xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” หนุน “มาร์ค” นั่ง ปชป.ต่อเก็บกวาดอุจจาระ - เผยแนวทาง พธม.สู้อย่างมีขั้นตอนไม่เอะอะชุมนุม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” สมเพชแม่ยก ปชป. เกิดมาเพิ่งเคยเห็นพรรคการเมืองด่าคนไม่เลือกตัวเอง ถามกลับ 2 ปีทำไมไม่ถอดยศ “นช.แม้ว” แถมสวมตอระบอบทักษิณ หนุน “อภิสิทธิ์” หวนนั่งหัวหน้า ปชป.เก็บกวาดอุจจาระที่ทิ้งไว้ ย้ำพันธมิตรฯ ต้านนิรโทษ-จาบจ้วง แต่จะดัดแปลงรูปแบบ สู้อย่างมีขั้นตอน ไม่ใช่เอะอะชุมนุม ท้า ปชป.หากเห็นด้วย ต้องออกมาพร้อมกัน ห้ามชุบมือเปิบตีกินทีหลัง ฉะ ปชป.-ทหารดูถูกพันธมิตรฯ มาตลอด ถึงเวลาต้องสู้กับ “เพื่อแม้ว-เสื้อแดง” เอาเอง แต่พร้อมจับตา 2 พรรคใหญ่ร่วมมือขายแผ่นดิน


นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “ก่อนจะถึงจันทร์” ทางเอเอสทีวี ช่วงเวลา 21.30-22.30 น. วันที่ 10 ก.ค.ว่า กรณีที่ยังมีคนของพรรคประชาธิปัตย์เดินสายปล่อยข่าวลือว่าตนรับเงิน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาเคลื่อนไหวเรื่องโหวตโน จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งนั้น ตนเกิดมาเพิ่งเคยเห็นพรรคการเมืองที่เที่ยวไปด่าคนที่ไม่ลงคะแนนให้ตัวเอง เหมือนพรรคประชาธิปัตย์เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแข่งกับร้านก๋วยเต่ยวเพื่อไทย แต่เราไม่เข้าไปกินทั้งสองร้าน แล้วกลับไปกินข้าวที่บ้าน เจ้าของร้านประชาธิปัตย์กลับมาก็มาด่าเรากล่าวหาเราว่าไปรับเงินจากร้านเพื่อไทยทำให้ร้านเขาขายไม่ออก คนพวกนี้พอแพ้แล้วไม่ดูตัวเอง เอาแต่ด่าทอคนอื่น ฟาดงวงฟาดงาไม่จบเสียที คนพวกนี้ก้าวข้ามไม่พ้น และไม่รู้จักคิด ในเมื่อตนไปยื่น กกต.ให้ยุบพรรคเพื่อไทยแล้วจะไปจับมือกับทักษิณได้อย่างไร

ที่กล่าวกาว่าตนด่าทักษิณน้อยลง จะน้อยได้อย่างไรในเมื่อตนด่าทักษิณมาตั้งแต่ปี 2548 จนทุกวันนี้ คนพวกนี้น่าสงสาร ไม่มองในมุมกลับบ้างว่า ที่ตนพูดบนเวทีก็ถูก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กระซิบว่าพูดแรงไป พี่น้องหลายคนก็บอกก้าวร้าวน้อยลง ให้ทุกอย่างดูสุภาพเรียบร้อย เรียกใครก็มี “คุณ” นำหน้าหมด ทั้งคุณอภิสิทธิ์ คุณทักษิณ

นายสนธิกล่าวต่อว่า คนที่มากล่าวหาตนว่ารับเงินทักษิณต้องถามตัวเองว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมา 2 ปีกว่า ทำไมไม่ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาไม่ได้มาแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง แต่มาเพื่อสืบทอดระบอบทักษิณ มาสวมตอผลประโยชน์ จนมีการพูดกันว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์ก็คือรัฐบาลในระบอบทักษิณที่มีนายอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ เพราะเข้ามาสวมตอ ต่อยอดเพื่อสืบอำนาจต่อไป จึงปล่อยให้พรรคภูมิใจไทยโกง แล้วหวังว่าจะเอาเงินไปทุ่มทางภาคอีสาน ให้คุมกระทรวงมหาดไทย คุมตำรวจ คิดว่าเมื่อคุมได้ก็เอาเงินซื้อเสียงได้ ทำอย่างไรก็ชนะ

นายสนธิกล่าวว่า เบื้องหลังการประกาศยุบสภาของนายอภิสิทธิ์นั้น ก็เพราะนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เอาโพลไปหลอกนายอภิสิทธิ์ว่าถ้ายุบสภาพรรคจะได้ ส.ส.200 ที่นั่ง และจะสามารถจัดเลือกตั้งได้ก่อนผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกออกมา ส่วนพรรคภูมิใจไทยก็จะได้ 80 ที่นั่ง และมีสมมติฐานว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.ไม่ถึงครึ่ง เขาก็จะเอาพรรคขนาดเล็กมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลอีก หลังยุบสภา นายเนวิน ชิดชอบ จึงออกมาพูดว่าพรรคเพื่อไทยถึงจะได้ที่หนึ่งก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ก็พูดว่าพรรคที่ได้ ส.ส.มากที่สุดไม่จำเป็นต้องได้เป็นรัฐบาล ซึ่งแสดงว่ามีการเจรจาจับมือกันไว้แล้วในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเดิม

นายสนธิกล่าวต่อว่า หลังจากผลเลือกตั้งออกมาแล้วพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้จึงเคียดแค้นตนมาก มีการปล่อยข่าวลือต่อเนื่อง จับคนไทยเป็นตัวประกัน หาว่านายสนธิทำโหวตโนเพื่อให้ประชาธิปัตย์แพ้เพื่อช่วยทักษิณ โดยไม่ดูว่าที่ตนสู้มา 158 วัน รวมทั้งยื่นยุบพรรคเพื่อไทยนั้น ถ้ารับเงินทักษิณมาจะยื่นยุบพรรคนี้ทำไม แต่ก็ยังมีการปล่อยข่าวอย่างต่อเนื่องและเพิ่มจำนวนเงินขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกบอกตนรับมา 10 ล้าน แล้วลือใหม่ว่าเป็น 400 ล้าน ตอนนี้เพิ่มเป็น 1,000 ล้านแล้ว วิธีการนี้พรรคประชาธิปัตย์ใช้มานานตั้งแต่ปล่อยข่าวทำลายนายปรีดี พนมยงค์ ทำลาย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง โดยกล่าวหาว่าพาคนไปตายในเหตุการณ์พฤษภาฯ 35 และตอนนี้ก็มากล่าวหาว่านายสนธิรับเงินทักษิณ ทั้งที่เมื่อดูตัวเลขคนที่เคยเลือกประชาธิปัตย์นั้นบางคนก็ไปเลือกพรรคเพื่อไทยหรือไปเลือกพรรคอื่นๆ ไม่ได้มีเฉพาะโหวตโน ดังนั้นโหวตโนจึงไม่ใช่ตัวที่ทำให้ประชาธิปัตย์แพ้

นายสนธิกล่าวอีกว่า ในช่วงที่เป็นรัฐบาล หากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาทำงานเพื่อส่วนรวม มองว่าพันธมิตรฯ เป็นกลุ่มคนที่จะร่วมกับเขาในการล้มล้างระบอบทักษิณ เขาต้องร่วมกับเราตั้งแต่วันแรก ไม่ใช่มาบอกว่าเสื้อแดงเสื้อเหลืองก็เป็นตัวป่วนเหมือนกัน ไม่รู้จักแยกมิตรแยกศัตรู เป็นนิสัยสันดานของพรรคนี้มาแต่ไหนแต่ไร และมัวแต่ตีกิน พรรคประชาธิปัตย์ไปเป็นฝ่ายค้านจึงดีแล้ว เพราะถ้าเป็นรัฐบาลก็ทำแต่เรื่องเสียแผ่นดิน ตั้งแต่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ทำให้เสียปราสาทพระวิหาร นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เอาที่ดิน ส.ป.ก.ไปแจกให้เศรษฐี รัฐบาลนายชวน หลีกภัยออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ เอาทรัพย์สินค้ำประกันหนี้ของไฟแนนซ์ถูกปิดไปขายทิ้งให้ต่างชาติในราคา 10 เปอร์เซ็นต์แล้วให้ฝรั่งมาเรียกเก็บคืนจากคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์ ล่าสุดคือการเสียดินแดนให้กัมพูชา ก่อนหน้านี้ก็วิพากษ์วิจารณ์หลวงตามหาบัวอย่างสาดเสียเทเสียกรณีที่ท่านเอาทองเข้าคลังหลวง คนของพรรคประชาธิปัตย์ต้องตกนรกทั้งพรรค เพราะหลวงตาท่านเป็นพระอรหันต์มีจิตใจที่บริสุทธิ์ การไปด่าท่านจึงเป็นอนันตริยกรรม ด้วยเหตุนี้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เจริญรุ่งเรืองอีก

กรณีที่มีข่าวว่ากลุ่ม ส.ส.ภาคใต้จะไม่ให้นายอภิสิทธิ์กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกนั้น นายสนธิกล่าวว่า ตนไม่อยากให้ใครเป็นหัวหน้าแทนนายอภิสิทธิ์ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยขณะนี้คือสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ทิ้งอุจจาระเอาไว้ เพราะฉะนั้นนายอภิสิทธิ์ต้องเป็นคนเก็บกวาด ส่วนนายสุเทพที่ไม่อยากเป็นเลขาธิการพรรคอีกก็เพราะว่าการเป็นเลขาธิการพรรคในยามที่เป็นฝ่ายค้านมีแต่ควักกระเป๋าอย่างเดียว ต่างจากตอนเป็นรัฐบาลที่เลขาธิการพรรคมีแต่รับอย่างเดียว

นายสนธิกล่าวต่อว่า อุปนิสัย อากัปกิริยาของคนประชาธิปัตย์ไม่ต่างจากพรรคอื่น คือน้ำเน่าเหมือนกัน การแย่งกันเป็นรัฐมนตรก็เหมือนพรรคเพื่อไทย แต่พรรคเพื่อไทยด้วยความที่เป็นโจรเป็นนักเลงจึงเอะอะโวยวาย แสดงความโง่ออกมาอย่างใสซื่อ อย่างนายขวัญชัย ไพรพนา ที่บอกว่าคนเสื้อแดงต้องได้เป็นรัฐมนตรี เพราะมีบุญคุณต่อพรรค ไม่เช่นนั้นจะไมได้ ส.ส.มากขนาดนี้ การแย่งชิงตำแหน่งเป็นไปอย่างเปิดเผย ไม่ซ่อนเร้น ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพวกวิญญูจอมปลอม ทะเลาะกันข้างใน ไม่ให้หลุดออกมาข้างนอก

นายสนธิกล่าวอีกว่า ตนอยากให้นายอภิสิทธิ์กลับมาเป็นหัวหน่าฝ่ายค้านอีก อยากจะดูว่านายอภิสิทธิ์จะอภิปรายรัฐบาลอย่างไร เพราะตัวเองก็สวมตอระบอบทักษิณ ซึ่งวันนี้เจ้าของระบอบเขามาทวงคืน แล้วเขาก็จะไม่ทำอะไร แค่ทำต่อจากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นถนน รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง เทอร์มินัล 3 สนามบินสุวรรณภูมิ เวลาประมูลงานก็เอาเจ้าเดิมที่ประมูลไว้ในรัฐบาลชุดก่อน ถ้าประชาธิปัตย์จะด่าเพื่อไทย ก็จะโดนสวนกลับ เพราะเป็นฝีมือที่ประชาธิปัตย์ทำไว้ทั้งนั้น แค่เข้ามาเรียกผู้รับเหมามาทุบตีให้จ่ายเงิน ก็ให้ผู้รับเหมาชุดเดิมทำงานต่อได้ แล้วบอกว่าก็เป็นชุดเดิมที่รัฐบาลก่อนทำไว้

นายสนธิกล่าวว่า แทนที่พรรคประชาธิปัตย์จะยังเที่ยวปล่อยข่าวทำร้ายตน ให้ไปฝึกกลยุทธ์ในสภาจะดีกว่า ส่วนเรื่องเขาพระวิหาร พรรคเพื่อไทยก็จะบอกว่า ก็ทำต่อโดยใช้เอ็มโอยู 2543 ที่รัฐบาลนายชวนเซ็นไว้และรัฐบาลอภิสิทธิ์มาทำต่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแล้วมันผิดตรงไหน และถ้าวันนั้นเราต้องเสียดินแดน ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยจะเป็น 2 พรรคที่จับมือกันขายแผ่นดินไทย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์พูดอะไรไม่ได้ เพราะเขาเข้ามา 2 ปี 7 เดือนแล้วแทนที่จะเข้ามาแก้ระบอบทักษิณกลับมาสวมตอ

อย่างไรก็ตาม นายสนธิกล่าวว่า การปล่อยข่าวทำลายตนนั้นไม่ใช่ครั้งแรก สมัยที่สู้กับทักษิณก็มีการปล่อยข่าวว่าตนขออะไรทักษิณไม่ได้จึงออกมาสู้ แล้วสู้บ้าบออะไร 6-7 ปีแล้ว แถมโดนลูกปืน 200 นัดเกือบตายอีก ตอนนี้เลยเลิกลือ กลายเป็นพ่อยกแม่ยกประชาธิปัตย์ที่มองความเป็นประชาธิปัตย์ไม่ออก กลับมองว่าที่เราไม่กินก๋วยเตี๋ยวร้านเขาเพราะรับเงินร้านอื่นมา การที่เราออกมาสู้ต้องยอมรับว่า เราตกเป็นเป้าหมายของการใส่ร้ายป้ายสี ขึ้นเครื่องบินแล้วมีชื่อคุณหญิงอ้อก็หาว่านัดพบกัน แล้วตนจะรู้ก่อนหรือว่าบนเครื่องมีใครอยู่บ้าง ตนนึกขำในความโง่ของคนพวกนี้

