xs
xsm
sm
md
lg

“สุวัจน์” ยังเชื่อเลือกตั้ง 3 ก.ค.ปลดเดดล็อก “สมศักดิ์” ติงเวทีราชประสงค์ดับ-โหมไฟ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
แกนนำ ชพน.-ชทพ.ประสานเสียงเชื่อเลือกตั้ง 3 ก.ค.เป็นทางออกประเทศ เชื่อต้องมีพรรคที่ 3 ร่วมจัดตั้ง รบ.ลดความขัดแย้ง อ้างหลังเลือกตั้งต้องลืมอดีต ชี้ “นักการเมือง-กกต.-ข้าราชการ-ปชช.” เป็นกุญแจทางออกเลือกตั้ง จับตาปราศรัยใหญ่ราชประสงค์ ดับไฟหรือโหมไฟประเทศ

วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคภูมิใจไทย และนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวในงานสัมมนา ครบรอบ 61 ปี หนังสือพิมพ์สยามรัฐรายวัน ในหัวข้อประเทศไทยหลังเลือกตั้ง

โดยนายสุวัจน์กล่าวตอนหนึ่งว่า ช่วงระยะเวลาที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ตนมองย้อนไปสมัยรัฐบาลทักษิณ 1 ที่เป็นรัฐบาลผสม แต่เป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตนตรีที่เกิดจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอยู่ครบ 4 ปี และรัฐบาลทักษิณในสมัยที่ 2 ที่พรรคการเมืองเดียวได้เสียงข้างมาก แต่ก็เกิดกระแสการต่อต้านจนนำไปสู่การปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยา 49 จากนั้นเหตุการณ์บ้านเมืองก็อยู่ในรัฐบาลทหารที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ในสภาชุดนี้ถือว่าเป็นรัฐบาลช่วงเปลี่ยนถ่าย จากการปฏิวัติสู่ประชาธิปไตย และขณะนี้เรากำลังเดินทางจากประชาธิปไตยไปสู่ประชาธิปไตย

นายสุวัจน์กล่าวต่อว่า นักการเมืองไทยที่อยู่ในสมัยนี้ ตนว่าคุ้ม เพราะเจอเหตุการณ์บ้านเมืองที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน บ้านเมืองมีความวุ่นวาย ก่อนปฏิวัติเรามีสีเดียว หลังปฏิวัติก็เกิดสีมากขึ้น ตนมีโอกาสไปต่างประเทศบ่อย จะมีคนถามส่วนใหญ่ว่าการเมืองหลังเลือกตั้งปัญหาจะจบหรือไม่ เพราะเสียงที่ดังในประเทศออกไปข้างนอกค่อนข้างเยอะ และสิ่งที่อยู่ในใจคนไทยทุกคนคืออยากเห็นบ้านเมืองสงบและปัญหาจะจบหรือไม่

นายสุวัจน์กล่าวว่า ตนมองการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.เป็นทางออกของประเทศไทย เพราะข้อเรียกร้องที่นำไปสู่ความขัดแย้ง เป็นข้อเรียกร้องที่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง วันนี้การเลือกตั้งถือว่าเป็นการตอบสนองของกลุ่มบุคคลที่เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งและจะสามารถลดอุณหภูมิ และการเลือกตั้งครั้งนี้จะถูกจับตาจากนานาชาติ หากการเลือกตั้งเรียบร้อย ความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจก็จะดีขึ้น ทั้งนี้ โครงสร้างของรัฐบาลชุดปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยให้เกิดประโยชน์ต่อการบริหารประเทศ เพราะตั้งรัฐบาลชุดปัจจุบันเกิดจากการจัดตั้งรัฐบาลในช่วงวิกฤติของประเทศ โครงสร้างของการจัดรัฐบาลทำให้ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารประเทศเท่าที่ควร

