xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ” บี้ “อ.แก้วสรร” เปิดหน้าชก พูดให้ชัดไม่เอา ปชช. เอาแต่ ปชป.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพิภพ ธงไชย
“พิภพ” ระบุเลือกทุจริต แล้วจะพูดได้อย่างไรเป็นเจตนารมณ์ของ ปชช. เย้ย “อ.แก้วสรร” กลัวแม้วขนาดหนัก ถึงได้ตีความ ม.88, 89 ข้างพรรคการเมืองใช่หรือไม่ จี้พูดให้ชัดไม่เชื่อมั่นภาค ปชช. เชื่อแต่พรรค ปชป. ลั่นอย่าอ้างเป็นนักวิชาการของ ปชช. หากดูถูกดูแคลนประชาชนที่จะไปลงโหวตโน

วันที่ 23 มิ.ย. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าว่า นักวิชาการอย่าง ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายแก้วสรร อติโพธิ มีอาการกลัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาก จนคิดว่าหากไม่มีโหวตโนแล้วประชาธิปัตย์จะชนะ เมื่อประชาธิปัตย์ชนะแล้วจะจัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ ถึงได้พยายามตีความทางกฎหมายให้เป็นประโยชน์กับพรรคการเมือง โดยไม่ย้อนดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยชนะพรรคของ พ.ต.ท.ทักษิณได้เลย เครื่องมือที่จะจัดการ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างได้ผลและเคยสำเร็จมาแล้วก็แต่ด้วยภาคประชาชนเท่านั้น ทั้งที่ผ่านมา ดร.เจิมศักดิ์ และ อ.แก้วสรร เองก็เคยร่วมกับภาคประชาชน ไม่รู้ว่าวันนี้ท่านคิดอะไรอยู่ถึงได้ดูถูกดูแคลนภาคประชาชน อย่างไรก็ดียังไม่สายหากจะคิดใหม่ กลับมาหาภาคประชาชนเหมือนเดิม

“อ.แก้วสรร เขียนบทความ คำก็บอกเหลืองสนธิ โหวตโนสนธิ บิดเบือนการเคลื่อนไหวของประชาชนอย่างมาก จงใจทำลายภาคประชาชนใช่หรือไม่ ผมคิดว่า อ.แก้วสรร ติดกับนายสนธิ ลิ้มทองกุลแล้ว ถ้าติดกับมาก มาพบนายสนธิให้เอากับออกจากขาจะได้หายติดกับ อธิบายหลายครั้งก็ไม่เข้าใจเสียที การพิจารณาไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งแกนนำและกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย จะใช้มติที่เป็นเอกฉันท์เคลื่อนไหว”

นายพิภพกล่าวถึงกรณีที่ อ.แก้วสรรออกมาเห็นแย้งกับนายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ในมาตรา 88 และ 89 นั้น อยากถามว่ากำลังจะตีความให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือให้เป็นประโยชน์ต่อพรรคการเมือง เท่าที่ดูบทความกำลังตีความให้เป็นประโยชน์กับพรรคการเมืองใช่หรือไม่ นอกจากนี้ยังย่ำยีประชาชนสุดๆ ด้วยถ้อยคำที่ว่า “โหวตโนไร้ผลทางกฎหมาย อีก 10 ปีก็ปฏิรูปการเมืองไม่ได้” ตรงนี้ลืมไปแล้วหรือ อ.แก้วสรรเคยเป็นผู้นำธงเขียว เมื่อปี 2540 ออกมา ร่วมกับภาคประชาชนเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 211 เพื่อให้เกิด ส.ส.ร.1 แล้วจะมาพูดได้อย่างไร ถ้าจะปฎิรูปการเมืองต้องตั้งพรรคมวลชนเพื่อเปลี่ยนประเทศไม่ใช่โหวตโน ต่อให้โหวตโน 10 สมัยก็ปฏิรูปไม่ได้ แสดงว่า อ.แก้วสรร ไม่ได้เชื่อมั่นพี่น้องประชาชนเลยใช่หรือไม่ ต้องพูดให้ชัด ถึงเวลาเปิดหน้าชกแล้ว พูดไปเลยว่าไม่เชื่อมั่นภาคประชาชนแล้ว เชื่อมั่นแต่พรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่

