“อภิสิทธิ์” ระบุไทยถอนตัวภาคีมรดกโลกเหตุไม่ต้องการเสี่ยงสูญเสียอธิปไตย เผย ผอ.ยูเนสโกส่งหนังสือขอให้ไทยทบทวน พร้อมยืนยันไม่มีการพิจารณาแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารของเขมร เหน็บ “ฮุนเซน” ออกมาถล่มไทยเพราะเสียหน้า เนื่องจากไปเที่ยวป่าวประกาศว่าได้รับชัยชนะ ส่วนการทบทวนเรื่องถอนตัวเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดหน้า
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน้าหัวหน้าคณะเจรจาของฝ่ายไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้รายงานผลการถอนตัวจากการเป็นคณะกรรมการมรดกโลกและภาคีสมาชิกอนุสัญญามรดกโลกต่อ ครม.ว่า ตนเรียนว่าเมื่อวานนี้ (27 มิ.ย.) ทางผู้อำนวยใหญ่ของยูเนสโก ได้ทำหนังสือถึงตน ยืนยันมติของคณะกรรมการมรดกโลกชัดเจนว่า ไม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องของแผนบริหารจัดการพื้นที่ของกัมพูชา
ส่วนการที่เราแสดงเจตนาเรื่องการถอนตัว เขาขอให้เราได้พิจารณา ฉะนั้นตนขอบอกว่าไม่แปลกใจและไม่ถือสานายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ออกมาพูดอะไร เพราะว่าหลอกชาวโลกไม่ได้ ทางยูเนสโกก็ยืนยันแล้วว่าไม่ได้พิจารณาเรื่องแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบประสานพระวิหารของทางกัมพูชาแต่อย่างใด ก็คงจะรู้สึกเสียหน้า และมีอาการเป็นธรรมดา
ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายถึงว่าจะมีการทบทวนเรื่องการถอนตัวออกจากภาคีสมาชิกอนุสัญญามรดกโลกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลต่อไปที่จะดำเนินการขั้นตอนต่างๆ เพราะว่าการแสดงเจตนาถอนตัวเราได้ทำไปแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นขั้นตอนต่างๆ เท่านั้นเอง ระหว่างนี้ก็ให้ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงวัฒนธรรม ได้ดูในข้อมติที่เขาผ่านออกมา แม้ว่าจะไม่มีการพิจารณาแผนบริหารจัดการ แต่ก็อยากให้ดูรอบคอบว่ามีผลกระทบอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุวิทย์มีปัญหากับทางยูเนสโกจริงหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มี ทางยูเนสโกได้เขียนจดหมายมาหาตน การตัดสินใจของนายสุวิทย์ เพราะต้องการไม่ให้มีความเสี่ยงและจริงๆ แล้ว คณะกรรมการฯเองก็ควรที่จะรอเพราะตอนนั้นทางผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโกได้นัดคุยโทรศัพท์กับตน ซึ่งสามารถที่จะเลื่อนวาระรอได้ แต่ก็ไม่เลื่อน ทางนายสุวิทย์ไม่อยากเสี่ยง จึงต้องดำเนินการ
ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ตามมา โดยนักวิชาการหลายคน มองว่าการถอนตัวไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย เหมือนกับว่าเป็นการเสียโอกาสในบางเรื่อง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่หรอก ถ้าคิดว่าเราพร้อมที่จะเสี่ยงสูญเสียอธิปไตยเพื่อที่จะไปแลกกับการมีแหล่งนั้น แหล่งนี้ ไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก ตนคิดว่ามันไม่คุ้มกันอยู่แล้ว ส่วนที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกไปแล้วก็ไม่กระทบอะไร ทั้งพระนครศรีอยุธยา สุโขทัย ก็ไม่กระทบอะไร ขณะนี้สิ่งสำคัญก็คือ เราสามารถหยุดยั้งการเสนอแผนบริหารจัดการของทางกัมพูชาได้
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับยูเนสโก อนาคตจะต้องมาคุยกัน ต้องมาเจรจากันและการที่ผู้อำนวยการใหญ่มีจดหมายมาถึงตนก็เพื่อเป็นการยืนยันว่า เขาไม่พิจารณาแผนบริหารจัดการของกัมพูชา และอยากให้ทางเราทบทวนหรือพิจารณาต่างๆ ทั้งนี้ก็เป็นสัญญาณที่บ่งว่าเราไม่ได้สูญเสียอะไร
ส่วนกรณีที่ทางนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ใช้เล่ห์เหลี่ยมโจมตีเรานั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนอยากจะเรียนย้ำอีกครั้งว่าก็รู้สึกเห็นใจ เพราะรู้สึกเสียหน้า เนื่องจากไปเที่ยวป่าวประกาศว่าเป็นชัยชนะ และวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า ทางยูเนสโก ก็บอกว่าไม่ได้พิจารณาแผนบริหารจัดการของกัมพูชา เมื่อถามว่า มีแผนรองรับผลกระทบที่จะเกิดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับแนวชายแดน เราได้คุยกับทางกระทรวงกลาโหมและทางกองทัพตั้งแต่ก่อนที่จะมีการแสดงเจตนาเรื่องการถอนตัว ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมและทางกองทัพก็ได้มีการรายงานว่าทางกัมพูชามีการเคลื่อนไหวอยู่ ซึ่งเรามีการติดตามและเฝ้าระวังอยู่ตลอด มันก็เป็นการบ่งบอกถึงเจตนาของทางกัมพูชา
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางรัฐบาลได้มีการเตรียมแผนรอรับเหตุการณ์สำหรับอนาคตไว้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราได้ให้ทางหน่วยงานทราบประเด็นต่างๆ แต่ทาง ครม.คงไปกำหนดสิ่งที่ผูกพันกับทางรัฐบาลหน้าไม่ได้ในขณะนี้ ซึ่งมันเป็นเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ส่วนทางกระทรวงการต่างประเทศก็ให้เขาเอาตัวข้อมติที่ทางคณะกรรมการมรดกโลกออกมา นำมาศึกษาให้ชัดเจน เหมือนกับที่ทางยูเนสโกยืนยันมาแล้วว่าแผนบริหารจัดการของกัมพูชายังไม่ได้รับการพิจาณา ซึ่งก็อยากให้เขายืนยันมาว่าในเรื่องของข้อมติที่ออกมา ในทางปฏิบัตินั้นคืออะไร ซึ่งเขาแสดงเจตนาชัดว่า เขาต้องการทำงานกับเราต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่ากับว่าการที่จะต้องทำจดหมายอย่างเป็นทางการในรัฐบาลชุดนี้จะไม่ทำแน่นอน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลนี้คงทำไม่ได้ เพราะว่าจะไปขัดกับรัฐธรรมนูญว่าจะไปผูกพันกับรัฐบาลหน้า