xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ขอแฟร์ๆ ดีเบตกับนักการเมือง ใครเหตุผลดีกว่าได้ใจฐานเสียงไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
“ปานเทพ” สงสัย “สมชัย” กลางจริงหรือไม่ ให้ค่ากลุ่มโนเนมตั้งขึ้นในเฟซบุ๊กมาดีเบตโต้โหวตโน ดักคอไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ หากเอากองเชียร์อย่าง “เจิมศักดิ์-ชัยวัฒน์” มาโต้ ย้ำจุดประสงค์โหวตโนต้านทุกพรรคการเมือง ลั่นเป็นกลางจริงต้องเอานักการเมืองมาโต้ ระบุต้องเท่าเทียมพร้อมเทคะแนนให้หากโหวตโนไม่มีเหตุผลพอ แต่ถ้าโหวตโนมีเหตุผลก็ควรได้เสียงของพรรคการเมืองนั้น


วันที่ 21 มิ.ย. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวที่บ้านมนังคสิลา เชิญพันธมิตรฯ ดีเบตถึงผลดีที่ประเทศจะได้รับในการโหวตโนนั้น ก่อนอื่นนายสมชัยต้องตอบให้ได้ว่าเป็นกลางจริงหรือไม่ กลุ่มที่ตั้งขึ้นในเฟซบุ๊กว่า “เลือกใครแล้วไทยรอด” เป็นการจัดตั้งกันเองตั้งหัวหน้ากันเอง ที่น่าแปลกใจไปแถลงต่อต้านโหวตโนที่บ้านมนังคศิลา ที่เดียวกับนายสมชัย แถลงข่าววันนี้ ทำไมคนโหวตโนไม่มีโอกาสแถลงที่บ้านมนังคศิลาบ้าง อย่างนี้แล้วประชาชนจะเชื่อมั่นได้หรือไม่ว่า องค์กรกลางซึ่งตั้งมาจากภาษีประชาชนจะเป็นกลางจริง

“จุดประสงค์การโหวตโน เพื่อต่อต้านการเมืองทุกพรรคการเมืองในระบบ หากเป็นธรรมทำไมไม่เอาตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรคมาโต้กับโหวตโน หากเหตุผลของพันธมิตรฯ ประชาชนไม่เชื่อพรรคการเมืองเหล่านั้นก็เอาคะแนนเราไป กลับกันหากพันธมิตรฯ พูดมีเหตุผล ก็ควรจะทัดเทียมกันที่จะดึงคะแนนเสียงของพรรคการเมืองเหล่านั้นมาโหวตโนมากขึ้น”

ทั้งนี้ ที่นายสมชัยบอกจะให้พันธมิตรฯ ไปโต้กับนักกฎหมาย นักวิเคราะห์การเมือง ขอถามว่าแล้วพันธมิตรฯ จะได้อะไรจากคะแนนเสียงของคนเหล่านี้ เพราะเขาไม่ได้มีแฟนคลับอะไรเลย หากจะให้เป็นธรรมจริง ต้องเอาการเมืองในระบบเท่านั้น เพราะพันธมิตรฯ โหวตโน ต่อต้านการเลือกตั้งที่ล้มเหลว ต่อต้านการทุจริต หวังว่านายสมชัยคงไม่มีความคิดจะให้ไปโต้กับ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หรือนายชัยวัฒน์ สุรวิชัย เพราะเราไม่อยากโต้กับกองเชียร์ มันไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อประเทศเลย

นายปานเทพกล่าวว่า จริงอยู่ตนไม่ใช่นักกฎหมาย แต่พอมีนักกฎหมายอย่างนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ผู้ซึ่งว่าความคดีสำคัญๆมาแล้วมากมาย ประกอบกับนายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ออกมาการันตรีว่าโหวตโนไม่เสียเปล่า มีผลทางกฎหมาย ตามมาตรา 88 ที่กล่าวถึงการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และมาตรา 89 ที่กล่าวถึงการเลือกตั้งแบบปาร์ตี้ลิสต์ โดยเห็นว่าเมื่อมาตรา 89 ต้องใช้ข้อบังคับเหมือนมาตรา 88 ดังนั้นหาก โหวตโน ได้คะแนนเสียงมากว่า ส.ส.ในเขตใด ถือว่าคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ ส.ส.รายนั้น ต้องตีความถึง ส.ส.ที่มาจากระบบปาร์ตี้ลิสต์ด้วย กล่าวคือ พรรคที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ต้องชนะผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน ไม่น้อยกว่า 20% เมื่อผู้เชี่ยวชาญออกมาพูดเช่นนี้ ก็แล้วทำไมจะไม่มีน้ำหนักในเหตุผลนี้

ทั้งนี้ คงไม่ผิดที่ตนจะแสดงความคิดต่อยอด โดยยกกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 127 ที่กำหนดให้หลังเลือกตั้งแล้วเสร็จต้องเปิดประชุมสภาภายใน 30 วัน หากมองต่อไปจะมีสภาพความเป็นสภาได้ ในมาตรา 94 กำหนดให้ต้องมี ส.ส. อย่างน้อย 95% คิดต่อไปเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้ามีคนโหวตโน ชนะนักการเมืองแค่ 26 เขต จะทำให้มี ส.ส.ไม่ถึง 95% ส่งผลให้เปิดประชุมสภาไม่ได้

“การเลือกตั้งครั้งนี้โกงที่สุด ซื้อขายเสียง ฆ่ากัน ทำลายป้ายหาเสียง เอาโจร กระสุน อันตพาลนำหน้า หากประชาชนเห็นถึงผลร้ายมาร่วมโหวตโนจนเอาชนะนักการเมืองที่ลงเลือกตั้งได้ 26 เขต ต่อให้พรรคเพื่อไทยแม้จะได้เสียงเกินครึ่งก็เป็นรัฐบาลไม่ได้ กกต.จะต้องหาคนดีมาให้เลือกใหม่จนกว่าคนโหวตโนจะพอใจ หรือจนกว่าจะมั่นใจ ไม่คิดแก้กฎหมายนิรโทษกรรม ทวงคืนแผ่นดินรอบเขาวิหาร หากทำได้จะเทคะแนนโหวตโนให้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จะโหวตโนไปตลอดกาล”

นายปานเทพกล่าวว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้รับมอบอำนาจจากพรรรคเพื่อฟ้าดิน ไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ยุบพรรคเพื่อไทย ตอบข้อสงสัยได้ชัดเจนกับข้อกล่าวหาพันธมิตรฯ โหวตโนเพราะรับเงิน พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะถ้าจริงเราจะยุบพรรคเพื่อไทยทำไม นอกจากนี้ยังประกาศจุดยืนชัดว่า ถ้านิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อไร เราจะลุกขึ้นมาต่อสู้ทันที และที่พันธมิตรฯ รณรงค์โหวตโนให้มาก เอาให้ชนะ ส.ส.อย่างน้อย 26 เขต ก็เพื่อต่อต้านการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เราไม่เคยรับงานใคร เราทำเพื่อชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น