xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” แนะ กกต.ลาออกเพื่อชาติ หากทำให้เลือกตั้งบริสุทธิ์ไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
“ปานเทพ” ยันเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม แนะ กกต.ลาออก เพื่อรักษาประเทศไม่ให้คนโกงเข้าไปนั่งในสภา ชวนทุกสีทุกกลุ่ม ร่วมโหวตโนสร้างอำนาจให้ภาค ปชช.ป้องกันนักการเมืองลุแก่อำนาจ ปฎิรูปประเทศอย่างสันติ ย้ำไม่ได้เป็นเครื่องมือให้พรรคการเมืองใดเหยียบขึ้นสู่อำนาจ ชี้ หากโหวตโนน้อยเสี่ยงเผชิญหน้า ปท.วุ่นไม่รู้จบ ทหาร-ตร.เตรียมงานเข้า

วันที่ 16 มิ.ย.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การเลือกตั้งของไทยเป็นประชาธิปไตยจริงหรือไม่อยากให้พี่น้องคิด 1.มีการขายเสียงระบาดไปทั่ว จนเป็นที่กล่าวขานประชาชนรู้ทั่วบ้านทั่วเมือง ที่ไม่รู้มีอยู่กลุ่มเดียวคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต) 2.มีการใช้ลูกปืนฆ่าหัวคะแนน เพื่อให้หัวคะแนนอีกฝ่ายยึดพื้นที่แทน 3.ทุบทำลายป้ายหาเสียงโดยไม่สนใจกฎหมาย ซึ่งไม่มีใครทำอะไรได้ แบบนี้เป็นบ้านป่าเมืองเถือนไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว ทุจริตมโหฬาร คนทำผิดกฎหมายเต็มบ้านเต็มเมือง กกต.ก็จับใครไม่ได้เลย จึงไม่แปลกที่ผลสำรวจประชาชนถึง 66% ไม่เชื่อว่า กกต.จะจัดการให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิยุติธรรมได้ เมื่อการเลือกตั้งไม่ใช่ประชาธิปไตย แล้วจะมีเลือกตั้งไปทำไม เป็นสาเหตุที่เราไม่เลือกใคร เรื่องอะไรจะต้องไปอยู่ในกติกาที่มีแต่คนเล่นขี้โกง บ้านเมืองตกอยู่ในวังวนอย่างนี้ไม่คิดเปลี่ยนแปลงบ้างหรือ หากต้องการเปลี่ยนแปลงต้องช่วยกันกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน

“เมื่อ กกต.ไร้ประสิทธิภาพ ควรลาออก เพื่อรักษาประเทศ ไม่ใช่ฝืนปล่อยให้มีการเลือกตั้งที่อัปยศ ปล่อยให้คนโกงเข้าไปในสภา โกงเลือกตั้งได้ก็โกงอย่างอื่นได้ เพราะมาจากการใช้เงินทั้งสิ้น อาจมีคนโวยวายหาว่าโหวตโน ทำให้คนดีไม่ได้เข้าไปในสภา ตรงนี้เราเคยเลือกมาแล้วคนที่คิดว่าดี สุดท้ายทำงานห่วยแตก เลือกเข้าไปก็แพ้คนโกงเลือกตั้งอยู่ดี”

นายปานเทพ กล่าวถึง นางยินดี วัชรพงศ์ ต่อสุวรรณ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เคยให้ความเห็นทางกฎหมายว่า การยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย มี ส.ส.ถึง 38 คน ที่มาจากระบบสัดส่วนในนามพรรค เมื่อพรรคถูกยุบ ส.ส.เหล่านี้ก็ไม่ควรมีสิทธิ์อยู่ในสภาอีกต่อไป แต่ทุกคนมองข้ามย้ายพรรคย้ายข้างไปออกกฎหมายยกมือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งนางยินดี ให้ความเห็นว่ากรณีแบบนี้ เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งที่ไม่มีหน้าที่ ซึ่งไม่รู้ว่าผิดกฎหมายหรือไม่ จนถึงวันนี้การเลือกตั้งควรเป็นโมฆะ เพราะทำไม่ถูกต้องในการแก้กฎหมายตั้งแต่แรก กกต.ควรแก้ไขวิกฤตินี้ด้วยการลาออก

นายปานเทพ กล่าวถึง นายอภิสิทธิ์ ถึงกรณีให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ หากได้ ส.ส.น้อยกว่า 170 จะลาออกจากพรรค แต่พอนักข่าวไทยไปถามย้ำกลับปฎิเสธไม่ได้พูด คนที่มั่นใจจะได้ถึง200 เสียง มาเถียงได้ 170 จะลาออกหรือไม่ลาออก แสดงว่าเขาสำรวจหมดแล้วพรรคเพื่อไทยอย่างไรก็ชนะพรรคประชาธิปัตย์ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เป็นอย่างนี้ทุกปี พ.ศ. 2550 พรรพลังประชาชนได้ 233 ที่นั่ง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ได้ 166 ที่นั่ง

หลายคนบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นเครื่องมือเดียวที่จะต้านทานระบอบทักษิณ ปกป้องสถาบันกษัตริย์ได้ อยู่ดีๆมาพูดเรื่องจาบจ้วงสถาบัน หมู่บ้านเสื้อแดง หากคิดว่ามีปัญหาจริง รัฐบาลชุดนี้ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะอยู่มา 2 ปี ไม่จัดการ แสดงว่า ถ้าคิดเชื่อมีหมู่บ้านเสื้อแดง แปลว่า รัฐบาลสอบตก ไม่ควรเลือกให้เข้ามาทำให้ขบวนการเหล่านี้ขยายตัวมากกว่าเดิม ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อประเทศมากขึ้น และหลายคนคงตั้งคำถามต่อไปว่าอย่างนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องกลับมา ตรงนี้ต่อให้แทคะแนนเลือกพรรคตรงข้ามพรรคเพื่อไทยอย่างไร พรรคเพื่อไทยก็ชนะอยู่ดี ดังนั้นเลือกไปก็เสียของ ยิ่งเลือกเข้าไปก็ไปแพ้ในสภา และแพ้ถึง 4 ปี

นายปานเทพ กล่าวว่า โหวตโน เป็นพลังยับยั้ง บอบทักษิณไม่ให้ทำชั่วตามอำเภอใจ เราไม่ต้องการพรรคที่เข้าไปแล้ว ทำให้ขบวนการจาบจ้วงขยายใหญ่ขึ้น เพราะทำงานไม่เป็น เราไม่ยอมรับตัวระบบที่ล้มเหลว ไม่เปลี่ยนก็ย่ำอยู่กับที่ พรรคเพื่อไทยชนะ ก็ใช้เสียงข้างมากลากไปแก้กฎหมายนิรโทษกรรม ประชาชนก็ต้องออกมาชุมนุม หากประชาธิปัตย์ได้คะแนนมาเป็นที่สอง แต่ไปจับขั้วพรรคอจนจัดตั้งรัฐบาลได้ เสื้อแดงก็จะออกมาชุมนุม แล้วทหารก็ต้องไปเผชิญกับคนเสื้อแดงเหมือนเดิม

โหวตโนมาก อาจไม่ต้องมีการชุมนุม เพราะจะรู้ดีหากทำอะไรไม่ชอบประชาชนจะลุกฮือออกมาก เราอยู่ข้างนอกเป็นเสียงปฎิเสธระบอบที่เป็นปัญหา เราเคลื่อนไหวอย่างบริสุทธิใจ ไม่ได้เป็นเครื่องมือให้พรรคการเมืองใดเหยียบขึ้นสู่อำนาจ หากโหวตโนน้อยความชอบธรรมจะถูกมองเป็นพวกขี้แพ้ชวนตี ไม่มีประโยชน์หากหย่อนบัตรไปให้พรรคการเมืองที่แพ้อยู่แล้ว

นายปานเทพ กล่าวว่า ไม่ว่าพรรคการเมืองฝากไหนขึ้นสู่อำนาจล้วนเป็นปัญหาทั้งสิ้น ปัญหาตอนนี้เราจะเพิ่มอำนาจต่อรองให้ภาคประชาชนไว้ สั่งสอนนักการเมืองได้รู้สำนึกว่าต้องปรับตัว ประชาชนพร้อมลุกขึ้นสู้ หากทำชั่วต่อประเทศ โหวตโนจึงเป็นสัญญาณเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง แม้อาจไม่มีผลทางกฎหมาย แต่มีแรงกดดันต่อการเปลี่ยนแปลง ที่พิสูจน์มาแล้ว ที่ผ่านมาเราแม้คนร่วมชุมนุมไม่มากเท่าโหวตโน ก็เปลี่ยนมาแล้วหลายรัฐบาล หากโหวตโนมากโอกาสความสงบยิ่งมีมาก เพราะจะไม่มีใครกล้าลุอำนาจ ทหาร ตำรวจไม่ต้องออกมา กลับกันถ้าโหวตโนมีน้อยจะยิ่งเผชิญหน้า ทั้งนี้ หากประสบความสำเร็จคนโหวตโนจำนวนมาก จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงปฎิรูปการเมือง ที่ไม่ใช่แค่แนวทางพันธมิตรฯ แต่เป็นแนวทางคนทุกกลุ่ม ทุกสี ที่จะหันหน้ามาพูดคุยกันต่อสู้ในเวทีประชาพิจารและประชามติ แทนการใช้เวทีบนท้องถนน การเผชิญหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น