ถามคนกรุงเทพฯจะเลือก “คนเผาบ้าน-คนห่วยแตก” เข้ามา !?

ถ้าสารพัดโพลที่ออกมาในช่วงนี้ไม่ผิดเพี้ยนหรือเป็น “โพลปั่น” อย่างที่มีการกล่าวหากันจริง กรณีที่สรุปตรงกันว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะพรรคประชาธิปัตย์แบบขาดลอย โดยเฉพาะเมื่อมีการสำรวจความเห็นชาวกรุงเทพมหานครก็มีการระบุว่าจะเลือกผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขต ของพรรคเพื่อเกือบครบทั้ง 33 เขต มีเพียง 4-5 เขตเท่านั้นที่พรรคประชาธิปัตย์คาดว่าจะได้รับการเลือกตั้ง แต่คะแนนสุดสูสี

ที่สำคัญเมื่อสำรวจลงไปในเขตเลือกตั้ง น่าสังเกตก็คือเมื่อรวมเอาเขต “ราชประสงค์” ที่มีการเผากันวอดวาย ควันไฟคละคลุ้ง หรือในช่วงที่คนเสื้อแดงมาปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ ตั้งเป็นป้อมค่ายคูประตูเมืองอยู่เป็นนาน จากผลสำรวจของ “กรุงเทพโพลล์” ล่าสุด(สำรวจครั้งที่ 3) กลับปรากฏว่าผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำพรรคประชาธิปัตย์แบบทิ้งห่างเสียอีก

โอ แม่เจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองนี้ !! กลายเป็นว่าชาวราชประสงค์มีความสุขกับพวกเสื้อแดง มีความสุขกับการเผาอย่างนั้นหรือ

เพราะหากจะว่าไปแล้วคนกรุงเทพฯใช่ว่าจะเป็นพื้นที่ไกลปืนเที่ยง ห่างไกลข้อมูลข่าวสาร ตรงกันข้าม แต่ละวันรับรู้กันจนแทบจะอ๊วก เสียด้วยซ้ำ ที่สำคัญในพื้นที่ย่านราชประสงค์ รวมไปถึงบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงต่างก็ได้รับความเดือดร้อนกันไปทั่ว ทั้งเถ้าแก่และลูกน้องที่ต้องเจ๊ง ต้องปิดกิจการขาดรายได้ รวมทั้งพี่น้องประชาชนที่พำนักอาศัยอยู่แถวนั้นเวลาเข้าออกก็ต้องถูกตรวจตรา ราวกับเข้าไปสู่ในดงสงครามหรืออยู่ใน “รัฐใหม่” อะไรก็ไม่รู้ บางคนที่พอมีเงินทอง หาทางขยับขยายกันได้ก็ต้องอพยพหลบหนีไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว เรียกว่าเดือดร้อนกันแสนสาหัส แต่จากผลสำรวจออกมากลับกลายเป็นว่าคนพวกนี้ยังคิดจะเลือกพรรคเพื่อไทยอีก

ทั้งที่ในผู้สมัครทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และระบบเขตของพรรคการเมืองนี้มีชื่อของ “ผู้ก่อการร้าย” อย่าง จตุพร พรหมพันธุ์ ที่พูดจาปลุกระดมจาบจ้วงหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างโจ่งแจ้ง หรือ ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ที่ปลุกเร้าให้คนเสื้อแดงเผาทำลาย แล้วบอกว่า “ผมรับผิดชอบเอง” จำไม่ได้เลยหรือ

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็อาจมองได้หลายแง่หลายมุม อย่างแรกต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นเพราะคนกรุงเทพฯสมัยนี้มันโง่ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย วันๆดูแต่ละครน้ำเน่า ไม่รับรู้ข้อมูลรอบข้าง หรือไร้เดียงสาจนไม่เข้าใจว่า พรรคเพื่อไทยกับ “หัวโจกคนเสื้อแดง” มันไม่ได้เกี่ยวข้องกัน รวมไปถึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่กำลังหลบหนีคดีทุจริตอยู่ในต่างประเทศแล้ววิดีโอลิงก์ โทรศัพท์เข้ามาปลุกปั่น

หรือแม้กระทั่งไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงที่หัวโจกคนเสื้อแดง ไม่ว่าหัวหงอกหัวดำ ไล่ลงมาตั้งแต่ วีระ(กานต์) มุสิกพงศ์ จตุพร ณัฐวุฒิ นพ.เหวง โตจิราการ(ที่เคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯด่าทักษิณขายชาติ) ถูกสั่งให้เคลื่อนขบวนคนเสื้อแดงจากเวทีผ่านฟ้ามาที่แยกราชประสงค์เพราะอะไร ทั้งที่แถวนั้นมันมองไปทางไหนก็ไม่เห็น “สัญลักษณ์” ทางการเมือง หรืออำนาจรัฐอยู่เลย ไม่ว่าจะเป็น อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา ไม่มีศูนย์กลางอำนาจอยู่เลย แต่เป็นย่านธุรกิจ ย่านช็อปปิ้งของภาคเอกชน ไม่ได้เกี่ยวกับภาครัฐเลยแม้แต่น้อย

