xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” ซัดจุดยืน “พท.-ปชป.” หลังถอนตัวมรดกโลก เหลวทั้งคู่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์” ซัด “พท.-ปชป.” แสดงจุดยืนหลังไทยถอนตัวภาคีมรดกโลกเหลวทั้งคู่ พรรคเผาบ้านเผาเมืองดี แต่โวยวายเข้าข้างเขมร ต้องการขายชาติไม่สำนึก ส่วนอีกพรรคแม้ถอนตัวแล้ว แต่ยูเนสโกยังดึงดันพิจารณาแผนบริหารจัดการรอบปราสาทพระวิหาร แต่นายกฯกลับไม่ประณามการกระทำนี้เลยมัวแต่หาเสียง ชี้ ได้ 2 คนนี้มาประเทศฉิบหายแน่ พร้อมเผยหลังเลือกตั้งเตรียมยื่นศาล รธน.วินิจฉัยหาก กกต.ไม่รวมโหวตโนเข้ากับคะแนนเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายประพันธ์ คูณมี"  

วันนี้ (27 มิ.ย.) เมื่อเวลา 22.40 น.นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า เรื่องรณรงค์โหวตโนไม่จำเป็นต้องพูดแล้วในเรื่องข้อกฎหมายและเหตุผล เชื่อว่า พี่น้องคงหายกังวลใจแล้ว โดยเฉพาะข้อกฎหมาย คนที่เถียงเก่งสุดอย่าง นายแก้วสรร อติโพธิ วันนี้ก็หายตัวไปเลย

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีการถกเถียงกันว่าจะเอาคะแนนโหวตโนมารวมแล้วหารด้วย 125 หรือไม่ เรื่องนี้อาจต้องถึงศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย ถ้า กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ไม่เอามาคำนวณเราจะร้องศาลรัฐธรรมนูญให้เอามาคิดคำนวณด้วย เพราะการไปเลือกคนหรือพรรคก็เป็นการใช้สิทธิ์เช่นเดียวกัน หากไม่เอามารวมเราไม่ยอมเด็ดขาด

ปัญหาตรงนี้มีนิดเดียว คือ ถ้าไม่เอาโหวตโนมาหารด้วยจะทำให้จำนวนเสียงที่จะได้ ส.ส.1 ที่มันน้อยลง เช่น หากมีคนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 3 ล้านคน เลือกพรรครวมกันแล้ว 20 ล้าน แล้วโหวตโน 10 ล้าน ถ้าเอาแค่ 20 ล้าน มาตั้งแล้วหารด้วย 125 ส.ส.ที่จะได้ 1 ที่ อาจจะใช้เสียงประชาชนแค่แสนเศษๆ

แต่ถ้ารวมโหวตโน เอา 3 ล้านตั้งแล้วหาร 125 อาจต้องใช้ถึง 3 แสนเสียง ถึงจะได้ ส.ส.1 คน ตรงนี้มีผลทางกฎหมาย พรรคไหนไม่ถึง 3 แสน ก็จะไม่ได้ ส.ส.เลย จะต้องเลือกตั้งใหม่เหมือนกัน แต่อย่าเพิ่งพูดตอนนี้ เอาไว้ผลเลือกตั้งออกมาค่อยยื่นให้ศาลวินิจฉัยเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน เพราะกฎหมายการเลือกตั้งอันนี้ไม่ชัด

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า อีกประเด็นที่อยากพูดถึง คือ เรื่องถอนตัวจากภาคีมรดกโลก ทำให้เห็นจุดยืนของ 2 พรรคใหญ่ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคแรก พรรคเผาบ้านเผาเมือง เมื่อนายสุวิทย์ ยื่นถอนตัวก็ออกมาตีหน้าให้สัมภาษณ์ว่าไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุนการลาออก บอกว่า เป็นการทำเพื่อหาเสียง ประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์ แถมบอกว่า ต้องขออนุมัติจากสภาก่อน เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าพรรคนี้มีจุดยืนขายชาติ เป็นขี้ข้ากัมพูชาไปตลอด ไม่เคยสำนึก ถ้าให้มันกลับมาก็คงไม่พ้นสันดานเดิม วันเลือกตั้ง 3 กรกฎาคมนี้สำคัญที่เราต้องไปดองปู มันไม่เคยคำนึงถึงประโยชน์ชาติบ้านเมืองเลย

ส่วนอีกพรรคอยากเป็นนายกฯอีกรอบจนตัวสั่น แต่ไม่ตักน้ำชะโงกดูเงาหัวตัวเอง แต่ก็แปลกใจยังมีแม่ยกไปเชลียร์อยู่ ตลอดเวลาที่พันธมิตรฯเรียกร้องให้ถอนตัว รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่เคยเห็นด้วยเลย แม้นาทีสุดท้ายก็ยังแนะนำนายสุวิทย์ไม่ให้ถอนตัว แต่พอถอนไปแล้ว มันพูดอย่างอื่นไม่ได้ และกระแสสังคมก็แซ่ซ้องสรรเสริญเห็นด้วยกับนายสุวิทย์ เลยออกมาพูดตามน้ำ ว่าเป็นไปตามมติ ครม.ที่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่เคยสนับสนุนเลย

คำถามคือ 1.ทำไมไม่แถลงให้ประชาชนรู้ว่ามติ ครม.ว่าอย่างไร 2.เมื่อยืนยันว่า ถอนตัวแล้วทำไมไม่แถลงว่าถอนเพราะอะไร 3.ทำไมไม่บอกพี่น้องประชาชนว่าการถอนตัวนี้ไม่จำเป็นต้องเข้าสภาเพราะไม่เข้าข่ายรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพราะเป็นแค่การถอนตัวทางองค์กร ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับดินแดนอธิปไตย

“และวันนี้ฝ่ายยูเนสโกยังคงเดินหน้าประชุมรับรองแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร คนเป็นผู้นำต้องออกมาแถลงจุดยืนว่าขอประณามว่า ยูเนสโกไม่มีสิทธิ์เดินหน้าแผนบริหารจัดการ ทำไมนายแหลถึงหุบปากไม่แถลงจุดยืน นี่ไม่ทำหน้าที่ สนใจแต่จะปราศรัยหาเสียง

ถ้า 21 ชาติ ยังเดินหน้าประชุมผ่านแผนบริหารจัดการ วันนี้ต้องส่งทหารขึ้นไปยึดพื้นที่ได้แล้ว ถ้าผู้นำมีภาวะแบบนี้ไม่สมควรกลับมาเลย เพียงแค่นี้ก็เป็นบทพิสูจน์ได้แล้วว่านายคนนี้ไม่มีภาวะเป็นผู้นำต่ออีกเลยแม้แต่นาทีเดียว ถึงบอกว่าจิตใจทำด้วยอะไร แหล หน้าด้าน อย่างไม่มีที่ติ ควรคิดได้แล้ววันที่ 3 ก.ค.ควรทำอย่างไร ตัดสินใจเถอะ ช่วยกันส่งกลับบ้านให้ไปอยู่กับลูก-เมีย อย่ามายุ่งการเมืองเลย” นายประพันธ์ กล่าว  

นายประพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะที่ นายซกอาน โจมตีไทยสารพัด นายกฯไทยหดหัวอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เพียงแค่ประเด็นเรื่องนี้ก็สามารถทดสอบภาวะความเป็นผู้นำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ นายอภิสิทธิ์ ได้แล้ว ถ้า 2 คนนี้มาเป็นนายกฯประเทศฉิบหายแน่

การชุมนุมของเราแม้จะยุติลง แต่ไม่ต้องห่วงหลังเลือกตั้ง เรารอดูว่าพวกนี้จะกัดกัน ฆ่ากันอย่างไร รอดูท่าที แล้วเราจะได้เห็นสันดานนักการเมืองพวกนี้อย่างแน่นอน รอฟาดกันให้น่วม แล้วพวกเราค่อยมากระทืบซ้ำ

คำต่อคำ

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรัก เพิ่งกลับมาจากภูเก็ตก็มารอขึ้นเวทีอยู่หลายชั่วโมงอยู่เหมือนกันครับ แต่ก็ดีใจครับที่ อ.สมเกียรติ สามารถที่จะมาปราศรัยอยู่กับพี่น้องได้เป็นชั่วโมง นี่ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีว่าการต่อสู้ของพวกเรานั้นไม่ขาดผู้นำ และไม่ขาดพี่น้องประชาชนที่จะจับมือกันเดินต่อไปจนกว่าเราจะประสบชัยชนะและประสบความสำเร็จเพื่อชาติบ้านเมืองร่วมกัน

สุขภาพที่ดีวันดีคืนของ อ.สมเกียรติ ก็ต้องถือว่าเป็นกำลังสำคัญอีกท่านหนึ่งที่ทำให้ขบวนการต่อสู้ของพี่น้องประชาชนยังคึกคัก เข้มแข็ง มั่นคงเสมอ สำหรับจิตใจเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง

เป็นความจริงครับที่ อ.สมเกียรติ ได้พูดไปแล้ว ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ได้เป็นการคัดเลือก กลั่นกรอง หล่อหลอมพี่น้องประชาชน และได้ทดสอบผู้นำของพวกเราไปพร้อมๆ กันด้วยในคราวเดียวกัน ว่าใครคือทองเนื้อแท้ ใครคือคนที่จะยืนหยัดสู้กับพี่น้องประชาชนไปจนถึงที่สุด หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน การต่อสู้ครั้งนี้พิสูจน์ทุกคนที่อยู่บนหนทางการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง

พี่น้องที่เคารพรักครับ เมื่อวานผมไปที่งานโหวตโนของพี่น้องที่ภูเก็ต รณรงค์โหวตโนที่ภูเก็ต ที่ปลายแหลมสะพานหิน อ.สมเกียรติ บอกว่าไปตระเวนมาหลายจังหวัด สิบกว่าจังหวัดแล้ว ก็ได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนมากพอสมควร ผมก็เพิ่งไปที่ขอนแก่น แล้วก็งานที่ 2 ก็ที่ภูเก็ตนี่ล่ะครับ ต้องยอมรับว่าเมื่อวานนี้งานที่ภูเก็ตน่าจะประสบความสำเร็จสูงสุด และมีผู้เข้าร่วมในการชุมนุมฟังปราศรัยและรณรงค์โหวตโนเมื่อคืนนี้ ที่ปลายแหลมสะพานหิน น่าจะทำสถิติมากที่สุดของการจัดเสวนาเท่าที่ผ่านมา นี่คือภาพบรรยากาศของพี่น้องประชาชนมาเมื่อคืนนี้ เต็มที่ลานปลายแหลมสะพานหิน มากผิดปกติเลยครับ

แต่ถ้าดูข้อมูลของการโหวตโนทั่วประเทศ ข้อมูล สถิติการโหวตโนที่ผ่านมาของการเลือกตั้งครั้งหลังสุด เมื่อ 23 ธันวาคม 2550 จ.ภูเก็ต เป็นจังหวัดที่ประชาชนไปลงคะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนนมากที่สุดในประเทศไทยครับ

เพราะฉะนั้นการจัดงานเมื่อคืนนี้ก็ถือว่าเป็นการจัดงานที่ได้รับความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง และได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องชาวภูเก็ตอย่างล้นหลาม ต้องขอบคุณ อ.วัฒนา และคณะกรรมการจัดงาน ที่ได้ทุ่มเทเสียสละในการจัดงานเมื่อคืนนี้

และข่าวดีที่ผมไปภูเก็ตเมื่อวานนี้ก็คือ ไปหลังจากที่ท่านนายกฯ ชวน ไปปราศรัยวันที่ 25 ผมก็ไปปราศรัยวันที่ 26 ทำไมนายกฯ ชวนถึงต้องไปปราศรัยที่ภูเก็ต เพราะกลัวแพ้โหวตโนครับ กระแสโหวตโนที่ภูเก็ตแรงมาก จนนนายกฯ ชวนต้องหวั่นไหวและต้องไปช่วยปราศรัย ช่วย 2 ผู้สมัคร คือคุณอัญชลี กับคุณเรวัต อารีรอบ สถานการณ์ที่ภูเก็ตไม่น่าไว้วางใจครับ นายชวนต้องยกทีมใหญ่ไปปราศรัยเมื่อวันที่ 25 ที่ภูเก็ต ความจริงเขาไม่ได้กลัวพรรคการเมืองใหม่นะครับ ก่อนหน้านี้พรรคการเมืองใหม่ก็ไปจัด ปรากฏมีคนไปฟังปราศรัยมากที่สุด 20 คน ฟังแล้วเศร้าใจนะครับ แต่ก็เป็นไปตามทางที่คุณเลือกเอง คนที่ไม่เชื่อมั่นประชาชน และเดินสวนทางกับประชาชนก็จะมีชะตากรรมแบบนี้ล่ะครับ

และที่ทำลายสถิติอีกเรื่องหนึ่งก็คือว่า เมื่อกี้ อ.สมเกียรติ บอกไปมาหลายจังหวัด ได้รับเงินบริจาคประมาณ 2 แสนกว่า นั่นไปหลายจังหวัดนะ นี่ผมไปจังหวัดเดียว คืนเดียวครับ ที่ภูเก็ต ตัวเลขที่พี่น้องมาบริจาคเมื่อวานนี้ ทั้งสิ้นเท่าไรรู้มั้ยครับ เฉพาะงานรณรงค์โหวตโนเมื่อวานนี้ได้มา 204,370 บาทครับ ถือว่าทำลายสถิติทั้งยอดผู้มาเข้าร่วมฟังปราศรัย เสวนา มาร่วมเสวนามากที่สุด ทำลายสถิติที่เชียงใหม่ ที่หลายจังหวัด และก็ทำลายสถิติที่มีผู้มาบริจาคจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อครับ แล้วพี่น้องพันธมิตรฯ และคณะกรรมการจัดงานตกใจ บอกคุณประพันธ์ รู้มั้ยคนที่มาเนี่ยหลายคนไม่เคยมาเลย แล้วหลายคนที่มา ส่วนใหญ่ ส่วนหนึ่ง เป็นคนมีอันจะกิน เศรษฐีมีอันจะกินหลายคน และส่วนใหญ่เคยเป็นแม่ยกประชาธิปัตย์อย่างเหนียวแน่นมาก่อนเลย ไม่รู้ว่าคุณประพันธ์ไปทำยังไงเขาถึงมานอกใจท่านนายกฯ ชวน แอบมาบริจาคเงินให้กับการรณรงค์โหวตโน

