xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” ขอถามแม่ยก “มาร์ค” หัวใจทำด้วยอะไร ถึงยังงมงายชื่นชม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์” ย้ำ “มาร์ค” ภาวะผู้นำจบแล้ว ไม่ควรขอกลับมาเป็นนายกฯอีก ถามคนที่ยังงมงายชื่นชมบุคคลผู้นี้ หัวใจทำด้วยอะไร เพราะคิดด้วยหลักเหตุผลควรอัปเปหิออกจากการเมืองไปได้แล้ว ชี้ ถ้า ปชป.ได้เป็นรัฐบาล แดงมาแน่ รับรองบ้านเมืองโดนเผาเป็นจุณ ยันต้อง “โหวตโน” เท่านั้นหยุดวิกฤตชาติ เผย พรุ่งนี้ คกก.ป้องกันราชอาณาจักรฯประชุมถึงจุดยืนหลังเลิกการชุมนุม

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”  

วันนี้ (24 มิ.ย.) นายประพันธ์ คูณมี คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวปราศรัยที่เวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า ประเด็นที่ นายสุเทพ และ นายอภิสิทธิ์ ปราศรัยเมื่อวานที่ราชประสงค์ จุดมุ่งหมายก็เพื่อต้องการเอาประเด็นเรื่องเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองมาหาเสียงเลือกตั้ง แนวคิดหลักการไม่ได้คิดจะแก้ปัญหาเลย แค่ต้องการโจมตีอีกฝ่ายเพื่อหาเสียงเท่านั้น

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ถ้าผู้ชมมีวิจารณญาณจะรู้เลย การที่พรรคการเมืองอยู่ในโค้งสุดท้ายของการหาเสียง ควรแข่งกันที่นโยบาย แต่ฟังทั้งหมดแล้ว ไม่มีการกล่าวถึงเลยว่าจะพาบ้านเมืองให้พ้นวิกฤตอย่างไร

ถ้า นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ คิดว่า มีกลุ่มคนที่เป็นภัยต่อชาติบ้านเมือง ในวันแรกตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาลต้องทุ่มเทร่วมมือกับประชาชนเอาชนะปัญหานี้ให้จงได้ ต้องให้ความรู้ประชาชนในภาคเหนือ ภาคอีสาน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือนายทักษิณ แต่ก็ไม่เคยทำ คนที่ต่อสู้กับระบอบทักษิณแบบเอาเป็นเอาตาย คือ พันธมิตรฯ

“แทนที่จะมองพวกเราเป็นมิตร จับมือกันเอาชนะคนพวกนี้แต่ก็ไม่ทำ แถมยังฆ่าแกนนำพวกเราด้วย คุณสนธิ ก็ถูกยิงโดยคนในรัฐบาลนี่แหละ ถ้าจริงใจกับพวกเรา จะให้พวกเราออกหน้ายอมตายแทนก็ทำได้ แต่เรารู้แล้วว่าคุณเป็นพวกหลอกแดก ตีกิน” นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ตรรกะที่พูดเมื่อวานนี้ แค่จะหลอกประชาชนให้มาเลือกประชาธิปัตย์ นายสุเทพ บอกว่า ถ้า นายจตุพร นายณัฐวุฒิ มาเป็นรัฐมนตรี ตัวเองต้องไปขุดรูอยู่ ขนาดพวกนี้ยังไม่กลับมา นายสุเทพ ก็ไปขุดรูอยู่ที่ราบ 11 แล้ว ในช่วงที่เกิดจลาจล ปล่อยให้ประชาชนเผชิญชะตากรรมโดยลำพัง

มาทำเป็นบีบน้ำตา อ้อนแม่ยก ซึ่งวันนี้หายไปเยอะแล้ว เป็นไปตามบทความ “เบื้องหลังราชประสงค์ที่อภิสิทธิ์ไม่กล้าปราศรัย” ที่ นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล เขียนไว้ว่า รัฐบาลรู้เรื่องพวกเสื้อแดงมานานแล้ว แต่ไม่จัดการ มิหนำซ้ำหลังเกิดเหตุก่อกวนประเทศชาติแล้วมีการออกหมายจับ แทนที่จะดำเนินการทางกฎหมายให้เด็ดขาด แต่เบื้องหลังดันไปจับมือกัน และปล่อยตัวออกมา หวังเอาพวกนี้ออกมาจากคุก เพื่อมาขู่ทหาร เพราะกลัวทหารปฏิวัติ ซักพักก็เล่นบทปรองดอง แก้ปัญหาการเมืองเพื่อผลประโยชน์ตัวเองตลอด  แล้ววันนี้มาพูดหาเสียง ย่ำยีประเทศชาติ เหยี่ยบย่ำพี่น้องประชาชนเพียงหวังผลเลือกตั้งเท่านั้น

ประชาธิปัตย์ ไม่เคยทำอะไรกับคนพวกนั้นอย่างเด็ดขาด นายอภิสิทธิ์ พูดว่า กลัวประชาชนบาดเจ็บล้มตาย กลัวประชาชนเดือดร้อน ตรรกะและวิธีคิดแบบนี้ท้ายที่สุดแล้วทั้งประชาชน ทั้งทหารก็ต้องบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก

นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า นายอภิสิทธิ์ ทำเป็นถามว่าจิตใจนายทักษิณทำด้วยอะไร ไม่ต้องถามจิตใจโจรชั่วหรอก ถามตัวเองดีกว่าว่าจิตใจทำด้วยอะไร ถึงนอนฟังประชาชนตายวันละศพสองศพ อยู่ที่ราบ 11 บอกว่า พยายามทุ่มเทหาวิธีแก้ปัญหาแล้ว ผู้นำประเทศที่เก่ง ฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบในการแก้ปัญหา จะต้องแก้ปัญหาได้รวดเร็ว ไม่ให้ปัญหาบานปลายไปรวดเร็ว แต่ นายอภิสิทธิ์ แก้ปัญหาช้า และไม่มีมาตรการป้องกัน ปฏิบัติการท้ายที่สุดก็บาดเจ็บล้มตายเกิดความเสียหาย

“ภาวะผู้นำจบแล้ว ไม่ควรหน้าด้านกลับมาอีก ถึงไม่เข้าใจว่าบรรดาคนที่ยังหลงงมงายชมเชยนายอภิสิทธิ์อยู่ หัวใจของท่านทำด้วยอะไร ความคิดของท่านคิดด้วยหลักการเหตุผลอะไร นักการเมืองผู้นี้ควรอัปเปหิออกไปจากการเมืองได้แล้ว ยังหน้าด้านขอกลับมาเป็นนายกฯอีก คราวนี้ถ้าเป็นอย่างพระรักเกียรติพูด ท่านมองว่า ประชาธิปัตย์จะชนะเลือกตั้ง เพราะเวลานี้กระบี่เบอร์หนึ่งในการจัดการเลือกตั้งที่สามารถทำชนะยกจังหวัดได้ ในสมัยเป็นผู้อำนวยการพรรคพลังประชาชน นักการเมืองคนนี้ชื่อ น.หนู เวลานี้อยู่กลุ่มเดียวกันกับฝ่ายนี้ ถ้าให้คนนี้ดำเนินการบริหารจัดการเลือกตั้ง อาจจะชนะถล่มทลาย นึกภาพแล้วกันถ้าอันนี้ชนะมา อีกฝ่ายมองว่าไอ้นี่โกงมา รับรองมันมาอีกรอบหนึ่ง บ้านเมืองเผาเป็นจุณแน่” นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวว่า เพราะฉะนั้นโหวตโนจะหยุดวิกฤตบ้านเมือง หยุดความเหิมเกริมของนักการเมืองทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ให้คนโกงชนะ ไม่ให้คนเผาบ้านเผาเมืองชนะ ไม่ให้คนผลาญประเทศชาติ ทำงานไม่เป็นมาชนะ ต้องอาศัยพลังโหวตโนเท่านั้นที่จะหยุดวิกฤตของประเทศ ไม่เช่นนั้นมองไม่เห็นอนาคตของบ้านเมือง

บ้านเมืองที่เดินมาจนทุกวันนี้ ที่วิกฤตบ้านเมืองแก้ไม่ได้เพราะนักการเมือง 2 ขั้ว ไม่มีใครคิดถึงสถาบันชาติ ศาสนา พระมหาษัตริย์ มันต้องการเอาชนะการเท่านั้น

นายประพันธ์ ยังกล่าวว่า พรุ่งนี้คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย จะมีการประชุมกัน ก่อนที่จะยุติการชุมนุม 29 มิ.ย.นี้ เพื่อกำหนดแนวทางว่าหลังจากยุติการชุมนุมแล้วจะเดินหน้ารณรงค์โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งอย่างไร แล้วหลังจากการเลือกตั้งผลคะแนนออกมาเราจะดำเนินการอย่างไร

