“บรรหาร” ชัดเจนแล้วประกาศไม่ร่วมงานกับพรรคไร้สัจจะ เบื่อพวกไม่รักษาคำพูด ระบุ ปชป.ประกาศนิรโทษกรรมสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 109 แค่ลมปาก เชื่อถือไม่ได้ ย้ำมารยาททางการเมืองต้องเปิดทางพรรคอันดับ 1 ตั้งรัฐบาลก่อน เชื่อไม่มีปฏิวัติหากเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง แต่ต้องไม่ทำเหมือนในอดีต เลิกคิดนิรโทษกรรม “นช.แม้ว” เอาทรัพย์สินคืน ฉุนคนอ้างชื่อ “พัลลภ” ขู่กำนันอ่างทองห้ามช่วย ชทพ.หาเสียง ลั่น 2 ที่นั่งต้องได้
นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ระบุว่าถ้าเสียงของรัฐบาลไม่ถึง 300 เสียงจะทำให้รัฐบาลอยู่ลำบากว่า จัดตั้งรัฐบาลไม่ยาก 280-290 เสียงก็จัดตั้งได้ สำคัญว่า 300 เสียงขึ้นไป ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรว่าจะควบคุมสมาชิกพรรคได้แค่ไหน ขนาดมี 370 เสียงบางครั้งยังอยู่ไม่ได้นานเลย ดังนั้น ได้แค่ 290 เสียงก็ตั้งรัฐบาลได้ไม่จำเป็นต้องถึง 300 เสียง
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังวันที่ 3 ก.ค.หลายฝ่ายมองว่า ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลก็เกิดความวุ่นวาย นายบรรหารกล่าวว่า ไม่อยากให้ความเห็นรอผลการเลือกตั้งออกมาก่อน เพราะจะกลายเป็นการชี้นำ แต่ยังมีความเห็นว่าถ้าพรรคการเมืองใดได้คะแนนอันดับหนึ่ง และรวบรวมเสียงได้ก็ต้องปล่อยให้เขาจัดตั้งรัฐบาล ถ้ารวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็ให้พรรคอันดับต่อไปจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่าพรรคอันดับ 2 สามารถจัดตั้งรัฐบาลแข่งได้หรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า โอกาสเป็นไปได้ และเป็นไปไม่ได้ก็มีทั้ง 2 อย่าง ตอบยาก
ส่วนที่พรรคชาติไทยพัฒนาถูกมองว่าเป็นพรรคหล่อเลือกได้นั้น นายบรรหารกล่าวว่า “บางทีอยู่กับใครนานๆ ก็เบื่อ ความเบื่อเกิดขึ้นก็มีเหมือนกัน แต่ผมอยากเรียนตรงๆ ว่า ผมชอบทำงานกับคนที่รักษาความพูด ใครที่ไม่รักคำพูด ผมไม่อยากจะทำด้วย”
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าอยากลองของใหม่ นายบรรหารกล่าวว่า ไม่ใช่อยากลองของใหม่ แต่ชอบคนที่รักษาคำพูด แต่ก็ไม่แน่ต้องดูเหตุการณ์อีกครั้ง และดูว่าคะแนนออกมาเท่าไร ถึงจะรู้ว่าใครจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ได้ แต่โดยมารยาทต้องให้พรรคอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามอีกว่า แสดงว่ามีโอกาสที่จะเบื่อซ้ำ นายบรรหารกล่าวว่า ที่ตนบอกว่าเบื่อก็บ่นไปตามเรื่องของคนที่มีอายุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาพูดทีเล่นทีจริงว่าพรรคชาติไทยพัฒนาอาจจัดตั้งรัฐบาล นายบรรหารกล่าวว่า ก็เป็นความเห็นของพล.ต.สนั่น แต่สมัยนี้พรรคใหญ่แข่งกัน เขาคงไม่ยอมให้ตั้งรัฐบาลแข่งกับเขาหรอก
ส่วนที่ยังมีกระแสข่าวการปฏิวัตินั้น นายบรรหารกล่าวว่า รับรองไม่มีแน่นอน เพราะการปฏิวัติคราวที่แล้วก็มีปัญหา โดยเฉพาะองค์กรอิสระที่เกิดจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ตั้งมา เมื่อถามว่าสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่าหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็มีความเสี่ยงสูงที่จะมีการปฏิวัติ นายบรรหารกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยต้องดูแนวนโยบายของพรรคให้ดีว่าจะทำอะไรเพื่อประโยชน์ของประชาชนหรือเปล่า จะบริหารประเทศชาติไปในแนวทางไหน ตรงนี้สำคัญมากที่สุด และที่สำคัญสุดคือ อดีตที่ผ่านมาก็อย่าไปทำอีก ถ้าสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งเขาก็บอกว่าจะไม่ทำใดๆ ทั้งสิ้น จะไม่นิรโทษกรรม จะไม่เอาทรัพย์สินที่ถูกยึดคืน เขาพูดอย่างนั้นแล้วก็ต้องดูว่าจะทำอย่างนั้นได้หรือเปล่า
ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นพรรคอันดับเล็กไม่มีเสียง แต่ก็ต้องดูว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร วันที่ 3 ก.ค.ก็รู้แล้วว่าใครจัดตั้งรัฐบาลได้ พอถึงตอนนั้นก็ต้องดูความสามารถของพรรคที่ได้อันดับ 1 ว่าสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าพรรคมีแนวคิดจะนิรโทษกรรมบ้านเลขที่ 111 และบ้านเลขที่ 109 นายบรรหารกล่าวว่า อย่าไปฟังเลย เป็นน้ำท่วมทุ่งมากกว่า พูดแบบลมๆ แล้งๆ ไม่มีหลักเกณฑ์แน่นอน อย่าไปฟัง เป็นแค่ลมปากพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นแหละ เอาจริงๆ ผู้ใหญ่ในพรรคก็ไม่เอาด้วย เมื่อถามย้ำว่า ไม่อยากเชื่อคำพูดพรรคประชาธิปัตย์แล้วใช่ไหม นายบรรหารกล่าวว่า ไม่พูด
ส่วนกระแสข่าวปฏิญญาบรูไน นายบรรหารกล่าวว่า ตนไม่รู้ ไม่ทราบในรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ กรณีที่มีคนแอบอ้างว่าเป็นลูกน้อง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ประธานการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยลพบุรี และบุรีรัมย์ โทรศัพท์ไปข่มขู่กำนันใน จ.อ่างทอง ไม่ให้ช่วยพรรคชาติไทยพัฒนา นายบรรหารกล่าวว่า เป็นเรื่องแปลกที่มีทหารโทรศัพท์เข้าไปข่มขู่กำนันและผู้ใหญ่บ้านให้วางตัวเป็นกลาง ซึ่งเรื่องนี้ทำไม่ถูกต้อง ตนเรียนตามตรงที่ จ.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนาต้องได้ ส.ส.2 ที่นั่ง ไม่อย่างนั้นนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีต ส.ส.อ่างทอง ก็ต้องเลิกเล่นการเมืองแล้ว ขนาดช่วยเหลือประชาชนขนาดนี้แต่คนอื่นไม่ได้ทำอะไรเลย เรื่องนี้ก็ทำให้นายสมศักดิ์ไม่สบายใจเหมือนกัน ที่อ่างทองน่าเห็นใจ ต่อสู้กันหนักพอสมควร แต่ถ้าใครเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลก็แล้วแต่พยายามทำงานทุกอย่างเพื่อประชาชนและประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตรย์ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคชาติไทยพัฒนาว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 1 ก.ค.นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา จะเป็นประธานปล่อยขบวนรถแห่หาเสียงพบปะประชาชน โดยนายชุมพลได้นำทีมผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรคชาติไทยพัฒนาขึ้นรถแห่ไปด้วยตนเอง โดยแห่ไปตามเส้นทางรอบกรุงเทพฯ ได้แก่ แยกสุโขทัย ถนนราชวิถี อนุสาวรีย์ชัยฯ ถนนพญาไท แยกศรีอยุธยา แยกราชเทวี ถนนเพชรบุรี แยกประตูน้ำ แยกมิตรสัมพันธ์ แยกวิทยุ แยกอโศก ถนนอโศกมนตรี ถนนสุขุมวิท แยกเพลินจิต ชิดลม ราชประสงค์ ราชดำริ แยกสุรศักดิ์ บางรัก เจริญกรุง สุรวงศ์ สี่พระยา ถนนตรีมิตร ตลาดน้อย วงเวียนโอเดียน เยาวราช วัดตึก สะพานเหล็ก ถนนมหาไชย แยกสามยอด สำราญราษฎร์ ป้อมมหากาฬ ราชดำเนินกลาง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกวังแดง แยกอู่ทองนอก แยกสวนรื่นฤดี ถนนสุโขทัย
จากนั้นช่วงบ่าย นายชุมพลและผู้สมัครของพรรคชาติไทยพัฒนาเดินทางไปยัง จ.นครปฐม เพื่อสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ ก่อนจะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่บริเวณหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งถือเป็นประเพณีของพรรคชาติไทยพัฒนาที่จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่นี่ เพื่อปิดการหาเสียงก่อนวันเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ในเวทีดังกล่าวบรรดาแกนนำตัวจริงของพรรค เช่น นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายนิกร จำนง นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาจะเดินทางไปร่วมฟังการปราศรัยใหญ่ดังกล่าวด้วย