เพราะฉะนั้นถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ยิน ก็รู้ซะด้วยว่า วันที่ 25 ไปฟังประชาธิปัตย์ วันที่ 26 แอบมาฟังโหวตโนแล้วแถมบริจาคอย่างหนาแน่นเลยครับ

หลายท่านไม่เปิดเผยนาม แต่ก็นำเงินมาบริจาคคนละ 20,000-30,000 ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการจัดงานยังงงเลยว่าปกติไม่ค่อยมาร่วม วันนี้ทำไมกล้าเปิดเผยตัว มาบริจาคเองและกล้าเปิดเผยตัวด้วย แสดงว่ามาวันนี้โหวตโนแน่นอนครับ ไม่งั้นไม่กล้าเปิดเผยตัวหรอก

รายชื่อผู้ที่บริจาคเท่าที่เปิดเผยนาม อย่างเช่น น้องหมา คุณมานพ บริการและครอบครัว 2,500 สู้คดี 2,500 และบริจาคให้ ASTV อีก 10,000 บาท พี่หยิน ขายหมี่ขาว บริจาคให้ ASTV 2,000 ป้าอำนวยให้ปราสาทพระวิหาร 500 คุณอรวรรณ นภัสร์เวชสาร คุณพองาม แก้วทอง คุณอารมณ์ ชาติไทย คุณกิตติรัตน์ ใจเย็นงาม นี่บริจาคมาคนละ 2,000 1,000 1,500 ให้ ASTV ครับ

ท่านนี้สิครับ สวัสดีจ้า คุณประพันธ์ เขียนมาด้วยลายมือเลยนะ ดีใจมากที่มาภูเก็ต แม่ยกคนนี้ฟังทุกวันไม่เคยขาดเลย วันนี้เอาเงินที่มีคนเอามาให้ เขาบอกมีคนพรรคหนึ่ง เบอร์หนึ่ง เอาเงินมาให้เขา 3,000 เขารับแล้วก็เลยเอามามอบให้คุณประพันธ์ช่วย ASTV ไม่ให้จอดับ 2,000 แล้วอีก 1,000 มอบให้กองทุนทวงคืนพระวิหาร บอกด้วยว่า เบอร์ไหนเป็นคนเอามาให้ เขารับแล้วก็เอามาบริจาคต่อให้ ASTV และกองทุนพระวิหาร อวยพรให้การต่อสู้จงประสบชัยชนะ ให้พวกเรามีสุขภาพแข็งแรง

นอกจากนี้ ก็ยังมีคุณไมตรี วงศ์วัฒนกิจ 1,000 บาท คุณอนงค์ เชื้อคำเพ็ญ คุณคำนวณ นางเรณู คุณลุงยินดี คุณจันทรา บริจาคมาคนละ 1,000 คนละ 2,000 ที่ตัวเลขมันสับสนมาก เพราะว่า อ.ชัยพันธ์ เขียนลายมืออ่านยาก แล้วก็ไม่ประสงค์ออกนามอีกหลายคน เอาเป็นว่ารวมแล้วผมเอามารวมไว้ในนี้ ถ้าไม่ได้ประกาศชื่อก็ต้องกราบขออภัย ทั้งสิ้น 2 แสนกว่าบาท นี่มีคนมาบริจาค ทั้งเปิดเผยนาม และไม่เปิดเผยนาม 204,370 บาท ต้องขอบคุณพี่น้องชาวภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงทุกท่าน และต้องขอประทานอภัยพี่น้องบางท่านที่ผมไม่มีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยและไปทักทายด้วย เพราะว่ามากันเยอะมาก มากันเยอะแล้วก็ขอถ่ายรูป ขอลายเซ็น อาจจะมีบางท่านที่อาจจะตกหล่นไป ไม่ได้ไปพูดคุย ไม่ได้ไปทักทาย ต้องกราบขออภัยเป็นอย่างสูงนะครับ

แต่ยืนยันได้ว่า ขณะที่ผมปราศรัย วิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ คนภูเก็ตยังกล้ามาร่วมชุมนุมจำนวนมาก และกล้านำเงินมาบริจาค แสดงว่าเขาก็มีใจรักความเป็นธรรม รักความถูกต้อง รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วทุกคนติดตามรับฟังการถ่ายทอดสดการชุมนุมของพวกเราอยู่อย่างใจจดใจจ่อ ติดตามหน้าจอตลอดเวลา และยืนยันว่า เห็นด้วย สนับสนุนการต่อสู้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ชุมนุมอยู่ที่นี่ นี่ต้องปรบมือให้กำลังใจ ให้เกียรติพี่น้องที่ได้ร่วมบริจาคมาและสนับสนุนพวกเราอย่างจริงใจ

นอกจากนี้ ก่อนขึ้นเวทีมา พี่น้องจากขอนแก่นมามอบเงินบริจาคไว้ที่คุณเก๋ เขารอผมไม่ไหว ก็คือคุณยุพดี ประไพวัลย์ บริจาคให้กองทุนพระวิหาร 3,000 ASTV 3,000 บาท มูลนิธิสงเคราะห์สัตว์ ลุงจำลอง อีก 3,000 กองทัพธรรม 3,000 บาท รวมแล้วเป็น 12,000 บาท

อีกท่านหนึ่งก็เจ๊หมวย ขอนแก่น ให้ ASTV 1,000 บาท กองทุนสู้คดี 1,000 บาท มูลนิธิสงเคราะห์สัตว์ ลุงจำลอง 1,000 บาท มูลนิธิสงเคราะห์เด็ก ของ อ.พิภพ ธงไชย 1,000 บาท รวมเป็น 4,000 บาท ผมได้รับแล้วนะครับ ขอบคุณมาก และก็ประกาศให้แล้วนะครับ