แต่ยืนยันได้ว่า เวลานี้ปัญหาของประเทศพึ่งใครไม่ได้แล้ว ต้องอาศัยพลังของพี่น้องประชาชน ต้องสามัคคีกันไว้ตลอดไป เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพราะยังไม่รู้หลังเลือกตั้งเหตุการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร รอฟังคำประกาศจากแกนนำ และคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ตอนนี้มี 2 ชุดนี้ที่จะเป็นหัวจักรสำคัญว่าเมื่อผลคะแนนโหวตโนออกมาแล้ว ว่าสถานการณ์หลังเลืกตั้งเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จะแสดงจุดยืนต่อไปอย่างไร รอฟังพรุ่งนี้หลังจากประชุมกันแล้ว

ซึ่งก่อนแยกย้ายกันไป 29 มิ.ย.ต้องมีกิจกรรมสำคัญอีกแน่นอน ส่วนวันที่ 30 มิ.ย.-2 ก.ค. ก่อนมีเลือกตั้งจะมีกิจกรรมอะไรหรือเปล่าก็ต้องรอฟัง เดี๋ยวรอหารือกันก่อนว่า 3 วัน ช่วงสุดท้าย เราจำเป็นต้องพูดกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ต้องตอกย้ำในโค้งสุดท้ายอีกครั้งหนึ่ง

“เขากำลังพยายามทำทุกวิถีทางทำให้พี่น้องไขว้เขว ลงทุนร้องไห้ก็ทำมาแล้ว ความจริงมันต้องร้องไห้ทั้งพรรคไม่ใช่แค่ 2 คน ที่สำคัญถ้าจะให้ดีต้องมาคุกเข่าเอาหัวโขกพื้นให้ประชาชนดูก่อน ว่าตัวเองสำนึกผิดแล้ว แต่ถ้าเล่นปาหี่ตบตาอย่างนี้เมินซะเถอะ ไม่มีทางใจอ่อนให้นักการเมืองเสือ สิงห์ กระทิง แรด เราลิ้มรสความเจ็บปวดจากนักการเมืองเหล่านี้มาหมดแล้ว จะต้องจดจำเก็บไว้เป็นบทเรียน ว่า ไม่ทำผิดซ้ำอีก ไม่ไว้วางใจพวกนี้อีกต่อไป คะแนนของเราไม่มอบให้ใครแม้แต่คะแนนเดียว จะเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้จนได้ เราจะหลีกหนีจากการเมืองน้ำเน่า ขอให้พี่น้องจงเชื่อมั่นที่เราเดินมาวันนี้ถูกต้องที่สุดแล้ว” นายประพันธ์ กล่าว  

คำต่อคำ

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน กราบสวัสดีพี่น้องทางบ้านและท่านที่รับชมอยู่ในต่างประเทศทุกท่านนะครับ วันนี้ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นวันที่พวกเราคึกคักที่สุด จะให้ผมแสดงบทว่าพวกเราคึกคักที่สุด หรือจะให้ผมแสดงบทว่าเป็นวันที่เศร้า อยากจะร้องไห้ที่สุด ผมจะได้พกยาหม่อง พกวาเป็กซ์ ขึ้นมาป้ายตา แล้วก็เช็ดแว่นตาเสียก่อนจะพูด ร้องไห้เสียก่อน รู้สึกสมเพชเวทนามั้ยครับนักการเมืองเหล่านี้

ผมคิดว่ามาพูดเรื่องของพวกเราเสียก่อนนะครับ วันนี้พี่สนธิก็คงอดรนทนไม่ไหวล่ะครับ หลังจากที่ได้ฟังคุณสุเทพ คุณอภิสิทธิ์ ปราศรัยที่สี่แยกราชประสงค์แล้ว หลังจากที่ฟังผมพูดเมื่อคืนนี้ และตื่นเช้ามาก็คงได้ฟังคลิป ได้อ่านคำปราศรัยของนายอภิสิทธิ์ ได้รู้บรรยากาศ ได้เห็นอาการของบรรดาแม่ยกที่ยังงมงายและหลงใหลอยู่บางส่วน กับละคร กับพระเอกละครน้ำเน่าคนนั้น ก็ทำให้คุณสนธิของขึ้นเหมือนกัน

เนื่องจากว่าในโค้งสุดท้ายนี้จำเป็นเหลือเกินที่พรรคที่ไม่ทำอะไร ทำอะไรไม่เป็น และก็ดีแต่พูด อย่างที่ท่านประสงค์พูดว่ามันมี 2 พรรคที่แข่งกันอยู่ คือพรรคที่บอกว่าไม่แก้แค้น แต่แก้ไข กับพรรคที่ทำอะไรไม่เป็น ดีแต่พูด สู้กันอยู่ในขณะนี้ เพราะฉะนั้นในโค้งสุดท้ายนี้ทุกคนรู้แล้วว่าคะแนนโหวตโนนี่มาแรงเหลือเกิน แล้วก็ยังมีพี่น้องประชาชนผู้ใช้สิทธิ์ไม่น้อยกว่า 30% ขึ้นไป ยังไม่ตัดสินใจ เราถึงได้เห็นละครน้ำเน่า บีบน้ำตากันระนาวที่สี่แยกราชประสงค์เมื่อวานนี้ หวังจะหากินกับแม่ยกใจอ่อน และ 35% ที่ยังไม่ตัดสินใจ

ความจริงแล้วเดี๋ยวผมจะพูดให้ฟังว่า ละครน้ำเน่านี้มันเล่นผิดวิก ผิดเวทีครับ เพราะว่ายุคสมัยนี้มันเป็นยุคไอที ข้อมูลข่าวสารทางอินเทอร์เน็ตมันเร็วยิ่งกว่าเครื่องบินความเร็วสูงอีกครับ ใครพูดอะไรไว้ ที่ไหน อย่างไร ทุกคนรู้หมด ในสังคมไอที อินเทอร์เน็ต หรือว่าโซเชียลเน็ตเวิร์ก มันรู้หมดครับ เวลานี้พระเอกละครน้ำเน่าหากินแบบเก่าไม่ได้แล้วครับ เขาจับแหลได้หมด

จะมาเล่นละครน้ำเน่าแบบเดิม ตบตาประชาชน บอกว่านอนร้องไห้ทั้งคืน ร้องไห้ทั้งคืนเพราะมึงบีบสิวกันอยู่ 2 คน ตาบวมหรือเปล่าวะ

แล้วมาถามคนอื่นว่าจิตใจผมมันทำด้วยอะไร ประชาชนต่างหากที่จะถามคุณว่าจิตใจของคุณ 2 คน ทำด้วยอะไร มันถึงนอนบีบสิวกันได้ทั้งคืน

มันหากินไม่ได้แล้ว มุกแบบนี้ เพราะฉะนั้นเดี๋ยวรายละเอียดเราก็จะมาพูดกันเพิ่มเติม หลังจากที่พี่สนธิปูทางไว้แล้วว่า ไอ้บรรยากาศของการพูดคุยและการปราศรัยเมื่อวานนั้น ผมจะชำแหละให้ฟังว่า เขาเรียกว่ากึ๋น หรือว่าตรรกะ หรือวิธีคิด หรือว่าไส้พุงกี่ขดของนายคนนี้ มีอะไรอยู่ในสมอง คิดอะไรอยู่ในใจ จะมาเล่าให้ฟังครับ

ผมน่ะดีใจมากเลยวันนี้ที่ได้เห็นละครน้ำเน่า และได้เห็นคนร้องไห้เมื่อวานนี้ เพราะตลอดเวลามาที่ผมสู้กับไอ้คนๆ นี้ และปราศรัยพูดให้ข้อมูล ความรู้ ข้อเท็จจริงกับประชาชน ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า ผมเป็นคนแรกที่ชนกับนายคนนี้ แกมันไม่ใช่ของจริง แกคือหล่อตอแหล

ในวันแรกๆ ที่ผมมาพูดเรื่องพวกนี้ ไม่ว่าใน ASTV ในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ หรือแม้กระทั่งในเวทีนี้ในช่วงปราศรัยเริ่มแรกใหม่ๆ ผมก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ หรือมีเพื่อนฝูงหลายคน ไม่เข้าใจผม หาว่าผมจงเกลียดจงชัง มีอคติ อย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็เฉยๆ ผมรู้ และก็นึกอยู่ในใจตลอดเวลา สักวันหนึ่งคุณจะรู้ รู้เช่นเห็นชาติของบุคคลผู้นี้ว่าคุณพึ่งไม่ได้ และเป็นคนที่ไม่มีความจริงใจกับประชาชน

มาถึงวันนี้ ผมก็คิดว่าความจริงมันได้เริ่มปรากฏมาโดยลำดับ และทุกคนได้รับรู้แล้วว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นความจริง และผมก็มีความสุขใจว่าผมวิพากษ์วิจารณ์คน ถูกคนครับ แต่ผมจะเสียใจที่สุดในชีวิต ก็คือถ้าผมไปวิพากษ์วิจารณ์โจมตีคนดี คนที่เขาทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง คนที่มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดี ต่อประเทศชาติ ต่อประชาชน แล้วผมไปวิพากษ์วิจารณ์เขาแบบเสียหาย ไม่ให้ความเป็นธรรม ผมจะเสียใจที่สุดในชีวิตของผมครับ

