากอำนาจ

สนธิ- ในจุดที่มีผลประโยชน์ด้วยเหตุนี้ เมื่อมันมีสุญญากาศทางนายกฯ คุณสมชายถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาไปปังปั้บ ก็เลยเกิดกบฎภายในขึ้นมาทันที คุณเนวินถึงพร้อมที่จะยอกกำลังมาผสมผสานกับคุณอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผสมกับ พลงอ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งคุณประวิตรนั้นเข้ามาตอนนั้นเพราะว่าผูกตัวเองไว้กับอนุพงษ์ เผ่าจินดา แล้วก็วางทายาทที่จะต่ออนุพงศ์ เผ่าจินดา ไว้เรียบร้อยแล้วก็คือประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเป็นสายบูรพาพยัคฆ์ด้วยกัน เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า การเกิดของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่ได้เกิดเพราะต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาชาติ บ้านเมือง การเกิดของพรรคประชาธิปัตย์เพราะว่า 1 พรรคประชาธิปัตย์อยากเป็นรัฐบาล คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ อยากเป็นรัฐบาล เพราะไม่ได้เป็นรัฐบาลมา 6 ปี

เติมศักดิ์- อดอยากปากแห้ง

สนธิ- เหนื่อยทุกอย่าง มีปัญหา คุณอภิสิทธิ์เป็นความใฝ่ฝันของคุณอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นคนหนุ่ม เนวินต้องการที่จะมาขี่คอพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายทหารซึ่งผมจะต้องจำเป็นต้องเรียกว่าพรรคทหารพวกนี้ ก็เลยเริ่มรู้ว่าตนเองเริ่มมีบทบาทแล้ว ถ้าตัวเองเข้ากับฝ่ายไหนฝ่ายนั้นก็ชนะ เพราะฉะนั้นแล้ววันนั้นเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เกิดสิ่งที่ผมเรียกว่าพรรคทหารขึ้นมา คือว่า จากคำพูดที่เคยพูดกับพวกพรรคเล็กๆ พรรคเอสเอ็มอี บอกว่าถ้าคุณไม่เข้ามาร่วมพรรคประชาธิปัตย์ทหารจะปฏิวัติ ทุกคนก็กลัวหมด ทุกคนก็เทเข้ามาทางนี้ เพราะฉะนั้นแล้วการเริ่มต้นของรัฐบาลชุดประชาธิปัตย์ไม่ได้เริ่มต้นด้วยเจตนารมณ์ที่เข้ามาทำงานเพื่อประชาชน และเมื่อเริ่มต้นแล้วละทิ้งเจตนารมณ์ของการล้มล้างระบอบทักษิณ และหยุดกระบวนการของทักษิณ ชินวัตร ไป กลับมามองว่า ใช้การเมืองมาแก้ปัญหา แก้ปัญหาอย่างไรคุณเติมศักดิ์ ใช้การเมืองมาแก้ปัญหาด้วยประเด็นที่ว่า สีแดงมันยุ่ง ไอ้พันธมิตรฯ มันก็อีกฝ่ายหนึ่ง สองคนมันตีกันถ้าเราเป็นคนกลางเรามาบอกว่าไอ้สองตัวนี้มันยุ่ง เชื่อผมผมอยู่ตรงกลางแล้วผมจะใช้กฎหมายกับทุกฝ่ายได้ จะเป็นพระเอก นี่คือข้อผิดพลาดข้อแรก

เติมศักดิ์- เป็นความคิดที่ผิดอย่างใหญ่หลวง

สนธิ- โดยเขาไม่ได้ดูเนื้อหา ไมได้ดูหลักการ ว่าฝ่ายพันธมิตรฯ ทำอะไรไว้มั่ง เขาไม่ได้ดูเลยว่า การซึ่งเรามาร่วมต่อสู้ไม่ให้มีการแก้รัฐธรรมนูญช่วงนั้นอันนั้นเป็นผลพวงที่ทำให้เขาสามารถจะเป็นนายกฯได้ แต่พอวันนี้เขาเป็นรัฐบาลแล้วเขามีความรู้สึกว่าไม่ได้แล้วนะ เขาต้องเป็นพระเอก เมือ่เขาเป็นพระเอกต้องมีผู้ร้ายแล้ว จะเป็นผู้ร้ายฝ่ายเสื้อแดงอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องมีผู้ร้ายฝ่ายเสื้อเหลืองด้วย ฉะนั้นเขาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวแล้วแก้ปัญหาทั้งหมด
นั่นคือที่มาอีกที่หนึ่งของเดือนเมษายน เมื่อเมษายนเหตุการณ์เผาบ้านเมือง เม.ย. 52 ที่พัทยาแล้วมาต่อกรุงเทพฯ เมื่อมาเผากรุงเทพฯ ตอนนั้นแล้วหลังจากนั้นก็มีทหารออก เอามาคุมสถานการณ์ เขาคิดว่าเขาคุมแดงได้แล้ว จู่ๆผมโดนยิงทันทีวันที่ 17 เม.ย. 2552 มันเหมือนกับว่าแดงอยู่หมัดแล้ว ต้องจัดการเหลืองด้วย ถ้าสนธิมันตายแล้วปั้บ ขบวนการเสื้อเหลืองล้ม เพราะเสื้อแดงเขามีความมั่นใจว่าจัดการได้เรียบร้อย เมื่อเหลืองล้ม แดงล้มแล้ว เขาโอเคแล้วไง เป็นความคิดซึ่งตื้นเขิน และเป็นความคิดที่ผิดมากไม่เข้าใจโลก วิสัยทัศน์เช่นนี้มีแต่นำพาชาติไปสู่ความพินาศฉิบหาย

เติมศักดิ์- คือเป็น 2 ปี ที่หมดไปกับการถอนทุน เอาประโยชน์ และผลักมิตรให้เป็นศัตรู และทำให้ศัตรูแข็งแกร่งขึ้น

สนธิ- ถูกต้อง ทีนี้คุณเติมศักดิ์ต้องดูให้ดีๆ ตั้งแต่วันแรกที่คุณทักษิณขึ้นมา พันธมิตรฯไล่คุณทักษิณออกไป ตอนที่ไล่คุณทักษิณจะมีคนซึ่งมีวาระหลายวาระ แต่ว่ามีวาระเดียวอันหนึ่งซึ่งตรงกันคือขับไล่คุณทักษิณออกแล้วล้มล้างระบอบทักษิณ ทุกฝ่ายก็มาแปะไว้หมดเลยกับพันธมิตรฯ ฉะนั้นพันธมิตรฯ ยุคนั้น คือยุคร้อยพ่อพันแม่ แต่ว่ามีเป้าหมายอันเดียวคือขับไล่คุณทักษิณออกไป พอคุณทักษิณออกไปแล้ว บางส่วนก็สลายไป ไปเอาผลประโยชน์จาก คมช.ไปเอาผลประโยชน์กับรัฐบาลชุดคุณสุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่พันธมิตรฯ ก็ยัองยู่ ก็จะมีพันธมิตรฯ ฝ่ายที่ชอบประชาธิปัตย์อยู่ด้วย ก็ร่วมกันสู้ เพราะว่าเขาจะแก้รัฐธรรมนูญให้คุณทัก๋ณกลับมา เมื่อสู้กันไปจนกระทั่งวันที่ประชาชนตายแล้วคุณอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ พันธมิตรฯ ฝ่ายซึ่งรักคุณอภิสิทธิ์ และประชาธิปัตย์ก็แยกตัวออกไปอีก ฉะนั้นแล้วของเรามันจะเป็นอย่างนี้ ใหญ่ขนาดนี้ เล็กลงมา ตอนนี้เล็กลงมาเหลือแค่นี้
ถ้าคุณดูให้ดีๆ พวกเราไม่สู้เฉพาะคุณทักษิณ เราสู้คุณทักษิณ ระบอบทักษิณ คมช.เราสู้คุณสุรยุทธ์ จุลานนท์ ในที่สุดเราก็มาสู้กับประชาธิปัตย์ เมื่อเราดูเนื้อหาการสู้แล้ว เราไม่ได้สู้เพราะว่าความไม่ชอบเป็นส่วนตัว แต่เราสู้เพราะว่าไม่ถูกต้อง เราจำเป็นต้องยืนอยู่บนความถูกต้อง โดยที่เราไม่คำนึงถึงว่าเป็นใคร คุณอภิสิทธิ์ จริงๆ แล้วเราให้โอกาสคุณอภิสิทธิ์มากเป็นพิเศษ ถ้าคุณเติมศักดิ์จำได้ ในช่วงแรกๆ เราหนุนหลัง ช่วยคุณอภิสิทธิ์ แต่เรามีความรู้สึกว่า คุณอภิสิทธิ์ คุณเนวิน กับคุณสุเทพ คิดคนละแบบกับเรา คุณอภิสิทธิ์คิดการเมือง คุณสุเทพกับคุณเนวิน คิดวางแผน คิดยุทธวิธีให้การเมืองต่อเนื่องเพื่อให้คุณอภิสิทธิ์เป็นนากยฯ ตลอดไป วิธีคิดแบบเดิมๆ