นี่ก็เป็นรายการทั้งหมดเท่าที่ไปมาที่ภูเก็ตเมื่อคืนนี้ แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องไปอีก ความจริงผมเกือบลืมไปแล้วว่าไปรับปากพี่น้องชาวโคราชว่า เขามีงานรณรงค์โหวตโนโค้งสุดท้ายเมื่อวานนี้ เขาโทรมายืนยันเมื่อเช้านี้ ผมก็ลืมไปแล้ว เอ้า ผมนึกว่างานนี้มีเฉพาะ อ.สมเกียรติ คุณชัยพันธ์ คุณชัชวาลย์ ไม่ใช่เหรอ มีชื่อผมด้วยเหรอ บอก พี่นี่ล่ะตัวดีเลย พวกผมประกาศไปทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ถ้าพวกพี่ไม่มา พี่ประพันธ์ไม่มา พวกผมตายเลย เอ้า พรุ่งนี้ก็เลยต้องไปโคราชอีกรอบหนึ่งครับ ก่อนจะมาร่วมฉลองกับพี่น้องในวันที่ 29-30-1 ไม่ไปไหนแล้ว อยู่ที่นี่ครับ

นี่ก็มารายงานตัวที่หายไป 1-2 วัน ก็ไปภารกิจเพื่อรณรงค์โหวตโน และก็ถือโอกาสไปพบปะกับพี่น้องประชาชนที่เข้าร่วมรณรงค์โหวตโนครั้งนี้ อยากจะกราบเรียนยืนยันว่า พี่น้องทุกจังหวัดคึกคัก เข้มแข็งมาก และเอาจริงเอาจังในการรณรงค์โหวตโนมาก

ที่ภูเก็ตมีรถออกตระเวนรณรงค์ทุกวัน แจกเอกสารทุกวัน และได้รับการต้อนรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี หาเสียงคึกคักกว่าบางพรรคการเมืองที่หายจ้อยไปในกระแสคลื่นการเมืองเลยครับ

นอกจากนี้ ที่พังงา วันนี้ก็มีงาน พรุ่งนี้ที่ระนองเขาก็จัดงาน ทุกจังหวัดนี่พร้อมคึกคักอยากจะจัดงานแบบนี้ และพี่น้องประชาชนเอาจริงเอาจังมาก อ.จรูญ ณ ระนอง จะมาขึ้นเครื่องบินแล้ว แต่พอพี่น้องพังงาบอกว่าขอให้ไปช่วย แกก็รับปาก จะกลับก็กระไรอยู่ พวกผมก็เลยบอก อาจารย์อยู่ต่อดีกว่า อยู่ช่วยพี่น้องที่พังงา และระนอง วันที่ 1 ค่อยมาร่วมฉลองกับพวกเราที่นี่ก็ยังทันอยู่ อ.จรูญ ก็เลยต้องอยู่ช่วยพี่น้องทางใต้ต่อไป

พี่น้องที่เคารพรักครับ เรื่องของการรณรงค์โหวตโนนี้เราคงไม่จำเป็นจะต้องพูดอีกแล้วในประเด็นข้อกฎหมาย ในประเด็นเหตุและผลว่าทำไมเราจึงจะต้องไปรณรงค์โหวตโนในครั้งนี้ และการโหวตโนของเราจะเป็นการสร้างคุณูปการครั้งยิ่งใหญ่ให้กับประเทศชาติบ้านเมืองอย่างไร ผมเชื่อแน่ว่าพี่น้องที่นี่และที่รับชมอยู่ทางบ้านคงหายกังวลใจแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นข้อกฎหมายนั้นน่าจะจบ ไม่มีใครกล้าเถียงเราแล้ว โดยเฉพาะคนที่เถียงเก่งที่สุด แก้วสรร แก้วหน้าม้า วันนี้หายตัวไปเลยครับ ไม่กล้ามาพูดอีกแล้ว

และก็ยังไม่มีใครออกมายืนยัน นอกจากมีแต่บทความ ข้อคิดเห็นที่สนับสนุนในเชิงทางกฎหมายและในเชิงการเมือง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะพูดเอาไว้ก็คือว่า ประเด็นเรื่องโหวตโนนั้น ถือว่าเป็นการไปใช้สิทธิ์ของพี่น้องประชาชน คำถามก็คือ การไปกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน คือการไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งของประชาชนตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ ใช่หรือไม่ การไปกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนก็คือ เราไปใช้สิทธิ์ของเราตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมายเลือกตั้งทุกประการ

สอง เมื่อเป็นการไปใช้สิทธิ์ และการไปใช้สิทธิ์กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน การกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนถือว่าเป็นบัตรดี หรือบัตรเสียครับ (บัตรดี) ทุกคนตอบได้หมด ว่า 1. เป็นการไปใช้สิทธิ์ 2. กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนนับเป็นบัตรดี และคณะกรรมการ กกต.ต้องประกาศผลคะแนนว่ามีผู้มาลงคะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนนเป็นจำนวนเท่าใด ดังนั้น จึงได้รับการรับรองตามกฎหมายทุกประการ ในบัตรเลือกตั้งมุมล่างขวาสุด ก็ปรากฏช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนชัดเจนแล้ว เพราะฉะนั้นประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย ในเรื่องการที่จะต้องเอามานับและมาคิดคำนวณสำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.แบ่งเขต นั้น เราไม่สงสัยแล้ว

แต่ยังมีผู้ที่จะแย้งอยู่ว่า ในกรณีบัญชีรายชื่อ จะเอาคะแนนผู้ไปกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนที่กาในบัตรเลือกพรรค แต่เราไม่เลือกพรรคใดเลยนั้น คะแนนโหวตโนจะเอามารวมกับคะแนนที่ไปเลือกพรรคต่างๆ แล้วมารวมกัน หารด้วย 125 หรือไม่ นี่เป็นประเด็นข้อกฎหมายเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง ที่จะต้องถกเถียงกัน อาจจะต้องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในคราวต่อไปในการเลือกตั้งครั้งนี้ครับ

ถ้าคณะกรรมการ กกต.ไม่เอาคะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนนในเฉพาะส่วนที่เลือกบัญชีรายชื่อ หรือเลือกพรรค ไม่เอามาคำนวณ หารด้วย 125 พวกเราจะไปร้องศาลรัฐธรรมนูญให้เอาเรื่องนี้มาคิดคำนวณด้วย เพราะอะไร เพราะคะแนนของประชาชนที่ไปเลือกคน หรือเลือกพรรค ก็คือการไปใช้สิทธิ์ด้วยกันทั้งสองกรณี เป็นการแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย คุณจะไปตัดคะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนนของประชาชนที่ไปเลือกบัญชีพรรค หรือบัญชีรายชื่อ ให้เป็นคะแนนเสีย โดยไม่เอามาคิดคำนวณหารด้วย 125 นั้น เราไม่ยอมโดยเด็ดขาดครับเรื่องนี้

แต่ว่าเรื่อง ส.ส.แบ่งเขต ส.ส.เลือกบุคคลนั้น อาศัยบทบัญญัติมาตรา 88 , 89 แล้ว แต่ว่าบัญชีรายชื่อนั้น ถ้าไม่เอามานับด้วย เราก็คงจะต้องร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการพิจารณาเรื่องนี้ของคณะกรรมการ กกต.นั้น ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ ขอให้ศาลวินิจฉัยด้วยครับ

