“มาร์ค” ถือเคล็ดปิดจ็อบปราศรัย ตจว.ที่ตลาดนัดกล้วยๆ ลพบุรี เจออาถรรพ์พาดพิง “แม้ว” เรื่องล้างความผิดลมกระโชกเวทีหวิดพัง เจ้าตัวออกปาก “ของเขาแรง” ลั่นรับไม่ได้หากใช้อำนาจ รบ.มาแก้ กม.นิรโทษกรรม บีบให้เลือกจะเอาการบริหารประเทศตามหลักประชาธิปไตย หรือจะเอารัฐบาลนิยมความรุนแรง
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาเปิดเวทีปราศรัยที่ลานข้างห้างโลตัส หรือ “ตลาดนัดกล้วยๆ” (BANANA PLAZA) อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ซึ่งถือเป็นเวทีต่างจังหวัดสุดท้ายในการปราศรัยหาเสียง และคาดว่าเป็นการถือเคล็ดที่ใช้สถานที่ตลาดนัดกล้วยๆ เพื่อช่วยนางผ่องศรี ธาราภูมิ ผู้สมัครของพรรค โดยมีประชาชนมาฟังการปราศรัยประมาณ 1,000 คน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าประชาชนที่มาฟังการปราศรัยไม่ค่อยคึกคักเหมือนเวทีปราศรัยแห่งอื่น โดยเมื่อนายอภิสิทธิ์พยายามที่จะปลุกการมีส่วนร่วมก็ไม่ค่อยมีการตอบรับเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม เมื่อนายอภิสิทธิ์ปราศรัยไปได้ประมาณ 30 นาทีก็ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น โดยเมื่อกล่าวถึงช่วงการเมืองที่ระบุถึงความแตกต่างระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย และขอให้ประชาชนได้เลือกเพื่อเป็นการชี้ทิศทางของประเทศโดยเฉพาะเรื่องของการเมือง
“ผมทราบดีว่าเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันจากหลายพรรคการเมือง แต่ข้อเท็จจริงเราต้องเลือกให้ได้ว่าใครจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลระหว่างประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย ความแตกต่างชัดเจน ผมเดินหน้าทำงาน ทำการเมืองตามระบบ ทำการเมืองแบบมาตรฐานที่ทำกันในประเทศประชาธิปไตย แต่อีกด้านหนึ่งตลอด 2 ปี มีการใช้วิธีระดมคนมาขัดขวางการทำหน้าที่ ผมทำหน้าที่เป็นนายกฯก็มีการประกาศชวนคนมาขว้างปาของใส่ขบวนรถพยายามไม่ให้มาพบปะประชาชน ผมไม่คิดว่าคนลพบุรีหรือคนส่วนใหญ่ต้องการ จึงอยากให้ทุกคนไปยืนยันว่าไม่ต้องการการเมืองแบบนี้ ยืนยันไม่ต้องการความรุนแรงและการเผชิญหน้าอีกต่อไป สิ่งที่เราพยายามบอกคือความคิดเห็นแตกต่างกันได้ มีคนรักคนไม่รัก แต่ทุกอย่างต้องทำด้วยเหตุผลและผล และถ้าเราไปยอมว่า ใครเสียงดังรวมคนได้มากข่มขู่ให้คนกลัว แล้วได้ดังใจ วันข้างหน้าประเทศและสังคมไทยจะอยู่ไม่ได้” นายอภิสิทธิ์กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอีกว่า ตนบอกกับพี่น้องเสื้อแดงว่ามีปัญหาอะไรให้มาคุยกัน แต่จะบอกว่าเสื้อแดงจะได้ทุกอย่างที่ต้องการเพราะรวมตัวกันมาก เช่นนั้นบ้านเมืองอยู่ไม่ได้ วันที่ 3 ก.ค.