เติมศักดิ์- พวกนี้คิดแค่ว่าคิดถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป

สนธิ- เท่านั้นเอง คิดถึงการสืบทอดอำนาจ เขาเลยมองว่า ถ้าอย่างนั้นไหนๆ คุณเนวินมาแล้วเอาคุณเนวินจัดการคุณทักษิณ ในฐานะที่เป็นคนอีสาน คุณเนวินเป็นคนพูดเก่ง แล้วเป็นคนถึงลูกถึงคน ด้วยเหตุนี้คุณเนวินถึงต้องคุมมหาดไทย โสภณ ซารัมย์ คุมกระทรวงคมนาคม เพราะกระทรวงคมนาคมมีผลประโยชน์ กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจ คนพวกนี้เขามองตื้นๆ เขามองว่า เนวินสามารถล้างระบอบทักษิณได้ ตราบใดที่มีผู้ว่าอยู่ในมือ ตราบใดที่คุมตำรวจได้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ภาค 4 คนของคุณเนวิน ทั้งอีสานเหนืออีสานใต้ ใครเป็นผู้การ ใครเป็นผู้กำกับ ต้องผ่านโผของพรรคภูมิใจไทยทั้งสิ้น คุณสุเทพเหมือนกับยกโผชุดนี้ให้กับคุณเนวิน เพื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป
เพราะฉะนั้นแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาเลยคิดว่าเขาชนะ เขาได้อีสาน คุณเนวินเป็นขุนพลอีสาน อภิสิทธิ์ขุนพลภาคกลางและภาคใต้ สุเทพ เทือกสุบรรณ คุมความมั่นคง ทุกอย่างอยู่ในกระเป๋าหมด เพราะฉะนั้นแล้วพันธมิตรฯ เมื่อเป็นก้างขวางคอต้องไล่ไป นี่คือเราไม่เคยทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์ทิ้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คุณดูการดำเนินคดี ชัดเจน เขาดำเนินคดีเสื้อสีแดงว่าผู้ก่อการร้าย เขาต้องการให้เท่าเทียมกัน เพื่อเขาต้องการแสดงให้เสื้อสีแดงเห็นว่าสีเหลืองโดนแล้วนะผู้ก่อการร้ายร้อยกว่าคน ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงไม่ใช่เลย ป้าที่ตีฝาหม้อก็โดนผู้ก่อการร้าย ผมยกตัวอย่างให้ฟัง เขาเอาตำรวจ คือ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งเป็นคนสนิทคุณเนวิน ชิดชอบ สนิทกับคุณวิชัย รักศรีอักษร คือเป็นสายภูมิใจไทย เจาะจงโดยเฉพาะเพื่อมาดำเนินคดีกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คุณเคยสังเกตไหมว่า เขาเคยทำวิดีทัศน์ที่คนเสื้อสีเหลืองเดินขบวนแล้วเปลี่ยนสีเสื้อเป็นสีชมพู เขาจงใจถึงขนาดนั้น เขาแกล้ง เขาทำทุกอย่างเพื่อให้เห็นว่า พวกสีเหลืองคือพวกป่วนเมืองเหมือนกัน พวกปัญหา เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เคยพูดว่า สีเหลืองและสีแดงคือตัวป่วนชาติบ้านเมือง ต่อเนื่องมาถึงคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปพูดที่ชุมพร แล้วพูดตลอดเวลา สีเหลือง สีแดงเป็นตัวป่วน ลามมาจนถึง ประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่คือกลุ่มพรรคทหารที่ออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ส่วนทีมงานของภูมิใจไทย พยายามจะสร้างภาพออกมาในลักษณะเช่นนั้น เพื่อทำลายทั้ง 2 สี ที่ผมพูดไม่ได้หมายความว่า ผมจะกลัว ผมเห็นว่าเขากำลังทิ้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เขาลืมว่า เพื่อนของเขา ซึ่งสู้ให้เขา สู้เพื่อความถูกต้อง เขากลับมาเหยียบศีรษะพวกเรา เหยียบย่ำพวกเรา ซึ่งตรงนี้ผมอยากจะให้คุณอภิสิทธิ์ทบทวนตัวเอง เพราะคุณอภิสิทธิ์ไปพึ่งคุณเนวิน พอพึ่งคุณเนวินแล้ว คุณเนวินจะทำอะไรคุณอภิสิทธิ์ไม่กล้าพูด หลายต่อหลายครั้งทำท่าจะแข็ง แต่ในที่สุดพอเนวินทุบโต๊ะบอกสุเทพ สุเทพก็มากล่อมคุณอภิสิทธิ์ คุณอภิสิทธิ์ก็ยอมตามคุณเนวิน ยอมตามคุณสุเทพ ทำทุกอย่าง
กรณียิงผมเห็นได้ชัด สืบไปสืบมาจนกระทั่ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ เกษียณ ก็เลยต้องตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ เป็นรองเลขาธิการฝ่ายความมั่นคง มาไว้ข้างๆ ตัว ถ้าเขาต้องการจะทำความจริงให้ปรากฏ เขาต้องมอบอำนาจให้คุณธานีสืบเรื่องนี้ต่อ เรื่องทุกเรื่องเก็บเข้าลิ้นชัก เพราะว่าหลักฐานมันชี้ไปจนถึงขั้นว่า สามารถชี้ได้ว่าเป็นคนในรัฐบาล เป็นคนในรัฐบาลซึ่งเกี่ยวพันในการยิงผม มีทหาร 2 คนยศ พล.อ. แล้วมีนักการเมืองใหญ่คนหนึ่ง แล้วอดีตนักการเมืองคนหนึ่งเกี่ยวพัน

เติมศักดิ์- ที่บอกเจอตอ

สนธิ- นั่นละครับคือตอตัวจริง เพราะฉะนั้นคุณเติมศักดิ์จะเห็นได้ 2 ปีกว่าที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล เขาไม่คิดจะแก้ปัญหาประเทศชาติ เขาไม่คิดลงไปหารากหญ้า เขาไม่คิดไปลุยอีสาน แล้วไปเปลี่ยนความคิด เขาคิดเหมือนเดิมว่า อีสาน ภาคเหนือ พรรคเพื่อไทยให้ 100 บาท ฉันให้ 300 บาท เขามองเขาชนะ แต่เขาลืมไปว่า เครือข่ายที่ทักษิณ ชินวัตร สร้างเอาไว้เมื่อ 6 ปีที่แล้วยังอยู่ อบต., อบจ. เทศบาล ที่สำคัญที่สุด คนอีสานเขาโกรธที่คุณเนวินเนรคุณคุณทักษิณ สิ่งหนึ่งซึ่งคุณเนวินตีอีสานไม่ขึ้น เพราะว่าคุณเนวินทรยศคุณทักษิณ เขาว่ากันว่า ในอีสาน พรรคเพื่อไทยจ่ายแค่หัวละ 200 ขณะซึ่งพรรคภูมิใจไทยต้องจ่ายถึง 500-1,000 ยังแพ้