แต่มาวันนี้ผมไม่เคยรู้สึกเสียใจ และไม่เคยรู้สึกสงสาร ไม่เคยรู้สึกเห็นใจเลย ที่เขามาโอดครวญอยู่ในขณะนี้ และผมก็มีความรู้สึกว่าผมวิพากษ์วิจารณ์ถูกคนแล้ว เพราะเขาเป็นคนเช่นนั้นจริงๆ ครับ

และก็ดีใจที่พี่น้องในชาติ ประชาชนทั้งประเทศหูตาสว่าง และมองเห็นว่าคนผู้นี้มันก็เป็นเช่นนี้จริงๆ เป็นบุคคลที่ไม่อาจจะพึ่งได้แล้ว ทั้งหมดทั้งปวงผมคิดว่ามาถึงวันนี้ มาถึงในโค้งสุดท้ายนี้ ผู้หลักผู้ใหญ่คนที่มีความรู้และเวทีของพวกเราพูดนั้น ได้รับการตอบรับและยอมรับว่าเป็นจริงอย่างที่พวกเราพูดทุกประการครับ

เพราะฉะนั้น กล่าวโดยเฉพาะพวกเราที่เหนื่อยยากลำบากและชุมนุมกันมา 5 เดือนนี้ ผมก็คิดว่าเป็นวันที่เรามีความสุขที่สุดวันหนึ่งสำหรับผมและพี่น้องประชาชน คนอื่นๆ ก็คงจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกันครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องที่ออกรณรงค์โหวตโน แจกเอกสาร ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยที่จะทำความเข้าใจ อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างให้คนที่ยังไม่เข้าใจ เว้นแต่คนที่เข้าใจแล้ว แกล้งโง่ หรือทำเป็นดื้อด้าน หรือทำเป็นมาถามเพื่อยียวนกวนประสาทเรา ก็อย่าไปเสียเวลากับคนพวกนั้นเลย แต่ถ้าคนที่ตั้งใจอยากจะรู้ อยากจะเข้าใจจริงๆ พี่น้องเราทำหน้าที่ในการเผยแพร่ความคิดและให้ความรู้เขาอย่างดีที่สุด ทุ่มเท ไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย เป็นพลเมืองไทยที่มีความรับผิดชอบ และห่วงใยชาติบ้านเมือง ควรแก่การยกย่องกราบไหว้นับถือจริงๆ ครับ พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต้องปรบมือให้ดังๆ กับพี่น้องเราทุกคนครับ
แล้ววันนี้ผมก็ไปที่หอประชุมบูรพา หอประชุมศรีบูรพา ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือหอประชุมเล็ก ธรรมศาสตร์ เราจะคุ้นเคยกันเรียกว่าหอประชุมเล็ก มันมีหอประชุมใหญ่ หอประชุมเล็กติดกัน มีงานเสวนาของกลุ่ม Yellow Rose ซึ่งนำโดยท่าน พล.อ.กิตติ รัตนฉายา ผมก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับท่าน แล้วก็สนับสนุนในการที่จะมีกิจกรรมในวันนี้ ก็เห็นพี่น้องประชาชนไปร่วมกิจกรรมมากมาย ล้นห้องประชุมเล็ก หอประชุมธรรมศาสตร์ จนไม่มีที่นั่งและไม่มีที่ยืนเลยครับ ล้นขึ้นไปบนเวทีเลย

เพราะว่าวันนี้มีวิทยากรที่มาพูดหลายท่าน ล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีชื่อเสียง และเราชุมนุมมา 150 วัน ท่านเพิ่งจะมาพูดวันนี้เป็นครั้งแรกครับ ท่านชื่อ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ แล้วก็ท่านยินดี วัชรพงศ์ ต่อสุวรรณ นี่ผมก็เชื่อว่าท่านขึ้นเวทีวันนี้เป็นครั้งแรก ที่หอประชุมธรรมศาสตร์

หลายคนก็คงจะได้ยินได้ฟังพระรักเกียรติ ลักขิตธรรมโม หรืออดีตท่านรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บัดนี้ท่านอุปสมบทเป็นพระแล้ว แล้วก็มาเผยความจริงของโลกและชีวิตความเป็นจริงของนักการเมือง นักเลือกตั้ง ที่ยังเดินขวักไขว่อยู่ในเวทีการเมืองนี้ว่า มันเต็มไปด้วยความโสโครก สกปรก โกง ละโมบโลภมาก และตะกรุมตะกราม บ้ากาม นั่นล่ะครับ คือนักการเมืองไทยในปัจจุบันนี้

ทุกคนคงได้เห็นไส้ทุกขดแล้วว่า ระบบเลือกตั้ง วิธีการที่นักการเมืองจะเข้าสู่อำนาจเป็นอย่างไร แล้วยังมีท่าน ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล พล.อ.อ.อรุณ พร้อมเทพ ท่านเหล่านี้มาพูดให้ความรู้ และเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนในวันนี้ล้นหลามห้องประชุม ตอกย้ำว่าแนวทางโหวตโนของพวกเราเป็นหนทางที่ถูกต้อง ที่จะคลี่คลายปัญหาการเมืองของชาติเราในสถานการณ์ยามนี้

ก็ต้องชื่นชมและปรบมือให้กับท่านผู้มีเกียรติเหล่านั้น ที่กระโดดออกมาในจังหวะเวลาที่เหมาะสม และทำให้พี่น้องประชาชนที่ยังลังเลว่าจะไปโหวตโน หรือไม่โหวตโน ไปกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนหรือไม่ น่าจะตัดสินใจได้อย่างไม่ลังเลแล้ววันนี้หลังจากที่ได้ฟังท่านผู้ทรงคุณวุฒิพูด

โดยเฉพาะในประเด็นข้อกฎหมายเรื่องโหวตโน คะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนนนั้น มีผลต่อการเลือกตั้งอย่างไร คะแนนของผู้สมัครที่จะได้รับจะต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 และจะต้องชนะคะแนนโหวตโน ตามมาตรา 88 , 89 ที่เราอธิบายกันมาทั้งวัน 2-3 วันนี้ วันนี้ท่านยินดี วัชรพงศ์ ต่อสุวรรณ ก็มายืนยันมีความเห็นในทางกฎหมายตรงกับที่ท่านอนุรักษ์ สง่าอารีย์กุล เขียนไว้ทุกประการครับ

ทำให้คุณแก้วสรร ก็คงจะต้องปิดปากตัวเองไปโดยปริยายครับ ไม่มีเหตุที่จะมาโต้แย้งในทางกฎหมายได้เลย

เพราะฉะนั้นคะแนนโหวตโนเป็นคะแนนที่ได้รับการรับรองโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่คะแนนบัตรเสีย และสามารถนำมาคิดได้ว่า ถ้าผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 20 และไม่ชนะโหวตโน ก็ไม่สามารถจะได้รับการรับรองว่าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ครับ ประเด็นนี้ก็ชัดเจน จบ

แต่ในเวทีวันนี้ ต้องยอมรับว่า คนที่พูดได้มัน ได้ตรงประเด็น ได้สาระ ได้สีสัน และได้เนื้อหาสาระมากที่สุด ตรงกับสถานการณ์ ทันกับเหตุการณ์มากที่สุด ต้องยอมรับว่าวันนี้ต้องยกให้ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นพระเอกในวันนี้ครับ ท่านนึกได้อย่างไรครับ ว่า ตั้งฉายารัฐบาลนี้ให้ว่า เป็นรัฐบาลแพลงกิ้งครับ คือมันนอนตายนิ่ง ไม่ทำอะไรเลย 2 ปี 8 เดือน รัฐบาลแพลงกิ้ง ที่มันเป็นพฤติกรรมของวัยรุ่นที่เห่อกันเป็นแฟชั่นของวัยรุ่น ที่แกล้งนอนนิ่ง นอนตายกัน ตามห้องน้ำ ตามราวสะพาน ตามบันได รัฐบาลนี้มันก็เป็นรัฐบาลแพลงกิ้งพอๆ กันกับแฟชั่นของเด็กวัยรุ่น คือนอนนิ่งตาย ไม่ทำอะไรเลยครับ

แต่วันนี้มาโอดครวญ ขอคะแนน ขอโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลอีก 4 ปี เราจะให้โอกาสมั้ยครับ