แม้แต่ล่าสุดหลังการเลือกตั้งก็ยังมีการปล่อยข่าวจากสตรีผู้สูงศักดิ์ ที่ถนนสุขุมวิทว่า ตนเดินทางไปพบทักษิณที่ดูไบแล้ว ทั้งที่ตนมีคิวจะออกรายการที่เอเอสทีวีในตอนเย็น ถือว่าเป็นวิธีการที่เลวมาก ถ้าเขาเป็นศัตรูทางการเมืองตนจะไม่ว่าเลย สตรีผู้สูงศักดิ์คนนี้มี ม.ร.ว.หญิงนำหน้า แต่มาเล่นสกปรกแบบนี้ก็จำเป็นต้องพูด อย่างไรก็ตาม เราต้องมีขันติและให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

กรณีที่พี่น้องหลายคนแสดงความเป็นห่วงว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล และหากควบคุมคนเสื้อแดงไม่ได้อาจจะมีการออกมาเผาบ้านเผาเมืองอีกนั้น นายสนธิกล่าวว่า สังคมไทยทุกวันนี้แบ่งเป็น 4 พวก พวกแรกคือวิญญูชนจอมปลอมอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีนิสัยสันดานไม่ต่างจากพรรคเพื่อไทยแตกต่างแค่แต่งตัวดี พูดจาดี พวกที่สองคือพรรคเพื่อไทยที่มุ่งเอาแต่ประโยชน์ของตัวเอง การแสดงออกโฉ่งฉ่าง กลุ่มที่สามคือพวกเราที่มีจิตวิญญาณรักความเป็นธรรม ทนไม่ได้ต่อปัญหาและออกมาต่อสู้เพื่อบ้านเมือง ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของเรา กับพวกที่สี่ คือพวกที่อยู่กลางๆ ไม่สนใจใคร ใครจะเผาบ้านเผาเมืองช่างมัน

นายสนธิกล่าววว่า หากถามว่าวันนี้เราควรหรือไม่ที่จะออกมาปกป้องบ้านเมือง ต้องตอบว่าควร แต่เราต้องดัดแปลงวิธีการ หลังยุบสภานายอภิสิทธิ์บอกว่าเลือกตั้งเสร็จแล้วคน 500 คนจะเป็นคนแก้ปัญหาของประเทศชาติทุกอย่างในสภา แสดงว่านายอภิสิทธิ์ปฏิเสธภาคประชาชนอย่างพวกเรา เพราะคิดว่าจะได้ ส.ส.200 คน บวกกับพรรคภูมิใจไทย 80 คน เพราะฉะนั้นเมื่อเลือกตั้งเสร็จก็ให้ 500 คนไปจัดการเองในสภาก็แล้วกัน ส่วนพวกเราอยู่เฉยๆ ให้พรรคประชาธิปัตย์ไปยกมือสู้ในสภาเอง จะแพ้ตลอดก็ช่าง เพราะถ้าเราออกไป เราก็จะถูกหลอกใช้ แล้วนายสุเทพไม่ใช่หรือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ใช่หรือ ที่บอกว่าเสื้อแดงเสื้อเหลืองต่างก็เป็นตัวยุ่ง เพราะฉะนั้นเราต้องนั่งดูอย่างระมัดระวัง ให้เสื้อแดงเป็นตัวยุ่งฝ่ายเดียว แล้วคอยดูว่านายสุเทพ พล.อ.ประยุทธ์จะว่าอย่างไร ในเมื่อไม่มีเสื้อเหลืองแล้ววันนี้

“เพราะฉะนั้นแล้ว แต่เราก็มีเงื่อนไข มี 2 เรื่อง เรื่องแรก ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ ยื่นเรื่องในสภาเพื่อขอแก้กฎหมาย กระทำการยกโทษ นิรโทษกรรม ให้ทุกคน รวมทั้งพี่ชายตัวเองด้วย อันนี้เราไม่ยอมแล้ว อันนี้ถือว่าเป็นผิดหลักนิติรัฐ อันนี้ถือว่าการเข้ามาเป็นรัฐบาลชุดนี้เพื่อช่วยพี่ชายเขา ถ้าอันนั้น เราจะสู้ อีกเรื่องหนึ่ง การจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ เราก็ต้องสู้ แต่การสู้ของเราจากนี้ไปมีขั้นตอน ไม่ใช่เอะอะ อะไรเราก็ออก เราต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิธีการเสียใหม่ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็มาชุมนุม” นายสนธิกล่าว

ส่วนกรณีเขาพระวิหารนั้น นายสนธิกล่าวว่า ต้องดูว่าพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยจะตกลงกันอย่างไร จะให้เขาทะเลาะกันในสภาก่อน เราจะจับตาดู ถ้าเขาร่วมกับขายบ้านขายเมือง เราก็อาจจะออกมา แต่ตนไม่อยากให้มีเงื่อนไขมาก แตะอะไรที่ไหนก็ออกมาชุมนุม แต่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันคำพูดที่ว่า 500 คนในสภาสามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ อยากจะดูว่าจะแก้ได้ไหม

นายสนธิกล่าวอีกว่า ในการออกมาชุมนุมนั้น ประชาธิปัตย์ต้องออกมาพร้อมกัน นายอภิสิทธิ์ต้องออกมาขึ้นเวทีพร้อมตน ไม่ใช่มาคอยตีกินภายหลัง เขาต้องแสดงจุดยืนว่าพร้อมจะร่วมกับพันธมิตรฯ เราถึงจะออกมา ถ้าบอกว่าไม่พร้อมจะร่วม เราก็ไม่ออก ให้เขาสู้ในสภาเอง จะหลอกให้เราออกมาก่อนแล้วชุบมือเปิบทีหลังเราไม่เอา อย่างนี้ยุติธรรมดีกว่า แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์นิ่งเฉย เราก็มีวิธีการที่จะต่อสู้ แต่จะไม่เป้นเครื่องมือให้ตีกินอีกต่อไป

กรณีที่เคยวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ว่า ประเทศไทยมีโอกาสที่จะเกิดมิคสัญญีแบ่งแยกประเทศกันนั้น นายสนธิกล่าวว่า มีความเป็นไปได้เพราะเลือกตั้งกี่ครั้งพรรคเพื่อไทยก็จะชนะในภาคเหนือและอีสานเหมือนเดิม ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล 2 ปี 7 เดือนไม่ลงไปทำลายเครือข่ายของทักษิณหรือสร้างเครือข่ายของตัวเอง แค่เอานายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง มาออกช่อง 11 มันช่วยไม่ได้ เพราะทักษิณให้เงินซื้อดาวเทียมแจกชาวบ้านให้ดูทีวีคนเสื้อแดง ให้เงินตั้งวิทยุชุมชน ขณะที่นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ทำอะไรเลย กลับปล่อยให้กระบวนการของทักษิณเติบโต ที่สำคัญชาวบ้านรับข้อมูลข่าวสารด้วยความเกลียดชังมาตลอด

นายสนธิกล่าวอีกว่า กรณีที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีข้อสรุปเรื่องการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงและแพลมออกมาเล็กน้อยว่า มีการใช้อาวุธจริง รัฐบาลดำเนินการสลายการชุมนุมอย่างถูกต้อง ไม่ผิด ซึ่งข้อสรุปแบบนี้ตนรู้มานานแล้ว แต่ทำไมใช้เวลาตั้งปีหนึ่ง รัฐบาลมัวอมสากกะเบืออยู่ทำไม ทำไมไม่ออกมาชี้แจงว่านี่คือข้อเท็จจริง กลับปล่อยให้ทีวีเสื้อแดงถล่มทเอาตลอดว่ารัฐบาลฆ่าประชาชน ต้องถามกลับว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำงานไม่เป็น หน่อมแน้ม ยังเป็นเด็กอยู่ใช่หรือไม่ มัวแต่ทะเลาะกับเพื่อนคือพันธมิตรฯ แทนที่จะร่วมมือกับพันธมิตรฯ เป็นหัวหอกสู้กับเสื้อแดง ลงไปให้ข้อเท็จจริงกับประชาชน นายสุเทพกลับมาบอกว่าทั้งเสื้อแดงเสื้อเหลืองคือตัวยุ่ง หวังว่าจะเอาเงินไปซื้อเสียงที่อีสาน แล้วชนะเข้ามาเพื่อให้ประชาธิปัตย์เป็นพระเอก

ขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมก็ไม่มีจิตสาธารณะ เข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อหาประโยชน์อย่างเดียว ทหารก็รับเงินอย่างเดียว มองว่าอยู่กับประชาธิปัตย์ก็ทำมาหากินได้ เพราะฉะนั้นการนองเลือดจึงมีโอกาส เพราะทหารแตงโมก็มี ตำรวจก็เป็นเสื้อแดงเกือบทั้งหมด ส่วนที่บอกว่าตนคิดมากไปเอง แล้วเหตุการณ์ 91 ศพ และเผาบ้านเผาเมือง ใครจะคิดมาก่อนว่ามันจะเกิด ในภาคใต้ที่ฆ่ากันตายหลายพันศพก็ไม่มีใครคิดมาก่อน

นายสนธิกล่าวว่า ถึงวันนี้เราทำอะไรไมได้มาก เราเป็นประชาชนธรรมดาที่รักบ้านรักเมือง สิ่งที่เราทำได้คือการเกาะกลุ่มกันเอาไว้ให้เหนียวแน่น และวันหนึ่งบ้านเมืองจะต้องการพวกเราที่มี 2 ล้านคน แล้วนับวันจะมีแต่เพิ่มขึ้น เป็นมวลชนที่มีพลังแห่งศีลธรรม แต่เราต้องไม่หลงกลใคร ตนจึงได้บอกกับพี่น้องที่สะพานมัฆวานเมื่อวันที่ 1 ก.ค.แล้วว่า ถ้าไม่มีมติแกนนำอย่าออกมา มันมีคนบางกลุ่มออกแบบให้เราออกมา เพราะเขาเองไม่มีมวลชน เนื่องจากการจัดชุมนุมและการดูแลมวลชนไม่ใช่เรื่องง่าย งานมวลชนไม่ใช่งานหยิบโหย่งหรืองานผู้ดีตีนแดง มันต้องลงไปลุย พร้อมร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้อง ต้องมีการจัดการให้อยู่ปักหลักพักค้างเป็นเวลานาน เพราะฉะนั้นการนำมวลชนไม่ใช่เรื่องง่าย คนที่บอกว่ามวลชนพันธมิตรฯ คือมวลชนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ขอท้าให้เอาออกมาเลย

“ผมถึงบอกพี่น้องเราว่าอยู่เฉยๆ อย่าตกเป็นเครื่องมือของใครอีกต่อไป ถ้าเราจะทำครั้งนี้ หรือจะทำครั้งต่อไป เราต้องทำเพื่อชาติบ้านเมืองเท่านั้น เราไม่ได้ทำเพื่อรอให้ทหารกับพรรคประชาธิปัตย์ มาตีกินกันต่อไป เราต้องเตือนมวลชนเรา พรรคประชาธิปัตย์กับทหาร ดูถูกเรามาตลอด ตอนนี้ก็เลยถึงเวลาที่พวกเขาจะเผชิญหน้ากันกับพรรคเพื่อไทย โชคดี ตัวใครตัวมัน คุณไปจัดการเอาเอง” นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวต่อว่า การที่มีความพยายามใส่ร้ายป้ายสีว่าตนรับเงินทักษิณนั้นเหมือนกับเป็นการบีบให้พวกเราออกมากลางท้องถนน ให้ตนประกาศสู้กับทักษิณ ซึ่งที่จริงตนได้ประกาศไปแล้ว 2 ข้อ และคิดว่าทักษิณฉลาดและจะไม่ทำ เพราะการออกไปอยู่เมืองนอก 5-6 ปี เขาได้เรียนรู้อะไรมามากแล้ว ทักษิณไม่กลัวประชาธิปัตย์ไม่กลัวทหาร แต่กลัวแกนนำพันธมิตรฯ 4 คนกับพี่น้องอีก 2 ล้านคน ตนไม่ต้องพิสูจน์ว่าสู้กับทักษิณหรือไม่ เพราะได้สู้มาตลอด ทั้งยื่นยุบพรรคเพื่อไทยและมีคดีฟ้องร้องกันอีกไม่รู้กี่คดี แล้วให้ลองดู ลองเสนอกฎหมายนิรโทษหรือจาบจ้วง ส่วนเรื่องอื่นๆ ให้นายอภิสิทธิ์ไปจัดการในสภาเอง ถึงเวลาที่เราต้องพัก สั่งสมกำลังไว้ พวกเราต้องอยู่ข้างถนนตลอดอย่างนั้นหรือ

พันธมิตรฯ สู้มา 158 วัน เหนื่อยพอแล้ว ทำดีที่สุดแล้ว ถ้าผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองไม่เห็นความสำคัญ ไม่สนใจว่าประเทศไทยจะเสียดินแดน ก็ช่วยไม่ได้ ที่เราจำเป็นต้องทำตอนนั้นเพราะจิตวิญญาณบอกให้ทำ และเราทำมาแล้วจนสุดความสามารถแล้ว จะให้เราทำอะไรมากกว่านี้

ในตอนท้านนายสนธิ กล่าวถึงกรณีที่เอเอสทีวีเปิดบัญชีรับเงินบริจาคว่า ถ้าพี่น้องเห็นว่าประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องมีสื่ออย่างเอเอสทีวีอยู่เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ดีขึ้นก็ให้ช่วยกัน ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเดือนละ 1,000 บาท หรือจะช่วยโดยการรับข่าวเอสเอ็มเอสเดือนละ 200 บาทก็ได้ แต่ถ้าพี่น้องเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีเอเอสทีวีอยู่ต่อไป ตนก็พร้อมที่จะหยุด เพราะไม่ยึดติดอะไรอีกแล้ว

คำต่อคำ

จินดารัตน์ - คุณสนธิ ลิ้มทองกุล สวัสดีค่ะ ได้ข่าวว่าสองคนนั้นมีข้อข้องใจ อยากจะคุยกับเถ้าแก่นิดนึง

สนธิ - เชิญถามได้เลยครับ

อุษณีย์ - เอาของเราก่อนเลยมั้ย ว่าสาวน้อยเสียงมหัศจรรย์คนนี้ก็ได้ตำแหน่ง เพราะว่าเป็นหลานสนธิ ลิ้มทองกุล เรื่องนี้อื้ออึง จนมีอยู่ช่วงหนึ่ง ไมร่า อะไรน่ะ ไม่ใช่สนธิ มาร้องเพลงเสียหน่อย มาออกรายการเราอีกนะ คำครหายิ่งเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า