เติมศักดิ์- ใช้กระสุนมากกว่าแต่สู้กระแสไม่ได้

สนธิ- สู้กระแสคนทรยศไม่ได้ แล้วคุณจะเห็นได้ชัดว่า เนื่องจากในอดีต ตั้งแต่ความเป็นมาของพรรคประชาธิปัตย์ ที่โดนทักษิณโค่นล้มลงได้ด้วยนโยบายใหม่ ผ่านทะลุกรอบ พังกรอบโบราณ 30 บาทรักษาทุกโรค ให้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อเมืองนอก มันเป็นอะไรบางอย่างที่ทำให้คนมีความรู้สึกว่า ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย เป็นคนซึ่งมีความคิดใหม่ๆ ตลอดเวลา SME เป็นคนเริ่ม OTOP เป็นคนเริ่ม สร้างครัวไทยให้เป็นครัวโลก ทุกอย่างเป็นคนเริ่ม ทั้งๆ ที่การเริ่มนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องภาพพจน์ทั้งสิ้น ไม่มีผลสำเร็จต่อเนื่องมาจนกระทั่งวันนี้ แต่มันสร้างความตื่นเต้นให้คน ในขณะซึ่งประชาธิปัตย์พูดเก่งอย่างเดียว พูดตลอดเวลา คือเรื่องโวหาร เรื่องการโต้วาทีต้องยกให้พรรคประชาธิปัตย์เขาเก่ง เมื่อเขาเก่งเขาโต้วาทีไปเรื่อย แต่เผอิญเขาพลาดเรื่องเขาพระวิหาร เพราะว่าเรื่องที่สำคัญในเรื่องรถเมล์ NGV เรื่องการสร้างถนนเข้าเขาใหญ่ เรื่องโน้นเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องคอร์รัปชั่นซึ่งอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้วิธีกลบเกลื่อนได้ ออกมาแสดงออกในทางสาธารณะว่า แข็งขันว่าผมไม่เห็นด้วยกับเรื่องพวกนี้ เพราะฉะนั้นแล้วประชาชนบางคนหลายฝ่ายซึ่งรักคุณอภิสิทธิ์ก็มองว่า เห็นไหมนายกฯเขาค้านเห็นหรือเปล่า แต่ไม่ได้ตามเรื่อง ว่าเขาค้านในที หลังจากนั้นแล้วเรื่องก็เข้า ครม.ใหม่ เขาเงียบไม่พูด ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว นี่คือเรื่องปัญหาของเรื่องปัญญาคน

เติมศักดิ์- และเขาชอบซื้อเวลาตั้งกรรมการ

สนธิ- ซื้อเวลาตลอดเวลา ก็เลยทำให้คนซึ่งรักคุณอภิสิทธิ์บอกว่า เห็นมั้ยนายกฯเขาไม่เป็นด้วยกับรถเมล์ NGV วันนี้ผ่านไปหมดแล้ว ทุกอย่าง ไม่มีใครพูดสักคน ถนนข้ามเขาใหญ่นายกฯ ออกมาขึงขัง นายกฯเขาเอาจริง วันนี้ถนนสร้างเสร็จหมดแล้ว

เติมศักดิ์- เหมือนกับคุณอภิสิทธิ์ก็เล่นอีกบทหนึ่ง

สนธิ- ฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า พรรคประชาธิปัตย์คือพรรคที่สร้างภาพลักษณ์ และภาพพจน์ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์สร้างภาพลักษณ์และภาพพจน์มาเจอพรรคเพื่อไทยซึ่งก็เป็นพรรคที่สร้างภาพลักษณ์และภาพพจน์ พรรคการตลาด 2 พรรคมาเจอกัน แต่เผอิญว่าพรรคการตลาดเพื่อไทยมันมีผลงานที่โดดเด่นกว่า แล้วมันทำงานถึงลูกถึงคนกว่า ถ้าวัดกันตัวตัว รัฐมนตรีสมัยเพื่อไทยกับรัฐมนตรีสมัยประชาธิปัตย์เทียบกันไม่ได้เลย พรรคเพื่อไทยเก่งกว่าเยอะ แต่รัฐมนตรีสมัยพรรคไทยรักไทยเสียเปรียบอยู่อย่างหนึ่ง คือ ถูกครอบงำด้วยระบอบทักษิณ เพราะฉะนั้นทุกอย่างก็ถูกรวมศูนย์ไปที่คุณทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว ส่วนรัฐบาลชุดประชาธิปัตย์ไม่ได้รวมไปที่คนใดคนหนึ่ง แต่ว่าต่างคนต่างทำมาหากิน เขาเรียกว่าเปิดบุฟเฟ่ต์ฟรีสไตล์ นึกออกไหมครับ

เติมศักดิ์- ต่างคนต่างสร้างอาณาจักรของตัวเอง

สนธิ- กระทรวงสาธารณสุขก็ทำมาหากินของตัวเอง กระทรวงคมนาคมทำมาหากินของตัวเอง กระทรวงพลังงาน คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ทำมาหากินของตัวเอง กระทรวงพาณิชย์ของคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งอยู่เบื้องหลัง ก็ทำมาหากินของตัวเอง กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาของคุณบรรณหาร ศิลปอาชา ก็ทำมาหากิน เข้าไปทางใครทางมัน เหมือนกับลักษณะนิวยอร์กแบ่งพื้นที่มาเฟีย มาเฟียโซนที่ 1 จะทำมาหากินในโซนที่ 1 จะไม่ข้ามไปโซน 2 โซน 2 จะไม่ข้ามโซน 3 แล้วทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับดอนคนเดียว ก็คือเจ้าพ่อมาเฟีย ก็คือคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และก็คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ถ้ามีปัญหาขัดแย้งก็จะเรียกมาเฟียทั้งหลายมานั่งคุยกัน แล้วบอกว่า คุณอย่างนี้ อย่างนี้ โอเคไหม เหมือนกับกรณี เช่น การย้ายสนามบินดอนเมือง จำได้ป่าว ที่ย้ายสนามบินดอนเมืองแล้วคนประท้วงเยอะ คุณอภิสิทธิ์ก็บอกว่า ผมไม่เห็นด้วยกับการใช้สนามบินดอนเมือง พูดแอ็คไปแค่นั้นแต่ในที่สุดก็ปล่อยให้ย้ายเพื่อที่จะเพิ่มผลประโยชน์ เพิ่มให้พื้นที่ของสุวรรณภูมิแน่นเหมือนเดิม เพื่อเข้าข่ายที่บริษัท คิงเพาเวอร์ที่สัมปทานกับสนามบินสุวรรณภูมิด้วยเหตุนี้มันก็เลยทำให้พันธมิตรฯ ซึ่งยืนอยู่บนหลักการความถูกต้อง ต้องโต้เถียง แต่ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปแตกหักกับเขา เราก็เตือนเขา ยังมอง
ถ้าคุณเติมศักดิ์ จำข่าวช่วงนั้นได้ เราจะพูดตลอดเวลาว่า คุณอภิสิทธิ์ โดนสุเทพ ครอบงำ คุณอภิสิทธิ์ โดนสุเทพหลอก คุณอภิสิทธิ์ไปยอมสุเทพได้อย่างไร มองคุณอภิสิทธิ์ในแง่ดีตลอดเวลา ไม่เคยมองคุณอภิสิทธิ์ในแง่ร้ายเลยแม้แต่นิดเดียว