ผมถึงพูดกับคุณสนธิ และพูดกับท่านประสงค์ว่า นี่นะมันเป็นรัฐบาล 2 ปี 8 เดือน ประเทศไทยโดนเผาไป 2 ครั้ง คือเมื่อสงกรานต์ 10 เมษายน โดนเผา จลาจลป่วนบ้านป่วนเมือง ล้มเวทีประชุมอาเซียน ที่คุณสนธิมาไล่เรียงให้ฟังแล้ว ไปรอบหนึ่งแล้ว มาปี 53 52-53 19 พฤษภาคม เผาบ้านเผาเมืองอีกรอบหนึ่ง 2 รอบ บ้านเมืองเกือบจะมอดไหม้เป็นจุลทั้งประเทศ ขอเวลามาเป็นนายกฯ อีก อ๋อตกลงจะขอเผาอีกรอบหนึ่งให้มันหมดประเทศใช่มั้ยครับ

คุณไม่ทำอะไรเลย แต่อยากจะมาเป็นรัฐบาล อยากมาเป็นนายกฯ อยากไปนอนร้องไห้บีบสิวกันอีกรอบหนึ่งที่ราบ 11 ใช่มั้ย ผมไม่เคยเห็นใครหน้าด้านขนาดนี้ครับ ด้านสุดๆ เลย งานไม่ทำ ทำไม่เป็น ปล่อยให้พวกแดงอันธพาล โจรครองบ้านครองเมือง เผาบ้านเผาเมือง ทำมาเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้น อย่างกับพ่อแม่ตัวเองตายอย่างนั้นล่ะ

คนที่เขาควรจะเจ็บปวด ร้องห่มร้องไห้ เสียอกเสียใจจนกระทั่งทุกวันนี้ บาดแผลเขายังไม่ได้รับการเยียวยา ธุรกิจเขาพังพินาศ ญาติพี่น้องเขาบาดเจ็บ ล้มตาย คนเหล่านั้นต่างหากที่เขาควรจะได้รับความเห็นอกเห็นใจ และร้องไห้สายตาสายเลือดแทบขาด เพราะรัฐบาลไม่เคยเหลียวแลเอาใจใส่พวกเขา ไม่ใช่คุณจะมาแสดงละครปาหี่ บีบน้ำตาร้องไห้ เอายาหม่องทาตา แล้วก็ถอดแว่น เช็ดตาร้องไห้ น้ำตาจระเข้ ไม่มีความหมายเลยครับ

มิหนำซ้ำเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองรอบที่ 1 มาจนถึงวันที่ 10 เมษายน สงกรานต์ เมษายน เผาบ้านเผาเมืองเสร็จ วันที่ 17 เมษายน ระดมยิงคุณสนธิ ลิ้มทองกุล แทบเอาชีวิตไม่รอด คุณทำอะไรบ้างในคดีที่ฆ่าแกนนำพันธมิตรฯ และคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ทุ่มเททั้งชีวิตจิตใจสู้กับโจรชั่วเหล่านั้น สู้กับคนที่คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ คุณไม่เคยเหลียวแลและไม่เคยใยดีเลย แถมถีบหัวส่ง กระทืบซ้ำพวกเราอีกต่างหาก คุณมาโอดครวญหาพระแสงอะไร พวกเราต่างหากที่จะต้องโอดครวญ และทวงบุญคุณจากคุณ ไม่ใช่คุณมาร้องขอโอกาสอันอัปยศอีกครั้งหนึ่ง

เพราะฉะนั้นผมคิดว่าบรรยากาศวันนี้เป็นบรรยากาศที่การเมืองภาคประชาชนมีความคึกคัก เข้มแข็ง ฮึกห้าวเหิมหาญที่สุด ที่จะกวาดล้างนักการเมืองชั่ว นักการเมืองเลว ให้ออกไปจากประเทศไทยและแผ่นดินไทยครับ

อ่านบทความของท่านประสงค์แล้ว ฟังบทปาฐกถาของท่านในเวทีเสวนาวันนี้แล้ว ต้องยอมรับว่าสุดยอดครับ แล้วท่านก็ให้สมญานามว่า การเมืองในประเทศไทยวันนี้มันไม่ได้มีเพียงเสือ สิงห์ กระทิง แรด นอกจากเสือ สิงห์ กระทิง แรด แล้ว ยังมีปู ปลิง ลิง เหี้ย เพลี้ย หมา อีกา ปลาไหล อีกครับ

สรุปแล้วพรรคการเมืองและนักการเมืองทั้งหลายที่เพ่นพ่านอยู่ในเวทีการเมืองนั้น มันพึ่งพาอะไรไม่ได้ ล้วนแต่สัตว์สารพัดพิษ พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย

คนที่ทำตัวเป็นอีเดียต บอกว่า บางคนนะครับทำเป็นโพสต์ข้อความมา รับไม่ได้ที่ไปเปรียบเทียบนักการเมืองเป็นสิงสาราสัตว์อย่างนู้นอย่างนี้ ทำเป็นอีเดียต ไม่ได้รู้สำนึกเลยว่านักการเมืองเหล่านี้มันปล้นกินประเทศชาติ เหยียบย่ำประชาชน ขายชาติขายแผ่นดิน ทำชั่วทำเลวขนาดไหน ทำไมไม่รู้สึกรู้สาบ้าง แค่เขาเปรียบเทียบนักการเมืองเหมือนสิงสาราสัตว์ทำเป็นรับไม่ได้ อีเดียต ก็ควรจะไปลงนรกซะ ถ้ารับไม่ได้

อย่างกับนักการเมืองเหล่านี้เป็นบิดา-มารดา เป็นเทวดา ทั้งๆ ที่คนพวกนี้คือสวะของประเทศ และสวะของสังคม เป็นปลิงดูดเลือดประชาชน เป็นคนที่ไม่เคยนึกถึงคุณงามความดี คุณธรรมจริยธรรมอะไรเลย เหมือนอย่างที่พระรักเกียรติพูดน่ะครับ ละโมบโลภมาก เห็นแก่ได้ เห็นแก่อำนาจ เห็นแก่ผลประโยชน์และทรัพย์สินเงินทอง โกงได้เป็นโกงไม่เคยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง แล้วคุณจะไปให้เกียรติคนพวกนั้นอย่างไร ในเมื่อคนพวกนั้นก็ไม่เคยให้เกียรติกับพี่น้องประชาชนเลยแม้แต่น้อย

ส่วนที่เราทำไมจะต้องโหวตโน ก็ถูกต้องแล้ว ที่ท่านบอกว่ามันมีอาหารอยู่ 3 จาน บอกว่าจานหนึ่งมันเป็นปูผัดปลาไหลยัดไส้หมูโคราช จะกินมั้ย (ไม่กิน) จานที่ 2 เป็นเป็ดยำสะตอแหลใส่ตับกับห้อยจ๊อห่อใบเฟิร์น จะรับประทานมั้ย จานที่ 3 เป็นปูผัดไข่ชั่งกิโล จะเอามั้ย ทั้งหมดนี้มันก็คืออัปรีย์จัญไรผสมกันไปกันมาทั้งนั้น พรรคไหนพี่น้องก็รู้แล้วใช่มั้ยครับ พึ่งพาไม่ได้ทั้งนั้น นี่การเมืองของประเทศที่มันไม่มีทางออกอยู่ในขณะนี้

พวกเราวันนี้ที่มาประชุมกัน และที่มีเวทีเสวนาอยู่ขณะนี้ คือคนที่กำลังคิดหาทางออกให้กับประเทศชาติบ้านเมือง ที่ไม่ยอมจำนนต่อการเมืองระบอบเลวทรามต่ำช้า ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ครับ นี่คือพวกเรา

เพราะฉะนั้นบรรยากาศที่ไปในวันนี้ก็เลยขออนุญาตว่า ไปก็ได้เงินมาด้วยนะครับ ผมไปนั่งฟัง ไปนั่งสังเกตการณ์ มีคนมาบริจาคเงิน มอบดอกไม้มาให้ผมเพื่อให้ผมช่วยมอบให้ท่านประสงค์ สุ่นศิริ พร้อมกันนี้ก็มอบเงินมาด้วย 10,000 บาท มอบกุหลาบมา 3 ดอก

ผมก็บอกว่าเอ๊ะทำไมเขียนบอก มอบให้ท่านประสงค์ ผมก็เลยแกล้งถือเอาไปมอบให้ท่านประสงค์ เอาดอกไม้มอบให้ เขามอบให้ท่านนะครับ แต่ถ้าท่านจะไม่รับแล้วรับแล้วมอบให้ ASTV ผมก็ไม่รังเกียจนะครับ ท่านก็บอก เหรอ เขามอบเงินให้ผมเหรอ เอ้าๆ ถ้าอย่างนั้นมอบให้ ASTV เพื่อไม่ให้จอดับแล้วกัน