สนธิ - ผมมันเป็นอะไรเหมือนลูกบอล คนมันหมั่นไส้ มันก็เตะเล่น เรามันต้องอดทน อดกลั้น ไม่รู้จะทำอย่างไร ไทยแลนด์ กอต ทาเลนต์ เนี่ย เว็บไซต์ผู้จัดการเป็นเว็บไซต์ที่วิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด แล้วพอไมร่าเขาได้ ก็หาว่าที่ได้เพราะเป็นหลานสนธิ ผมก็เลยไม่รู้ผมไปเกี่ยวกับรายการไทยแลนด์ กอต ทาเลนต์นี้ได้อย่างไร แล้วผมไปเกี่ยวกับรายการของคุณปัญญาได้อย่างไร ก็เป็นปกติธรรมดา เดี๋ยวนี้อะไรๆ นึกอะไรไม่ออก สนธิทั้งนั้น แต่ผมก็ภูมิใจนะแอน ผมภูมิใจเพราะว่าผมมีความรู้สึกว่า ถ้าทุกอย่างที่คนจะเล่นงานใครแล้วมาลงที่ผม ผมรับได้หมด

จินดารัตน์ - อย่างนั้นแสดงว่าเราสำคัญ ใช่มั้ยคะ

สนธิ - ไม่ใช่สำคัญ แต่มันเป็นการทดสอบตบะ เรา ถ้าเราผ่านตรงนี้ได้ เรามีขันติ เรามีตบะ เรามีความอดทน ผมคิดว่า อย่างที่เขาบอก มารไม่มีบารมีไม่เกิด เรื่องธรรมดา ก็เป็นปกติธรรมดาของสังคมไทย และเดี๋ยวนี้สังคมไทยเป็นประเภทที่เรียกว่า อะไรเป็นข่าวลือจะเชื่อ แต่ถ้าอะไรเป็นความจริงแล้วจะไม่ฟัง

จินดารัตน์ - เชื่อแบบไม่มีเหตุผลด้วยนะคะ

สนธิ - ไม่มีเหตุผลครับ เหมือนอย่างเขาเดินสาย ตอนนี้ผมพูดแทนแล้วกัน เดี๋ยวแอนก็ต้องถาม คือเขาเดินสายหาว่า ผมรับเงินจากคุณทักษิณ ไม่หยุดไม่หย่อนเลย ก็เหมือนกับว่า แค้นน่ะ ที่มันมีการโหวตโน เกิดมาผมไม่เคยเจอ มาด่าคนที่ไม่ลงคะแนนเสียงให้ตัวเอง มีที่ไหน เข้าใจไหมครับ สมมุติว่าเหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว แล้วผมไม่ไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านของพรรคประชาธิปัตย์ แล้วผมขอไม่กินก๋วยเตี๋ยวร้านเพื่อไทย ซึ่งจอดติดกัน ผมขอกลับบ้านไปกินข้าวบ้านผม ผมไม่กินร้านคุณ แล้วคุณมายืนด่า ทำไมไม่กินร้านผม คุณใช้ไม่ได้ แสดงว่าคุณไปรับเงินไอ้ร้านนี้สิ แต่ผมก็ไม่ได้ไปกินร้านนี้ แสดงว่าการที่ผมไม่ได้ไปกินร้านคุณ ทำให้คนอีกส่วนไม่ไปกินร้านคุณ เพราะว่าเขาเชื่อในรสนิยมผม เขาเชื่อในรสนิยมผมว่า เอ๊ะ ถ้าสนธิไม่กินร้านนี้แสดงว่าร้านนี้มีปัญหา เพราะฉะนั้นการที่พอคนไม่ลงคะแนนเสียงให้แล้วไปด่าเขา เกิดมาผมไม่เคยเจอ ออกมาฟาดงวงฟาดงา แล้วก็ไม่จบเสียที แสดงว่าคนพวกนี้ ยังก้าวไม่ข้ามพ้นอัตตาของตัวเอง คือถ้าเขามีสติปัญญานิดหนึ่ง หรือเขาคิดเป็น แสดงว่าคนที่พูดนี่ไม่ได้คิด ไม่เข้าใจ

ผมเป็นคนที่ยื่น กกต.ให้ยุบพรรคเพื่อไทย แล้วผมจะไปจับมือกับทักษิณได้ยังไง ใช่/ไม่ใช่

จินดารัตน์ - เขาบอกว่า ด่าน้อยลง

สนธิ- ทำไมจะต้องลุกขึ้นมาด่า ผมด่าเขามา ผมวิพากษ์วิจารณ์เขามาตั้งแต่ปี 48-49-50-51-52-53

จินดารัตน์ - ถึงขั้นอะไรรู้ไหมคะคุณสนธิ ถึงขั้นบอกว่าบนเวทีไม่เรียกนักโทษชายทักษิณแล้ว เรียกคุณทุกคำเลย คุณทักษิณๆๆ อย่างนี้

สนธิ- จริงเปล่าฮะ

จินดารัตน์ - คือด้วยเหตุแค่นี้นะคะ ที่แอนอึ้ง แอนไม่ได้เถียงอะไรกับเขา แอนก็ได้แต่ปล่อยวางแล้วก็คิดว่า เออ โง่แบบนี้ก็โง่ต่อไป

สนธิ - ต้องสงสารเขา ทำไมเขาไม่มองในมุมกลับบ้างล่ะ การพูดจาของผมเวลาอยู่บนเวที ผมมักจะโดนพี่ลองแอบกระซิบ ไม่มาพูดตรงๆ ว่าสนธินี่พูดแรงไป แล้วก็พ่อแม่พี่น้องหลายท่านที่เป็นผู้ใหญ่ก็บอกว่า คุณสนธิเวลาพูดจาให้ก้าวร้าวลงนิดหนึ่ง

จินดารัตน์ - ลดลงนิดหนึ่ง

สนธิ - ผมก็เลย ช่วงหลังคำว่ามึงกับกูผมแทบจะไม่ใช้เลย คุณแอนสังเกตสิ แล้วผมใช้แทนว่าคุณ แทนที่จะบอกว่าทำไมมึงไม่ทำอย่างนี้ คนอย่างกู ไม่ จบ เพราะผมต้องการให้ทุกอย่างไปโดยลักษณะที่สุภาพเรียบร้อย ผมก็เลยเรียกทุกคนว่าคุณ

จินดารัตน์ - อภิสิทธิ์ยังเรียกว่าคุณเลย

สนธิ - คุณอภิสิทธิ์ คุณทักษิณ ผมคิดว่าคนซึ่งมาถามอย่างนี้ กล่าวหาผมอย่างนี้ ต้องถามตัวเอง 2-3 ข้อที่จะต้องถามตัวเอง ถ้าเขามีสติปัญญาพอจะถามตัวเอง และตอบตัวเองได้มั้ย ผมไม่แน่ใจ อันแรก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำไมพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลอยู่ 2 ปี 7 เดือน ไม่ถอดยศเสียที ทำไมพี่น้องที่เที่ยวมาด่าผมโดยที่รับงานเขามา โดยที่ไม่รู้เรื่อง ทำไมไม่ตอบตรงนี้ อันที่ 2 พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นรัฐบาล ไม่ได้เข้ามาแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง แต่เข้ามาดำรงสืบทอดต่อระบอบทักษิณ

จินดารัตน์ - มาสวมตอ

สนธิ- สวมตอ เขาพูดกันว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมานี้ รัฐบาลชุดที่ผ่านมานี้ ก็คือระบอบทักษิณ แต่เพียงนายกฯ เป็นคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้นเอง ซึ่งก็ถูกต้อง เพราะว่าตัวเองเข้ามาสวมตอเพื่อหาประโยชน์ และก็วางกำลังเอาไว้สำหรับต่อยอดอำนาจในอนาคต นั่นคือที่มาว่าทำไมถึงปล่อยให้พรรคภูมิใจไทยโกงเอาๆ จากโครงการที่ไม่โปร่งใสหลายๆ เรื่อง เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เอาเงินที่โกงไปทุ่มที่อีสาน คุมมหาดไทย เป็นความคิดเดิมๆ ว่าถ้าคุมมหาดไทยได้ คุมตำรวจได้ ทหารอยู่ข้างเขา เอาเงินซื้อเสียงหัวละพัน นั่นคือที่มาของว่าาทำไมพรรคภูมิใจไทยคิดว่าตัวเองได้ 80 เสียง

จินดารัตน์ - คือยังไงก็ชนะ

สนธิ- ยังไงก็ชนะ คุณสังเกตไหมครับ เบื้องหลังการยุบสภา ก็เพราะว่าคุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ไปเอาโพลบอกคุณอภิสิทธิ์ บอกถ้ายุบวันนี้ได้ 200 เสียง และอีกประการหนึ่งเผอิญมันมีมรดกโลกเข้ามาด้วย วันที่ 26 เขาก็คิดว่าถ้าเขายุบแล้วมีการเลือกตั้ง เลือกตั้งมันจะได้ผลเสร็จก่อน เพราะประกาศวันที่ 29 เขาก็จะพ้นเรื่องมรดกโลก สองกรณี เมื่อเขาคิดว่าเอ๊ะถ้าเขายุบวันนี้เขาได้ 200 เสียง บวกภูมิใจไทยอีก 80 280 นี่มันเสียงเกินแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลไม่ได้ คือโดยเขาตั้งเป็นสมมติฐานว่า เมื่อยุบสภาแล้วเลือกตั้งปั๊บ พรรคเพื่อไทยจะไม่ได้เกินครึ่ง เมื่อไม่ได้เกินครึ่งแล้ว เขาก็จะใช้วิธีเดิมๆ ก็คือเอาพวกพรรคร่วมฯ พรรคเนวิน มาร่วมกับเขา แล้วตัดพรรคเพื่อไทยทิ้ง คุณแอนจำได้หรือเปล่า ถ้าติดตามข่าว เมื่อยุบสภา 1-2 วันแรก คุณเนวินออกมาพูดอย่างนี้ พรรคที่ 1 ไม่ได้ตั้งรัฐบาล พูดอย่างนั้นเลยนะ แสดงว่าได้มีการวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว ลำพังถ้าพูดถึงจิตใจที่เป็นประชาธิปไตย แค่คิดอย่างนี้ก็ผิดแล้ว

จินดารัตน์ - ถึงมีข่าวไงคะว่าเขาตั้งรัฐบาลกันเรียบร้อยแล้ว

สนธิ- ก็ถูกไง คือถ้ามาจากพรรคอื่นผมไม่ว่า แต่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ แม้กระทั่งคุณชวน หลีกภัย เองยังหลุดออกมาเลย ช่วงระหว่างหาเสียง บอกว่าการที่เป็นพรรคที่ 1 ไม่ได้แปลว่าจะมีสิทธิ์ตั้งรัฐบาลได้ คือตามมารยาทถ้าเป็นอดีต คุณชวนจะบอกต้องปล่อยให้พรรคที่เขามาที่ 1 จัดตั้งรัฐบาลก่อน ถ้าจัดไม่ได้แล้วค่อยปล่อยให้พรรคที่ 2 จัด แต่มางวดนี้เสียงเปลี่ยนเลย เปลี่ยนเป็นบอกว่า ถ้าเป็นพรรคที่ 1 ก็ไม่ได้แปลว่าจะมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล ก็คือพูดง่ายๆ ถ้าเขาแอบจัดกันก่อนเรียบร้อยแล้วเกิน 250 เสียง พรรคที่มาที่ 1 ก็ไม่มีสิทธิ์จัดแล้ว

จินดารัตน์ - คือภาพการเมืองไทยมันเลวทรามลงทุกวัน

สนธิ - มันเป็นอย่างนี้ไง ทีนี้เคียดแค้นผมมาก แล้วไม่มีอะไรดีเท่าปล่อยข่าวลือ ทีนี้ไปปล่อยข่าวลือโดยจับคนไทยเป็นตัวประกัน ที่กลัวทักษิณ กลัวการเผาบ้านเผาเมือง บอกนี่นะ สนธิอยู่เบื้องหลังโหวตโน เลยทำให้พรรคประชาธิปัตย์แพ้ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์แพ้แล้วแสดงว่าสนธิรับเงินทักษิณมา โดยไม่ได้พิจารณาถึงการต่อสู้ที่ผมมีต่อคุณทักษิณ แม้กระทั่ง 158 วัน ผมก็ต่อสู้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการยื่นให้ กกต.ยุบพรรคเพื่อไทย คือถ้าผมรับเงินคุณทักษิณ ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก แล้วคุณทักษิณก็จะไม่มีความสุขที่ผมจะไปทำเช่นนั้น

จินดารัตน์ - มีคนเล่าอย่างนี้ค่ะคุณสนธิว่า มีคนมาบอกนะว่า เชื่อเสื้อเหลืองอยู่ได้ พันธมิตรฯ น่ะเขาหลอก เข้าใจมั้ย คุณสนธิไปรับเงินทักษิณมา คุณป้าพันธมิตรฯ ท่านนี้ก็เลยย้อนถามกลับว่า แล้วรับมาเท่าไรรู้หรือเปล่า ไอ้ฟากฝั่งนั้นบอก เห็นเขาว่ารับมาร้อยล้าน เขาว่า อุ๊ยฉันอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง ร้อยล้านเหรอ แค่ร้อยล้านเหรอจะซื้อพันธมิตรฯ ได้ ถึงพันล้านเขาก็ไม่เอา

สนธิ - มันมีราคาเริ่มแรกสุด 10 ล้าน ตอนหลังเพิ่มเป็น 400

จินดารัตน์ - ให้ดูน่าเชื่อถือ

สนธิ - ล่าสุดนี่ 1,000 แล้ว คือราคามันเปลี่ยนไปเรื่อยไง ราคามันเปลี่ยนไปเรื่อย แต่ผมต้องเรียนให้คุณแอนทราบนะ ด้วยความเคารพ วิธีนี้เป็นวิธีที่พรรคประชาธิปัตย์ถนัดที่สุด คือการใส่ร้ายคน