เติมศักดิ์- ยังมองว่าสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ

สนธิ- สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ คุณสุเทพ คุณอภิสิทธิ์โชคร้ายที่มีสุเทพอยู่ โชคร้ายอย่างโน้นอย่างนี้ มองจนกระทั่งมารู้ซึ้งถึงแก่ใจในเรื่องอธิปไตยของชาติ ในเรื่องเขาพระวิหาร เพราะเขาวิหารบังเอิญมันเป็นเรื่องดินแดน มันเป็นเรื่องของการจับโกหกกัน มันเป็นเรื่องสายสัมพันธ์ระหว่างไทยกับต่างชาติ ถ้าเป็นเรื่องของไทยแล้วโกหกปิดบัง แต่เหตุการณ์เกิดทีไทยอันหนึ่ง แล้วเขมรทำอย่างหนึ่ง เราก็สงสัยว่าทำไมถ้าคุณอภิสิทธิ์ บอก เอ ที่เขมรก็ต้องเป็นเอเหมือนกัน แต่ทำไมเขมรถึงเป็นบีได้ เข้าใจหรือยัง มันมีความขัดแย้ง พูดโกหกคนไทย แต่ว่า

เติมศักดิ์- เรื่องจริงไปโผล่ที่เขมร

สนธิ- มันก็เลยทำให้เกิดข้อสงสัยจนกระทั่งในที่สุดเราจำเป็นต้องชุมนุมกันเพื่อประท้วงอธิปไตยไทยคืน ทวงแผ่นดินไทยคืนให้กับคนไทย เมื่อเราเข้ามาชุมนุมแบบนี้แล้ว เราก็เลยจำเป็นต้องเปิดโปง คุณเติมศักดิ์ก็นั่งอยู่เป็นพิธีกรในงานเสวนา ทุกคืนทุกคืน ก็จะเห็นว่าข้อมูลคุณอภิสิทธิ์พูดอะไรออกมา ข้อมูลทางวงเสวนาเราตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณอภิสิทธิ์พูด หักล้างได้ทันที ก็แสดงว่าเราจับโกหกคุณอภิสิทธิ์ได้ทุกวัน ไม่ใช่ทุกเดือน หรือทุกอาทิตย์ ทุกวันเลยนะ หักล้างจนกระทั่งช่วงหลังคุณอภิสิทธิ์ไม่กล้าพูดในเรื่องของไทย - กัมพูชา อีกต่อไป ตรงนี้คือจุดอ่อนคุณอภิสิทธิ์ เสียดาย ซึ่งคุณอภิสิทธิ์ไม่รู้หรอกว่าตัวเองจริงๆ แล้วคนยังพร้อมที่จะให้โอกาสคนโยนทุกอย่างไปหาคุณสุเทพ หมดแล้ว มองคุณอภิสิทธิ์ในแง่ดี มองด้วยจิตที่ซื่อใสบริสุทธิ์ พอมากรณีอธิปไตยเขมรแล้วเรามีความรู้สึกว่าคุณอภิสิทธิ์ถ้าไม่ใช่เป็นคนเจ้าเล่ห์แสนกล ก็ต้องเป็นคนที่โง่ ทีนี้ถ้าคุณไปตั้งสมมติฐานว่าคุณอภิสิทธิ์โง่ มันเป็นไปได้เหรอ เป็นไปไม่ได้คุณอภิสิทธิ์เป็นคนที่ฉลาด อีตั้น อ็อกซ์ฟอร์ด ความจำเลอเลิศ พูดจามีตรรกะ เก่งในเรื่องการโต้วาที แล้วพอเรามามองย้อนหลังคุณอภิสิทธิ์ที่ไปพูดในสภาฯ ตอนเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านในเรื่องของเขมรกับคุณอภิสิทธิ์มาเป็นในช่วงนี้ มันฟ้ากับดินเลย ตลบตะแลงไปเลย เราก็เลยตัดสินใจ คิดว่าคึณอภิสิทธิ์ไม่ได้โง่ แต่คุณอภิสิทธิ์ 1.ต้องมีวาระซ่อนเร้น 2.คุณอภิสิทธิ์มีความเจ้าเล่ห์แสนกลมาก คุณอภิสิทธิ์จะใช้คารมคมคายในการโต้ประเด็นของเรา แรกๆ ได้ผล แต่พอตอนหลังเรายันด้วยหลักฐาน และทางฝ่ายกัมพูชามันก็โชว์หลักฐานขึ้นมาว่าสิ่งที่เราพูดนั้นถูกต้องคุณอภิสิทธิ์ก็เลยถดถอย
คุณเติมศักดิ์สังเกต ช่วงหลังคุณอภิสิทธิ์จะเงียบ จะไม่เถียงกับพวกเรา จนในที่สุดคุณอภิสิทธิ์การตัดสินใจยุบสภาฯ ครั้งนั้นตัดสินใจอยู่บนเหตุผลข้อที่ว่า กรรมการมรดกโลกกำลังจะตัดสินเรื่องพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรในวันที่ 29 คุณอภิสิทธิ์เดิมทีตั้งเป้าเลือกตั้งวันที่ 26 ก่อนวันตัดสิน เพื่อเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยตัดสินตามมาทีหลัง ในที่สุดทำไม่สำเร็จ เพราะ กกต.ตั้งวันที่ 3 ก.ค. เมื่อตั้งวันที่ 3 ก.ค. วินาทีสุดท้าย คุณอภิสิทธิ์ยังหวังให้คุณสุวิทย์ คุณกิตติ เลื่อน ให้เซ็นยอมรับข้อเสนอ 8 ข้อ คุณสุวิทย์คิดว่า ในที่สุดแล้วถ้าเป็นอย่างนั้นคนติดตารางคือ คุณสุวิทย์ไม่ใช่คุณอภิสิทธิ์

เติมศักดิ์- คือยอมเซ็นเพื่อให้เลื่อน

สนธิ- แต่คนติดตารางคือคุณสุวิทย์ คุณอภิสิทธิ์ไม่เกี่ยว

เติมศักดิ์- เพราะใน 8 ข้อมีผลต่ออธิปไตยของไทย โดยเฉพาะการเข้ามาบูรณะ แต่คุณอภิสิทธิ์คิดแค่ว่าให้เลื่อนออกไปก่อน

สนธิ- เลื่อนให้พ้นตัวเอง ด้วยเหตุอันนี้ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำเป็นต้องยืนอย่างมั่นคงเพื่อผลประโยชน์ของชาติ เลยเกิดความขัดแย้งระหว่างคนซึ่งรักคุณอภิสิทธิ์กับพวกเรา เราเลยมีบทสรุปของเราชัดเจนว่า เราสู้ทักษิณ เราสู้ คมช. เราสู้สุรยุทธ์ แล้วเรามาสู้พรรคประชาธิปัตย์ ในที่สุดแล้วเราสรุปได้ว่า ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคไทยรักไทย หรือพรรคเพื่อไทย ของทักษิณ ไม่ต่างอะไรกันเลย เรามองดูการคอร์รัปชั่นก็เหมือนกัน ถ้าเรามองดูการเสียอธิปไตย คุณชวน หลีกภัย เซ็น MOU2543 คุณอภิสิทธิ์ไม่ยอมยกเลิก คุณทักษิณก็รู้ว่า MOU2543 ทำให้ไทยต้องเสียดินแดน แต่เนื่องจากพรรคพวกตัวเองจะได้ผลประโยชน์บ่อน้ำมัน ไม่ยอมยกเลิกเช่นกัน สรุปคือ คนเลวกับคนเลวอยู่ด้วยกัน นิสัยเหมือนกันหมด นั่นคือที่มาของการที่พวกเราตัดสินใจโหวตโน

เติมศักดิ์- มีการพูดด้วยซ้ำไปว่า 2 ปี 7 เดือนของอภิสิทธิ์ เหมือนเราอยู่ในระบอบทักษิณที่มีอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี

สนธิ- ถูกต้อง เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะสิ่งที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทำนั้นคือ ระบอบทักษิณแท้จริง และเป็นระบอบทักษิณซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสู้มาตลอด เราเป็นคนไม่หลงใหลซึ่งรูป รส กลิ่น เสียง ไม่หลงใหลรูปร่างหน้าตา เพียงแต่เราเสียดายความเป็นคนหนุ่ม ความเป็นคนซึ่งมีชาติวุฒิที่ดี คุณวุฒิที่ดี

เติมศักดิ์-ตั้งแต่ปี 47, 48 จนกระทั่งยุครัฐประหาร มี คมช. จนยุคอภิสิทธิ์ เหมือนระบอบทักษิณส่งทอด