ปัญหาตรงนี้มีนิดเดียวครับ คือถ้าหากว่าไม่เอาคะแนนโหวตโนมาหาร มันจะทำให้จำนวนเสียงที่จะได้ ส.ส.1 ที่ น้อยลง เช่น มีคนไปเลือกพรรคการเมือง พรรค ก. พรรค ข. พรรค ง. รวมแล้ว 20 พรรค รวมกันแล้วได้ 20 ล้าน แต่มีคนมาโหวตโน 10 ล้าน ถ้าตัด 10 ล้านทิ้ง เอาเฉพาะ 20 ล้าน มาตั้งแล้วหารด้วย 125 จำนวน ส.ส.ต่อ 1 ที่มันอาจจะประมาณสักแสนเศษๆ แต่ถ้าเอา 10 ล้าน มารวมเป็น 3 ล้าน หารด้วย 125 จำนวน ส.ส.1 คน อาจจะประมาณ 3 แสนเสียง ถึงจะได้ 1 คน ตรงนี้มันมีผลในทางกฎหมายครับ ถ้าเอา 30 ล้านตั้ง หารด้วย 125 พรรคไหนถ้าได้คะแนนไม่ถึง 3 แสน ก็ไม่ได้ ส.ส.เลย มันจะต้องทำให้บัญชีรายชื่อจะต้องมีการทบทวน และมีการเลือกตั้งใหม่เหมือนกัน อันนี้เป็นประเด็นข้อกฎหมาย

แต่ว่าเราอย่าเพิ่งเอามาพูดตอนนี้ เอาไว้ผลการเลือกตั้งออกมา เรายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยดีกว่า จะได้เป็นบรรทัดฐาน เพราะกฎหมายเลือกตั้งฉบับนี้บัญญัติไว้ไม่ชัดเจนในประเด็นเรื่องบัญชีรายชื่อ ถึงบัญญัติไว้ชัดเจนก็เป็นการบัญญัติไว้โดยละเมิดต่อเสียงของประชาชน หรืออำนาจอธิปไตยของประชาชน ถ้าตัดเอาคะแนนโหวตโนออก ไม่เอามารวม หารด้วยจำนวน 125 เสียง ซึ่งถ้าตัดออกอย่างนี้พวกเราไม่ยอมแน่นอน ก็ต้องไปยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อันนี้ก็เอาไว้เป็นประเด็นที่จะพูดกันหลังเลือกตั้งก็แล้วกัน

แต่ประเด็นที่ผมอยากจะพูดคุยกับพี่น้องวันนี้ ขอพูดประเด็นเดียว ก็คือ ประเด็นเรื่องการถอนตัวจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก ของนายสุวิทย์ คุณกิตติ ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ของประเทศไทย และเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งในขณะนี้

สาเหตุที่คุณสุวิทย์ คุณกิตติ ตัดสินใจยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อถอนตัวจากการเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญามรดกโลกนั้น ได้แถลงข่าวโดยให้เหตุผลว่า คณะกรรมการมรดกโลก 1. ไม่เคารพหลักการของอนุสัญญามรดกโลก และ 2. ยังดึงดันที่จะสนับสนุน ช่วยเหลือกัมพูชา ทั้งๆ ที่เป็นการละเมิด รุกรานอธิปไตยและดินแดนของประเทศไทยอย่างชัดแจ้ง โดยไม่คำนึงหรือไม่เคารพถึงหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องของคณะกรรมการมรดกโลก แต่นี่เป็นถ้อยแถลงของนายสุวิทย์ ยังไม่ได้นำหนังสือที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ยื่นต่อคณะกรรมการมรดกโลกมาแจกจ่ายต่อสื่อมวลชน หรือชี้แจงต่อพี่น้องประชาชนไทย ใช่มั้ยครับ

แต่เอาเถอะ ยังไงเราก็เชื่อว่าคุณสุวิทย์ได้ตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกแล้ว เป็นแต่เพียงว่ารายละเอียดในหนังสือลาออกนั้นเป็นอย่างไร เรายังไม่ทราบ เท่านั้นครับ

ทีนี้ ปัญหาที่ผมอยากจะพูดคุยกับพี่น้องประชาชน และคนที่จะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในอีกไม่กี่วัน ในวันที่ 3 นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่จะไปตัดสินใจเลือกพรรคใหญ่ทั้งสองพรรค ได้โปรดพิจารณาครับ ว่า 1. เมื่อคุณสุวิทย์ คุณกิตติ ยื่นหนังสือลาออกแล้ว พรรคใหญ่พรรคหนึ่งที่เป็นพรรคเผาบ้านเผาเมือง ออกมาตีหน้าให้สัมภาษณ์ ออกมาสัมภาษณ์ในลักษณะที่ไม่เห็นด้วย และก็ไม่สนับสนุนการตัดสินใจลาออกของคุณสุวิทย์ และหาว่าการกระทำของคุณสุวิทย์ เป็นการกระทำเพื่อการหาเสียง และเป็นการกระทำที่ไม่ทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์อะไรในเรื่องนี้ แถมยังบอกว่า การตัดสินใจลาออกในเรื่องนี้จะต้องไปปรึกษา ขอความเห็นชอบจากสภาเสียก่อน กรณีคำให้สัมภาษณ์ของปลอดประสพ ก็ดี ของนายนพดล ก็ดี พี่น้องครับ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าพรรคนี้มันมีจุดยืนขายชาติ และเป็นขี้ข้ากัมพูชาไปทั้งพรรคเลยครับ ยังไม่สำนึกจนกระทั่งทุกวันนี้

ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าแผนบริหารจัดการที่กัมพูชานำเสนอเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกนั้น เป็นการผนึก ผนวกรวมเอาแผ่นดินไทยเข้าไปด้วย ยังมีหน้ามาให้สัมภาษณ์อย่างนี้ แสดงว่าพรรคนี้มันก็ขายชาติ และยอมเป็นขี้ข้าเขมร ขี้ข้ากัมพูชาเหมือนเดิม ถ้าให้มันกลับมาเป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ ก็คงไม่พ้นสันดานเดิมครับ

แล้วทุกวันนี้เป็นที่ชัดเจนว่า กัมพูชา ฮุน เซน นั้น เป็นที่ซ่องสุมของคนของพรรคนี้ที่ไปหลบตัวอยู่ในประเทศกัมพูชา และเจ้าของพรรคนี้ก็ไปมีธุรกิจผลประโยชน์ และหากินอยู่ในกัมพูชา จับมือกับฮุน เซน และก็มีผลประโยชน์ร่วมกันในอนาคต แม้นกลับมาเป็นรัฐบาล มันก็คงไปสวมตอเดินหน้าต่อเรื่องผลประโยชน์ทางทะเล อย่างที่คุณสนธิพูดแล้ว ไม่มีผิด จึงพึ่งพาอะไรไม่ได้เลย