จินดารัตน์ - ทุกยุคทุกสมัย

สนธิ- ทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่ท่านปรีดี พนมยงค์ มาถึงพี่ลอง พี่ลองนี่ พรรคประชาธิปัตย์จงใจใส่ร้ายว่าพาคนไปตาย ทั้งๆ ที่พี่ลองติดคุกอยู่ในตอนนั้น จะไปพาคนไปตายได้อย่างไร มางวดนี้ ก็ไม่โจมตีจำลอง ศรีเมือง แต่โจมตีว่าสนธิ รับเงินทักษิณ เพื่อทำลายกระบวนการโหวตโน ถ้าใครดูรายการอาจารย์ปานเทพ จะเห็นว่าอาจารย์ปานเทพเอาตัวเลขให้เห็นเลย ว่าจริงๆ แล้วคนที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ไปเลือกพรรคเพื่อไทยก็มี

แล้วพรรคเพื่อไทยเอง ที่เป็นฐานคะแนนเสียงพรรคเพื่อไทย เขาก็ไม่เลือก พรรคเพื่อไทย เขาไปเลือกโหวตโนก็มี เพราะฉะนั้นแล้ว โหวตโนไม่ได้เป็นกุญแจสำคัญ หรือว่าไม่ได้เป็นหลักที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์แพ้ อย่างที่ผมบอก ว่าพรรคประชาธิปัตย์ เขามาสวมต่อระบอบทักษิณ เพื่อจะทำมาหากิน หาผลประโยชน์ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เข้ามา แล้วเขามองว่า เข้ามาเพื่อจะทำผลประโยชน์ให้ส่วนรวม ถ้าเขามองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นกลุ่มคนซึ่งสามารถร่วมกับเขา ในการที่จะ ล้างเครือข่ายระบอบทักษิณได้ เขาต้องให้ความร่วมมือเราตั้งแต่วันแรก ไม่ใช่เขามาพูดว่า เสื้อแดงกับเสื้อเหลืองเป็นตัวป่วน

เพราะฉะนั้นเมื่อเขาดำเนินคดีผู้ก่อการร้ายเสื้อแดง เขาก็ต้องดำเนินคดีผู้ก่อการร้ายเสื้อเหลือง คือ พรรคประชาธิปัตย์เล่นการเมืองมากเกินไป ไม่สามารถแยกมิตร ไม่สามารถแยกศัตรู ไม่รู้ว่าใครทำงานเป็นเพื่อนเขา และทำงานให้ชาติบ้านเมือง แต่มันก็เป็นเวรกรรม เพราะนี้มันเป็นสันดานพรรคประชาธิปัตย์แต่ไหนแต่ไรแล้ว เป็นพรรคที่ตีกินเก่งที่สุด ไม่เคยทำงานได้เลยนะ
แล้วคุณแอนจำได้ไหม ที่เวทีบนสะพานมัฆวานฯ มีอยู่วันหนึ่ง ผมบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์จะทำคุณูปการให้กับชาติบ้านเมืองด้วยการเป็นฝ่ายค้านเท่านั้น และอย่าไปเป็นรัฐบาลเลย เป็นรัฐบาลแต่ละทีมีแต่เรื่องราวของแผ่นดินทั้งนั้นเลย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ทำให้เขาพระวิหารแพ้ เป็นของเขมรไป ส.ป.ก. 4-01 ชวน หลีกภัย คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ออก ส.ป.ก. 4-01 ยกที่ทำมาหากินของคนจนให้กับคนรวย ที่ภูเก็ต

มาถึงกรณีของกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนร่างออกมา เสร็จเรียบร้อยแล้ว เอาทรัพย์สินที่ได้มาจากไฟแนนซ์ทั้งหมด ขายทิ้งให้กับบริษัทต่างชาติ ในราคาต้นทุน 100 บาท ขายแค่ 10-15 บาท ให้บริษัทต่างชาติเอาทรัพย์สินตรงนี้มาเรียกเก็บคนไทย ในราคา 100 บาทเท่าเดิม นี่ 4 แล้วกับเสียอธิปไตยของชาติ เสียดินแดนที่มีอยู่ แล้วก็กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

เพราะฉะนั้นแล้วพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาแต่ละเรื่องเป็นเรื่องของแผ่นดิน เป็นเรื่องของทรัพย์สมบัติของชาติ ผมยังจำได้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ออกมา จาบจ้วง พ่อแม่ ครูอาจารย์ของผม หลวงตามหาบัว ตอนที่ท่านระดมทองคำ คุณชวน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ก็ออกมาว่าท่าน พรรคประชาธิปัตย์เนี้ย ตกนรกกันทั้งพรรค ไปไม่รอดหรอก เพราะว่าวันนี้หลวงตามหาบัว ท่านนิพพานไปเรียบร้อยแล้ว จิตใจท่านเป็น พระอรหันต์ ใสบริสุทธิ์ ใครไปว่าอะไรท่าน อันนั้นเป็น อนันตริยกรรม ทั้งสิ้นเลย

ด้วยเหตุนี้พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีวันเจริญรุ่งเรืองได้ และคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยว่า หลวงตามหาบัว จะต้องลงนรกหมกไหม้ ไม่มีวันได้ผุดได้เกิด ขอให้เชื่อผม เพราะว่าผมเป็นคนเชื่อในเรื่องนี้มาก และผมเชื่อในความบริสุทธิ์ของ พ่อแม่ ครูอาจารย์ สมัยนั้นพวกเขามีอำนาจ เขาเป็นรัฐบาล เขาว่าหลวงตาบัว เรียงหน้ากันว่าเลย เดี๋ยววันหลังผมจะค้นมาให้ดู ว่าใครว่าอะไรเอาไว้บ้าง แต่ละตัวเนี้ย ดีๆ ทั้งนั้นเลย

จินดารัตน์ - วันนี้มีคนบอกว่า พรรคนี้เหมือนพรรคถูกสาป ด้วยความที่วัฒนธรรมองค์กรเขาเอง อย่างวันนี้ ส.ส. ภาคใต้ ไม่ยินดีต้อนรับคุณอภิสิทธิ์ ที่จะมานั่งเป็นหัวหน้าพรรค

สนธิ - จริงหรือเปล่า ผมอยากให้คุณอภิสิทธิ์กลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าผมไม่อยากให้ใครมาเป็นหัวหน้าพรรคแทนคุณอภิสิทธิ์ เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยวันนี้ คืออุจจาระ ที่คุณอภิสิทธิ์ ทิ้งเอาไว้ คุณอภิสิทธิ์ เป็นคนปล่อยอุจจาระนี้ คุณอภิสิทธิ์ ต้องมาเช็ด ปัด กวาดล้างเอง คุณไปเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่มา มาเจออุจจาระคุณอภิสิทธิ์ ที่รัฐบาลชุดนี้ ที่คุณสุเทพทิ้งไว้ แล้วคุณสุเทพก็จะไม่เป็นเลขา เชื่อมั้ย

จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ คุณสุเทพ เขาบอกแล้วว่าเขาจะไม่เป็น

สนธิ- คุณรู้มั้ย ทำไมเขาถึงไม่ยอมเป็น เพราะเป็นเลขาพรรคการเมืองในยามที่เป็นฝ่ายค้าน มีแต่ควักกระเป๋า แต่ถ้าเป็นรัฐบาลเนี้ยจะแย่งเป็นเลขาทันที มีแต่รับอย่างเดียว เพราะฉะนั้นถ้าเราลงไปดูให้ลึกซึ้งแล้ว พฤติกรรม อุปนิสัย อากัปกิริยาของคนในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ต่างกับพรรคอื่นเลยแม้แต่นิดเดียว นั่นก็คือ ลักษณะของการเมืองน้ำเน่า เหมือนกันเป๊ะ เป็นเพียงแต่ว่า ในขณะซึ่งแย่งตำแหน่งกันตอนตั้งรัฐมนตรีเนี้ย พรรคเพื่อไทย ความที่เป็นโจร ก็จะโวยวาย พูดอีกทีแล้วจะเป็นนักเลงมากกว่า ก็คือ คิดอะไรก็พูด เช่น ผมเนี้ยเหมาะ เหมือนอย่าง ขวัญชัย ไพรพนา ที่บอกว่า ผมเนี้ยต้องเป็น มท. 1 ถึงแม้คนอื่นจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ว่ามันมีความน่ารัก ในการแสดงความโง่นี้ออกมา คือเป็นการแสดงความโง่ที่ค่อนข้างจะน่ารัก ก็คือ โง่แบบใสซื่อบริสุทธิ์ แล้วเขาก็คิดอย่างนั้นจริงๆ นะ

จินดารัตน์ - ค่ะ เห็นเขาบอกว่าเขาทำงานได้

สนธิ - แล้วเขาก็โวยวายนะ เขาบอกว่าเสื้อแดงเนี้ย มีคุณูปการ ถ้าไม่มีพวกเสื้อแดงแล้วพวกคุณจะได้เยอะแบบนี้เหรอ อย่างน้อยที่สุดวันนี้ เริ่มมีลักษณะคล้ายๆ กับพรรคประชาธิปัตย์ กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วนะ ผมมองว่า เสนาะ เทียนทอง ก็คือ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่กำลังชนกับพวกเสื้อแดง แต่ว่าการแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเนี้ย ถ้าดูให้ดีๆ แล้ว จะเห็นว่าเป็นลักษณะเปิดเผย ไม่ซ่อนเร้น คิดอะไรก็พูดอย่างนั้นออกมา แต่ในพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังคงดำรงสันดาน วิญญูชนจอมปลอม เหมือนเดิม ตอนแย่งตำแหน่งจะเงียบ ลีลาเยอะ แต่ข้างในทะเลาะกันแหลกลานเลย แต่ไม่หลุดออกมาข้างนอก

จินดารัตน์ - ถึงขั้นที่เขาบอกว่า ส.ส.ทางภาคใต้ ที่ต่อต้านคุณอภิสิทธิ์ เพราะว่า เขาอยากจะปฏิรูปพรรค เขาบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องปฏิรูปสักที

สนธิ - ผมอยากให้คุณอภิสิทธิ์กลับ พี่น้องชาวพรรคประชาธิปัตย์ครับ ผมไม่ได้ชอบพวกคุณเลยตอนนี้ แต่ว่า คุณให้คุณอภิสิทธิ์ กลับดีกว่า เชื่อผมสิ ผมยังไม่รู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ และคุณอภิสิทธิ์ จะอภิปรายในฐานะพรรคฝ่ายค้าน กับพรรครัฐบาลได้อย่างไร เพราะตัวเองเนี้ย ไปสวมตอ ของระบอบทักษิณ และไปแสวงหาประโยชน์จากระบอบทักษิณ

แล้ววันนี้ เจ้าขอระบอบกลับมาเอง มาทวงคืน เสร็จแล้วเขาไม่ต้องทำอะไร เขาก็ดำเนินการต่อจากที่คุณทำมา ถนนไร้ฝุ่น รถไฟรางคู่ รถไฟไฮสปีด ไปจนถึงเทอร์มินอล 3 ของสุวรรณภูมิ ฉะนั้นคุณจะไปว่าเขาทำงานไม่โปร่งใสได้อย่างไร เขาก็จะบอกว่า ผมทำงานต่อจากคุณครับ ก็ที่คุณประมูลมาเนี้ยผมเอาทุกเจ้าที่คุณประมูลมาเลย ผมไม่ได้เอาเจ้าอื่นเลย

จินดารัตน์ - แต่ถ้าถามแอน นะคะ แอนขอแสดงความเห็นส่วนตัว ว่าจะแปลกอะไรคะ ประชาธิปัตย์เคยอภิปรายเรื่องเขาพระวิหาร เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ ทุกอย่าง แต่วันนึง พอเป็นรัฐบาล ทำไม มันกลับ ตัลปัตร หน้ามือเป็นหลังเท้าไปได้ก็ไม่รู้ ฉะนั้นวันนี้ความหน้าด้านหน้าทนของเขาก็คงจะเหมือนเดิม

สนธิ - เปล่า ๆ เรียกว่าความหน้าด้านหน้าทนไม่ได้ ถ้าเขาไปด่าเพื่อไทย เรื่องความไม่โปร่งใส่ หรือการคอรัปชั่นในโครงการ เพื่อไทยมันจะสวนหลายดอกเลย ผมยังไม่รู้คุณอภิสิทธิ์ จะวางหน้าไว้ที่ไหน ก็ฝีมือคุณทั้งนั้นนี่ ผมไม่ได้ทำอะไรนี่

วิธีการมันจะเป็นแบบนี้ ผู้รับเหมาโครงการใดก็ตาม ที่รับงานมาแล้ว แล้วกำลังทำงาน ไอ้พวกนี้ก็จะเรียกผู้รับเหมามาทุบตี แล้วบอกว่า ถ้าไม่จ่ายอั๊ว งานก็ไม่เดินเหมือนเดิม อั๊วก็ต้องประมูลใหม่ หาผู้รับเหมาใหม่ สุดท้ายมันก็ต้องมาจ่าย พอมันจ่ายก็กลายเป็นผู้รับเหมาชุดเดิม ที่ประชาธิปัตย์ให้ประมูลไป เพื่อไทยมันก็บอกว่า ผมก็ใช้ผู้รับเหมาชุดคุณไง ก็สานต่อ แล้วมีปัญหาอะไรล่ะ ถ้ามันจะไม่โปร่งใส ก็ไม่โปร่งใส

ผมถึงบอกว่า วันนี้พวกประชาธิปัตย์แทนที่จะจ้างคนมาปล่อยข่าวทำร้ายผม ไปฝึกวิทยายุทธ์ ที่จะใช้สู้กันในสภาดีกว่า คุณโดนแน่ๆ แล้วถ้าเรื่องอธิปไตยดินแดนเข้าสภา เขาก็จะบอกว่า ผมใช้เอ็มโอยู 2543 เดินหน้าต่อ แผนที่ 1 ต่อ 200,000 เหตุผลก็เพราะว่า คุณชวน หลีกภัย เป็นคนเซ็นต์ เอ็มโอยู 2543 และคุณอภิสิทธิ์ เป็นคนใช้เอ็มโอยู 2543 เดินมาตลอด 2 ปี 7 เดือน เพราะฉะนั้นผมผิดตรงไหนที่ผมจะใช้ เอ็มโอยู 2543 ผมอยากจะดูหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูหน้าคุณชวน หลีกภัย ดูหน้าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าวันนั้น ถ้าพรรคเพื่อไทยทำอะไรไปแล้วเสียอธิปไตยดินแดนไทย โดยอ้างว่าทำตาม MOU 2543 และทำตามที่คุณอภิสิทธิ์เดินหน้ามาตลอด คุณอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ก็จะกลายเป็น 2 พรรคที่จับมือกันขายแผ่นดินไทย แล้วคุณจะไปปฏิเสธยังไง