สนธิ- ส่งทอดเพราะไม่มีใครหยุดระบอบนี้ เนื่องจากทุกคน โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ไปสวมยอด สวมตอต่อยอดระบอบทักษิณ เพื่อให้ตัวเองได้ผลประโยชน์ ตัวเองไม่ได้เข้ามาทำงานเพื่อมวลชน ทำงานให้ประชาชน แต่เข้ามาเพื่อมีอำนาจและต่อยอดอำนาจต่อไปอีก เมื่อเข้ามาแล้ว คนซึ่งเป็นนักการเมืองร่วมกับตัวเอง มีบางคนอยู่ในพรรคตัวเอง บางคนในพรรคร่วม เห็นแล้วว่าระบอบทักษิณทำทิ้งเอาไว้โดยใคร สมัครและสมชาย เพราะฉะนั้นแล้วต่อยอดเลยดีกว่า

เติมศักดิ์- เป็นระบอบทักษิณที่เปลี่ยนแค่หัว จากนอมินีทักษิณเป็นอภิสิทธิ์

สนธิ- เพราะฉะนั้นด้วยเหตุนี้ การพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์แพ้ตัวเอง แพ้ภัยตัวเอง เพราะประชาธิปัตย์ไม่ทำตามที่ตัวเองพูดเอาไว้ ผมให้สังเกตอย่าง การเลือกตั้งแข่งคุณทักษิณ ปี 44 ก็แพ้ ปี 48 ก็แพ้ ปี 50 ก็แพ้ ปี 54 ก็แพ้ เมื่อคุณไปดูคะแนนเสียงพรรคประชาธิปัตย์แล้ว จะอยู่ระหว่าง 150, 160, 170 อยู่เพียงแค่นี้ ไม่เคยชนะ 200 เหมือนที่คุณทักษิณชนะ เหตุผลเพราะว่า ทักษิณคุมเครือข่ายข้างล่างหมดเรียบร้อย เมื่อตัวเองมีอำนาจแทนที่จะแกะเครือข่ายเหล่านี้ออกแล้วเอาเครือข่ายตัวเองเข้าไป ให้ประชาชนมารักการทำงานของตัวเอง อย่าว่าอย่างนั้นเลย คนใต้ที่เลือกประชาธิปัตย์ ถ้าพิจารณาให้ดีๆ พูดกันด้วยความเป็นธรรมแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ไม่ทำอะไรให้คนใต้เป็นรูปธรรม นับประสาอะไรกับคนอีสานและคนเหนือ เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อประชาธิปัตย์ไม่สามารถยึดเครือข่าย และพรรคคุณทักษิณได้ และไปพึ่งคุณเนวิน ประชาธิปัตย์เพิ่งจะเห็นว่าตัวเองมีนักเลงอยู่ในพรรค แม้กระทั่งบทนักเลง ประชาธิปัตย์ก็สู้ทักษิณไม่ได้ ทักษิณเป็นตัวรวมของมาเฟีย เสธ.ทั้งหลายอยู่กับทักษิณหมด เพราะฉะนั้นแล้วคุณเอานักเลงโตคนไหนมา สมมุติคุณเนวิน คุณจะสู้คุณทักษิณได้อย่างไร ในรูปนักเลงก็สู้เขาไม่ได้ ตำรวจทักษิณก็คุมอยู่ทุกวันนี้ คุณดู ก.ตร.ชุดใหม่ ไล่เป็นตัว คนเก่าคุณทักษิณเกือบทั้งนั้น
คุณไปดูทหาร ทักษิณเตรียมทหารรุ่น 10 คุณว่าวันนี้ทหารรุ่นน้องของเขา หรือลูกน้องของรุ่น 10 มีไหม เยอะแยะไปหมด เพราะฉะนั้นแล้ว ทหารยุคคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา คุณประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ไปแบล็คคุณเนวินแล้วแอบแบล็คพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหวังว่า พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมา ถึงกับมีการปั่นกระแสว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องมาแน่นอน คุณจำได้ไหมลงเลือกตั้งใหม่ๆ เนวินพูดว่าอย่างไร บอกว่า พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลไม่ได้ เหมือนกับบอกนัยว่า ถึงพรรคประชาธิปัตย์แพ้ พรรคเพื่อไทยก็จะแพ้ไม่มาก แพ้ 10-20 เสียง แล้วทหารจะบีบพรรคเอสเอ็มอีเข้ามาตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์

เติมศักดิ์- อยู่บนความเชื่อว่า เพื่อไทยอย่างไรก็ไม่ถึงครึ่ง

สนธิ- เขาอยู่บนความเชื่อนั้น เขาฝัน คุณเนวินก็เชื่อว่าได้ 80 ตรงนี้ที่ทำให้คุณอภิสิทธิ์หลง คุณอภิสิทธิ์หลงว่า เนวินคุมอีสาน เนวินมีตำรวจอยู่ในมือ เนวินมีนายอำเภอ ผู้ว่าอยู่ในมือ และมีเงินอีกมหาศาล เพราะฉะนั้นแล้วจะต้องชนะทักษิณที่อีสานได้ นั่นคือที่มาของคำพูดคุณสุเทพว่า เขาจะได้ 250 แน่นอน

เติมศักดิ์- เป็นที่มาที่อภิสิทธิ์ชอบพูดว่า เพื่อไทยแข่งกับประชาธิปัตย์บวกภูมิใจไทย

สนธิ- ด้วยเหตุอันนี้เขาถึงไม่สนใจพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เขาทิ้งเรา เราไม่เคยทิ้งเขาเลย เราจริงใจต่อเขา เราอยากให้เขาเป็นนายกฯ ที่ดี เพราะหาคนที่มีคุณสมบัติอย่างเขาหายาก แต่เขาต้องจริงใจ เขาต้องซื่อสัตย์ และเขาต้องไม่ทิ้งมวลชน พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ไม่เคยมีมวลชน อีกอย่างเขาหลง เพราะลูกน้องป้อยอบอกคุณสุเทพว่า นายๆ พันธมิตรฯ ชุมนุมที่ทำเนียบผมเอาขึ้นไปทั้งนั้น ผมเอาขึ้นไปจากสุราษฯ ผมเอาขึ้นไปจากสมุย ผมเอาขึ้นไปจากนคร คุณสุเทพและคนพรรคประชาธิปัตย์ บางครั้งถึงกับหลุดปากมาว่า พันธมิตรฯ คือประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนอย่างพันธมิตรฯ มีที่ไหน เห็นหรือยัง
ก็เลยทำให้พวกเรากลายเป็นอะไรที่เขาต้องทำลาย เมื่อเขาทำลายไม่ได้ ในที่สุดพันธมิตรฯ ถูกกรองออกมาตั้งกี่ชั้น วาระบางอันถึงแล้วบางคนมีวาระนั้นก็หนีไป อย่างที่ผมบอกแต่ก่อนใหญ่ขนาดนี้ พอ คมช.มาก็เล็กลง พอประชาธิปัตย์มา ณ วันนี้เหลือแค่นี้ แต่คุณเติมศักดิ์ แค่นี้ของเราคือ เลือดเนื้อที่แท้จริง เชื้อสายที่แท้จริง อาจจะพูดได้ว่า คนของเราประมาณเกือบ 2 ล้านคน พันธมิตรฯ ทั้งนั้น

