โฆษกเพื่อไทย เผย พรรคถกกรรมการนโยบายคืบมาก เล็งเลื่อนถก ส.ส.พรรคไปก่อน ซัดประชาธิปัตย์ต่ำกว่ามาตรฐาน ร้อง กกต.ฟัน “วิม” ซื้อสื่อ ชี้ พวกทำตามอีเมลปัญญาอ่อน ป้องรองโฆษกฯ ไม่เกี่ยว เล็งฟ้องฟันคนแฮกข้อมูล เตือนบอร์ดทีโอที อนุมัติ 3จี รอรัฐบาลใหม่
วันนี้ (11 ก.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันนี้พรรคเพื่อไทยได้ประชุมคณะกรรมการนโยบายด้านต่างๆ ที่ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ประกอบด้วยด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ความมั่นคงและต่างประเทศ เพื่อเร่งรัดเตรียมร่างนโยบายให้เสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์ต่อจากนี้ โดยขณะนี้นโยบายมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ส่วนที่ในวันพรุ่งนี้ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการนั้น ซึ่งจะทำให้สภาอาจจะเปิดเร็วขึ้น โดยทางพรรคเพื่อไทยจะเลื่อนประชุม ส.ส.ในวันพรุ่งนี้ออกไปก่อน เนื่องจากในวันพรุ่งนี้หากมีการประกาศรับรอง ส.ส.มากกว่าร้อยละ 95 ก็จะต้องไปรายงานตัวต่อรัฐสภา
โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รักษาการรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีอีเมล์ลับของ นายวิม รุ่งวัฒนะจินดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่มีการระบุเรื่องการใช้เงินซื้อสื่อและจัดเลี้ยงอาหาร ว่า เข้าข่ายการซื้อเสียงตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า ถือว่าเป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์สามารถทำได้ แต่ตนคิดว่า การดำเนินการดังกล่าวของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ตนเชื่อว่า คนที่จะดำเนินการแบบนายวิม นั้น คงจะต้องเป็นบุคคลที่เป็นคนปัญญาอ่อนเท่านั้น ซึ่งตนเชื่อว่า นายวิม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะชี้แจง เพราะพรรคเพื่อไทย เชื่อว่า มีความพยายามของคนบางกลุ่มที่ได้ขโมยรหัสลับในการเข้าสู่อีเมล และทำการตกแต่งเพิ่มเติม โดยภายหลังจากนี้ทางทีมกฎหมายก็จะดำเนินการตรวจสอบเพื่อเอาผิดกับบุคคลดังกล่าวต่อไป
ส่วนกรณี นายบุญมาก ศิริเนาวกุล รักษาการณ์ประธานบอร์ด บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เตรียมอนุมัติหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้เช่าใช้โครงข่ายทีโอที เพื่อให้บริการ 3 จี ซึ่งจะเร่งจัดประมูลให้เสร็จภายใน 30 วันนั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การให้บริการโครงข่าย 3 จีเป็นเรื่องสำคัญ และจะต้องพิจารณาในหลายเรื่อง ซึ่งบางเรื่องมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง บางเรื่องอยู่ในการไต่สวนของ ป.ป.ช.อีกทั้งยังเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการ การที่จะมีการอนุมัติก็ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีกำกับดูแลด้วย
นายพร้อมพงศ์ ยังระบุอีกว่า การจะอนุมัติโครงการใดๆ ควรจะรอรัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้พิจารณา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง หากยังเร่งดำเนินการต่อไปอาจต้องรับผิดชอบตามกฎหมายได้