xs
xsm
sm
md
lg

“เหวง” ขู่ ปชป.จัดปราศรัยราชประสงค์ถึงขั้นนองเลือด ชิ่งหนี พท.-แก๊งแดงไม่มีเอี่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายแพทย์เหวง โตจิราการ
โจกแดงปลุกกระแสข่มขวัญ ปชป. จัดเวทีปราศรัยราชประสงค์พรุ่งนี้ ส่อถึงขั้นนองเลือด ย้อนถามต้องการดับไฟประเทศหรือจุดไฟประเทศ ปูดจะมีคนสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้นเพื่อล้มเลือกตั้ง แสร้งปรามเสื้อแดงห้ามป่วนเวทีปราศรัย เบ่งกล้ามโชว์เพื่อไทยนอนมาอยู่แล้ว ชิ่งปัดความรับผิดชอบหากเกิดความรุนแรงไม่เกี่ยวกับเสื้อแดง-พท.

วันนี้ (22 มิ.ย.) นายแพทย์เหวง โตจิราการ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะจัดปราศัยใหญ่ในวันที่ 23 มิ.ย.ที่บริเวณราชประสงค์ว่า ขณะนี้ทราบว่ามีคนตั้งใจที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในวันที่ 23 มิ.ย.และถึงขั้นเลือดตกยางออก ซึ่งอาจนำไปสู่การล้มการเลือกตั้งในรูปแบบต่างๆ โดยอาจทำให้ กกต.ทำหน้าที่ไม่ได้และนำมาซึ่งทหารเข้ามามีบทบาทในการดูแลรักษาบ้านเมืองแทน เพราะขณะนี้กระแสเลือกพรรคเพื่อไทยมาแบบถล่มทลาย ดังนั้นคนที่เกรงกลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะอย่างถล่มทลายและมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลก็ไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง

“อยากเรียน ผบ.ตร.ได้กรุณาให้เอาใจใส่ในการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์วันที่ 23 มิ.ย.อย่างยิ่ง หากมีใครก็ตามไปดำเนินการที่ผิดกฎหมายขอให้จับกุมอย่างทันทีเพื่อป้องกันการล้มการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีสิทธิเสรีภาพในการไปปราศัยที่ราชประสงค์ และมีสิทธิพูดในเรื่องที่อยากจะพูดแต่ประชาชนจะเป็นคนตัดสินว่าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ นอกจากนี้ ความที่มีคนตั้งใจล้มการเลือกตั้งขอให้ ผบ.ทบ.รักษาคำมั่นว่าจะเป็นกลาง อย่าแทรกแซงการเลือกตั้ง และขอให้รักษาคำมั่นว่าจะไม่แทรกแซงทางการเมืองอย่างเด็ดขาด” นายแพทย์เหวงกล่าว

นายแพทย์เหวงกล่าวว่า อยากเรียนผ่านสื่อว่า พี่น้องเสื้อแดงคงทราบอยู่แล้วว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะอย่างถล่มทลายอย่างแน่นอน ดังนั้น ถ้าอยากไปฟังกรุณาอย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด แต่ทางที่ดีอย่าไปสร้างเงื่อนไขเลย เพราะถ้าเกิดอะไรที่ดีไม่ดีหรือเขาสร้างเรื่องขึ้นมาเขาก็จะป้ายสีให้เสื้อแดงอีก และถ้าเป็นไปได้พี่น้องเสื้อแดงอย่าไปเลย

ส่วนกรณีที่นายกอปศักดิ์ สภาวสุ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนสั่งล้มโต๊ะเจรจาระหว่างแกนนำเสื้อแดงกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีนั้น นายแพทย์เหวงกล่าวว่า ที่นายกอร์ปศักดิ์พูดนั้นความจริงไม่ครบ ที่นายกอร์ปศักดิ์พูดว่านายอภิสิทธิ์เสนอแผนปรองดอง 5 ข้อแล้วมีคนสั่งให้เลิก คือคุณพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่เพื่อน คือลืมไปแล้วหรือว่าวันที่ 3 พ.ค.มันผ่าน 10 เม.ย.ไปแล้ว ลืมไปแล้วหรือว่าวันที่ 10 เม.ย.มีการฆ่ากันที่สี่แยกคอกวัว 25 ศพ ลืมไปแล้วหรือว่านายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี ลืมไปแล้วหรือไม่ว่าทหารจะยิงปืนได้จะต้องมีนายสั่ง ต้องมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงนามถึงจะยิงได้ คุณลืมไปแล้วว่าคนที่ถูกสไนเปอร์ยิงถูกยิงที่ศีรษะกระเด็น เพราะฉะนั้นคุณจะพูดเอาข้างเดียวไม่ได้ พวกเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่มีใครสั่ง ที่คุณไปอ้างถึงคนแดนไกล คุณไม่ได้ให้ความยุติธรรมกับเขาคือคนแดนไกลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย ในวันนั้นเนื่องจากคุณสั่งฆ่าคนซึ่งตนยังไม่ทราบว่าเป็นใครแต่ต้องมีคนสั่งฆ่าแน่นอน ไม่เช่นนั้นพลทหารสไนเปอร์ไม่กล้ายิง เพราะมีกล้อง ถ้าคนสั่งไม่อำมหิตสามารถสั่งให้ยิงที่มือหรือขาได้ แต่นี่สั่งให้ยิงที่ศีรษะ