ดังนั้นการมาปักหลักชุมนุมที่ราชประสงค์ก็ต้องมีเจตนาอย่างเดียวคือต้องการทำให้ “ธุรกิจเอกชนในบริเวณนี้ฉิบหาย” เท่านั้นและก็ฉิบหายทันตาจริงๆ คิดว่ายิ่งทำให้ฉิบหายเท่าไรก็ยิ่งกดดันให้รัฐบาลต้องยอมทำตามคำขู่ได้มากเท่านั้น ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการนิรโทษฯลบล้างความผิด เปิดทางให้กลับมามีอำนาจ และได้เงินที่ถูกยึดไปจากการทุจริตจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาทกลับมา โดยไม่สนใจว่าใครจะเสียหาย ใครจะบาดเจ็บล้มตาย “กูไม่สน” ประมาณว่า “ถ้ากูไม่ได้ พวกมึงก็อย่าหวังจะอยู่เป็นสุข” อะไรแบบนั้นแหละ

อีกด้านหนึ่งที่เป็นสาเหตุทำให้ชาวบ้านในย่านราชประสงค์ยังเทใจให้กับพรรคคนเสื้อแดง ก็ต้องมองว่าเป็นเพราะความ “ห่วยแตก” ของ รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกฯดูแลด้านความมั่นคง ไม่เคยชี้แจงทำความเข้าใจให้เป็นเรื่องเป็นราว มีแต่กั๊กๆ ทำมั่งหยุดมั่ง เล่นการเมือง “แบบเทพ” ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา หรือแม้แต่ “สร้างภาพ” ด้วยการ “ปรองดอง” กับ “โจร” โดยหลงไปว่าตัวเอง “เหนือ” กว่า

แต่ทุกอย่างกลายเป็นตรงกันข้าม อีกไม่กี่วันโจรก็จะชนะเลือกตั้ง หัวหน้าโจรใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศกำลังจะกลับเข้ามาอย่าง “วีรบุรุษ” จึงต้องดิ้นรนแบบไฟลนก้น แต่ก็ยังใช้วิธี “สร้างภาพ” เหมือนเดิมย้อนกลับไปตั้งเวทีที่ราชประสงค์ อ้างว่าไปชี้แจงความจริงว่าใครคือคนฆ่าประชาชน ใครคือ “ฆาตรกรมือเปื้อนเลือด” กันแน่ พร้อมๆกับการแอบอ้างความดีของตัวเองว่าต้องอดทนอดกลั้น ปล่อยให้ถูกกระทำ ถูกใส่ร้ายต่างๆนานาเพื่อสร้างบรรยากาศ แต่คำถามก็คือทำไมเพิ่งมาพูด มาเปิดโปงให้ชัดๆเอาตอนนี้ มันจะมีประโยชน์อะไร มิหนำซ้ำยังถูกมองเป็นเรื่องการเมืองไปเสียอีก ไม่เห็นจะได้แต้มตรงไหน อีกทั้งยังเป็นการ “ประจาน” ความไม่เอาไหนของตัวเองเข้าไปเต็มๆ

เพราะขนาดพี่น้องที่ได้รับความเดือดร้อนในราชประสงค์ยังคิดจะเทคะแนนให้พวก “เผาบ้านตัวเอง” เสียอีก อย่างนี้ก็ไม่ต้องพูดอะไรกันอีกต่อไปแล้ว ถือว่า ต้องปล่อยให้มันเป็นไป

อย่างไรก็ดีนาทีนี้ยังหวังว่าหูฟังมาผิดเพี้ยนหรือว่า “โพลมั่ว”จนทำให้เกิดความผิดพลาด ผิดไปจากความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม ที่เป็นวันเลือกตั้ง แต่ อีกด้านหนึ่งไม่ว่ามองในมุมไหน ไม่ว่าฝั่งของเพื่อไทย-หัวโจกคนเสื้อแดง-ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ล้วนเป็น “ครอก” เดียวกัน ขณะที่ฝั่ง ประชาธิปัตย์-อภิสิทธิ์-สุเทพ ก็ล้มเหลว ห่วยแตก ฝากความหวังไว้ไม่ได้เลือกไปก็ “เสียของ” ไม่มีทางชนะ

ดังนั้นทางออกที่พอทำได้ก็คือชักชวนกันมา “ประท้วง” ด้วยการ “ไม่เลือกใคร(โหวตโน) ให้มากที่สุด เพื่อหยุดความเหิมเกริม ทำลายจังหวะของ “คนถ่อย” กันดีกว่าพี่น้อง !!