นายพิภพกล่าวอีกว่า โหวตโน ถ้าชนะในเขตใด เขตนั้นต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะจุดมุ่งหมายการเลือกตั้งต้องการให้ได้ผู้แทนที่มีคะแนนสูงสุดในเขตนั้นๆ เมื่อโหวตโนเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายจึงต้องนับด้วย แม้ผู้สมัครรายนั้นจะชนะพรรคการเมืองอื่น แต่เมื่อแพ้โหวตโน ถือว่าคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว อ.แก้วสรรจะไม่ให้ความสำคัญกับผู้ลงคะแนนโหวตโนเลยหรือ ส่วนที่อ้างว่าโหวตโนสมัยนายสมัคร สุนทรเวช สู้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีคนโหวตโนล้านกว่า ในนั้นบางคนมาพูดว่าไม่ต้องการลงโหวตโนเพื่อไม่ให้ เหลืองสนธิเอาไปอ้างนั้น อ.แก้วสรรเป็นนักวิชาการ จะเอาถ้อยคำบางคนมาเป็นเหตุผลทางวิชาการไม่ได้ เพราะอ.แก้วสรรก็ไม่รู้ว่าโหวตโนในตอนนั้นเขาโหวตโนด้วยวัตถุประสงค์ใด เคยทำวิจัยหรือป่าวว่าเขามีวัตถุประสงค์อะไร ในฐานะที่ อ.แก้วสรรเป็นนักวิชาการ อย่าพูดเหมือนคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีความรู้ทางวิชาการ และไม่มีความรู้ทางกฎหมายเท่า อ.แก้วสรร มันน่าอาย

ทั้งนี้ ตอนเริ่มโหวตโน เราชูธงว่า “โหวตโนเพื่อนำไปสู่การปฏิรูป” เป็นเครื่องบอกว่าทุกคะแนนเสียงที่ลงโหวตโน ต้องการปฎิรูปทางการเมือง เหมือนการเคลื่อนไหวของประชาชนเมื่อ เดือน ก.ย.-ต.ค. 2540 มีวัตถุประสงค์ต้องการให้รัฐธรรมนูญ 40 ผ่านสภา ที่ภาษาวิชาการเขาเรียกว่าเจตนารมณ์ทางการเมือง อ.แก้วสรรอย่าพูดว่าไม่มีทฤษฎีทางการเมืองไหนรองรับ ไม่รู้อาจารย์เคยอ่านหนังสือสัญญาประชาคมหรือไม่ ที่ว่า “เจตนารมณ์ของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญกว่าผลการเลือกตั้ง” อีกอย่างในเมื่อ อ.แก้วสรร รู้ดีว่าผลการเลือกตั้งเต็มไปด้วยการทุจริต แล้วเราจะนับถือผลการเลือกตั้งนั้นว่าเป็นเจตนารมณ์ของประชาชนได้เต็มร้อยหรือ

“อ.แก้วสรรต้องเข้าใจว่า เจตจำนงของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะแสดงออกในรูปแบบใด นักวิชาการที่ยืนอยู่ข้างประชาชนต้องเงี่ยหูฟัง แต่ในบทความของ อ.แก้วสรรดูถูกดูแคลนประชาชนที่จะไปลงโหวตโนทุกบรรทัด ดังนั้นอย่ามาอ้างว่าเป็นนักวิชาการเพื่อประชาชน ถ้าปฎิเสธข้อกล่าวหานี้ ตนเชื่อว่าถ้าไม่ใช่เพื่อพรรคประชาธิปัตย์ ก็กำลังเป็นนักวิชาการเพื่อนักการเมืองนั่นเอง”

นายพิภพกล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนไม่อยากให้นักการเมืองทำมากที่สุด ดูจากโพลทุกสำนักเหมือนกัน คือ ไม่อยากให้มีการทุจริตคอร์รัปชัน แล้วนักการเมืองทำตามเจตนารมณ์ลึกๆของประชาชนที่ตัวเองไปซื้อเสียงแล้วหรือไม่ ทั้งนี้ โหวตโนจุดมุ่งหมายแต่เดิมต้องการต่อต้านการแก้กฎหมายนิรโทษกรรม ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ต้องการปฎิรูปการเมือง ตรงกับเจตนารมณ์คนที่จะเข้าคูหากาในช่องไม่เลือกใคร ต่อจากนี้ภาคประชาชนต้องแสดงเจตนารมณ์ให้ชัดเจน เคลื่อนไหวอย่างสงบ สันติ ให้นักการเมืองปฏิรูประเทศให้ได้ อย่ามีความสุขกับการทุจริตคอร์รัปชันอีกเลย เพราะประชาชนตื่นตัวมากแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น