นายแพทย์เหวงกล่าวว่า เพราะว่าในวันนั้นเราตอบรับแผนปรองดอง 5 ข้อของนายอภิสิทธิ์แสดงว่าเรารักสันติและปรองดองสมานฉันท์ แต่สันติปรองดองสมานฉันท์ต้องอยู่บนพื้นฐานการฆ่าคนบนถนนแล้วต้องรับผิดชอบ คือรัฐบาลต้องรับผิดชอบ นี่คือสิ่งที่นายกอร์ปศักดิ์ ซ่อนเร้นไม่บอกกล่าวกับสังคมไทย และตั้งใจใส่ร้ายคนแดนไกล มิหนำซ้ำพอสื่อถามถึงหลักฐานนายกอร์ปศักดิ์กลับบอกว่าไม่มีหลักฐาน

นายแพทย์เหวงกล่าวว่า ตนอยากส่งสัญญานดีๆ ถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่าการเลือกตั้งเที่ยวนี้พรรคเพื่อไทยได้พยามทำให้การรณรงค์ในการหาเสียงเป็นไปอย่างสร้างสรรมาตลอด เพราะฉะนั้นการปราศัยบนเวทีเราไม่เคยใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่เคยตั้งคำถามว่ารัฐบาลนี้ควรเรียกชื่อว่ารัฐบาลร้อยศพหรือไม่ แต่วันนี้คุณกำลังทำอะไรของคุณ คุณกำลังตั้งใจทำให้เกิดความเสียหายต่อการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ แต่ต้องขอเรียนว่าแม้ว่าพวกคุณจะตั้งใจทำให้เกิดความเสียหายในการเลือกตั้งแต่เราจะไม่เล่นเกมคุณ

นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงโค้งสุดท้าย ตนมองว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังจะแหกโค้งและกำลังนำพาประเทศไทยแหกโค้งไปกับพรรคประชาธิปัตย์นำพาประเทศล่มจมไปด้วย และในวันที่ 23 มิ.ย.พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าต้องการทำความเข้าใจเหตุการณ์ปี 53 ตนขอตั้งคำถามว่าเหตุการณ์ผ่านมาปีกว่าแล้ว และมีองค์กรที่รับผิดชอบไม่ว่าดีเอสไอ สตช.แต่ทำไมองค์กรเหล่านั้นจึงไม่สามารถให้คำตอบต่อสังคมได้ แต่เมื่อมีการเลือกตั้งรัฐบาลกลับเอาเรื่องเหล่านี้มาสร้างกระแส สร้างประเด็นทางการเมือง

นายก่อแก้วกล่าวว่า หากย้อนกลับไปในช่วงการชุมนุมทหารที่ปฏิบัติการมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หรือพลเอกคนอื่นๆ คนที่สามารถสั่งการทหารได้ก็ต้องใหญ่กว่าพลเอก คนที่สั่งการทหารได้ก็ต้องเป็นจอมพลอภิสิทธิ์ จอมพลสุเทพเท่านั้นจึงจะสั่งการทหารได้ ถ้าไม่มีคนที่ใหญ่ระดับนั้นใครจะไปสั่งให้ทหารปฏิบัติการ ดังนั้นสังคมต้องคิดว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะอธิบายในวันที่ 23 มิ.ย.จะสร้างประโยชน์กับสังคมไทยหรือทำให้สังคมไทยตกอยู่ในความขัดแย้งมากขึ้นกว่าเดิม