เพราะฉะนั้นในวันเลือกตั้ง ในวันที่ 3 ก็สมควรแล้วที่เราจะต้องไปดองปู อย่าเอามาเป็นนายกฯ โดยเด็ดขาดพรรคนี้ นอกจากเนรคุณ เผาบ้านเผาเมือง ขายชาติแล้ว มันยังไม่เคยคำนึงถึงประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเลย ทำผิดแล้วมาจนกระทั่งทุกวันนี้ยังไม่สำนึก

ส่วนอีกพรรคหนึ่ง อยากจะเป็นนายกฯ อยากจะมาเป็นนายกฯ รอบ 2 จนตัวสั่น แต่ไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาหัวตัวเองเลย แล้วที่ผมไม่เข้าใจก็คือว่า ยังมีคนจำนวนหนึ่ง มีแม่ยกที่งมงาย ไปสนับสนุน เชลียร์ไอ้คนๆ นี้ เด็กวานซืนที่ไร้เดียงสา ไม่ประสีประสา และไร้ประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่มีภาวะความเป็นผู้นำประเทศได้เลย เพราะอะไรครับ ตลอดเวลามาที่เราเรียกร้องให้ถอนตัวจากภาคีอนุสัญญามรดกโลกนี้ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เคยเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องนี้ของเราเลย และให้สัมภาษณ์มาในเชิงคัดค้าน ไม่สนับสนุนการเรียกร้องของพวกเรามาโดยตลอด

ตลอดเวลามาไม่เคยสนับสนุน ไม่เคยเห็นด้วยเลย นี่หนึ่ง และแม้กระทั่งนาทีสุดท้าย คุณสุวิทย์ให้สัมภาษณ์เองว่า เขาแจ้งมายังนายกฯ แจ้งมาแล้วว่าจำเป็นที่เขาจะต้องตัดสินใจถอนตัวแล้ว เพราะถ้าหากถลำลึกเข้าไปก็สุ่มเสี่ยงที่เราจะเสียดินแดน เสียเอกราช และอธิปไตย มันยังแนะนำให้คุณสุวิทย์พยายามทางอื่นให้ถึงที่สุดก่อน อย่าตัดสินใจถอนตัว แต่พอคุณสุวิทย์ถอนตัวไปแล้ว ยื่นหนังสือไปแล้ว มันหามผีตกป่าช้าแล้ว พูดอย่างอื่นไม่ได้ แล้วกระแสสังคมแซ่ซ้องสรรเสริญนายสุวิทย์ คุณกิตติ ที่ตัดสินใจอย่างนี้ และฟังเหตุฟังผล และเป็นทางเดียวที่จะรักษาเอกราชอธิปไตย และหยุดยั้งการขึ้นทะเบียนมรดกโลกที่จะทำให้แผ่นดินไทยจะต้องเสียไปได้

เมื่อประชาชนแซ่ซ้องสรรเสริญเห็นด้วยกับการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างนี้ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะพูดตามน้ำ เป็นไปตามมติ ครม.ที่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ ดูมันสิครับ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่เคยสนับสนุนเขาเลย

เอาล่ะ เมื่อคุณพูดอย่างนี้ ว่าเป็นไปตามมติ ครม. คำถามก็คือ ทำไมคุณไม่มาแถลงให้ประชาชนรู้ว่ามติ ครม.ของคุณว่าอย่างไร นี่ประการที่ 1 ครับ

สองก็คือว่า เมื่อคุณบอกว่าได้ยืนยันถอนตัวจากองค์การภาคีมรดกโลกแล้ว ทำไมคุณไม่มาแถลงบอกพี่น้องประชาชน ว่าแถลงถอนตัวด้วยเหตุผลอะไร ทำไมงุบงิบๆ ไม่กล้ามาแถลงกับพี่น้องประชาชนเจ้าของประเทศ นี่ประการที่ 2

ประการที่ 3 ทำไมไม่บอกพี่น้องประชาชนล่ะ ว่าการแถลงตัวถอนตัวจากมรดกโลกนี้ไม่จำเป็นต้องเข้าประชุมสภา เพราะมันไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ไอ้นี่มันเพียงถอนตัวจากองค์กร เหมือนกับไม่ร่วมสังฆกรรม ไม่ยอมเป็นสมาชิกองค์กรเชลล์ชวนชิม เท่านั้นเองครับ มันไม่ใช่องค์กรอะไรเลย องค์กรมรดกโลก มันก็เป็นองค์กรมรดกทางวัฒนธรรม ทางธรรมชาติ เพื่อจะรับรองและจดทะเบียนให้ เพื่อประโยชน์ในทางค้าขาย ประโยชน์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว มันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับดินแดน เอกราช และอธิปไตย เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร สามารถตัดสินใจถอนได้ ว่าจะเข้าเป็นสมาชิกองค์กรนี้หรือไม่ มันไม่ใช่ไปเป็นสมาชิกองค์กรสหประชาชาติ หรือองค์กรที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง หรือดินแดน เอกราช และอธิปไตย ทำไมไม่มาอธิบายให้ประชาชนทราบครับ นายแหล

นอกจากนี้ ปัญหามันมีต่อไปครับ พี่น้องประชาชนที่จะไปเลือกตั้ง วันนี้เรื่องนี้ฝ่ายองค์กรมรดกโลก และยูเนสโก ยังเดินหน้าที่จะประชุมเพื่อรับรองแผนบริหารจัดการ ถ้าเขาเดินหน้าที่จะประชุมและรับรองแผนบริหารจัดการ ถ้าคนเป็นผู้นำประเทศวันนี้ คุณต้องออกมาแถลง แสดงจุดยืน ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจแล้ว ต้องประกาศจุดยืนว่าประเทศไทยไม่เห็นด้วย และขอประณามการกระทำของคณะกรรมการมรดกโลก และขอประณามยูเนสโก ประณามประเทศกัมพูชาว่า คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะเดินหน้าเอาแผนบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบนี้ไปเป็นแผนบริหารจัดการมรดกโลก ปราสาทพระวิหาร เพราะเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของประเทศ ทำไมนายแหลยังหุบปากอยู่ ไม่ออกมาแถลงแสดงจุดยืนครับ

นี่ถ้าคนเป็นผู้นำประเทศทั่วโลก ถ้าใครเป็นนายกฯ ก็ต้องออกมาแสดงจุดยืนแบบนี้ แต่นี่ไม่ทำหน้าที่เลยครับ กลับไปสนใจจะปราศรัยหาเสียง จะรณรงค์ จะปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายที่ลานพระรูป บอกว่าอย่างไรครับ ก้าวต่อไปอนาคตประเทศไทย ใต้ฟ้าเดียวกัน ใต้ฟ้าอะไร อนาคตใคร อนาคตมึงน่ะสิ ไม่ใช่อนาคตประชาชนเลย มันมีอนาคตที่ไหน คุณไม่อยู่ในฐานะผู้นำประเทศเลย วันนี้คุณยังเป็นนายกฯ รักษาการอยู่ คุณต้องแสดงจุดยืนในการปกป้องเอกราชอธิปไตยของประเทศ และประณามบรรดาประเทศ 21 ชาติ ที่จะมาปล้นเอาแผ่นดินไทยไปเป็นแผนบริหารจัดการให้กัมพูชา ทำไมคุณไม่แสดงจุดยืนครับ