จินดารัตน์ - นี่อาจจะเป็นสมัยแรกก็ได้นะคะที่การทำงานฝ่ายค้านของประชาธิปัตย์อาจจะเรียกว่าเป็นกาลอวสาน คุณสนธิ เพราะไม่สามารถพูดอะไรได้

สนธิ- พูดไม่ได้ เหตุผลที่พูดไม่ได้ก็เพราะว่าตัวเองเข้ามา 2 ปี 7 เดือน แทนที่จะมาแก้ระบอบทักษิณ กลับมาสวมตอระบอบทักษิณ

จินดารัตน์ - เขาเรียกว่าย้อนเกล็ด

สนธิ - ย้อนเกล็ดไง แล้วถ้าพรรคเพื่อไทยฉลาด พรรคเพื่อไทยตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธานสภาฯ นี่ไม่จืดเลยนะ คุณหลับตาวาดภาพสิ คุณก็รู้ใช่ไหมว่าระหว่างสุเทพ เทือกสุบรรณ กับเฉลิม อยู่บำรุง เขาเป็นยังไงกัน คุณเฉลิมบอก คุณสุเทพนั่งลงๆ ผมยังไม่ให้คุณพูด ไม่ใช่เวลาคุณพูด-ท่านประธานครับ-นั่งลง ผมบอกให้นั่งลง-ท่านประธานครับ-ออกไปนอกห้องประชุม ทำได้ เพราะคุณเฉลิมมีวิชามารเยอะ ทีนี้พรรคประชาธิปัตย์จะทำยังไง จะโวยวายบอกว่าคนอย่างเฉลิมไม่เหมาะ คุณเฉลิมเขาบอก เอ๊ะแล้วคราวที่แล้วทำไมชัย ชิดชอบ เป็นได้ ถ้าชัย ชิดชอบ เป็นได้ ทุกคนในประเทศไทย รวมทั้งขอทาน ก็เป็นได้ ใช่/ไม่ใช่ กรรมนั้นมันตามสนองตอนนี้ เวรกรรมจริงๆ นะแอน

จินดารัตน์ - เพราะฉะนั้นวันนี้เลิกเถอะ เลิกไปปล่อยข่าว ไม่มีประโยชน์หรอก

สนธิ - คือก้าวข้ามใช่มั้ย เปล่า ผมอยากให้เขาปล่อย ยิ่งปล่อยมากยิ่งดี ผมชอบ ยิ่งปล่อยมากยิ่งดี เพราะทำไมรู้มั้ย เพราะว่าชีวิตผมในการสู้มาเนี่ย ผมเคยชินกับเรื่องพวกนี้มาแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจอนะ สมัยผมสู้กับคุณทักษิณ ทีมงานคุณทักษิณก็ปล่อยข่าวผม เจรจาขออะไรคุณทักษิณไม่ให้ คุณทักษิณ ก็เลยโกรธ ก็เลยมาสู้กับคุณทักษิณ สู้บ้าสู้บออะไรตั้ง 6-7 ปี โดนลูกปืนอีก 200 กว่านัด คุณบ้าหรือเปล่า แต่ว่ามาถึงวันนี้ คนเขาก็เชื่อ

ทีนี้ ที่คนบางคนเริ่มเชื่อก็เพราะว่ามีพ่อยก แม่ยกประชาธิปัตย์ อกหัก ผมไม่รู้ว่าเขาอกหักไปทำไมนานขนาดนี้ เขายังมองปัญหาไม่ออกเลยเหรอ คือเขานั่งอยู่กับกองขยะมูลฝอย ก็คือพรรคประชาธิปัตย์ แปลกนะ เขาไม่สามารถดมความเหม็นของพรรคประชาธิปัตย์ออกเลยแม้แต่นิดเดียว

จินดารัตน์ - ไม่ได้กลิ่นเลย

สนธิ - ไม่ได้กลิ่นเลย แล้วมองไม่เห็นความสกปรกโสมมของพรรคประชาธิปัตย์ เขากลับมองพวกเราที่ไม่เดินเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวร้านเขา เพราะว่าร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนี้มันสกปรก แล้วเรากลับไปกินข้าวบ้าน เขาก็ไปมองว่าเราไป...

จินดารัตน์ - รับเงินอีกร้านหนึ่ง

สนธิ- รับเงินอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ว่าเวลามันเป็นเครื่องพิสูจน์ คือการต่อสู้ในการที่เป็นแกนนำต้องอดทน คุณแอน มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราต้องไม่สติแตก เราต้องยอมรับว่าเราจะต้องเป็นเป้าในการถูกใส่ร้ายป้ายสี ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ วันนี้ .. เมื่อวาน กับวันนี้ ผมตั้งใจจะไปหาหมอฝังเข็มที่ฮ่องกง ผมยกเลิกการไป เพราะอะไร เพราะผมได้ข่าวว่า

จินดารัตน์ - มีบางคนอยู่ที่นั่น

สนธิ - บางคนอยู่ที่นั่น เดี๋ยวก็ เห็นมั้ยมันไปเจอกันอีกแล้ว คือวิธีการนี้เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด เหมือนเขาบอกว่าผมไปเจอคุณหญิงอ้อบนเครื่องบิน สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค ผมขึ้นไปผมยังไม่เห็นเลย แกนั่งที่ไหน ผมจะรู้มั้ยเนี่ย ผมขึ้นเครื่องบิน เป็นหน้าที่ผมหรือเปล่าที่จะต้องดูทุกเก้าอี้ว่ามีใครนั่งบ้าง เข้าใจเปล่า คุณแอน มันตลกมาก ผมยังไม่เห็นเลยว่าคุณหญิงอ้ออยู่ ปรากฏว่าไปไฟลต์เดียวกัน มีชื่อ เอ๊ะ แล้วนี่ผมจะรู้เปล่าเนี่ย หรือว่าอีกหน่อยผมจะเดินทางไปที่ไหน ผมจำเป็นมั้ยต้องถามสายการบิน ว่าไฟลต์นี้มีชื่อนี้หรือเปล่า ถ้าสมมุติไม่มีชื่อคุณหญิงอ้อ แต่ถ้ามีพายัพ ชินวัตร ผมก็ไปไม่ได้อีกสิ ถูก/ไม่ถูก หรือมีชื่อคุณวิชัย ทองแตง ซึ่งเป็นทนายความคุณทักษิณ ผมก็ไปไม่ได้อีก หรือมีชื่อเฉลิม อยู่บำรุง ผมก็ไปไม่ได้อีก เอ๊ะ อะไร

จินดารัตน์ - งั้นชีวิตนี้ไม่ต้องไปไหนเลย

สนธิ- บ้าหรือเปล่า ใช่มั้ยคุณแอน ทำไม คือจงใจหาเรื่องกันมากจนเกินไป แต่ผมสมเพชคนพวกนี้มาก และผมขี้เกียจจะตอบโต้ ผมนั่งเฉยๆ ผมนั่งหัวเราะ ผมนั่งหัวร่อในความโฉดเขลาของพวกเรา ในความโง่ พวกเขานี่โง่แบบบริสุทธิ์นะ คืออย่างนี้ จะมีแม่ยก พ่อยกประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่ง โง่บริสุทธิ์ แอนไม่ใช่เหรอเป็นคนโทรศัพท์มาหาผม นายขาๆ น้าแบงก์เขาโทรมาบอกว่า นายอยู่กรุงเทพฯ เปล่า - ทำไม - นี่มีคนบางคนที่สุขุมวิทบอกว่าบินไปดูไบแล้ว แอนคืนนั้นไปทานข้าวเย็นกับผม ใช่มั้ย กับพวกลูกน้อง พวกเรา เราเลี้ยงกันที่ร้านพี่แป๊ว คืนนั้น แอนยังบอกว่าเมื่อคืนนี้ยังกินข้าวอยู่ที่ร้านพี่แป๊วเลย Delicatezza ทองหล่อซอย 10 แล้ววันรุ่งขึ้นก็มาออกคนเคาะข่าว แล้วคุณสนธิจะไปดูไบได้ยังไง เห็นมั้ย แล้วใครพูดรู้มั้ย ผู้สูงศักดิ์

จินดารัตน์ - สตรีสูงศักดิ์

สนธิ - สตรีสูงศักดิ์ ยศหม่อมราชวงศ์ที่รักอภิสิทธิ์ แล้วไปเที่ยวปล่อยข่าวว่าผมไปดูไบ ไปพบทักษิณ ดูนี่ คือ (***เทปขาด***) เขาทำอย่างนี้ได้ยังไง

จินดารัตน์ - แล้วได้ข่าวว่าไปขู่เพื่อนฝูงด้วยนะคะ ว่าถ้าโหวตโนฉันจะฆ่าแก

สนธิ - ก็นี่ไง นี่ผมยกตัวอย่าง เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ แต่หลงใหลอภิสิทธิ์มาก พร้อมที่จะใส่ร้ายป้ายสีผม ถึงขนาดบอกว่านี่สนธิไปดูไบ แล้วคนซึ่งได้ยิน ตกใจ โทรมาหาแอน แอนก็บอก จะไปได้ยังไงน้าแบงก์ ก็เมื่อคืนนี้ยังกินข้าวอยู่ที่ Delicatezza แล้ววันนี้จะออกรายการ เห็นมั้ยคุณแอน นี่ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดานะ แล้วคนที่เป็นหม่อมราชวงศ์นี่นะ ศักดิ์ศรีเป็นหม่อราชวงศ์ สตรีผู้สูงศักดิ์ อยู่แถวสุขุมวิท แล้วเอาคำพูดนี้ไปพูดกับคนอื่น คนอื่นเขาจะเชื่อมั้ย เขาก็ต้องเชื่อสิ เลวมากเลย ผมจำเป็นต้องพูดว่าเขาเป็นคนที่เลวมาก เลวจริงๆ เลวจนผมนึกไม่ออกว่าเขาจะเลวได้ขนาดนี้ ถ้าเขาเป็นศัตรูทางการเมือง เขาเป็นพวก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อีกเรื่องหนึ่ง ผมไม่ว่า เขาเป็นถึงหม่อมราชวงศ์ หม่อมราชวงศ์หญิง สามีอดีตเขาเคยรับใช้เบื้องพระยุคลบาทมา เขายังมาเล่นสกปรกกับผมอย่างนี้ นี่ผมจำเป็นต้องพูด ผมไม่พูดไม่ได้ ผมก็เลยไม่ประหลาดใจ ถ้าคนระดับหม่อมราชวงศ์หญิงพูดได้ เพราะฉะนั้นแล้วคนที่ไปฟัง ส.ส.พูด ฟังคนโน้นคนนี้พูด ก็ย่อมพูดได้เช่นกัน เรามีอย่างเดียว เราต้องมีขันติ ขันติเราต้องสูง

จินดารัตน์ - เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เหมือนทุกๆ ครั้ง

สนธิ - ทุกครั้ง มันจะเป็นอย่างนี้ทุกที คือผมจะเป็นคนที่มองเห็นอะไรก่อนล่วงหน้า แล้วผมจะพูดไว้ก่อนล่วงหน้าว่า ต้องทำอย่างนี้ๆ ต้องระวัง อย่าให้เกิดขึ้น ผมถอยแล้ว ทุกคนจะมองไม่เห็น ทุกคนจะว่าผม แต่พอผ่านไป อ่อสนธิถูก แต่ในช่วงกว่าสนธิจะถูก อาจจะปี อาจจะ 2 ปี บางครั้งอาจจะ 3 ปี สนธิต้องอดทนขนาดไหน

จินดารัตน์ - โดนรุมยำซะเละ

สนธิ- โดนรุมยำ เราก็ต้องยืนให้มั่นคง ยืนให้หนักแน่น

จินดารัตน์ - ต้องหนักแน่น

สนธิ - ต้องหนักแน่น เราไม่หนักแน่นไม่ได้

จินดารัตน์ - หนักแน่นแค่ไหน อย่างไร โดยเฉพาะพี่น้องพันธมิตรฯ คุณสนธิขา ขออนุญาตพักก่อน ช่วงหน้ากลับมา มีพี่น้องเราเกิดอารมณ์เครียดว่าวันนี้เราได้พรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล แล้วข่าวความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทยเองก็เริ่มมีออกมาให้เห็นว่าเสื้อแดงอยากจะได้ตำแหน่ง แล้ววันหนึ่งถ้าเกิดทักษิณคุมเสื้อแดงไม่อยู่ มันจะเกิดมิคสัญญีมั้ย ถ้าวันนี้โจรมันลุกขึ้นมาเผาบ้านเผาเมืองอีก จะทำยังไง คุณสนธิพอจะมีคำแนะนำอะไรบ้าง เดี๋ยวพักกันก่อน ช่วงหน้า สักครู่ค่ะ


จินดารัตน์ - กลับมาคุยกันต่อกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล นะคะ คุยกันถึงเรื่องจิตใจของพี่น้องพันธมิตรฯ คุณสนธิ วันนี้มีหลายท่านรู้สึกเครียด ว่าวันนี้เราจะต้องนั่งดูบ้านเมืองถูกคนมาย่ำยีเหรอ วันนี้มีรัฐบาลพรรคเพื่อไทยแล้ว แล้วเกิดวันใดวันหนึ่ง เกิดคนเสื้อแดงลุกขึ้นมาเผาบ้านเผาเมือง เกิดมิคสัญญีอย่างที่วันศุกร์ที่เราวิเคราะห์กันที่ผ่านมา จะทำยังไงกันดี ฟังแล้วยิ่งเครียด แกบอก ป้าๆ พันธมิตรฯ น่ะค่ะ