ผมก็มีวิธีหักคอด้วยประการฉะนี้ล่ะครับ ก็ได้กลับมา 10,000 บาท นอกจากนั้นก็ไปเจอเพื่อนๆ ของพี่สาวผม เขามาเจอผมพอดี บอกคิดถึง มอบเงินมาให้ ควักเงินเลย บอกว่าฝากมาให้ ASTV 10,000 บาท ให้กองทุนเขาพระวิหารอีก 10,000 บาท เพื่อนๆ ของพี่หยุงที่อยู่อเมริกา พี่สาวที่เคารพรัก ก็ฝากมาคนละ 10,000 บาท ได้มาเป็น 30,000 แล้ว แล้วนี่เดินมาชนผม ชนปั๊บ อ้าวคุณประพันธ์เหรอครับ ให้ ASTV 1,000 บาท กองทุนพระวิหารอีก 1,000 บาทครับ

แล้วยังมีอีก 3,000 บาท เดินมาชนผมเหมือนกัน ผมกำลังจะทานข้าว พอชนปั๊บ ค่าชนแพงหน่อย บริจาคช่วย ASTV 3,000 บาท ก็ได้มาหลายตังค์ครับวันนี้ ไปงานนี้ก็เรียกว่าไม่ขาดรายได้ครับ ทำหน้าที่ช่วยพี่น้องที่ชุมนุมอยู่ที่นี่ และก็ช่วย ASTV ด้วย

รายการเสวนาวันนี้ที่หอประชุมธรรมศาสตร์ ผมก็คิดว่าเป็นรายการซึ่งได้ถ่ายทอดไปแล้ว พี่น้องประชาชนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ หรือไม่ได้ติดตามรับชม ก็คงจะเปิดเข้าไปดูในเว็บไซต์ได้นะครับ คงมีคลิปที่ manager online ทำไว้ให้ พี่น้องอยากจะฟังคำอภิปรายความเห็นของแต่ละท่านอย่างไรก็ติดตามชมได้ ทั้งหมดนี้ยืนยันได้ว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีความรู้ในบ้านในเมือง ถ้าท่านไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวใดๆ แอบแฝง ท่านไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองใดๆ กับนักการเมือง ท่านก็แสดงจุดยืนของท่านด้วยความสุจริตใจ เห็นด้วย และสนับสนุนการต่อสู้ของพวกเรา สนับสนุนการโหวตโน เพื่อเรียกร้องและนำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทย

ทีนี้ ในประเด็นของคุณอภิสิทธิ์ คุณสุเทพ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ปราศรัยเมื่อวานนี้ ผมอยากจะเพิ่มเติมจากที่คุณสนธิพูด เพื่อให้พี่น้องได้เข้าใจว่า ประการที่ 1 ทำไมเขาถึงต้องมาเปิดเวทีปราศรัยอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์ พี่น้องคงรู้แล้ว จุดมุ่งหมายไม่มีอะไรครับ ต้องการจะเอาประเด็นเรื่องนี้มาเป็นประเด็นในการหาเสียงเพื่อการเลือกตั้ง แนวคิด หลักการ ความคิดของเขา เขาไม่ได้คิดอะไรเลย ธาตุแท้ นี่ผมจะพูดให้ ถ้าผมเอาขวานผ่าไปกลางอกของนายอภิสิทธิ์นะ ในกึ๋น ในสมองของคุณน่ะ คุณไม่ได้คิดว่าคุณจะมาพูดเรื่องนี้เพื่อจะมาแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติบ้านเมือง คุณคิดเพียงจะหยิบยกเอามาเป็นประเด็นหาเสียงเพื่อโจมตีอีกฝ่ายหนึ่ง สร้างคะแนนนิยมให้กับตัวเองเท่านั้น คุณไม่ได้มีเจตนารมณ์ที่อยากจะแก้ปัญหาเรื่องนี้จริงๆ เพราะอะไรครับ ถ้าพี่น้องผู้มีการศึกษา มีวิจารณญาณ ฟังปราศรัยเมื่อวานนี้จะรู้เลยว่า การที่พรรคการเมืองอยู่ในโค้งสุดท้ายที่รณรงค์หาเสียง มีแต่เขาแข่งกันในเชิงนโยบาย ว่าจะทำอะไรให้กับประเทศชาติบ้านเมือง ถ้าตัวเองกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง จะแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติบ้านเมืองในแต่ละด้านอย่างไรบ้าง ด้วยวิธีการ แนวทาง นโยบายอย่างไรบ้าง พี่น้องฟังทั้งหมดแล้ว เคยได้ยินมั้ยครับว่าเขาจะพาประเทศชาติหลุดพ้นจากวิกฤตของบ้านเมืองด้วยกลยุทธ์ ด้วยวิธีการ ด้วยแผนในการแก้ไขปัญหาอย่างไร เขาไม่เคยพูดเลยใช่มั้ยครับ

แล้วถ้าคุณอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์คิดว่ากลุ่มคนเสื้อแดง พวกชายใส่ชุดดำที่ติดอาวุธ การเคลื่อนไหวที่ก่อจลาจล เผาบ้านเผาเมือง เป็นปัญหาของประเทศชาติบ้านเมือง เป็นภัยคุกคามต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และความมั่นคงของชาติแล้ว ในวันแรกตั้งแต่ที่เขาเข้ามาเป็นรัฐบาล เขาต้องทุ่มเท ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อจะร่วมมือกับประชาชน เอาชนะและแก้ไขปัญหานี้ให้จงได้ ใช่มั้ยครับ ถ้าคุณตั้งใจจะแก้ไขปัญหานี้จริง คุณจะต้องให้ความรู้ ข้อมูล กับพี่น้องประชาชนชาวอีสาน ชาวเหนือ ประชาชนทั่วประเทศ อย่าไปตกเป็นเครื่องมือของนายหน้าเหลี่ยมให้มาปลุกปั่นยุยงหลอกประชาชนไปตาย และก่อกวนเผาบ้านเผาเมือง ใช่มั้ยครับ

คุณเคยให้ความรู้เหล่านี้กับพี่น้องประชาชนในบ้านผมมั้ย คนอีสานเคยรู้มั้ยว่าทักษิณนี่คือโจร คืออาชญากร คือนักการเมืองชั่ว นักการเมืองเลว ปล้นบ้านกินเมือง โกงชาติโกงแผ่นดินอย่างไร คุณเคยพูด เคยหลุดออกจากปากคุณและคณะรัฐมนตรีของคุณ สื่อของรัฐ ทีวีของคุณ เคยให้ความรู้เหล่านี้กับพี่น้องร่วมชาติมั้ยครับ คุณไม่เคยพูดเลย และคนที่จะต่อสู้กับทักษิณ และระบอบทักษิณอย่างเอาจริงเอาจัง เอาเป็นเอาตาย คือคนอย่างพวกเราใช่มั้ยครับ

คุณเคยมองว่าพวกเราเป็นมิตร เป็นประชาชนที่จะร่วมกันกู้บ้านกู้เมือง กวาดล้างคนชั่วคนเลวออกจากแผ่นดิน ร่วมกับรัฐบาล จับมือกันมั้ย คุณก็ไม่ทำ ไม่ทำแล้วคุณยังฆ่าแกนนำของพี่น้องประชาชน สนธิ ลิ้มทองกุล ถูกยิงโดยคนในรัฐบาลของคุณอีกต่างหาก

นี่ไงคือสันดานของเขา พี่น้อง แม่ยกที่ไปงมงายเขา จงฟังเอาไว้ ถ้าเขามีความจริงใจกับพวกเรา พวกเราจะออกหน้าตายแทนเขาก็เคยทำมาแล้ว ใช่มั้ยครับ แต่วันนี้พวกเรารู้แล้วว่าคุณมันเป็นเพียงพวกหลอกแดก ตีกิน แล้วก็เนรคุณประชาชน เขาถึงไม่เอาคุณ คุณมาพูดอะไร เขาถึงบอกไอ้นี่มันแหลลงตับ นี่ไงคือที่มา

เพราะฉะนั้นตรรกะของคุณที่คุณไปพูดเมื่อวานนี้ คุณพูดเพื่อจะบอกว่าที่บ้านเมืองมันวุ่นวาย เผานู่นเผานี่ มาจากไอ้พวกนั้น เหตุผลของคุณเพียงเพื่อจะหาเสียง เอาคะแนนนิยมใส่ตัว หลอกประชาชนที่หวาดกลัวพวกนั้นว่าถ้าคิดว่ากลัวพวกนั้นให้มาเลือกคุณ คำถามก็คือ ไอ้คนที่เขาเคยเลือกคุณมาแล้ว ให้โอกาสคุณมาแล้ว คุณสู้กับพวกนั้นจริงหรือเปล่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ บอกว่าถ้าพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล ณัฐวุฒิ จตุพร กลับมาเป็นรัฐมนตรี เขาเห็นทีต้องไปขุดรูอยู่ เขาพูดอย่างนั้น ใช่มั้ยครับ นายสุเทพพูดอย่างนั้น ผมก็ขอตอบคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่า นายณัฐวุฒิ นายจตุพร ไอ้หน้าเหลี่ยม พวกนี้มันยังไม่กลับมาเลย แกยังไปขุดรูอยู่ในราบ 11 แล้ว ไงครับ