ทุกคนสามารถบอกได้ว่าเราต้องการบ้านเมืองที่อยู่ด้วยกฎหมาย หมดเวลาที่จะใช้วิธีการยกกำลังยกพวกมาเรียกร้อง วันนี้บ้านเมืองต้องเป็นของคนทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกสี และการจะเดินหน้าเช่นนี้ไม่ง่าย ต้องใช้เวลาและความอดทน วันนี้มีบางฝ่ายพยายามอ้างว่าวิธีที่จะทำให้บ้านเมืองสงบ คือยอมทำตามความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเขาก็เพิ่งให้สัมภาษณ์ว่าทรัพย์สินที่ถูกศาลยึดไป นั้นรัฐบาลขโมยไป พยายามบอกว่าให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะได้กลับมาโดยไม่มีความผิด ตนไม่มีอะไรเป็นการส่วนตัวกับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่จะให้ปล่อยให้มีการใช้อำนาจจากรัฐบาลมาลบล้างคำพิพากษาศาล ตนยอมไม่ได้ บ้านเมืองจะเสียหาย และพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่มีสิทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายอภิสิทธิ์ปราศรัยมาถึงตรงนี้ได้เกิดลมกระโชกแรงพัดกระหน่ำมายังเวทีปราศรัยทำให้ป้ายผ้าใบขนาดใหญ่ที่ขึงติดด้านบนเวทีหลุดและสะบัดไปใส่นายอภิสิทธิ์ที่อยู่ระหว่างยืนปราศรัยด้านหน้า ลมทำให้เก้าอี้ล้มระเนระนาด ผ้าใบปูพื้นสะบัดเปิดขึ้นมา ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ประจำเวทีต่างวิ่งกรูกันขึ้นไปรวบผ้าใบและปีนขึ้นไปจับไว้ และนำเก้าอี้ลงจากเวที ส่วนนายอภิสิทธ์เมื่อตั้งสติได้ก็บอกผ่านไมโครโฟนทันทีว่า “ของเขาแรงจริงๆ” ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ประชาขนบางส่วนที่อยู่ด้านหน้าเวทีก็หวีดร้องด้วยความตกใจ
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ก็ยังคงปราศรัยต่อว่า เมื่อศาลตัดสินว่าผิดแล้วจะออกกฎหมายให้พ้นผิดไม่ได้ เหมือนกับเรื่องเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ถ้าจะต้องให้คืนโดยไปเอาเงินภาษีของประชาชนมา ปชป.คงไม่ยอม แต่วันนี้พรรค พท.พยายามบอกว่าไม่มีนโยบายเช่นนี้ แต่ป้ายก็ชี้ชัดทั่วประเทศว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” แล้วอย่างนี้ใครจะไปเชื่อได้ ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้ใช้เวลาปราศรัยประมาณ 35 นาที จากนั้นจึงลงจากเวที เพราะเริ่มมีฝนทยอยตกลงมาอย่างหนัก
โดยช่วงต้นนายอภิสิทธิ์กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เดินทางหาเสียงทั้งสมุทรสาคร นนทบุรี และลพบุรีเป็นจังหวัดที่ 3 ตนถือว่าการทำงานในฐานะนักการเมืองมีหน้าที่รับใช้ประชาชน และที่ผ่านมาชาวลพบุรีปราบปัญหาทุกครั้งก็ถือเป็นหน้าที่ต้องมาช่วยเหลือ โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วมเห็นทุกคนลำบากและมีความเข้มแข็ง มาเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจกลับกลายเป็นว่าประชาชนมาให้กำลังใจตนขณะที่ตัวเองกำลังประสบภัย เป็นความประทับใจของ ปชป.2 ปีเศษที่ผ่านมา เราผ่านปัญหา อุปสรรค วิกฤตหลายเรื่อง ทั้งภัยพิบัติ ปัญหาการเมืองที่มีความขัดแย้ง รุนแรง เกิดเหตุการณ์หลายครั้ง วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ช่วงที่เข้ามบริหารแผ่นดิน ตนถือว่า 2 ปีที่ผ่านไปหลายเรื่องสามารถคลี่คลายไปได้ซึ่งเป็นเพราะความเข้มแข็งของคนไทยที่ให้ความเข้าใจ ร่วมมือและเป็นกำลังใจให้รัฐบาลในการฟันฝ่าถือโอกาสขอบพระคุณสำหรับทุกๆ กำลังใจ