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่นายกอปศักดิ์ ได้แถลงประเด็นเรื่องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นคนเริ่มต้นกระบวนการปรองดองของประเทศไทยนั้น ตนมีข้อเท็จจริงต้องการอธิบายคือประการแรกนายกอปศักดิ์ได้กล่าวหาว่าสถานการณ์ความวุ่นวายทั้งหมดของประเทศได้ถูกดำเนินการโดยกลุ่มคนเสื้อแดง มี พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทยเป็นแนวร่วม ซึ่งเป็นการการพูดความเท็จหน้าตาเฉยต่อคนทั้งประเทศ และการอ้างว่านายอภิสิทธิ์เป็นคนเริ่มต้นกระบวนการปรองดองในประเทศก็เป็นความเท็จเช่นกัน.เพราะสถานการณ์ความขัดแย้งและปัญหาทางการเมืองในไทยไม่ได้เพิ่งมาเกิดในช่วงที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ แต่เกิดขึ้นหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณชนะเลือกตั้งอย่างงดงามเมื่อปี48

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนขอไล่เป็นรายปีจะได้ทราบว่าใครทำอะไรเอาไว้บ้าง ปี 49 พรรคประชาธิปัตย์จับมือพันธมิตรฯออกมาขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มีการเรียกร้องนายกฯมาตรา.7สร้างสถานการณ์จนการเมืองเข้าสู่วิกฤตและท้ายสุดมีการยึดอำนาจ ปี50 พรรคประชาธิปัตย์อิงแอบอำนาจคณะรัฐประหารไม่ได้แสดงตัวต่อต้าน ต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยกับประชาชนแต่ตรงกันข้ามกลับไปมีบทบาทสำคัญตามแผนบันใด4ขั้นของคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งแถลงต่อประชาชนโดยของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.ในเวลานั้น บทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ ในแผนบันได 4 ขั้นคือมาเป็นรัฐบาลหลังกำจัดอำนาจรัฐประหารได้จัดการกับพรรคไทยรักไทยอย่างสิ้นซาก

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ปี2551หลังพ่ายให้พรรคพลังประชาชนอีกครั้ง พรรคประชาธิปัตย์.ก็หวนจับมือพันธมิตรฯ ไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ มีการยึดทำเนียบ สนามบินนานาชาติในที่สุด นายอภิสิทธิ์ก็มาเป็นนายกฯ ตามแผนการเดิม อย่างที่ผู้ยึดอำนาจประกาศไว้ ประชาชนรู้เห็นความจริงออกมาต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย และนายอภิสิทธิ์ได้ใช้กำลังทหารออกมาต้องการสลายการชุมนุม จนประชาชนบาดเจ็บล้มตายเกือบ 30 ชีวิตรวมเจ้าหน้าที่ หลังเหตุการณ์ทั้งหมดนายอภิสิทธิ์จึงคิดอ่านและเริ่มต้นพูดคำว่าปรองดองทั้งที่แท้จริงก่อนหน้านี้มีการเรียกร้องความสามัคคี ความสมานฉันท์จากหลายองค์กรแต่วันที่พรรคประชาธิปัตย์จับมือพันธมิตรฯไม่เคยสนองตอบแต่อย่างใด ดังนั้น คำว่าปรองดองของพรรคประชาธิปัตย์หมายถึงการทำลายฝ่ายตรงข้ามโดยไม่เลือกวิธีการแล้วเข้าสู่อำนาจด้วยการขัดต่อกระบวนการประชาธิปไตยแล้วค่อยพูดเรื่องปรองดองเช่นนั้นหรือตนเรียนว่าคำว่าปรองดองเกิดไม่ยาก ขอเพียงทุกฝ่ายพูดความจริงแล้วยินยอมให้บ้านเมืองเดินไปตามกติกากระบวนการประชาธิปไตย

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ประการต่อมาตนเป็นตัวแทนในการเจราจากับฝ่ายรัฐบาล ตนเป็นตัวแทนของนปช.แดงทั้งแผ่นดินในเวลานั้น และทำหน้าที่เจราจากับบุคคลต่างๆ ของรัฐบาลมาตลอด ตนเป็นคนนัดหมายนายกอร์ปศักดิ์และออกทีวีสองวันติดต่อกัน ตนเป็นคนเจรจากับนายกอปศักดิ์เพื่อยุติความรุนแรงเมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.ตนเป็นคนเจรจากับม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัฒน์ ผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้รับมอบหมายจากนายอภิสิทธิ์เพื่อหาทางออกเวลานั้น ตนเจราจากับนายกอร์ปศักดิ์หลายครั้ง ทุกครั้งที่มาเจรจาเป็นมติที่ประชุมแกนนำที่มีตนเป็นตัวแทน