คุณเป็นรัฐบาลอยู่แล้ว คุณเป็นนายกฯ เป็นรองนายกฯ ควบคุมตำรวจ ทหาร ก็ยังไปมุดหัวขุดรูอยู่ในราบ 11 ไงครับ ปล่อยให้ประชาชนเผชิญชะตากรรมด้วยตนเองโดยลำพัง คุณไม่ต้องพูดเลย คุณจะไปขุดรูอยู่ที่ไหนก็ไป ดี ให้ดีที่สุดคือไปวันนี้เลยดีกว่าครับ ถ้าพวกนั้นมา ไม่มีวันที่พวกเราจะไปขุดรูอยู่ เราจะออกมาเดินอย่างองอาจผ่าเผย และจะสู้กับมันจนถึงที่สุด ใช่มั้ยครับ

จะไปกลัวอะไร คนพวกนี้ ถ้าคุณกลัว คุณไปไกลๆ ไปขุดรูอยู่ที่พุนพิน สุราษฎร์ธานี อย่าโผล่มาให้ประชาชนเห็นหัวเลย เพราะฉะนั้นวิธีคิดของคุณ คุณมาพูดเพียงเพื่อจะหาคะแนนใส่ตัว คุณไม่ได้พูดเพื่อต้องการจะมาแก้ไขปัญหาชาติ ถ้าคุณต้องการแก้ไขปัญหาชาติ เมื่อวานนี้คุณพูด คุณหลั่งน้ำตา แล้วผมถามว่าถ้าเขาเลือกคุณกลับมาเป็นนายกฯ ทำไมคุณไม่เสนอนโยบายว่า ถ้าผมกลับมาอีกครั้งหนึ่งผมจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด คุณก็ไม่มีแนวนโยบาย ไม่มีแผนงาน ไม่มีแนวคิด ไม่มีวิธีการที่จะนำเสนอกับประชาชนเลย แม้แต่น้อยเดียว ใช่มั้ยครับ

นอกจากทำมาเป็นบีบน้ำตา หวังจะได้คะแนนเสียงจากแม่ยก จากประชาชน ที่เขายังหลงในตัวคุณ ซึ่งวันนี้มันหายไปเยอะแล้ว เขาเบื่อละครน้ำเน่าบทนี้ไปแล้วครับ

กลยุทธ์ของคุณนี่นะ ผมคิดว่าเป็นไปอย่างที่บทความของคุณจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ลูกชายคุณสนธิ เขียนบทความว่า เบื้องหลังราชประสงค์ที่อภิสิทธิ์ไม่กล้าปราศรัย คุณจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ลูกชายของคุณสนธิ เป็นเชื้อไม่ทิ้งแถว จะเป็นทายาทที่สืบภารกิจต่อจากคุณสนธิได้เป็นอย่างดี ถ้าอ่านบทความบทนี้แล้ว แสดงว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีวิธีคิด มีวิสัยทัศน์ มีมุมมอง มีการวิเคราะห์ปัญหาอย่างเข้าถึงปัญหาและรู้ต้นตอของปัญหา ต่างจากลูกชายของสุทธิชัย หยุ่น ที่ไปเซ็นชื่อขอแก้กฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา 112 คือบทกฎหมายที่ไม่มีบทคุ้มครองต่อพระมหากษัตริย์อีกต่อไป ถามว่าคุณปราบดา หยุ่น มาตรา 112 นั้นมันหนักกบาลพวกคุณตรงไหนครับ

มันทำให้พวกคุณเขียนหนังสือ บรรดานักเขียนคิดงานวรรณกรรมอะไรไม่ออกได้อย่างไร ประเทศไทยมีนักเขียนวรรณกรรมเยอะแยะ ไม่เห็นใครเขาเดือดร้อนกับมาตรา 112 เลย คุณอยากให้ยกเลิกมาตรา 112 เพราะคุณจะได้เขียนโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ได้โดยอิสระเสรีใช่มั้ย คุณถึงอยากให้ยกเลิก มันก็มีแค่นี้

แต่คุณจิตตนาถ ไม่ได้เป็นคนแบบนั้น คุณจิตตนาถ เขียนเบื้องหลังราชประสงค์ที่อภิสิทธิ์ไม่กล้าพูด คืออะไรครับ คือแท้จริงแล้วที่คุณอภิสิทธิ์พูดถึงเรื่องคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง และก่อเหตุรุนแรงนั้น คุณอภิสิทธิ์รู้แล้ว รู้มาตั้งแต่ต้น แต่ทำไม 1. ไม่คิดจะจัดการ ทำไมเอาเรื่องนี้มาพูดเพียงเพื่อจะหาเสียงกับประชาชนเท่านั้น แล้วก็จบกันไป เห็นมั้ยเขายังมองออกครับ มิหนำซ้ำ หลังเลือกตั้งมวลชนเสื้อแดงได้ก่อเหตุวุ่นวาย จลาจล คุณออกหมายจับอะไรต่างๆ เขาเรียบร้อยแล้ว แทนที่คุณจะดำเนินการกับเขาตามกฎหมายโดยเด็ดขาด คุณกลับหาทางที่จะไปปรองดองกับเขา ลับหลังแอบจับมือเขา โดยหวังว่าจะยืมมือพวกเสื้อแดงเอาออกมาจากคุกไว้เพื่อต่อต้าน เพราะกลัวว่าทหารจะปฏิวัติ คุณก็ใช้วิธีแก้ปัญหาแบบเอาประโยชน์เพื่อตัวเองอย่างเดียว ไม่เคยยึดถือประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง จึงเป็นที่มาของการปล่อยวีระ ประกันตัวแกนนำเสื้อแดง หวังจะเอาพวกนี้มาขู่ทหาร กลัวทหารจะปฏิวัติ พอสักพักก็ไปเล่นบทปรองดอง คือคุณแก้ปัญหาการเมืองเพื่อตัวคุณเองมาโดยตลอด แล้ววันนี้คุณมาพูดเพื่อหาเสียงอีกต่างหาก คุณย่ำยีประเทศชาติ เหยียบย่ำพี่น้องประชาชน เพียงหวังผลชนะการเลือกตั้งเท่านั้น

ถ้าย้อนกลับไปดูม็อบเสื้อแดงที่ก่อเหตุรุนแรง ก่อเหตุวุ่นวาย อย่างที่คุณสนธิไล่ลำดับมา พี่น้องเห็นมั้ยครับ คุณอภิสิทธิ์และรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยทำอะไรเลยที่จะจัดการกับคนเหล่านั้นโดยเด็ดขาด คุณอภิสิทธิ์พูดอยู่อย่างเดียว บอกว่าถ้าจะจัดการอะไรลงไป ก็กลัวว่าประชาชนจะบาดเจ็บ ล้มตาย เดือดร้อน

ตรรกะและวิธีคิดของคุณอภิสิทธิ์ ท้ายที่สุดแล้วประชาชนต้องบาดเจ็บล้มตาย สุดท้ายบาดเจ็บล้มตายทั้งประชาชนและทหารมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยครับ นี่คือวิธีคิดอันโง่เขลาของผู้นำประเทศเรา

ผมยกตัวอย่างง่ายๆ ครับ ถ้าโจรมันจับญาติพี่น้องคุณมาเรียกค่าไถ่ เอามีดจ่อคอหอยอยู่ คุณจะทำอะไรมั้ย หรือคุณไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวว่าญาติพี่น้องคุณจะบาดเจ็บล้มตาย แต่โจรมันก็ไม่ยอม สุดท้ายมันก็ต้องหาวิธีการยิงโจร หรือจับโจร ชาร์จโจร แย่งอาวุธออกจากมือ คนที่เป็นตัวประกันอาจจะบาดเจ็บบ้าง แต่ก็ยังรอดชีวิต ใช่มั้ยครับ

แต่ถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้มันลากดึงเอาตัวประกันไปฆ่าจนตาย แล้วคุณบอกไม่กล้าทำอะไรเลย เพราะตัวประกันและคนร้ายก็เป็นคนไทยเหมือนกัน เหมือนพยายามจะบอกว่าคนที่มาชุมนุม คนที่ติดอาวุธ คนที่ก่อการร้าย ก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ไม่อยากให้มีใครเจ็บใครตาย พี่น้องครับ ในระบอบประชาธิปไตย ถ้าผู้นำจะต้องตัดสินใจเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ ถ้าหากว่าไอ้โจรหรือผู้ร้ายมันจะต้องตาย มันก็ต้องสมควรตาย เพราะมันเป็นผู้ก่อการร้าย และเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง ใช่มั้ยครับ