เติมศักดิ์- สะท้อนจากเสียงโหวตโน

สนธิ- ถึงจะได้ 1.4 ล้านเสียง แต่คุณรู้ไหมว่า บางคนไม่อยากให้พูดเรื่องบัตรเสีย แต่ผมต้องพูด เพราะบัตรเสียมีตำรวจซึ่งผมรู้จัก เขาคุมอยู่ที่โคราช เขาพูดชัดเจน เขาบอกว่าบัตรเสียที่เขาประกาศ สมมุติ 10 บัตรที่ขึ้นมา 3 บัตรเป็นโหวตโนกาถูกต้องอีก 7 บัตรไม่กาเลย คือเขาประสงค์ไม่เลือกผู้ใดแต่เขาไม่รู้จะกาที่ไหน เขาเลยทิ้งไป เพราะฉะนั้นแล้วผมคิดว่า ฮาร์ดคอร์ของพันธมิตรฯ ขณะนี้ประมาณ 1.5-2 ล้านเสียง ซึ่งเป็นคนเชื่อมั่นในอุดมการณ์เดียวกัน และเป็น 1.5-2 ล้านคนที่ชิลล์ตอนนี้ นั่งดู ASTV ไม่สนใจดูช่องอื่นเพื่อรับปัญญา เป็นพลังที่กำลังจะตอบ เป็นพลังที่แน่นหนา
ในวันที่ 1 ก.ค.วันอำลาของพวกเรา ผมถามพี่น้องพันธมิตรฯ อย่างเปิดอก แล้วคนซึ่งจากเราไป อย่าว่าแต่พวกที่มีวาระซ่อนเร้น แม้กระทั่งแกนนำบางคน เช่น คุณสมศักดิ์ ยังไปเลย เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้เหลือของจริง ทองคำแท้จริงๆ ที่เหลืออยู่ วันนั้นผมเริ่มด้วยคำว่า ผมถามพี่น้องพันธมิตรฯ ทุกคนที่นั่งอยู่หน้าเวที และที่จอทีวี ผมถามว่า เชื่อมั่นและศรัทธาในตัวแกนนำ 4 คน ทุกคนบอกว่าเชื่อมั่น ศรัทธา ผมเลยขอเขา ผมบอกว่า ถ้าเชื่อมั่นศรัทธา ขอเถอะ จากนี้ไปถ้าเรายังไม่มีมติให้ทำอะไรอย่าไปเชื่อใคร เราจะไม่เป็นเครื่องมือให้ใครอีกต่อไปแล้ว และผมบอกว่า เราเกิดใหม่แล้วนะตอนนี้ เราเกิดมาอย่างมีอิสระเสรีภาพ ไม่มีเครื่องพันธนาการ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เราชอบประชาธิปัตย์ เรารักประชาธิปัตย์ แต่พอเราผิดหวังกับการกระทำของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เราโดนเขารังแก เราเคยมีคนรักอภิสิทธิ์อยู่กับเรา ก็ถอยออกจากเราไป วันนี้เราหัวใจเดียวกันหมด เข้าใจว่าเราสู้เพื่อหลักการ เพราะฉะนั้นแล้วคนพวกนี้คือกำลังก๊กที่สาม
คุณคำนูณ สิทธิสมาน เขาเขียนบทความ ผมเอามาด้วย เขาเขียนว่า ทุกวันนี้ไม่มีใครชนะเด็ดขาด เพื่อไทยยังไม่ชนะเด็ดขาด เพราะยังเจอปัญหาภายใน เพื่อไทยวันนี้ต้องพิสูจน์ให้เห็นชัดว่า ตัวเองจะไม่เดินซ้ำตามรอยลักษณะการบริหารแบบ คุณทักษิณ ชินวัตร คำถามเขาทำได้ไหม นี่เป็นคำถามน่าท้าทายมาก คนบอกว่าคุณทักษิณอยู่เบื้องหลังคุณยิ่งลักษณ์ ประเด็นที่คุณทักษิณอยู่เบื้องหลังไม่อยู่ กลับไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือ ถึงแม้จะส่งคนมาเป็นที่ปรึกษาคุณยิ่งลักษณ์แล้ว แนวความคิดของเพื่อไทย จะทำให้รากหญ้า เพื่อดึงคะแนนรากหญ้ามาสนับสนุนตัวเอง แล้วตัวเองไปแสวงหาผลประโยชน์จากงบประมาณเพื่อเข้าข้างบน จะทำเหมือนเดิมหรือเปล่า ถ้าทำเหมือนเดิม ถามว่าประชาธิปัตย์เคยทำไหม ก็เคยทำเหมือนกันไม่ต่างอะไรกัน
เพราะฉะนั้นแล้ว ประเด็นที่พันธมิตรฯ จะสู้ ออกมาสู้จะมีเหลืออยู่ 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือ เมื่อใดก็ตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอกฎหมายเพื่อขอนิรโทษคุณทักษิณ ผมมั่นใจว่าแกนนำพันธมิตรฯ จะมีมติให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาคัดค้านเรื่องนี้ นั่นข้อที่ 1. ข้อที่ 2.หากมีขบวนการจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ ออกมาอย่างชนิดที่เรียกว่า รัฐบาลไม่จัดการ เราก็จะออกมาประท้วง แต่พ้น 2 เรื่องนี้เราไม่ยุ่ง

เติมศักดิ์- เฉพาะ 2 เรื่องเท่านั้น

สนธิ- เฉพาะ 2 เรื่อง ทำไม ถ้าเรายุ่งซะทุกเรื่อง เท่ากับเรากลับไปเป็นมวลชนของพรรคประชาธิปัตย์อีกแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ต้องเอามวลชนของตัวเองออก พรรคประชาธิปัตย์มีวางแกนนำไว้แล้วไม่ใช่หรอ คุณเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หมอตุลย์ ยัยติ๊งต่าง อ.แก้วสรร สร้างมวลชนตัวเองไปประท้วง แต่ของเราในหลักการตรงนี้ ถามว่า ถ้าเขาโยกย้ายข้าราชการแบบ ถ้าเขาเข้ามาเขาย้าย ธาริต เพ็งดิษฐ์ ย้ายก็ย้ายไป ธาริต เพ็งดิษฐ์ เคยทำงานรับใช้ประชาธิปัตย์ไม่ใช่หรอ เพราะฉะนั้นแล้วการย้ายข้าราชการ คุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ กระทรวงมหาดไทย ย้ายคนเป็นว่าเล่น มีเรื่องกับท่านอดีตอธิบดีกรมการปกครอง ท่านวงศ์ศักดิ์ คุณจาดุร ท่านวงศ์ศักดิ์ขาดได้รับสิทธิ์กลับเข้ารับราชการยังไม่ให้เข้ารับราชการ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าพรรคเพื่อไทยเข้ามา กระทรวงมหาดไทย แล้วย้ายคนของเนวิน กระจายไป พรรคประชาธิปัตย์จะประท้วงก็ประท้วงไป ก็คุณอภิสิทธิ์พูดไม่ใช่หรือเรื่องต้องจบในสภา คุณก็ไปจบกันเอง
ผมจะเป็นยามเฝ้าแผ่นดิน ดู 2 เรื่อง เรื่องแรกคืออย่างที่ผมบอก เรื่องนิรโทษกรรม เรื่องที่ 2 คือเรื่องสถาบันกษัตริย์ จบ

เติมศักดิ์- ขออนุญาตกลับมาขยายความกันอีกนิดเรื่องโอกาสที่จะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างรัฐบาลเพื่อไทย ที่มีคุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์ ว่าเงื่อนไขจะประกอบด้วยอะไรบ้าง สักครู่กลับมาในช่วงสุดท้าย

เติมศักดิ์- กลับมาช่วงสุดท้ายของช่วงแรกของคนเคาะข่าวตั้งแต่ 20.30-23.00 น. เราสนทนากับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วิเคราะห์ตั้งแต่ปี 48 - 49 จนกระทั่งมาถึงการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 ว่าแต่ละฝ่ายได้รับบทเรียนอะไรบ้าง
เมื่อสักครู่นี้ค้างกันถึงเรื่องเงื่อนไขที่พันธมิตรฯ อาจจะต้องเผชิญหน้ากับรัฐบาลชุดของคุณยิ่งลักษณ์ คุณสนธิ พูดถึงเรื่องเงื่อนไข 2 เรื่อง เรื่องนิรโทษกรรมกับเรื่องสถาบัน แล้วเรื่องไทย - กัมพูชา ล่ะครับ