เพราะฉะนั้นถ้าเรามีผู้นำหน่อมแน้มแบบนี้ เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ โกหกตอแหลไปวันๆ ดีแต่จะหาเสียงเพื่อจะหาคะแนน อยากจะกลับมาเป็นนายกฯ ปัญหาของชาติบ้านเมืองในขณะที่ตัวเองมีหน้าที่กลับไม่สนใจ อยากจะได้ 250 เสียง จะกลับมาเป็นนายกฯ ขนาดนี่ลื้อยังเป็นนายกฯ อยู่ ยังทำงานสุนัขไม่รับประทานเลย แล้วจะกลับมาทำไม ยังไม่รู้หน้าที่ตัวเองเลย ว่าเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของชาติวันนี้อยู่ตรงไหน ถ้าหากว่า 21 ชาติยังเดินหน้าประชุม จะผนวกเอาดินแดนของเราไปเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทพระวิหารและการขึ้นทะเบียนมรดกโลก วันนี้มันต้องส่งกำลังขึ้นไปยึดรอบปราสาทพระวิหารโดยทันที ไอ้หนู!!

ถ้าคุณมีภาวะผู้นำแบบนี้ มีความคิดแบบนี้ มันไม่สมควรที่จะกลับมาเลย ไม่สมควรเลยที่จะมาทำหน้าที่ ไม่ว่าในฐานะใด

เพราะฉะนั้นวันนี้ประเทศไทยมันไม่มีผู้นำประเทศ เพราะผู้นำประเทศมันไปบ้าอยู่กับแหกปากปราศรัยหาเสียง และไปแหลอยู่กับการที่จะไถนา อยู่กับการชงกาแฟ อยู่กับการโหนแห่ อยู่กับการขึ้นเวทีมอบดอกไม้ พวงมาลัย กับประชาชน ปัญหาแผ่นดิน ปัญหาของชาติ เป็นหน้าที่โดยตรงของตัวเอง ไม่สนใจเลยครับ

เพียงแค่นี้มันก็เป็นบทพิสูจน์ได้แล้วว่านายคนนี้ไม่มีวุฒิภาวะ ไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำประเทศต่อไปอีกเลย แม้แต่วินาทีเดียว

เพราะฉะนั้นวันนี้นอกจากจะต้องแสดงจุดยืนอย่างนี้แล้ว มันต้องแสดงจุดยืนที่จะบอกพี่น้องประชาชนทั้งชาติว่าปัญหานี้ ต่อไปนี้รัฐบาลจะทำอย่างไร และต้องเตรียมความพร้อมในการที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างไร และถ้าหากเขาลงมติอย่างนี้ เราจะมีท่าทีดำเนินการตอบโต้อย่างไร ใช่มั้ยครับ ถ้าคนเป็นนายกฯ และเป็นผู้นำประเทศ

ไม่ใช่ไปดีแต่จะหาเสียงอย่างเดียว อยากจะกลับมาเป็นนายกฯ เป็นนายกฯ อยู่ก็ยังทำงานไม่เป็น แล้วยังอยากจะกลับมาอีก ผมถึงบอกว่าจิตใจของคนๆ นี้มันทำด้วยอะไร มันถึงดื้อด้านและแหลอย่างไม่มีที่ติ

เพราะฉะนั้นคนที่จะไปเลือก ไปชม ไปเชียร์ ไปสนับสนุนยกย่องไอ้คนๆ นี้ มันควรจะคิดได้แล้ว ว่าวันที่ 3 นั้นเราจะทำอย่างไร เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดตัดสินใจเถอะครับ ส่งเขากลับบ้านเถอะครับ ให้เขาไปอยู่กับลูกกับเมียเขาเถอะ อย่ามายุ่งกับการเมืองเลย ถ้าประเทศของเรามีเด็กที่ไร้เดียงสาทางการเมืองอย่างนี้ แต่อยากจะคุยโตโอ้อวดว่าตัวเองเก่ง จบนักเรียนนอก ออกซ์ฟอร์ด อีต้ม อีตั้น แล้วก็ทำงานไม่เป็น ไม่มีภาวะผู้นำ ในขณะที่นายซก อาน ให้สัมภาษณ์ด่าประเทศไทย โจมตีประเทศไทยสารพัด ประณามประเทศไทยสารพัด ไม่มีใครในประเทศไทยสนใจที่จะปกป้องเกียรติภูมิศักดิ์ศรีของชาติเลย นายกฯ ไปหดหัวอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

นี่คือประเด็นปัญหาที่จำเป็น ที่อยากจะพูดกับพี่น้องประชาชนว่า เพียงแค่ประเด็นเรื่องนี้ก็สามารถทดสอบความรู้ความสามารถ ประสิทธิภาพ ภาวะความเป็นผู้นำประเทศของนายอภิสิทธิ์ และนางยิ่งลักษณ์ ได้แล้วว่าทั้งสองคนนี่มันเด็กละอ่อนทั้งคู่ จะเอามันมาทำอะไรสองคนนี้ ถ้าสองคนนี้มาเป็นนายกฯ ประเทศชาติบ้านเมืองฉิบหายแน่ครับ ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย

คนหนึ่งก็หน่อมแน้ม พูดจาแบะๆๆๆ พูดตามสคริปต์ที่เขาเขียนให้ ไม่มีสมองเลย เรื่องนี้ยังไม่แสดงจุดยืนเลยว่าจะปกป้องเกียรติภูมิศักดิ์ศรี แทนที่มันจะพูดเข้าข้างประโยชน์ชาติ ประโยชน์ประชาชนไทย มันกลับไปสนับสนุน ให้สัมภาษณ์สนับสนุนเข้าข้างประเทศกัมพูชา คนแบบนี้จะเอามาทำอะไรครับ

วันนี้ก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก อยากจะพูดในประเด็นนี้ เพราะว่าทั้ง อ.ปานเทพ ทีมงานของพวกเรา ได้ให้ข้อมูลพี่น้องในเรื่องนี้ค่อนข้างละเอียด และเราก็จะติดตามอย่างละเอียดต่อไปว่า ชัยชนะที่เราได้รับมันมาในขั้นหนึ่ง ที่คุณสุวิทย์ยอมถอนตัวนั้น ถือว่าเป็นชัยชนะขั้นหนึ่งแล้ว แต่ชัยชนะขั้นต่อไปที่เป็นชัยชนะขั้นสำคัญ นั่นก็คือ เราจะต้องยึดเอาพื้นที่นั้นคืนมา และขับไล่คนกัมพูชา และทหารเขมรออกไปทุกคน บนแผ่นดินของเรา นั่นคือชัยชนะที่สำคัญ และเราต้องกดดันให้รัฐบาลและทหารต้องทำหน้าที่ในการปกป้องเอกราชและอธิปไตยของเรา นี่คือชัยชนะที่ยั่งยืนและแท้จริงครับ จะต้องไม่ยอมให้เขาเอามติของคณะกรรมการมรดกโลกมาใช้บังคับในพื้นที่นั้นได้เลยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว

นี่คือหน้าที่ของรัฐบาลในวันนี้ แต่รัฐบาลยังไม่ได้ประกาศจุดยืนของตัวเองในเรื่องนี้

การชุมนุมของเราแม้จะยุติลงในวันที่ 1 กรกฎาคม พี่น้องไม่ต้องห่วง หลังจากการเลือกตั้งถ้ามันมีการเลือกตั้ง ถ้ามันไม่พัง ไม่ตายกันไปทั้งสองฝ่ายเสียก่อน เราก็จะรอดูว่าหลังจากการเลือกตั้ง พวกนี้มันจะกัดกันอย่างไร มันจะฆ่ากันยังไง มันจะแย่งกันเป็นนายกฯ อย่างไร มันจะแสดงกำพืดออกมาให้พี่น้องประชาชนเห็นอย่างไร เรารอดูท่าทีสักระยะหนึ่ง เราได้เห็นสันดานของนักการเมืองพวกนี้อย่างแน่นอนครับ ธาตุแท้มันต้องเผยออกมาอย่างแน่นอน และเมื่อสถานการณ์มันเผชิญหน้าปะทะกัน แย่งชิงกันอยากจะเป็นนายกฯ จนไม่คำนึงถึงความถูกต้องใดๆ มันจะมีการดึงตัว ซื้อเสียง ส.ส.มายกมือสนับสนุนตัวเอง มันจะมีกลไกในการที่จะทำลายกันอย่างไร เราได้เห็นแน่ เราถอยมาตั้งฉากสักนิดหนึ่ง รอให้มันฟาดกันให้น่วมก่อนแล้วพวกเราค่อยมากระทืบซ้ำอีกทีหนึ่ง

การถอยฉากออกมาในจังหวะเวลานี้ เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและเหมาะสมของพวกเราแล้ว และก็ถือว่าเราได้ทำหน้าที่ของพวกเราอย่างดีที่สุดแล้วที่ผลักดันและต่อสู้เรื่องนี้มาจนถึงวันนี้ อย่างน้อยที่สุดก็คือทำให้ความจริงได้ปรากฏแล้วว่าสิ่งที่เราพูดมาโดยตลอดนั้น ว่าการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเป็นเพียงเครื่องมือของบรรดาประเทศมหาอำนาจเหล่านั้นที่จะใช้เรื่องนี้มาฮุบเอาแผ่นดินไทย โดยหาผลประโยชน์จากรัฐบาลฮุน เซน อย่างไร เป็นความจริงทุกประการ ใช่มั้ยครับ

ฉะนั้นเมื่อเป็นดังนี้แล้ว ใครก็ตามที่มาเป็นรัฐบาลต่อไป ถ้ายังหน่อมแน้มเหมือนไอ้คนนี้ ตั้งแต่วันแรกที่มันเป็นรัฐบาล ได้เจอพวกเราแน่นอนครับ ไม่ว่าเรื่องไม่ปกป้องเอกราชอธิปไตยของประเทศ ไม่ว่าเรื่องการที่จะมานิรโทษกรรม ไม่ว่าเรื่องที่จะมาแก้กฎหมายฟอกผิดให้กับตนเอง ไม่ว่าเรื่องจะทำชั่วทำเลวทำผิดในเรื่องใดๆ เราจะไม่ยอมให้รัฐบาลชุดใด คณะใด มาทำความชั่วความเลวกับชาติบ้านเมืองอีกต่อไป แม้แต่วินาทีเดียว

เพราะฉะนั้นวันนี้ที่พี่น้องไปพักก่อนน่ะ ไม่ต้องห่วงครับ ไปพักเอาแรง แล้วเราต้องได้กลับมาเจอกันแน่ ถ้าหากว่านักการเมืองชั่วพวกนี้ยังลอยนวลอยู่ พวกเราจะสู้กับมันจนถึงที่สุดจนกว่าพวกนี้มันจะสูญพันธุ์ไปจากชาติบ้านเมืองของเราครับ

เราจะไม่ยอมหยุดยั้งและลดละการต่อสู้ในเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่ภายหลังเลือกตั้งเหตุการณ์มันจะเห็นโฉมหน้าทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในทุกเรื่อง ในทุกด้าน และก็เป็นเวลาที่จะทำให้พวกเราได้มากระชับกำลังของพวกเรา ได้พักฟื้นฟูรวมกำลังของพวกเรา และยืนยันว่าผม และพี่น้องประชาชนคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร และแกนนำทุกคน ยืนยันที่จะยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างกับพี่น้องประชาชนจนถึงที่สุด และจะไม่ปล่อยให้นักการเมืองชั่วเหล่านี้มาปู้ยี่ปู้ยำต่อชาติบ้านเมือง มาหลอกลวงประชาชน มาใช้วาทกรรมต้มตุ๋นตอแหลประชาชนต่อไปอีกอย่างแน่นอนครับ

เอาล่ะครับ วันนี้ก็ถือว่าใช้เวลาพูดคุยกับพี่น้องเพียงแค่นี้ก่อน เรายังมีเวลาที่จะได้พูดกันอีกหลายวัน เพราะยังมีเวลาอยู่ และลุงจำลองยังขอต่อเวลาให้กับพี่น้องอีกด้วยว่า แม้จะปิดวันที่ 1 แล้วอาจจะมีรายการเฉลิมฉลองหลังจากนั้นอีกสัก 1-2 วันด้วยซ้ำไปครับ

ในช่วงสุดท้ายนั้นเราคงมีกิจกรรมที่จะมาพูดคุยกันและมาสนุกสนาน และมาสรุปบทเรียนร่วมกันอย่างแน่นอน ในช่วงนี้เราต้องไปทำหน้าที่ในโค้งสุดท้ายให้ถึงที่สุด เพื่อให้คะแนนโหวตโนออกมาให้มากที่สุด เพื่อเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง และกดดันนักการเมืองที่จะเข้ามามีอำนาจ ในขณะนี้ และหลังจากการเลือกตั้งเมื่อเราทราบผลคะแนนโหวตโนของพี่น้องประชาชนแล้ว เราต้องมีงาน เราต้องมีภารกิจที่จะทำร่วมกันอย่างยิ่งใหญ่เพื่อชาติบ้านเมืองต่อไปอย่างแน่นอนครับ สำหรับวันนี้ก็ขอพูดคุยกับพี่น้องเพียงเท่านี้ พบกันวันมะรืน สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น