สนธิ - คือผมอยากให้มองสังคมไทยในรูปแบบนี้ดีกว่า ประการแรก สังคมไทยวันนี้แยกแยะออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก คือ พรรคประชาธิปัตย์ และบรรดาพ่อยก แม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ พวกนี้ผมเรียกว่าพวกวิญญูชนจอมปลอม เพราะว่าโดยนิสัย โดยสันดาน ไม่ได้ต่างจากพรรคเพื่อไทย ต่างกันตรงที่ว่าแต่งตัวดี พูดจาดี เพราะว่า 2 ปี 7 เดือนที่ผ่านมา พิสูจน์ชัดว่าการกระทำไม่ได้ต่างกับพรรคเพื่อไทย

อีกด้านหนึ่ง คือ พรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยนี่ก็คือว่าจะเอาแต่ประโยชน์ตัวเอง ถึงแม้ว่าจะทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง แต่ตัวเองขอเอี่ยวด้วย ซึ่งโดยอุปนิสัยและพฤติกรรม เพียงแต่การแสดงออกโฉ่งฉ่างมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ อีกพวกหนึ่ง คือ พวกเรา จริงๆ มี 4 พวก อีกพวกคือพวกไม่สนใจใครมาก็คือ เรื่องของมัน ข้าพเจ้าไม่สนใจ ธุระไม่ใช่ ขอให้มีกินมีใช้ มีงานมีการทำ บ้านเมืองใครจะเผาก็ปล่อยมันเผาไป

พวกที่ทนไม่ได้คือพวกเรา แต่พวกเรานี่คือพวกจิตวิญญาณที่มีศีลธรรม มีคุณธรรม คนพวกนี้คือคนซึ่งออกมาต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง ทั้งๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ของเขา ออกมาปกป้องดินแดน อธิปไตยไทย ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของเขา มาทำหน้าที่ทหารซึ่งทหารควรจะทำ มาทำหน้าที่ให้กับนักการเมือง ทั้งที่นักการเมืองควรจะทำ ณ วันนี้เมื่อเราเห็นสภาพแบบนี้แล้ว ถามว่า เราควรหรือไม่ควรที่จะออกมาปกป้องชาติบ้านเมือง ตอบว่าเราควร แต่วิธีการเราต้องดัดแปลง เปลี่ยนแปลงไป ทำไมต้องดัดแปลงเปลี่ยนแปลงไป เพราะว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จำได้มั้ย ก่อนเลือกตั้ง แกเป็นคนพูด เมื่อเลือกตั้งแล้วคน 500 คน ที่อยู่ในสภา จะเป็นคนแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง ถูกมั้ย คุณอภิสิทธิ์ปฏิเสธการเมืองภาคประชาชน เพราะว่าแกทะเลาะกับเราไง

จินดารัตน์ - ซึ่งจริงๆ แกได้เป็นนายกฯ เพราะ...

สนธิ - ก็เพราะภาคประชาชน แต่เนื่องจากแกทะเลาะกับเรา แกก็เลยปฏิเสธสายสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับพันธมิตรฯ คือแกไปมองว่าเมื่อมีการเลือกตั้ง ณ วันนั้นที่แกพูด แกคิดว่าแกต้องเป็นรัฐบาลแน่นอน แกคิดว่าแกมี 200 เสียง บวกคุณเนวิน 80 เป็น 280 แกถึงกล้าพูดออกมาว่า ให้คน 500 คนในสภาจัดการ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผมก็อยากจะบอกพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯ ว่าอยู่เฉยๆ ให้พรรคประชาธิปัตย์ไปจัดการกับพรรคอื่น เป็นหน้าที่เขาสิ

จินดารัตน์ - เขาเป็นฝ่ายค้านแล้ว

สนธิ - เขาเป็นฝ่ายค้าน ให้เขาไปจัดการสิ แล้วถ้าเขายกมือแพ้ในสภาตลอด ซึ่งเขาจะแพ้ตลอด เขาจะมีคำตอบสังคมไทยยังไง เพราะถ้าเราดันออกไปรับหน้าเสื่อแทนเขา ก็เท่ากับว่าเราถูกเขาหลอกใช้อีกครั้งหนึ่ง เข้าใจหรือยังคุณแอน ถูกเขาหลอกใช้อีกครั้งหนึ่ง แล้วอีกประการหนึ่ง ก็ไม่ใช่คุณสุเทพพูดหรือ ว่าแดงกับเหลืองเนี่ย ตัวยุ่ง

จินดารัตน์ - เลวพอกัน

สนธิ - เลวพอกัน ไม่ใช่คุณอนุพงษ์ เผ่าจินดา พูดหรือ และไม่ใช่คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดหรือ ว่า แดงกับเหลืองตัวยุ่ง ถ้าอย่างนั้นผมอยากให้บอกพันธมิตรฯ ให้อยู่เฉยๆ ให้เห็นว่าพวกเสื้อเหลืองนั่งเฝ้าดูเหตุการณ์ ด้วยความระมัดระวัง แต่ไม่ขอออกไปยุ่ง ก็ปล่อยให้เพื่อไทย และเสื้อแดงยุ่งกันเอง เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อไม่มีเหลือง ก็จะกลายเป็นแดงเป็นตัวยุ่ง ใช่มั้ย ก็เลยถามกลับพรรคประชาธิปัตย์ คุณจะจัดการเขายังไง คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ซึ่งพูดเรื่องนี้ คุณจะจัดการเขายังไง คุณสุเทพ ล่ะ วันนี้เหลืองไม่มีแล้ว ตามทฤษฎีคุณน่ะ แล้วคุณจะว่ายังไง เข้าใจหรือยัง เพราะฉะนั้นแล้ว แต่เราก็มีเงื่อนไข

จินดารัตน์ - วันนั้นที่คุณสนธิบอก

สนธิ - มี 2 เรื่อง เรื่องแรก ถ้าคุณอภิสิทธิ์ ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ ยื่นเรื่องในสภาเพื่อขอแก้กฎหมาย กระทำการยกโทษ นิรโทษกรรม ให้ทุกคน รวมทั้งพี่ชายตัวเองด้วย อันนี้เราไม่ยอมแล้ว อันนี้ถือว่าเป็นผิดหลักนิติรัฐ อันนี้ถือว่าการเข้ามาเป็นรัฐบาลชุดนี้เพื่อช่วยพี่ชายเขา ถ้าอันนั้น เราจะสู้ อีกเรื่องหนึ่ง การจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ เราก็ต้องสู้ แต่การสู้ของเราจากนี้ไปมีขั้นตอน ไม่ใช่เอะอะ อะไรเราก็ออก

จินดารัตน์ - เราจะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง

สนธิ - ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิธีการเสียใหม่ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็มาชุมนุม

จินดารัตน์ - มีคนเขาสงสัยว่า ที่มาชุมนุมเรื่องเขาพระวิหาร แล้วไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะออก

สนธิ - ไม่ใช่ เขาพระวิหารนี่เราต้องดูว่าอภิสิทธิ์ ในฐานะตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ และยิ่งลักษณ์ ในฐานะตัวแทนของพรรคเพื่อไทย จะตกลงกันยังไงในเรื่องเขาพระวิหาร อย่าเพิ่งใจร้อน ให้เขาตกลงกันในสภาก่อน ถ้าเขาทะเลาะกันในสภา เราก็จับดูการทะเลาะของเขา แต่ถ้าเขาจับมือ ร่วมมือกัน เพราะ MOU 2543 ก็แสดงว่า 2 พรรคนั้นขายชาติ ขายบ้านขายเมือง ก็อาจจะเป็นมูลเหตุที่ทำให้เราจำเป็นต้องประชุมกัน ผมไม่อยากให้มันมีเงื่อนไขมาก ที่แตะไปที่ไหนก็เป็นเงื่อนไขของการออกไปชุมนุม มันไม่ใช่แล้ว

จินดารัตน์ - เพราะว่าบางเหตุการณ์มันต้องรอดูว่าสถานการณ์มันพัฒนาไปอย่างไร

สนธิ - มันต้องรอดู และผมอยากให้ประชาธิปัตย์ยืนยันคำพูดนายกฯ อภิสิทธิ์ อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์แล้วตอนนี้ ว่า 500 คน จะแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองได้ ผมจะดูว่าคุณแก้ได้มั้ย ผมอยากจะดูว่าคุณแก้ได้มั้ย แล้วถ้าสมมุติมันเป็นเรื่องที่เขาคิดว่างานชิ้นนี้มันเป็นงานของประเทศชาติ ที่ทุกคนจะต้องช่วยกันทำ ออกมาเรียกร้อง ออกมาชุมนุม ผมจะไม่ออก ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ออกกับผม พี่น้องพันธมิตรฯ ต้องเข้าใจนะ ไม่ใช่ออกมาแล้ว มาตีกินผมทีหลัง

จินดารัตน์ - ดิฉันจะถามว่า แล้วไม่เข็ดหรือ มาห้อยโหนเหยีบหัวพวกเราขึ้นไป

สนธิ - เขาต้องออกพร้อมพวกเรา แอนเข้าใจหรือเปล่า เขาต้องออกพร้อมเรา พรรคประชาธิปัตย์ ต้องแสดงจุดยืนว่า พร้อมที่จะมาร่วมการชุมนุมกับพันธมิตรฯ เราถึงจะออก ถ้าประชาธิปัตย์ไม่ออก เราก็ไม่ออก ก็ให้เขาสู้ในสภาต่อไปสิ

จินดารัตน์ - ก็ไหนบอกว่า 500 คน แก้ปัญหาได้

สนธิ- ก็ใช่ไง แต่ถ้าจะหลอกให้เราออก เพื่อมาตีกินทีหลัง เราก็บอกไม่เป็นไร เรื่องนี้เป็นเรื่องของชาติ ถ้าคุณเห็นด้วยกับผม ไม่ต้องเรื่องนี้ สมมุติว่ามีกระบวนการจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ แล้วคุณไม่หยุดยั้ง หรือกระบวนการแก้มาตรา 112 พรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับการแก้ ถ้าไม่เห็นด้วยผมก็ไม่เห็นด้วย คุณกับผมออกมาประท้วงพร้อมกัน อย่าให้ผมออกฝ่ายเดียว แล้วคุณไปนั่งอยู่ในสภา แล้วมาชุบมือเปิบทีหลัง คุณอภิสิทธิ์ ก็ต้องขึ้นเวทีพร้อมผม อันนี้เรื่องจริง ผมอยากจะบอกกับพี่น้องพันธมิตรฯ แล้วแม่ยก พ่อยก ประชาธิปัตย์ อย่างนี้แฟร์มั้ย คุณตอบผมมาสิ อย่างนี้แฟร์มั้ย

จินดารัตน์ - แล้วถ้าเขานิ่งเฉยล่ะคะ ไม่ใช่พวกเรา

สนธิ- ผมก็นิ่งเฉยบ้างสิ งั้นคุณก็ออกของคุณ คุณทำหน้าที่ของคุณไปสิ แต่ผมก็จะมีวิธีการในการที่จะต่อสู้ แต่ผมจะไม่เป็นเครื่องมือให้พวกคุณมาตีกินอีกต่อไป

จินดารัตน์ - คุณสนธิคะ ที่เราวิเคราะห์กันในรายการ คนเคาะข่าว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำเอาหลายคนนอนไม่หลับเลยนะคะ ว่าบ้านเราเมืองเรา ที่เคยเป็นเมืองสงบ มันจะถึงมิสัญญี ขนาดนั้นเลยหรือ

สนธิ- มันมีความเป็นไปได้ หลายอย่างตรงที่ว่า ผมเชื่อว่า เลือกตั้งอีกกี่ครั้ง พรรคเพื่อไทยในอีสานเหนือ อีสานใต้ ยังจะมาเหมือนเดิม เหตุผลก็เพราะว่า 2 ปี 7 เดือนเนี้ย พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ลงไปทำลายเครือข่ายเขา หรือว่าสร้างเครือข่ายแข่งกับเขา หมู่บ้านแดง 700 หมู่บ้าน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในยุคพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น ในขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ก็คิดว่า การเอาเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง มาออกช่อง 11 นั้นคือการแก้ไขปัญหา มันไม่ใช่ เพราะพวกคนเสื้อแดง เขาไม่ได้ดูช่อง 11 เขาดูทีวีช่องเสื้อแดงกัน พวกพรรคเพื่อไทย พวกคุณทักษิณ เขาเสื้อจานดาวเทียมแจกหมู่บ้านของพวกเขาเลยนะ แจกประชาชนเขา วิทยุชุมชน ใครไม่มีเงินขอเขา เขาตั้งให้เลย

รัฐบาลทำอะไรล่ะ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ปล่อยให้เขาเจริญเติบโตเอา เจริญเติบโตเอา เขาเจริญเติบโตถึงจุดๆ หนึ่งที่เขาสามารถจะเรียกร้องสิทธิทางการเมืองที่เขาต้องการได้ แล้วคนซึ่งรับข้อมูลข่าวสารนั้น เขารับข้อมูลข่าวสารด้วยความเกลียดชัง

การที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สรุปผลออกมาแล้วแผล่ม ออกมาให้เห็นว่าจริงๆ แล้ว ได้มีผู้ใช้อาวุธจริง แล้วรัฐบาลไม่ได้เป็นผู้ผิด รัฐบาลทำถูกต้องตามหลักการแล้ว ถ้าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนสรุปอย่างนี้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ผมรู้มานานแล้ว แต่คำถามมีอยู่ว่า คุณใช้เวลาตั้งปีนึงเนี้ย อมสากกะเบือ อยู่หรือ ทำไมคุณไม่มีปัญญา ที่จะไปชี้แจงให้คนไทยทั้งประเทศ รวมถึงคนเสื้อแดงฟัง ว่านี่คือข้อเท็จจริง แต่คุณดันไปปล่อยให้ทีวีเสื้อแดง ถล่มเลย บอกว่ารัฐบาลฆ่าคนๆ ต้องถามตัวคุณเองกลับ ว่าคุณทำงานไม่เป็นใช่มั้ย คุณหน่อมแน้มใช่มั้ย คุณอ่อนหัดใช่มั้ย คุณยังเป็นเด็กเล็กอยู่ใช่ไม่ใช่ ต้องถามพวกคุณกลับ ว่าคุณทะเลาะกับเพื่อนคุณพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แทนที่คุณจะใช้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็น หัวหอกในการออกไปสู้กับมวลชนเขา ในเรื่องของโฆษณาชวนเชื่อ คุณก็ไม่ใช้ เพราะคุณดันไปเชื่อคนอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ

บอกว่าเสื้อแดง เสื้อแดง เสื้อเหลืองมันเป็นตัวป่วน อย่าไปสนใจมัน จัดการมันทั้งคู่ แล้วไปซื้อเสียงที่อีสาน ให้เนวิน ไปซื้อเสียงที่อีสาน แล้วพรรคประชาธิปัตย์ทำตัวเป็นพระเอก ขี่ม้าขาวมา อยู่ตรงกลางไม่ยุ่งกับใคร แล้วกลับมามีอำนาจเหมือนเดิม เพราะจิตสาธารณะ ของคุณไม่มี ที่จะเข้ามาเพื่อทำงาน ตรงนี้ทำงานเพื่อส่วนรวม แต่พวกคุณมีจิตแอบแฝงว่า ทักษิณ มันทำอันนี้ไว้นะ มาสวมต่อมัน ทำงานต่อเลย เก็บเงินเก็บทองต่อ รถเมล์ สนามบิน โครงการไทยเข้มแข็ง ถนนไร้ฝุ่น เยอะแยะไปหมด ทำงานเพื่อเก็บเงินเก็บทองอย่างเดียว มันไม่ได้กังวล ถึงความมั่นคงของชาติ แล้วคุณก็เอาเงินเอาทองบางส่วน ไปยัดให้กับทหาร ให้ทหารมาร่วมกับคุณ ทหารยุคนี้ มันก็คือทหารพาณิชย์ ทหารเสื้อราชินี ทหารเสือราชาไม่สำคัญเดี๋ยวนี้มันรับเงินอย่างเดียวแล้ว มันก็มามองว่า อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์นี่ดีนะ ทำมาหากินก็ได้ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น กระเป๋าตุง ลูกใช้กระเป๋าหลุยส์ได้ เมียไปเที่ยวยุโรปได้ ตัวเองมีเงินเก็บในบัญชีเป็นร้อยล้าน ความผิดใครล่ะ ความผิดพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นแล้ววันนึง เมื่อมีการแตกหักขึ้นมา ผมถามซิว่า โอกาสที่จะนองเลือดมันมี และถ้ามันนองเลือกถึงขนาดนั้น แล้วคุณไม่คิดว่าทหารแตงโมก็มี

ตำรวจเนี่ย เกือบจะแตงโม ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วนะ เพราะฉะนั้นแล้ว กองกำลังเขาก็มี ถ้าเขาบอกว่า ถ้างั้นเขาสู้แล้วกัน อีสานพวกเขาหมด ผมถามว่า โอกาสที่จะปะทะกันมีมั้ย มีสิทำไมจะไม่มี นี่ผมกำลังจะพูดเรื่องความจริง

จินดารัตน์ - มีคนวิพากษ์วิจารณ์คุณสนธิ ด้วยบอกว่า เครียดเกินไปหรือเปล่า บอกคุณสนธิ ไปกินยาแล้วนอนซะ มิคสัญญีมันจะเกิดได้อย่างไร

สนธิ - แล้วที่ตาย 90 ศพที่ราชประสงค์ล่ะ เคยมีใครคิดมั้ยว่ามันจะเกิด ไอ้ที่เผาห้าง พวกคุณเคยคิดมั้ยว่ามันจะเกิด แล้วที่ทางใต้ที่ฆ่ากันหลายพันศพแล้ว จากวันนั้นจนถึงวันนี้ คุณเคยคิดมั้ย ว่าจะมีวันนี้ ว่าคนทางใต้ตายไปหลายพันคนแล้ว เพราะเหตุนี้ เคยคิดกันบ้างมั้ย

จินดารัตน์ - ฉะนั้นถ้ามองว่า มันอาจจะเกิดขึ้นได้จริงๆ คุณสนธิคะ เราพอจะมีใครมาช่วยเหลือ หรือว่ามาเป็นคนแก้ปัญหาให้บ้านเมืองได้บ้างมั้ย อย่างน้อย เขาบอกว่าทหารเนี้ย อาศัยหัวๆ ไม่ได้แล้ว รอทหารหนุ่มเท่านั้นแหละ ที่มีความจงรักภักดี ความรักชาติ

สนธิ - ผมมองอย่างนี้แอน ผมมองว่า พวกเราทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ พวกเราเป็นประชาชนมือเปล่า ที่รักชาติ รักแผ่นดิน พวกเราทำได้อย่างเดียวคือ ข้อที่หนึ่ง พวกเราที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ต้องเกาะกลุ่มเอาไว้ ให้เหนียวแน่น ไม่แน่วันหนึ่งชาติบ้านเมือง อาจจะต้องการกลุ่มของพวกเรา ที่มีอยู่ประมาณ 2 ล้านคน และนับแต่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มพวกเราจะเป็นพลังมวลชน ผมใช้คำว่าพลังมวลชน อีกพลังนึง คือพลังแห่งศีลธรรม ซึ่งอาจจะมาต่อต้านพลังมวลชนที่ถูกปลุกปั่นได้ แต่พวกเราอย่าหลงคารมใคร แล้วก็ออกไป
วันที่ 1 กรกฏาคม ผมพูดวันที่ปิดเวที ถ้าแอนจำได้ วันนั้นผมเริ่มด้วยคำพูดว่า พี่น้องทุกท่านยังเชื่อใจแกนนำทั้ง 4 คนหรือเปล่า และศรัทธามั้ย ทุกคนเชื่อและศรัทธา ผมก็บอกว่า ถ้างั้นผมขอเรื่องนึงได้มั้ย ในอนาคตข้างหน้า หากไม่มีมติจากแกนนำทั้ง 4 คนอย่าไปเชื่อใคร เพราะได้มีกระบวนการตอนนี้ ที่พยายามออกแบบ บังคับให้เราออก เข้าใจหรือเปล่า

จินดารัตน์ - เหมือนคล้ายๆ สร้างสถานการณ์ ทำให้เราออก

สนธิ - สร้างสถานการณ์ให้เราออก แล้วก็จะมีอีกกลุ่มนึง เอ่ยชื่อก็รู้ว่าคอยตีกินทีหลัง เพราะว่าตัวเขาไม่มีมวลชน ถึงเขาจะมีมวลชนเขาที่อ้างว่าเป็นมวลชนเรา ก็รอดูเขาออกสิ เพราะการชุมนุมเนี้ย มันไม่ใช่ว่าพูดเก่งบนเวทีนะ มันต้องมีกองทัพธรรม มันต้องมีคนอย่างลุงจำลอง คอยดูความสงบเรียบร้อย มันต้องมีทีมงานที่สามารถอยู่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ถ่ายทอดสดได้ มันต้องมีพิธีกรซึ่งใจถึง เช่น แอน เก๋ ใครอีกหลายๆ คน มันต้องมีคนอย่าง อมร มันต้องมีคนอย่างอำนาจ คนอย่างผู้พันจอร์จ หรือมันต้องมีคนอย่างประพันธ์ คูณมี หรือผม หรือชัลวาล หรือหลายคนที่ไปเวทีได้ ให้ความรู้ ให้การศึกษา ให้อุดมการณ์ และมีหลัก และมันต้องปักหลัก พักค้าง ผมถามว่า มวลชนประชาธิปัตย์ ทำตรงนั้น แล้วมีใครดูแล ที่สำคัญคือ ใจถึงหรือเปล่า แล้วแกนนำของประชาธิปัตย์มีใครล่ะ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เหรอ ผมเห็นผูกแต่หูกระต่าย เดินขึ้นเวทีเสร็จแล้วก็ขึ้นรถบีเอ็ม กลับบ้าน เคยอยู่ข้ามคืนมั้ย หมอตุลย์ล่ะ นายจิตกร ล่ะ

จินดารัตน์ - หมอตุลย์ ได้นะคะ เอามาร้องเพลงชาติ ตอน 6 โมงเย็นได้

สนธิ- เอ่ยชื่อสิ เอ่ยชื่อแต่ละคน หรือว่า หม่อมราชวงศ์ คนนั้น ที่อยู่แถวสุขุมวิท เอามั้ย งานมวลชน มันไม่ใช่งานหยิบหย่ง งานมวลชนไม่ใช่งานผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดิน งานมวลชนคืองานที่ลงไปลุย แล้วพร้อมจะร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องที่ออกมา เหตุผลหนึ่งซึ่งตอนนี้พวกเรากลายเป็น กองกำลังสุดท้ายที่เข้มแข็งที่พร้อมจะสู้ได้ทุกรูปแบบ ก็เพราะว่า แกนนำเราทุกคนในขณะนี้ 4 คนเท่านั้นที่พร้อมที่จะร่วมเป็นร่ววมตายกับพี่น้อง และมันก็ได้พิสูจน์มาเรียบร้อยแล้ว เมื่อยามทุกข์เราทุกข์ด้วยกัน เมื่อยามมีภัยเราร่วมกันต้าน เมื่อยามมีสุข เราไม่เคยมี เรามีแต่ทุกข์ เข้าใจไหมครับ

เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องการชุมนุม เรื่องการนำมวลชน ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ใช่ง่าย ไม่ใช่ว่าคุณจะบอกว่า มวลชนพรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มันก็มวลชนประชาธิปัตย์นั้นหล่ะ ขึ้นก็เอาขึ้นมาสิ ผมท้าคุณเดี๋ยวนี้ ผมท้าคนในพรรคประชาธิปัตย์เดี๋ยวนี้ ผมท้านายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เดี๋ยวนี้ ผมท้าบรรดา คนที่เที่ยวมาด่าว่าผมตลอดเวลา คุณเอามวลชนของคุณออกมา ผมถึงบอกพี่น้องเราว่าอยู่เฉยๆ อย่าตกเป็นเครื่องมือของใครอีกต่อไป ถ้าเราจะทำครั้งนี้ หรือจะทำครั้งต่อไป เราต้องทำเพื่อชาติบ้านเมืองเท่านั้น เราไม่ได้ทำเพื่อรอให้ทหารกับพรรคประชาธิปัตย์ มาตีกินกันต่อไป เราต้องเตือนมวลชนเรา พรรคประชาธิปัตย์กับทหาร ดูถูกเรามาตลอด ตอนนี้ก็เลยถึงเวลาที่พวกเขาจะเผชิญหน้ากันกับพรรคเพื่อไทย โชคดี ตัวใครตัวมัน คุณไปจัดการเอาเอง คุณไม่ได้รักชาติมากกว่าผมหรอก

เพราะฉะนั้นแล้ว การที่คุณพยายามจะใส่ร้ายป้ายสีผม หมายความว่าคุณกำลังบีบถนนให้แคบลง เพื่อจะให้ผมบอกว่าผมจะสู้กับทักษิณ ผมประกาศมาตั้งนานแล้ว ทักษิณ เขาก็รู้มีอยู่ 2 ข้อ ถ้าเขาทำข้อใดข้อหนึ่ง ผมสู้เขาแน่นอน

จินดารัตน์ - ถ้าเดาใจทักษิณ คิดว่าจะทำเร็วๆ นี้มั้ยคะ

สนธิ - ถ้าเป็นทักษิณ เขาไม่ทำ ถ้าเขาทำเขาไม่ใช่ทักษิณ เชื่อผมสิ ทักษิณเป็นคนฉลาด

จินดารัตน์ - แต่ในความฉลาดเอง ทุกคนก็บอกว่า ทักษิณ เป็นคนอหังกา

สนธิ- ผมคิดว่า 6 ปีที่เขาอยู่เมืองนอก เขาเรียนรู้เยอะ สำหรับผมนะ ถ้าผมเป็นทักษิณ ผมว่าประชาธิปัตย์ไม่น่ากลัว ทหารก็ไม่น่ากลัว น่ากลัวคือ กลุ่มคน แกนนำบ้าเลือด 4 คนเนี้ยที่ไม่กลัวใคร กับพี่น้องอีก 2 ล้านคน ที่เขากลัวเขากลัวตรงนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเขาเป็นทักษิณ ที่เรียนรู้บทเรียนมาแล้ว เขาไม่ทำ

แต่ว่าไม่มีทางที่ผมจะถูกหลอก ให้ออกไป ผมไม่จำเป็นว่าผมสู้กับทักษิณ อย่างไร ผมสู้มาตลอด ผมยื่น กกต. เพื่อให้ยุบเพื่อไทย นั่นก็คือการสู้กับทักษิณ ตามกระบวนการกฎหมาย ผมไม่ต้องพิสูจน์แล้ว และยังมีคดีความอีกเยอะแยะ

จินดารัตน์ - แล้วยังมีคดีความอีกเยอะ

สนธิ - ยังมีคดีความอีกเยอะแยะ ก็ลองสิ ลองแก้กฎหมายในสภา ลองแก้มาตรา 112 แล้วก็ทำการจาบจ้วง ผมจะสู้ให้เขาดู แต่ถ้าพ้น 2 เรื่องนั้นนะ ผมไม่ยุ่ง

จินดารัตน์ - ก็ให้คุณอภิสิทธิ์จัดการเองเอง

สนธิ - ก็คุณอภิสิทธิ์พูดไม่ใช่เหรอว่า 500 คนในสภาไง พ่อยก แม่ยกประชาธิปัตย์ คุณไปดูได้ คุณอภิสิทธิ์เป็นคนพูด 500 คนในสภาจะเป็นคนแก้ปัญหา คุณอนุพงษ์ เผ่าจินดา พูดตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง เอ้า ก็การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง คุณแก้ไปสิ แล้วถ้าวันหนึ่งคุณทักษิณเขายึดบ้านยึดเมือง ก็เป็นเรื่องพวกคุณ เพราะพวกพันธมิตรฯ เขาจะอยู่อย่างพวกพันธมิตรฯ ปกป้องกันเอง ดูแลซึ่งกันและกัน

จินดารัตน์ - ถึงเวลาที่เราจะได้พักบ้างนะคะ

สนธิ - ต้องพัก

จินดารัตน์ - คือทำใจให้สบาย รู้ว่าเครียด

สนธิ - ทำใจให้สบายสักพักหนึ่ง สั่งสมกำลัง พวกเราไม่ใช่เกิดมาในชีวิตจะต้องอยู่ข้างถนนตลอดชีวิตที่ไหนล่ะ ก็เขาว่าพวกเราเป็นแก๊งข้างถนนไม่ใช่เหรอ

จินดารัตน์ - บางทีนะคะ แอนก็ได้ยินพี่น้องพันธมิตรฯ บอกว่า บางทีเครียดๆ ก็เลยบอกกับตัวเองว่าบ้านนี้ เมืองนี้ ไม่ใช่ของเราคนเดียวนะ

สนธิ- ถูกต้อง ถูกต้อง เราสู้เรื่องดินแดนมา 158 วัน ไม่มีใครสนใจ คำถามคือ ถ้าผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านนี้เมืองนี้เขาไม่สนใจว่าประเทศไทยจะเสียดินแดนนั้น เราไปเดือดร้อนแทนเขาทำไม แต่ที่เราจำเป็นต้องทำตอนนั้น ทำเพราะจิตวิญญาณบอกให้ทำ และเราทำมาแล้วจนสุดความสามารถแล้ว จะให้เราทำอะไรมากกว่านี้ ถามซิ

จินดารัตน์ - คุณสนธิคะ พี่น้องเราก็น่ารักมากนะคะ ตั้งแต่คุณลุงจำลองบอกว่าขอรับบริจาค คือในเจตนาของคุณลุง คุณลุงเจตนาดีนะคะ พี่น้องบางท่านอาจจะรู้สึก ทำไมต้อง 1,000 เหรอ มีน้อยให้น้อยได้มั้ย

สนธิ- อ๋อ มีน้อยให้น้อยได้ครับ

จินดารัตน์ - คือจริงๆ แอนเข้าใจนะคะว่าความหมายของคุณลุง ที่คุณลุงบอกว่าถ้ามีไม่ถึง 1,000 ไม่ต้องบริจาคก็ได้ คือจริงๆ คุณลุงไม่อยากรบกวน นั่นหมายความว่าถ้ามี...