คุณต้องคิดทุกวิถีทางที่จะช่วยพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ก่อนที่จะเกิดเหตุรุนแรง คุณก็ไม่ทำอะไร ปล่อยให้เขาซ่องสุมกำลัง ใช้สวนลุมพินีเป็นที่ตั้งกองกำลัง ความจริงแล้วทันทีที่คนพวกนี้เคลื่อนขบวนมา และมีการข่าว รู้ว่ามีกำลังอาวุธซ่องสุมอยู่ในนั้น มันต้องจัดการเสียตั้งแต่ต้นลม ไม่ใช่ให้มันมาใช้โล่มนุษย์ ประชาชนเป็นโล่กำบัง ใช่มั้ยครับ นี่คุณก็ไม่ทำอะไรในตอนแรก

และในบริเวณสวนลุมพินี รู้อยู่แล้วว่าไอ้พวกนี้ซ่องสุมกำลังอาวุธ ยิงถล่มเข้ามาในสีลมทุกวัน คุณควรจะใช้กำลังเข้าจัดการกับคนพวกนั้น หรือสลายการชุมนุม หรือใช้กำลังชุดจู่โจมพิเศษเข้าปฏิบัติการกับกองกำลังเหล่านั้น ความจริงแล้วมันควรจะทำตั้งแต่เขาขนอาวุธ ขนยางมา เข้ามาในที่ชุมนุมแล้ว ตำรวจ ทหาร คุณตั้งด่านอยู่ตลอดเวลา แต่เพราะคุณไม่มีน้ำยา คุณจึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แล้วทำไมคุณไม่รู้จักโทษตัวเองและแสดงความรับผิดชอบในความบกพร่องในหน้าที่ของคุณบ้าง ไม่มีเลยใช่มั้ยครับ ไม่เคยโทษตัวเองเลย โทษแต่คนอื่น

ผมถึงบอกว่าที่คุณมาถามว่า จิตใจของทักษิณมันทำด้วยอะไร ทำไมมันถึงกล้าเผาบ้านเผาเมือง ทำไมกล้าก่อเหตุรุนแรงอย่างนี้ คุณไม่ต้องไปถามหรอกว่าจิตใจของโจรทำด้วยอะไร จิตใจของคนชั่วมันทำด้วยอะไร คุณไม่ต้องไปถาม แต่ที่คนเขาจะถามก็คือว่า จิตใจของคุณต่างหาก ทำด้วยอะไร คุณจึงปล่อยให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เผชิญชะตากรรมอยู่โดยลำพัง

โรงพยาบาลจุฬาฯ ประชาชนแถวสีลม สมเด็จพระสังฆราช ประชาชนในต่างจังหวัด เดือดร้อนไปหมด คุณทำอะไร จิตใจของคุณทำด้วยอะไร ถึงนอนฟังประชาชนตายวันละศพ สองศพ ที่ราบ 11 กับนายศิริโชคได้ โดยไม่มีอนาทรร้อนใจ

คุณบอกว่าคุณได้พยายามทุ่มเทคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาแล้ว พี่น้องครับ เวลาเราจะพิจารณาประสิทธิภาพของผู้นำประเทศ ผู้นำประเทศที่เก่ง ที่ฉลาด ที่กล้าหาญ มีไหวพริบปฏิภาณ ในการแก้ไขปัญหา เรื่องเกิดขึ้นเขาต้องสามารถหยุดยั้งปัญหา ไม่ให้ขยายตัวไปอย่างลามปามในเวลาอันรวดเร็ว นายอภิสิทธิ์ใช้เวลาแก้ไขปัญหา กว่าจะแก้ไขปัญหาหนึ่ง ใช้เวลาช้า ไม่มีมาตรการป้องกัน เมื่อเกิดเหตุแล้วก็ใช้เวลาช้า แล้วเมื่อเวลาปฏิบัติการแก้ไขปัญหา ท้ายที่สุดก็บาดเจ็บล้มตาย เสียหายมากยิ่งกว่าผู้นำคนอื่นๆ ที่เคยแก้ไขปัญหามาด้วยซ้ำไป

แล้วถ้าดูตัวอย่างของผู้นำประเทศอื่น อเมริกา ตึกเวิลด์เทรดโดนถล่ม มันตามไล่ล่าบิน ลาดิน จนกระทั่งสุดท้ายล่าบิน ลาดิน สำเร็จ จะผิดจะถูก จะชั่วจะดี นั่นอีกเรื่องหนึ่ง แต่มันสะท้อนว่าเขาไม่ปล่อยให้ประชาชนพลเมืองของเขาตายฟรีๆ

ที่ประเทศอังกฤษ ผู้ก่อการร้ายไปวางระเบิด หรือที่รถไฟใต้ดิน มีคนบาดเจ็บล้มตาย ผู้นำอังกฤษเขาตามไล่ล่าจับกุมดำเนินการกับผู้ก่อการร้ายในทันที และสามารถดำเนินการกวาดล้างจับกุมผู้ก่อการร้ายได้ ไม่ว่าจะไปหลบอยู่ในซอกหลืบไหน เขาก็ต้องดำเนินการโดยเด็ดขาด นี่คือภาวะผู้นำประเทศครับ เขาจะไม่ยอมให้กฎหมู่ หรือว่าอันธพาล หรือการก่อการร้าย การกระทำผิดกฎหมายอยู่เหนือนิติรัฐ นิติธรรม และหลักนิติธรรมของบ้านเมือง แต่ผู้นำประเทศของเรา นายอภิสิทธิ์ทำยังไงครับ ผู้ก่อการร้าย คนเผาบ้านเผาเมือง เห็นอยู่ทนโท่ ออกหมายจับ ดีเอสไอดำเนินคดีแล้ว พ่อเจ้าประคุณปล่อยมันออกมา ประกันตัวออกมา วันนี้มันเดินลอยชายอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง แถมมาสมัครผู้แทน พร้อมจะกลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกต่างหาก นี่ไงผู้นำประเทศไทย

ภาวะผู้นำของคุณแค่นี้มันก็จบแล้ว คุณไม่ควรจะหน้าด้านกลับมาอีกแล้ว

ผมจึงไม่เข้าใจว่าบรรดาคนที่ยังไปหลงงมงายและชมเชียร์บุคคลผู้นี้อยู่นั้น หัวใจของท่านทำด้วยอะไรครับ ความคิดของท่านคิดด้วยเหตุและผลในหลักการอะไร โดยหลักการแบบนี้นักการเมืองผู้นี้ควรจะอัปเปหิตัวเองออกไปวงการการเมืองได้ตั้งนานแล้ว

ยังมีความหน้าด้านที่จะมาขอโอกาสกลับมาเป็นนายกฯ อีก ผมถึงบอก คุณมาเป็นนายกฯ อีกรอบหนึ่ง ประเทศก็คงต้องถูกเผาเป็นจุลอีกรอบหนึ่งแน่ๆ ครับ

และคราววนี้ถ้าเป็นไปอย่างที่พระรักเกียรติพูด พระรักเกียรติมองว่าพรรคประชาธิปัตย์จะชนะเลือกตั้ง จะชนะแบบไหน คือเวลานี้กระบี่มือหนึ่งในการจัดการเลือกตั้ง ที่สามารถยกจังหวัด ชนะเลือกตั้งถล่มทลายมาได้ในสมัยที่เป็นผู้อำนวยการพรรคพลังประชาชน ชื่อนักการเมืองที่ชื่อ น.หนู พี่น้องรู้แล้วใช่มั้ยครับว่าใคร

เวลานี้มันอยู่กับพรรคร่วมรับประทาน อยู่กลุ่มเดียวกันกับพรรคฝ่ายนี้ ท่านมองว่าถ้าไอ้คนนี้ดำเนินการบริหารจัดการวางแผนการเลือกตั้ง โอ้โห อาจจะชนะถล่มทลาย เพราะเมื่อก่อนมันโกง ยังไม่มีตำรวจ ทหาร ข้าราชการช่วย วันนี้มีตำรวจ ทหาร ข้าราชการช่วย มีเงิน มีเครื่องไม้เครื่องมือครบทุกอย่าง มีเหรอมันจะแพ้ นี่เขามองว่ามันจะชนะ ถ้าเป็นอย่างนี้ นึกภาพเอาแล้วกันครับ ไอ้นี่ชนะมา ไอ้นั่นก็หาว่ามึงชนะมาเพราะมึงโกงกู รับรองครับ มึงมาอีกรอบหนึ่ง บ้านเมืองเผาเป็นจุลแน่ครับ

เพราะฉะนั้นการโหวตโนของพวกเรานี้จะหยุดยั้งวิกฤตของบ้านเมือง หยุดความเหิมเกริมของนักการเมืองทั้งสองฝ่าย ไม่ให้คนโกงชนะ ไม่ให้คนเผาบ้านเผาเมืองมาชนะ ไม่ให้คนผลาญประเทศชาติทำงานไม่เป็นมาชนะ ต้องอาศัยพลังโหวตโน ไม่ประสงค์ลงคะแนนของพี่น้องเท่านั้นที่จะหยุดวิกฤต และหยุดปัญหาการเมืองของประเทศ ไม่เช่นนั้นแล้ว มองไม่เห็นอนาคตของบ้านเมือง