สนธิ- ไทย-กัมพูชา ดูให้ลึกๆ นะ พันธมิตรฯทำงานจบแล้ว เพราะว่าเราทำจนกระทั่งในที่สุดเขายอมถอนตัวออกจากมรดกโลก ส่วนเดินทางต่อไปน่าสนใจมาก จำคำพูดไว้ดีๆ ถ้าเดินทางต่อไปแล้ว แล้วพรรคเพื่อไทยยังใช้ MOU 2543 อยู่ พรรคประชาธิปัตย์ต้องมายืนยันว่า MOU 2543 โอเค เพราะเขาเป็นคนเซ็น ถ้าอย่างนั้นทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์คือพรรคขายชาติทั้งคู่ เราไม่มีหน้าที่แล้วนี่ เพราะเราพูดมาตั้งนานแล้วว่าให้พรรคประชาธิปัตย์ยกเลิก MOU 2543 พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยกเลิก ถ้าพรรคเพื่อไทยจะยกเลิก ก็โอเค แต่ถ้าเขาไม่ยกเลิกก็เท่ากับว่า เขาเดินตามแนวทางพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเขาเดินตามแนวทางพรรคประชาธิปัตย์แล้ว เรื่องเข้าสภาฯแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะมีจุดยืนอย่างไร ถ้าพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนไม่ค้านพรรคเพื่อไทย ก็แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์จับมือพรรคเพื่อไทยยกดินแดนให้เขมร จบ

เติมศักดิ์- เรื่องการผลักดันกองกำลัง

สนธิ- เหมือนกัน ถูกต้อง หน้าที่ทหารต้องทำหน้าที่ถ้าไม่ทำหน้าที่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไรกับทหาร จะย้ายเดือนตุลาคม ย้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด แล้วตั้งคนของตัวเองเป็นผู้บัญชาการทหารบกก็ย่อมได้ เขามีอำนาจอยู่ ก็ในเมื่อทางสาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ แล้ว พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา 3 คนนี้เป็นสมาชิกกรรมการบริหารพรรคทหารอยู่แล้วนี่ ใช่ไหม ก็ทิศทางออกมาเพื่อหนุนหลังพรรคประชาธิปัตย์มาตลอดเวลา ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่พอใจ เขาอยากจะเอาคุณประยุทธ์ ไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็แล้ว เขาจะเอาใครไปเอาใครมาไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าคนๆนั้นมาแล้ว จะปกป้องอธิปไตยของชาติไทยหรือเปล่า ถ้าไม่ปกป้องอธิปไตย ชาติไทย พันธมิตรฯไม่ต้องออก ถามพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน คุณว่าอย่างไร ถ้าคุณเห็นด้วย แล้วทหารคุณอยู่เฉยๆ ก็แสดงว่าคุณกับพรรคเพื่อไทยร่วมกันขายชาติ

เติมศักดิ์- แต่ถึงวันนั้นอาจมีคำถามว่า ก็ในเมื่อเงื่อนไขเดียวกับที่พันธมิตรฯ เอาออกมาชุมนุม MOU 2543 ก็ยังไม่เลิก การผลักดันก็ยังไม่มี

สนธิ- แต่เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวแทนเข้าไปอยู่ข้างในแล้ว คุณมาว่าผม งั้นคุณบอกว่า ทุกอย่างจบในสภา คุณจัดการในสภาซิ ทำไมคุณต้องให้ผมออกทุกวันนี้

เติมศักดิ์- อย่ามาพึ่งพา

สนธิ- หรือถ้าคุณจะออก ซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์คงไม่ออกแน่ เพราะ MOU 2543 เป็น MOU ที่พรรคประชาธิปัตย์เซ็นก็ให้ 2 คน เขาไปนั่งแบ๊ะแบ๊ะกัน เมื่อแบ๊ะแบ๊ะแล้วทุกอย่างผ่านหมด แล้วไทยเสียดินแดนก็เท่ากับว่า พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยร่วมกันขายชาติขายแผ่นดิน

เติมศักดิ์- แต่อาจจะมีความเคลื่อนไหวเช่นการยื่นหนังสือเรียกร้อง

สนธิ- ไอ้นี่ของธรรมดา เราทำแน่นอน แต่ออกมาชุมนุมเราไม่เอา 2 เรื่องนี้เท่านั้น นิรโทษกรรมกับจาบจ้วงสถาบัน
เพราะฉะนั้นแล้วจะมาหลอกให้เรามาชุมนุมเพื่อมาตีกินเราที่หลังไมได้แล้ว ไม่มีสิทธิ์แล้ว

เติมศักดิ์- คล้ายๆ หลอกให้มาชุมนุมเพื่อเป็นเงื่อนไข

สนธิ- แล้วมาตีกินทีหลัง หลอกให้คนของเราไปตาย เข้าใจไหม แล้วก็มาแอบจัดตั้งรัฐบาลกัน แล้วก็มาขับไล่ไสส่งเรา

เติมศักดิ์- ใช้มวลชนเป็นนั่งร้านขึ้นสู่อำนาจ

สนธิ- เราไม่เอา เขาควรจะใช้มวลชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์ ซึ่งมีอยู่แล้วนี่ ก็คนซึ่งลงคะแนนเสียงให้เขา ออกมาซิ ออกมากันเลย มาให้เต็มที่ แกนนำเขาก็มีนี่ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หมอตุลย์ที่ผมเรียนให้ทราบไง หรือว่าท่านราชนิกูลที่สุขุมวิท ท่านนี่ตัวดีเลย เมื่อคืนท่านโทรไปหาท่านพี่สาวใหญ่คนหนึ่ง เขาบอกว่า รู้ป่าวสนธิบินไปดูไบแล้ว ไปหาทักษิณ พี่สาวใหญ่คนนี้ตกใจใหญ่โทรมาแต่เจ้า แอน แอน คุณสนธิยังอยู่หรือเปล่า แอนบอกพี่ก็เมื่อคืนนี้ยังทานข้าวกันที่ร้านพี่แป้วกันเลย จะไปดูไบที่ไหน คืนนี้เขาก็ออกรายการคนเคาะข่าว พี่ก็ดูเองซิ แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องเลิกใส่ร้ายคนได้แล้ว

เติมศักดิ์- แต่ถ้าในเชิงวิเคราะห์ ย้อนกลับไป 2 เงื่อนไข ที่พันธมิตรฯ จะออกมาได้ คือเรื่องนิรโทษกรรม กับจาบจ้วงสถาบัน

สนธิ- จาบจ้วงสถาบันเราไม่ยอมแน่นอน

เติมศักดิ์- คิดว่า 2 เรื่องนี้ ทักษิณและบริวารจะเดินซ้ำรอยเดิมหรือไม่ครับ

สนธิ- ถ้าเขาโง่เขาจะทำ แต่ถ้าเขาไม่โง่เขาควรจะหลีกเลี่ยงซะ ส่วนเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นเขาก็ไปซัดกันเองกับพรรคประชาธิปัตย์ซิ ในสภาฯ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ก็มีสิทธิ์จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ได้โอกาสต่อไปที่คุณอภิสิทธิ์หรือขุนพลฝีปากกล้า คุณดปรดสังเกตว่าฝีปากกล้าของพรรคประชาธิปตย์ก็สามารถใช้ฝีปากตัวเองใช่ไหม ในเมื่อเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา คุณก็ล่อกันไปเอง ผมคิดว่าพันธมิตรฯ ตรงนี้ผมถึงบอกว่าพันธมิตรฯอย่าหวั่นไหว ต้องใจแข็งเอาไว้ เราเกิดใหม่แล้ว ผมยกตัวอย่างวันที่ 1 กรกฎาคมว่า เราเหมือนกองกำลังพระเจ้าตาก สมัยก่อนกองกำลังพระเจ้าตากมี 500 คนเอง วันนี้เรามีเกือบ 2 ล้านคน คอยรับปัญญาเพิ่มขึ้น รับปัญญาให้มากขึ้นแล้วเอาปัญญานั้นไปเล่าต่อกระจายต่อให้คนรอบตัว พันธมิตรฯ ที่เหลือฮาร์ดคอร์มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วเป็นคนคุณภาพทั้งสิ้น ไม่ใช่เป็นคนซึ่งลุ่มหลงหลงใหล และไม่ฉลาดในความคิด แล้วมีแต่มิจฉาทิฐิ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ณ วันนี้เป็นคนซึ่งมีสัมมาฐิทิ สัมมาปัญญา คิดเป็น รู้ เพราะตอนนี้การเมืองมันเริ่มสลับวับซ้อนมากขึ้นนะ ผมไม่อยากให้พันธมิตรฯ ไปตกหลุมพรางให้ดูรายการ ASTV ให้ดีๆ เพราะเราสามารถจะอธิบายความสลับซับซ้อนทางการเมืองให้เข้าใจได้