นายสุวัจน์กล่าวว่า อะไรที่คนอยากเห็นมากที่สุดหลังการเลือกตั้ง คือ 1.เรื่องเศรษฐกิจ ที่ต้องสร้างความน่าเชื่อในการลงทุน 2.การยุติความขัดแย้งภายในประเทศ ที่รัฐบาลต้องยุติ ต้องเอาเรื่องของบ้านเมืองมากก่อน วันนี้เราต้องการความปรองดองหลังการเลือกตั้ง การลดเงื่อนไขต่างๆ การเดินหน้าเข้าหาอนาคต

“ผมเป็นห่วงเรื่องของความปรองดองหลังการเลือกตั้ง ปัจจัยของความแตกแยก คือมาจากความเห็นไม่ตรงกันของพรรคและนักการเมือง ห่วงสถานการณ์เลือกตั้งขณะนี้ต้องช่วยกันสร้างสถานการณ์เลือกตั้งให้กลายเป็นที่ยอมรับ ด้วยการลดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่เดดล็อก หลังเลือกตั้งต้องลืมอดีต และมาพูดคุยกันเพื่อยุติความแตกแยก ทั้งนี้พรรคการเมืองต้องจับขั้ว เพื่อลดปัญหาความแตกแยก” นายสุวัจน์กล่าว

ด้าน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้มีกุญแจ 4 ดอกที่พาบ้านเมืองไปสู่ทางออกของการเลือกตั้ง คือ 1.นักการเมืองที่เล่นตามกติกา 2.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ทำหน้าที่เป็นมาตรฐาน และทำให้ผลการเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับ 3.ข้าราชการที่วางตัวเป็นกลางที่แท้จริง และ 4.ประชาชนที่ไม่ขายเสียง หรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

“วันนี้นักการเมืองบางคนยังมีความรู้สึกดูแคลนประชาชนว่า เงินน้อยคอยก่อน เงินไม่มากาไม่เป็น หากประชาชนยอมรับความคิดนี้ บ้านเมืองไปไม่ได้แน่ ดังนั้น ประชาชนต้องตื่น มีสติ และต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของนักการเมือง ผมไม่สบายใจที่มีคนพูดว่าหากพรรคการเมืองที่ได้คะแนนสูงสุด ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ คนเรือนหมื่นจะออกมาประท้วง ขอถามว่าทำไมนักการเมืองดูแคลนประชาชน ชี้นำอะไรก็ได้ ไม่มีใครทำร้ายประเทศไทยนอกจากคนไทย อนาคตของการเลือกตั้งขึ้นอยู่กับ 4 ประเด็น หากเป็นไปตามครรลอง และกติกาทั้งหมด เชื่อว่าประเทศก้าวข้าวพ้นวิกฤตได้แน่นอน” แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนากล่าว

นายสมศักดิ์กล่าวว่า เหลือเวลาอีก 10 วันต้องก้าวข้ามผ่านปีให้ได้ เมื่อผ่านไปแล้วต้องมาดูว่า การมองอนาคตหลังการเลือกตั้งต้องมองปัจจุบัน เราไม่ใช่โหร ไม่มีใครรู้อนาคต แม้กระทั่งการทำโพลที่สำรวจความคิดเห็นประชาชน อย่าคิดว่าผลโพลจะเป็นความจริง และจะมาจากความคิดของประชาชนจริงๆ ยกตัวอย่างการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สงขลา ที่ผลโพลบอกว่าพรรคเพื่อไทยการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แต่ปรากฏว่าพรรคประชาธิปัตย์ชนะ

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า สัปดาห์ก่อนหน้านั้น กกต.เดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศ ทำให้คนเป็นห่วงว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ แต่เมื่อ กกต.กลับมาจากต่างประเทศแล้วแถลงข่าว ทำให้ทุกคนโล่งใจว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่ และต้องจับตาว่าอีก 3 ชั่วโมงที่มีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งจะมีการปราศรัยใหญ่ที่แยกราชประสงค์ ที่ใช้ชื่อว่าดับไฟประเทศ แต่มีคนมองว่าจะเป็นการดับไฟประเทศหรือโหมไฟประเทศกันแน่ วันนี้ไม่มีใครรักประเทศไทยมากกว่าประเทศไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น