“จำลอง” ระบุภายใต้ระบอบการเมืองเช่นนี้ แม้ตั้งพรรคมวลชนขึ้นมาปฏิรูปก็ไม่สำเร็จ ยก “พรรคพลังธรรม” ตั้งขึ้นโดย ปชช.เพื่อ ปชช.อย่างแท้จริง กวาด ส.ส.ในกรุงเทพฯเกือบหมด ในที่สุดก็พ่ายแพ้การซื้อเสียง เผยเคลื่อนไหวกับภาค ปชช.มา 9 ครั้งชนะรวด เพราะได้สื่ออย่าง ASTV วอนพี่น้องช่วยกันสนับสนุนอย่าให้จอดับ เพื่อจะได้เป็นเครื่องมือต่อสู้ยามบ้านเมืองมีปัญหาในอนาคต
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
วันที่ 26 มิ.ย. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า จากการประชุมของคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยเห็นควรมีมติเลิกชุมนุมกลางดึกคืนวันที่ 1 ก.ค. แต่ในวันวันที่ 2 ก.ค. เราจะร่วมกันฉลองชัยชนะพร้อมกับอำลาแบบฉบับพันธมิตรฯ ตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น.
พล.ต.จำลองกล่าวว่า การที่รัฐบาลไทยถอนตัวจากภาคีมรดกโลก เป็นเพราะพวกเราใช่หรือไม่ เป็นชัยชนะของทุกคนในประเทศ แต่คนที่ลำบากที่สุดคือพวกเราพันธมิตรฯต้องมากินนอนกลางถนน แม้เวลาจะผ่านไปถึง 5 เดือนกว่า แต่ถือว่าคุ้ม ไม่มียุคไหนที่ชาวบ้านธรรมดา ทหารแก่ ออกมาปกป้องแผ่นดินไทย ต้องขอบคุณรัฐบาลและทหารที่ไม่ทำอะไรจนกระทั่งเราต้องออกมาทำหน้าที่แทน ทั้งที่มีเคลื่องมือทำได้สารพัด เช่น กดดันทางเศรษฐิจ ปิดชายแดน ไม่ส่งไฟฟ้าไปขาย ดั้งนั้น เราต้องเดินหน้าโหวตโนต่อไป เพราะทุกพรรคการเมืองไม่มีพรรคไหนพูดถึงเรื่องเสียดินแดนเลย
ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการบอกว่า โหวตโนไม่มีทางปฎิรูปการเมืองได้สำเร็จ ต้องตั้งพรรคมวลชนขึ้นมาปฏิรูปนั้น ตนยืนยันว่าไม่จริง เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเราเคยมีพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ในนามพรรคพลังธรรม ลงเลือกตั้งปี 2535 เรากวาด ส.ส.ในกรุงเทพฯ จากทั้งหมด 35 คน เราได้ 32 คน ครั้งนั้นได้ ส.ส.ทั้งหมด 47 คนจาก 360 คน โดยไม่ใช้เงินซื้อเสียงเลยสักบาท ถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงมาก
แต่ก็ไม่สามารถปฎิรูปการเมืองได้โดยน้ำมือนักการเมือง เราถูกถล่มด้วยการซื้อเสียง ใช้วิชามารโจมตีอย่างคำว่า จำลองพาคนไปตาย ทั้งนี้ เมื่อเราไม่ได้เสียงมากที่สุดก็ไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ไม่มีผลงานออกมาอย่างเด่นชัด ตามหลักสัจธรรม ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป หากเราไม่ใช้เงินซื้อเสียงอีกในที่สุดก็จะค่อยๆ ฝ่อลงไป ตรงนี้สามารถเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีว่าภายใต้ระบบการเมืองอย่างนี้ การตั้งพรรคมวลชนขึ้นมาปฏิรูปต่อให้เป็นพรรคที่ประชาชนชอบ ก็ไม่สามารถฝ่าดงการซื้อเสียงไปได้
“ตนโชคดีตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ได้ร่วมมือกับพี่น้องสู้มาทั้งหมด 8 ครั้งชนะทั้งหมด ครั้งนี้เป็นครั้งที่เก้า ครั้งแรกคัดค้านกฎหมายทำแท้งเสรีสำเร็จ ต่อมา พ.ค.35 หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจรัฐบาล ปี 2542 ค้านรัฐบาลขายหุ้นบางจากให้ต่างชาติ ปี2549 ต้านกฎหมายเบียร์เหล้าเข้าสภา และครั้งที่ 6-8 กดดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลาออก ซึ่งก็ชนะทั้งหมด และครั้งที่ 9 ก็ชนะเมื่อวานนี้”
พล.ต.จำลองกล่าวต่อว่า ที่เราชุมนุมไล่รัฐบาลมา 3 รัฐบาล จนถึงกรณีเขาวิหาร สำเร็จลงได้ก็แต่ด้วยมีสื่ออย่างเอเอสทีวี หากไม่มีทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ตนอดเป็นห่วงไม่ได้ แอบคิดว่าเราเลิกชุมนุมแล้วเดือน ก.ค. เดือน ส.ค. ใครจะช่วยเอเอสทีวี เห็นใจพนักงานเอเอสทีวี บางเดือนเงินเดือนออกไม่ครบ ออกไม่ตรงเวลา แต่วิทยากรที่มีประสิทธิภาพหลายคน คนเหล่านี้สามารถเข้าไปอยู่ในโทรทัศน์ฟรีทีวีได้สบาย แต่ทำไมไม่ไปอยู่ ทั้งที่เงินเดือนดี ฐานะมั่นคง เป็นเพราะหากเขาไม่มีอุดมการณ์คงอยู่ไม่ได้ วันนี้ตนนึกขึ้นได้ ได้หารือกับคุณศิริลักษณ์ ศรีเมือง ตกลงช่วยเอเอสทีวีเดือนละ 1,000 บาททุกเดือน พี่น้องรู้หรือไม่ คนที่ดูเอเอสทีวีผ่านโทรทัศน์อินเทอร์เน็ต มีจำนวนกว่า 3 ล้านคน เราไม่ต้องการอะไรมาก ขอแค่ใน 30 คนมีคนใจดี 1 คน ในบริจาค 1,000 บาท เพื่อให้เอเอสทีวีคงอยู่และจอไม่ดับ ถ้าช่วยกันได้อย่างนี้ไปรอดแน่ แล้วเราจะมีสื่อใช้เป็นกระบอกเสียงในยามที่เราต้องเผชิญกับปัญหาในอนาคต
มีสื่อช่องไหนบ้างที่ต่อสู้คัดค้านเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง อย่างวันที่ 17 มิ.ย. เราไปชุมนุมหน้ายูเนสโก เพื่อปกป้องดินแดนมีคนร่วมชุมนุมเรือนหมื่น ปรากฏว่าไม่มีช่องไหนออกข่าว นอกจากนี้ วันครบรอบ1 ปี การเสียชีวิต พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม หากไม่บอกคงไม่มีใครรู้สื่ออย่างเอเอสทีวีจัดรายการพิเศษเพื่อยกย่อง พล.อ.ร่มเกล้า ส่วนโทรทัศน์ช่องอื่นๆ เงียบ เป็นเรื่องที่น่าอายเหลือเกินโดยเฉพาะโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ไม่จัดรายการเลยทั้งที่หหารตายอย่างมีเกียรติ