เติมศักดิ์- คุณสนธิไม่อยากให้มวลชนพันธมิตรฯ กลายไปเป็นหมากให้อำนาจ

สนธิ- ไม่ต้องการให้เป็นหมากให้ใครทั้งสิ้น อย่างที่วันั้น พล.อ.ปรีชา ท่านพูดไง เราเอาชาติเป็นตัวตั้ง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเอาชาติเป็นตัวตั้งจะไม่เอาตัวบุคคลเป็นตัวตั้ง

เติมศักดิ์- แต่แน่นอนภายใต้รัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ นอมินีทักษิณ เขาต้องเมื่อถึงจุดหนึ่งเขาย่อมต้องการให้มวลชนพันธมิตรฯ ออกมาเป็นหมากเพื่อล้มรัฐบาล แต่เราไม่เป็น

สนธิ- เป็นได้อย่างไร ถ้าคุณจะล้มรัฐบาล ก็พรรคประชาธิปัตย์บอกว่า ทุกอย่างต้องจบในสภา คุณก็ล้มในสภาไปซิ เก่งนักไม่ใช่หรอ ก็ไปล้มในสภา ถ้าคุณอยากล้มนอกสภาคุณก็มีมวลชน คุณก็เอามวลชนมาล้มซิ ผมจะสู้กับพรรคของคุณยิ่งลักษณ์ใน 2 กรณีเท่านั้นเอง กรณีแรก เอาเรื่องเข้าสภาเพื่อแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรมคุณทักษิณ กรณีที่สอง เกิดกระบวนการจาบจ้วงสถาบัน แล้วรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ไม่ดำเนินการจัดการขบวนการนี้อย่างเด็ดขาด ผมจะสู้เขา นอกนั้นแล้วคุณอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์อยากล้มรัฐบาลด้วยมวลชน เชิญตามสบาย คุณเอามวลชนคุณออกมาเลย

เติมศักดิ์- ที่คุณคำนูณใช้คำว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คือขั้วที่ 3 ของสมการ

สนธิ- จะดูอย่างนั้นก็ได้ แต่เราจะเป็นขั้วที่เราทำงานเพื่อชาติ อะไรซึ่งใครก็ตามทำให้ชาติเป็นอันตรายเราจะออกมาสู้ แต่ถ้าอะไรก็ตามทำแล้วใช้เราเพื่อเป็นเครื่องมือ เราไม่เอา

เติมศักดิ์- ฟังมาตั้งแต่ต้น ดูเหมือนแต่ละฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ ทักษิณ ในรอบ 5-6 ปีที่ผ่านมา เขาเดินย่ำรอยตัวเอง ไม่เรียนรู้จากประวัติศาสตร์

สนธิ- เพราะนี่คือการเมืองน้ำเน่า ผมเชื่อว่าโหวตโน เมื่อระยะเวลาผ่านไป ผมถามคุณเติมศักดิ์ง่ายๆ พรรคพวกเรา คุณสุนันท์ คุณกานต์ มาแล้ว ผมถือโอกาสถามคุณสุนันท์ไปด้วย พรรคประชาธิปัตย์จะทำอย่างไรเวลาอยู่ในสภาเป็นฝ่ายค้าน ยกมือด่าพรรคเพื่อไทยโดนพรรคเพื่อไทยสวนกลับมาว่า สมัยคุณเป็นรัฐบาลคุณก็ทำแบบนี้ จะทำอย่างไร ในขณะเดียวกัน คุณอภิสิทธิ์จะกล้าถึงกรณีไทย-กัมพูชา เหมือนสมัยที่เป็นฝ่ายค้านยังไม่เป็นรัฐบาล เพื่อไทยก็ตอกหน้าคุณอภิสิทธิ์หน้าหงาย เอาเทปที่คุณอภิสิทธิ์พูดตอนเป็นนายกรัฐมนตรี คุณอภิสิทธิ์เอาหน้าไว้ที่ไหน ผมถึงบอกว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่รู้ตัวเองเริ่มติดกับตัวเอง ไปว่าเขาคอร์รัปชั่น เขาจะถามว่า น้ำมันปาล์มที่แพง ที่ขาดตลาดฝีมือใคร พูดไม่ออก เขาเรียกว่า กรรมตามสนอง ถ้าเข้ามาโดยไม่ตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวม ทำงานเพื่อต่อยอดผลประโยชน์และหาทุกวิถีทางเพื่อสืบทอดอำนาจตัวเองให้เป็นใหญ่ต่อไป มันต้องมีอันเป็นไป

เติมศักดิ์- ความพ่ายแพ้ของประชาธิปัตย์ก็คือ การแพ้ภัยตัวเอง เพราะว่า 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา

สนธิ- และการทิ้งเพื่อนที่มีความจริงใจ วันนั้นถ้าคุณอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์จับมือกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วไม่ใส่ใจเรื่องอะไร เดินหน้าปฏิรูปประเทศ ใช้พันธมิตรฯ เป็นเครื่องขับเคลื่อนในการลงสู่พื้นที่ ขยับขยาย ให้ความรู้คน ออกทีวี ให้รายการทีวี แทนที่จะให้คุณเจิมศักดิ์ วันนี้ออกมาด่าเพื่อไทย ออกมากระแนะกระแหนว่าผมรับเงินทักษิณ ให้ใช้ช่อง 11 ใช้ช่อง 9 ออกไปทำรายการ สนับสนุน พันธมิตรฯ วันนี้ ผมเชื่อประชาธิปัตย์ยังมีโอกาสอยู่ต่อไป และแก้ปัญหาเรื่องระบอบทักษิณได้ดีพอสมควร แต่เขาไม่เคย เพราะเขาไม่ชอบพวกเรา เขากลัวพวกเรา เพราะว่าเขากำลังทำในสิ่งซึ่งระบอบทักษิณทำอยู่ เขาไม่อยากให้เรามายุ่ง พูดง่ายๆ ว่า คุณช่วยเราไล่ทักษิณไปแล้วแทงค์กิ้ว นั่งเฉยๆ ส่วนผมจะทำอะไรคุณอย่ามายุ่ง

เติมศักดิ์- แม้ว่าพฤติกรรมจะซ้ำรอยระบอบทักษิณ

สนธิ- ที่เขาไม่ให้เรายุ่ง เพราะพฤติกรรมเขากำลังจะซ้ำรอยระบอบทักษิณ

เติมศักดิ์- พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จุดยืนยังคงหลักการเดิม คือต่อต้านระบอบทักษิณ

สนธิ- ระบอบทักษิณ คือ ระบอบการเมืองชั่วที่กลืนบ้านกินเมือง ใช้คำพูดนี้ดีกว่า

เติมศักดิ์- ต่อต้านระบอบการเมืองชั่วที่กินบ้านกินเมือง

สนธิ- ที่กลืนบ้านกินเมือง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

เติมศักดิ์- ไม่ว่าใครจะอยู่ในอำนาจก็ตาม ตกลงประชาชนต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนด้วยกัน อย่าเป็นหางเครื่องให้พรรคการเมือง

สนธิ- เป็นไม่ได้

เติมศักดิ์- วันนี้คนเคาะข่าวคงต้องลากันไปเพียงเท่านี้ ขอบคุณมากครับคุณสนธิ สวัสดีครับ





กำลังโหลดความคิดเห็น