สนธิ - จริงๆ แล้ว ผมกล้าพูดได้ว่าถ้าไม่มีเงินบริจาคพ่อแม่พี่น้องทุกเดือน ASTV ปิดแน่นอน เราไม่มีตังค์หรอก เราไม่มีจริงๆ ก็แอนเพิ่งบอก เผยความลับไปไม่ใช่เหรอว่าเพิ่งจ่ายเงินเดือนไปครึ่งหนึ่ง สักเมื่อวานนี้ หรือเมื่อวานซืน

จินดารัตน์ - เมื่อวันศุกร์ค่ะ

สนธิ - วันศุกร์

จินดารัตน์ - ก็ยังพูดกับน้องๆ ว่า อุ๊ย ถ้ารับเงินมาจริงป่านนี้เงินเดือนได้ครบแล้ว

สนธิ - ใช่มั้ย ทีนี้ผมมามองอย่างนี้ พี่น้องพันธมิตรฯ หรือคนที่ดู ASTV อยู่ ต้องถามตัวเอง ก่อนจะเสียเงินออกมา หรือก่อนจะตัดสินใจช่วย ASTV ถามตัวเองด้วยคำถามง่ายๆ ว่า คิดว่า ASTV เป็นสื่อที่ซื่อสัตย์สื่อเดียวหรือเปล่า ในสังคมไทย ที่ไว้ใจได้ ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลใคร ไม่ได้ถูกเงินทองมาซื้อ ออกมาปกป้องชาติ ปกป้องบ้าน ปกป้องเมือง โดยไม่หวั่นเกรงอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น เอาชาติเป็นตัวตั้ง ถ้าพี่น้องคิดว่าสื่อ ASTV เป็นสื่ออย่างนี้ เพียงสื่อเดียวนะ ในประเทศไทย คือโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ วิทยุ เป็นกลุ่มสื่อกลุ่มเดียว ก็ถามต่อว่า ถ้าอย่างนั้นสื่ออย่างนี้มีความจำเป็นมั้ยที่จะอยู่ในเมืองไทย ถ้าไม่มีความจำเป็น สื่ออื่น ถ้าคิดว่าดูสื่ออื่นก็ได้ ช่างมัน ก็ไม่ต้องช่วยเรา แต่ถ้าคิดว่าถ้าไม่มี ASTV ประเทศชาติไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าไม่มี ASTV พี่น้องพันธมิตรฯ ร่วม 2 ล้านคน ที่ออกมาโหวตโนก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเกิด ไม่ได้รับข้อมูล ไม่ได้รับข่าวสาร ถ้าพี่น้องตอบตรงนี้ได้ พี่น้องจะช่วยยังไงไม่ให้ ASTV มันหยุด ถ้าคิดว่าตรงนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดกับชาติบ้านเมือง นี่คือการเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง เพราะเงินที่เอามาไม่ได้เอาไปทำอีรุ่ยฉุยแฉะ เอามาจ่ายเงินเดือน ถ้าจะมีเงินเหลือในอนาคต ถ้ามีเงินเหลือ จะเอามาเปลี่ยนเครื่องไม้เครื่องมือ เพราะเราไม่ได้เปลี่ยนมา 7 ปีแล้ว และถ้ามีเงินเหลืออีก เราก็จะเอาเงินนั้นไปขยายเครือข่าย ไปตั้งวิทยุชุมชนตามที่ต่างๆ เราไม่มีเงินนี่ ถ้าเรามีเงินอย่างคุณทักษิณ หรือมีเงินอย่างคุณเนวิน คุณเนวินเขามีวิทยุชุมชนของเขาเยอะแยะไปหมด เงินของเรากว่าจะได้มา มาจากพี่น้อง เงินของพวกเขาไม่รู้มาจากไหน หล่นมาจากท้องฟ้า ง่ายเหลือเกิน แต่ถ้ามีเงินเหลือพอ ผมคิดว่าพี่ลองพูดถูก คนประมาณ 2 ล้านคน 5 เปอร์เซ็นต์ 1 แสนคน 1 แสนคนให้กันคนละ 200-300 บาท ก็เดือนละ 20-30 ล้าน ก็พอแล้วที่จะจ่ายเงินเดือน แล้วยังเหลือพอที่จะไปตั้งวิทยุชุมชนได้

แต่ที่ง่ายที่สุด คุณแอน ถ้าไม่อยากก็คือสมัคร SMS 200 บาทต่อเดือน ถึงแม้เราจะได้ไม่ครบ 200 เราอาจจะได้สัก 180 หรือ 160 แต่ก็เป็นวิธีการซึ่งง่าย ก็คือสำหรับคนที่ทรัพย์ไม่ค่อยมี เดือนละ 200 บาท ก็โอเค แต่ถ้าใครทำงาน มีเงินเดือน 2-3 หมื่น ถ้าให้ 500 ให้ 1,000 ได้โดยที่ตัวเองไม่เดือดร้อน เรามีแบงก์ ธนาคาร ให้ 4 ธนาคาร เรามีธนาคารไทยพาณิชย์ กสิกรไทย กรุงไทย และแบงก์กรุงเทพ ก็เพียงแต่แจ้งธนาคารของตัวเองว่ากรุณาหักบัญชีจากบัญชีของท่าน แล้วถ้าท่านใช้ธนาคารกรุงเทพ กส่งไปที่ธนาคารกรุงเทพ ใช้กรุงไทย ส่งไปกรุงไทย ใช้กสิกรไทย ใส่กสิกรไทย ใช้ไทยพาณิชย์ ใส่ไทยพาณิชย์

จินดารัตน์ - เขาจะหักอัตโนมัติให้ทุกเดือน

สนธิ - เขาจะหักอัตโนมัติให้ทุกเดือน เงินก้อนนี้ก็คือเงินซึ่งจะมาดำรงไว้ซึ่งสื่อที่พี่น้องเชื่อว่า และคิดว่าเป็นสื่อที่ซื่อสัตย์ต่อสังคมไทย ถ้าพี่น้องไม่ได้คิดเช่นนั้น ก็ไม่ต้องให้ เพราะว่าผม ถึงจุดๆ หนึ่งทำได้แค่ไหน ก็แค่นั้น ผมเคยเป็นคนที่มีเงินมาก วันนี้ผมพอมีพอกิน เงินทั้งหมดผมลงมาที่นี่หมด เพราะว่าผมเชื่อในอุดมการณ์ของผมว่า สื่อ ASTV ถ้าไม่มีอยู่แล้ว สังคมไทยจะยิ่งแย่กว่านี้ ถ้าไม่มี ASTV เราจะไม่รู้เรื่องเขาพระวิหาร ไม่มีทาง ถ้าไม่ใช่ ASTV เราก็จะไม่รู้ธาตุแท้ของพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าไม่ใช่ ASTV เราก็ไม่สามารถสู้ทักษิณได้ ถามกลับว่าสื่อทุกสื่อในประเทศไทย มีใครบ้างที่ออกมาสู้ทักษิณ มีใครบ้างที่ออกมาสู้สมัคร มีใครบ้างที่ออกมาสู้สุรยุทธ์ มีใครบ้างที่ออกมาสู้สมชาย และมีใครบ้างที่ออกมาสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ มีแต่ ASTV เท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าพี่น้องคิดว่า ASTV มีความสำคัญและจำเป็นในสังคมไทย ASTV คือสงครามสื่อ และอาวุธๆ เดียวที่เรามีอยู่ ผมเรียนให้ทราบว่า ผมทำได้แค่ไหน แค่นั้น ผมไม่ยึดติด วันนี้ถ้าให้เรียกเวลาย้อนกลับไป ผมอาจจะไม่ทำอะไรทั้งสิ้น ผมอาจจะไปอยู่เมืองนอกตั้งนานแล้ว เพื่อไม่อยากจะรับทราบเรื่องอะไร แต่เมื่อกระโดดลงมาแล้ว สู้แล้ว ผมเดินมาไกลเกินกว่าที่ผมจะถอย

จินดารัตน์ - ต้องทำให้สุด

สนธิ - ต้องทำให้สุด แต่สุดแค่ไหน แค่นั้น เพราะผมไม่ยึดติด ถ้าวันไหนเราไม่มีตังค์ เราก็ปิดไปเลย แล้ววันนั้นผมเชื่อว่าพี่น้องที่รักชาติ รักแผ่นดิน ก็จะรู้สึกว่าเสียดาย รู้อย่างนี้เสียสละเดือนละ 200 บาท เดือนละ 500 บาท ใครมีเงินเดือน 2-3 หมื่นบาท ก็ถือโอกาสเดือนละ 1,000 ไม่เสียหายอะไรทั้งสิ้น พี่น้องหลายคนใช้เงินที่ไร้สาระไปกับการซื้อเสื้อผ้า ผู้ชายบางคนอาบอบนวด กินเหล้าเมายา ตีกอล์ฟ ส่วนหนึ่งของการหยุดตีกอล์ฟ 1 รอบ เอามาบริจาคให้ ASTV เพื่อให้สื่ออย่างนี้ค้ำชูสังคมไทยไปในทิศทางที่มีศีลธรรม และมีจริยธรรม มีคุณธรรม นี่เป็นบุญเป็นกุศล

จินดารัตน์ - คุณสนธิคะ มีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย 1-2 นาทีนะคะ ทีมงานเขาอยากให้คุณสนธิลอง เคยเล่นเกมเปิดป้ายมั้ยคะ

สนธิ - ไม่เคยๆ

จินดารัตน์ - อย่าทำหน้างงอย่างนั้น งานนี้โปรดิวเซอร์รับผิดชอบนะคะ เดี๋ยวจะให้ดู ให้คุณสนธิเลือกเปิด 2 เบอร์แล้วกัน อยากได้เบอร์ไหน เปิดเลยค่ะ

สนธิ - เบอร์ 7

จินดารัตน์ - ให้อีกเบอร์หนึ่งค่ะ เห็นแค่นี้รู้หรือยังคะว่าเป็นอะไร

สนธิ - ตัวผมใช่มั้ย

จินดารัตน์ - ไม่รู้ค่ะ

สนธิ - มองไม่ค่อยเห็น เอาเบอร์ 6 แล้วกัน มือผมหรือเปล่า ไม่รู้ ผมไม่รู้คืออะไร

จินดารัตน์ - ให้เปิดอีก 2 ครั้ง

สนธิ - หาเรื่องไอ้พวกนี้ เอาเบอร์ 2 กับเบอร์ 5

จินดารัตน์ - ยังดูไม่ออก เอาเบอร์ 2 นึกออกหรือยังคะ

สนธิ- อ๋อ รู้แล้ว เป็นรูปเก่าผม เป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว ที่บ้าน ในห้องรับแขก เพราะว่าผมจำแม่ผม นั่นแม่ผม คุณแม่เสียชีวิตไปแล้ว ผมจำรูปภาพที่วาดอยู่บนศีรษะได้

จินดารัตน์ - ภาพนี้คงไม่ได้เห็นนาน อันนี้คือคุณพี่ท่านหนึ่งฝากมาให้

สนธิ - เอ๊ะ เขาเอามาจากไหนเนี่ย

จินดารัตน์ - จริงๆ มีหลายรูปนะคะ ก็จะมีรูปน้องชายด้วย เป็นรูปเก่าๆ ให้รำลึกถึงความหลัง

สนธิ - อ๋อ น้องชายผมแต่งงาน

จินดารัตน์ - คือเป็นไอเดียของคุณสนธินะคะ ว่ารายการนี้ควรจะมีเซอร์ไพรส์อะไรหน่อยบ้างนะ เราก็เลยเซอร์ไพรส์ให้ว่า นี่จะเห็นรูปคุณแม่คุณสนธิ น่ารักมาก นึกว่าคุณปั๊บนั่งอยู่ วันนี้ขอบพระคุณคุณสนธิเป็นอย่างสูง และรายการเรา เป็นลูกน้องเอง เราให้สัญญากับเจ้านายและสัญญากับพ่อแม่พี่น้องว่าจะทำเต็มความสามารถ สุดกำลัง เหมือนอย่างที่เจ้านายเราเป็นด้วย ขอบคุณค่ะ






กำลังโหลดความคิดเห็น