ผ่าประเด็นร้อน
แม้กำลังอยู่ในช่วงชุลมุนของการรอลุ้นรับรองผลการเลือกตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอยู่ในช่วงของการร่างนโยบายเตรียมไว้แถลงต่อสภา รวมไปถึงการฟอร์มรัฐบาลผสมอยู่ก็ตาม แต่จู่ๆ ก็ปรากฏสัญญาณเข้มๆลอยลมมาจากผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำนองว่าปรามเอาไว้ก่อนในทำนองว่า “อย่าล้ำเส้น” เข้ามาเป็นอันขาด
แม้ว่าหากพิจารณารวมๆมันก็เหมือนกับการพูดในเชิงหลักการว่าทหารเป็นกลไกรัฐบาล ต้องทำตามรัฐธรรมนูญ ทำตามกฎหมาย แต่ถ้าลองจับใจความที่ซ่อนอยู่ภายในมันก็เป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนว่าต้องการส่งสัญญาณไปถึงรัฐบาลใหม่ รวมไปถึงคนที่อยู่แดนไกลคือ ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง
น่าสังเกตก็คือ เป็นการออกมาแสดงท่าทีของผู้บัญชาการทหารบกเป็นครั้งแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งก็นิ่งเงียบมาตลอด ซึ่งบังเอิญว่าเป็นการพูดในช่วงที่กำลังมีการวางตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ที่มีหลายรายชื่อโผล่ออกมา หรือแม้แต่กรณีที่มีข่าวว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีจะควบเก้าอี้ตัวนี้ก็มี แม้ว่าจะออกมาปฏิเสธทันควันก็ตาม เหมือนกับว่าเป็นการจงใจดับกระแสบางอย่างเหมือนกัน
คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ดูเหมือนต้องการเน้นย้ำให้เห็นว่า ผู้ที่มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้นนอกจากเป็นคนดี มีจริยธรรมแล้ว จะต้องเป็นทหาร ต้องให้เกียรติกองทัพ และที่สำคัญ “ต้องสร้างบรรยากาศการทำงานกันแบบพี่น้อง” เหมือนกับเป็นการกำหนดสเป็กเอาไว้อย่างนั้น
นอกจากนี้ เท่าที่สังเกตจากการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวยังเหมือนเป็นการ “หลุด” ออกมาให้ได้ยินกันทั่วก็คือ “น่าจะมีการหารือกันก่อน” ความหมายก็คือ การวางตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมน่าจะต้องมีการ “เคลียร์” กันให้เข้าใจ โดยเฉพาะต้องได้รับการยอมรับจากกองทัพด้วย ซึ่งก็สอดคล้องกับกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่มีการระบุว่ามีการส่งคนไปประสานกับ ทักษิณ ขณะเดียวกัน ทักษิณ ก็ส่งตัวแทนมาเดินสายพูดคุยกับ “เป้าหมาย” หลักเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์รอบด้านแล้วมันยังไม่นิ่ง ยังมีโอกาสพลิกผันได้ไม่น้อย มันก็ต้องส่งสัญญาณเตือนแบบเข้มๆออกมาให้ได้ยินกันอีกทีหรือไม่ เพราะฟังจากน้ำเสียงแล้วมันก็แปร่งๆพิกล
ต้องยอมรับความจริงว่า แม้พรรคเพื่อไทยได้รับการเลือกตั้งเข้ามาอย่างถล่มทลาย จนสามารถผลักดันให้ ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นตัวแทนของ ทักษิณ ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่อุปสรรคสำคัญที่รออยู่ข้างหน้าก็คือ “พรรคสีเขียว” คือกองทัพนี่แหละ ยิ่งมาถึงยุคที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยแล้ว สำหรับทักษิณถือว่ายังประสานกันไดไม่สนิทมากนัก
หากย้อนไปในอดีตถ้ายังจำกันได้เมื่อครั้งที่ ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ข้ามประเทศเข้ามาตำหนิ เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกในยุคนั้น ที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งของ รัฐบาลในยุค “หุ่นเชิด” สมัคร สุนทรเวช จนถึงขั้นระเบิดอารมณ์ “ป๊อกซื่อบื้อ” จากนั้นก็กล่าว “ทวงบุญคุณ” ทำนองว่าที่ผ่านมาได้ช่วยผลักดันให้ก้าวหน้าตั้งแต่สมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ทั้งที่โดนเบียดโดนไล่จี้มาติดๆจาก พล.อ.ประยุทธ์ ในยุคนั้น ความหมายก็คือถ้า ทักษิณ ไม่ช่วยดันก้นขึ้นมารับรองว่าไม่มีทางก้าวหน้าไปไกลแน่นอน
นั่นเป็นการฟื้นอดีตให้เห็นภาพว่า ระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยและกำลงจะเป็นเจ้าของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบันว่ามี “อดีตที่กินใจ” กันอย่างไรมาก่อน
นาทีนี้ถ้าให้สรุปถึงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ออกมาล่าสุดที่ที่ส่งสัญญาณไว้ล่วงหน้าแบบเน้นๆ ก็คือ “อย่าล้ำเส้น” และถ้าให้ลงลึกไปอีกก็คงต้องการเตือนให้เห็นว่าในกรณีที่มีความเคลื่อนไหวว่าจะรื้อฟื้นคดีสลายการชุมนุม 91 ศพ เป้าหมายเพื่อเอาผิดไปถึงผู้นำกองทัพในปัจจุบันนั้นขอเตือนว่าอย่าทำเป็นอันขาด ต้องให้เกียรติกัน อะไรประมาณนั้น
ดังนั้น การออกมาของผู้บัญชาการทหารบกแบบนี้ ถ้ามองอีกมุมหนึ่งมันก็สันนิษฐานได้เหมือนกันว่า การวางตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ยังไม่ลงตัว รวมไปถึงการเพิ่มโควตารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเพิ่มเข้ามาอีกตำแหน่งหนึ่ง เพื่อมี “เป้าหมาย” ใน “สภากลาโหม” หรือไม่ แม้ว่าจะยังไม่มีผลต่อการโยกย้ายภายในเท่าใดนัก แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้อึดอัดได้เหมือนกัน!