เพราะฉะนั้น พี่น้องครับ บ้านเมืองที่มันเดินมาจนกระทั่งทุกวันนี้ วิกฤตของบ้านเมืองมันแก้ไม่ได้ ปัญหาเดิมๆ ที่สะสมกันมา ก็ยังแก้ไม่ได้ ยังหมักหมม รอวันปะทุอยู่นั้น เพราะนักการเมืองทั้งสองขั้ว ทั้งสองฝ่ายนั้น ไม่มีใครคิดถึงประเทศชาติบ้านเมือง สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เลยแม้แต่น้อย มันคิดจะเอาชนะ และเอาชนะการเลือกตั้งเท่านั้น ขอให้มันได้กลับมาเป็นรัฐบาล

เพราะฉะนั้นเมื่อคนพวกนี้อยากชนะการเลือกตั้ง ให้มันมาร้องไห้น้ำตาเช็ดรองเท้าผม มันก็ทำครับ ถ้าบอกว่า เอ๊ย มาร้องไห้แล้วเอาน้ำตามาเช็ดรองเท้าผมแล้วจะได้เป็นนายกฯ มันก็ทำครับ ทุกอย่างทำได้หมด

แต่เผอิญว่าวันนี้โลกมันเจริญไงครับ ทุกคนรู้หมดแล้วว่านักการเมืองคนนี้เคยพูดอะไรไว้ ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร พอเอาข้อเท็จจริงมาเรียงลำดับ เหมือนอย่างที่คุณสนธิมาเรียงนี่นะ โกหก หากินไม่ได้อีกต่อไปแล้วครับ ตอแหลไม่ได้แล้ว บทเดิมๆ หากินไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นสมัยก่อน ปราศรัยบีบน้ำตาอย่างนี้ โอ้โห คนได้ฟัง ไม่เคยเห็นภาพ ไม่เคยเห็นข้อความ ไม่เคยดูอินเตอร์เน็ต ไม่เคยฟังว่าไอ้หมอนี้มันแหลไว้ยังไงบ้าง ไม่เคยรู้ข้อเท็จจริงว่าอะไรเป็นอะไร ไม่มีใครมาพูดให้ฟังเหมือนอย่างเราพูดอย่างนี้ ก็อาจจะเคลิ้ม คล้อยตาม หลงเชื่อ สงสาร เห็นใจ แต่พอคนเขารู้ความจริงเข้ามาปั๊บ เขาทุเรศและหมั่นไส้ครับ เขาสะอิดสะเอียนและอยากจะอ้วก

เพราะฉะนั้นวันนี้เรื่องของการเมืองการเลือกตั้งในช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนที่เราจะมีการยุติการชุมนุมในวันที่ 29 พรุ่งนี้คณะกรรมการก็คงจะประชุมกันเพื่อจะกำหนดแนวทางว่า หลังจากมีการยุติการชุมนุมแล้วเราจะเดินหน้าในการรณรงค์โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนี้อย่างไร และหลังจากการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ผลคะแนนออกมาแล้ว เราจะดำเนินการอย่างไร เราจะดำเนินงานแนวทางทางการเมืองของพวกเราอย่างไร แต่ยืนยันได้ว่า เวลานี้ปัญหาของชาติบ้านเมืองนั้น ไม่มีใครที่จะพึ่งได้แล้ว มีแต่พลังของพี่น้องประชาชน เราจะต้องรัก จะต้องรวม จะร้องสามัคคีกันไว้ตลอดไปครับ

พวกเราเป็นเหมือนทหาร ที่สำรองกองกำลังสำรองของชาติ เมื่อไรที่รวมพล เราก็พร้อมจะมาใช่มั้ยครับ พร้อม/ไม่พร้อม (พร้อม) พร้อมปรบมือดังๆ หน่อย เมื่อไรที่ชาติต้องการ พร้อมมา/ไม่มา (มา) มา/ไม่มา (มา) ทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อมครับ เรายังไม่รู้ว่าหลังจากการเลือกตั้งนี้ เหตุการณฺ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อไรที่เรายังไม่ประกาศรวมพลกัน ก็ให้ประจำการอยู่ในที่ตั้งของตัวเองนะครับ รอฟังการประกาศของแกนนำของพวกเราที่เหลืออยู่ 4 คน แล้วก็ยังมีคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรอีก ขณะนี้ก็เป็น 2 ชุดที่ทำหน้าที่ในการนำพี่น้องประชาชนอยู่ในขณะนี้

คณะกรรมการทั้ง 2 ชุดนี้ล่ะ ที่จะเป็นหัวจักรสำคัญว่าเมื่อผลคะแนนโหวตโนออกมาแล้ว เมื่อสถานการณ์การเมืองหลังเลือกตั้งเป็นดังนั้นแล้ว เราจะต้องกำหนด เราจะได้บอกพี่น้องว่าจะแสดงจุดยืนและนำพาพี่น้องประชาชนขับเคลื่อนกันไปในทิศทางใด อย่างไรต่อไปครับ

เพราะฉะนั้นก็รอฟังพรุ่งนี้ หลังจากพวกเราประชุมกันแล้ว ก่อนจะแยกย้ายกันไปวันที่ 29 เราก็คงจะต้องมีกิจกรรมสำคัญอีกกิจกรรมหนึ่งแน่นอน ส่วนในช่วงวันที่ 30-1-2 ก่อนวันเลือกตั้ง 3 วัน วันสุกดิบก่อนวันเลือกตั้ง จะมีกิจกรรมอะไรหรือเปล่า ก็รอฟังเหมือนกันครับ ว่าเราจะมีกิจกรรมอะไรมั้ย มีแนวคิดอยู่เหมือนกัน แต่ไว้รอหารือกันก่อนว่า 3 วันในช่วงโค้งสุดท้ายนี้เราจำเป็นต้องพูดกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนชั้นกลางและประชาชนทั่วประเทศที่กำลังจะไปใช้สิทธิ์ มันต้องตอกย้ำกันในโค้งสุดท้ายอีกครั้งหนึ่ง เพราะวันนี้มันเป็นช่วงชิงคะแนนกันครับ ระหว่างพรรคโหวตโน กับพรรคเสือ สิงห์ กระทิง แรด ปู ปลิง ลิง เหี้ย ปลาไหล อีกา ทั้งหลาย

เขากำลังพยายามทำทุกวิถีทางที่จะดึงพี่น้องให้ไขว้เขว ลงทุนขนาดร้องไห้ก็ทำมาแล้ว ความจริงมันต้องมาร้องไห้กันทั้งพรรค ไม่ใช่มาร้องไห้กัน 2 คนครับ แล้วที่สำคัญ ถ้าจะให้ดี ต้องมาคุกเข่าอยู่ตรงนี้แล้เอาหัวโขกกับพื้นให้ประชาชนดูก่อน ว่าตัวเองสำนึกผิดแล้วหรือยัง ที่เดินแนวทางผิดพลาดแบบนี้ แต่ถ้ายังมาแสดงละครปาหี่ ร้องไห้ตบตาประชาชนอยู่อย่างนี้ เมินเสียเถอะ ยังไงพี่น้องประชาชนพันธมิตรฯ และประชาชนไทยทั่วประเทศ ก็จะไม่มีวันใจอ่อนให้กับนักการเมืองประเภทเสือ สิงห์ กระทิง แรด ปู ปลิง ลิง เหี้ย อีกา ปลาไหล ทั้งหลายแน่นอนครับ

เราเจ็บปวดกับนักการเมืองเหล่านี้มาแล้ว เราได้ลิ้มรสความเจ็บปวดจากนักการเมืองพวกนี้มาหมดแล้ว เราจะต้องจดจำและเก็บเอาไว้เป็นบทเรียนว่าเราจะไม่มีวันทำผิดซ้ำอีกในรอบต่อไป เราจะไม่มีวันไว้วางใจคนพวกนี้ต่อไปอีก คะแนนของเราจะไม่ให้ใครแม้แต่ 1 คะแนนเดียวครับ จะมอบให้กับประเทศไทย ประชาชนไทย และเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้จงได้ เราจะหนีออกจากการเมืองน้ำเน่าสัปปะรังเคนี้ไปให้ถึงที่สุดครับ เราจะไม่ก้มหัวให้มันอีกต่อไปแล้ว

ขอให้พี่น้องจงเชื่อมั่นว่าที่เราเดินมานั้นถูกต้องแล้วครับ วันนี้ถูกต้องที่สุดครับ

เอาล่ะ ไม่ได้ร้องเพลงมาหลายวันแล้ว แฟนๆ เรียกร้อง วันนี้บรรยากาศครึ้ม เพราะเห็น อ.ปานเทพ ร้องไป 2 เพลง ผมเอาเพลงเดียวครับ เพลงนี้ล่ะครับกำลังกระหึ่มและตรงจุดที่สุด

(เพลง : ศรัทธา)
กำลังโหลดความคิดเห็น