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เพราะฉะนั้นขอยืนยันว่าหลังจากที่นายอภิสิทธิ์เสนอแผนปรองดองมาแกนนำ นปช.ตอบรับวันเลือกตั้ง 14 พ.ย.เพียงแต่เราต้องการให้คนในรัฐบาลที่มีอำนาจสั่งการแสดงความรับผิดชอบต่อการสูญเสียของประชาชนโดยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่รัฐบาลปฏิบัติไม่ได้ และในที่สุดสถานการณ์ความสูญเสียร้ายแรงก็เกิดขึ้น ขอเรียนว่าทั้งหมดทั้งหลายการตัดสินใจเป็นมติของ นปช.ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคำสั่ง ไม่ได้เป็นสัญญานจากดูไบ ไม่ได้คำสั่ง ไม่ได้เป็นสัญญานของ พ.ต.ท.ทักษิณแต่อย่างไร นายกอร์ปศักดิ์จะไปเอาจากไหนมาพูดว่าถ้าเป็นอย่างนี้”ผมไม่ได้อะไร”จะกล่าวอ้างว่าเป็นคำพูดของใครตนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ยินคำนี้จากปากใครไม่ว่าในแกนนำ นปช.หรือ พ.ต.ท.ทักษิณก็ตาม ถ้านายกอร์ปศักดิ์ยืนยันว่ามีเอาหลักฐานมาว่ากัน

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า แต่ตรงกันข้ามมันมีคำพูดอยู่คำหนึ่งขอถามนายกอร์ปศักดิ์ว่ามาจากรัฐบาลใช่หรือไม่ มาจากใครคือหลังจากแกนนำ นปช.เจรจากับรัฐบาลไม่ประสบผล ตนเป็นคนประสานกับวุฒิสมาชิกนำโดย พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวนิชเข้าไปเจรจากับเราในเย็น 18 พ.ค.คุยกันเสร็จเรียบร้อยนัดหมาย 19 พ.ค.ตนจะเป็นตัวแทน นปช.ไปเจรจากับคนของรัฐบาล โดยนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาจะเป็นคนกลางเจรจา ตนบอก พล.อ.เลิศรัตน์ต่อหน้าเพื่อนแกนนำว่า การเจรจาเสร็จแล้วเราจะยุติการชุมนุมทันทีเรื่องนี้คณะวุฒิสมาชิกเป็นพยานได้ ปรากฏว่ามีการแถลงข่าวในค่ำวันนั้นหลังเวทีประชาชนหลังเวทีจำนวนหนึ่งได้ยินเข้าไม่พอใจตนขึ้นเวทีไปอธิบายและยอมรับ วันที่ 19 พ.ค.ควรเป็นวันเจรจาไม่ใช่วันสังหาร แต่ว่าการกลับตรงกันข้ามคณะวุฒิสมาชิกบอกให้ตนทราบว่านายอภิสิทธิ์ทราบเรื่องนี้ทุกขั้นตอน ตกลงกับนายประสพสุขแล้วว่าจะมีการเจรจา แต่เมื่อมีข่าวว่าทหารจะเคลื่อนกำลังมาตนถามวุฒิสมาชิกได้ความว่ามีการประสานกับรัฐบาลกลับได้คำตอบว่ามันสายไปแล้ว

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนถามว่ารัฐบาลให้คำตอบนี้มาใช่หรือไม่แล้วถามว่าจะไม่ต้องให้เกิดประชาชนบาดเจ็บล้มตาย ไม่ให้เกิดความเสียหายมันมีอะไรที่สายเกินไป รัฐบาลนายอภิสิทธิ์มองคนเสื้อแดงเป็นประชาชนหรือเป็นเหยื่อที่เลือกปิดล้อมไว้เบ็ดเสร็จทุกช่องทางไม่สามารถเล็ดลอดหลบหนีได้ ก็จะต้องขย้ำให้ตายเพื่อให้หมดเสี้ยนหนามตำตาตำใจหรืออย่างไร ไม่มีรัฐบาลที่ไหนในโลกที่จะเล็งปืนใส่ประชาชนนอกจากรัฐบาลของผู้เผด็จการผู้นำกระหายเลือด

“ผมขอยืนยันกับประชาชนว่าพรรคเพื่อไทยแม้จะเจ็บปวดและห่วงใยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเราจะไม่ตอบโต้หรือสร้างสงครามทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องนี้ที่เวทีราชประสงค์อย่างแน่นอน ขอประชาชนขอรับทราบและสบายใจว่าไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะพยามยั่วยุอย่างไรเราจะไม่ทะเลาะ จะไม่สร้างสงครามทางการเมืองอย่างแน่นอน เราจะไม่ตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์บนกองเลือดของประชาชนอย่างแน่นอน” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนเห็นภาพนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์นั่งรถโชเลย์ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มันเป็นภาพที่น่าดู แต่วันนี้พรรคประชาธิปัตย์จะขับรถโชว์เลือดที่ราชประสงค์ตนคิดว่าคนไทยไม่ต้องการ และเป็นเลือดประชาชนตอกลิ่มความขัดแย้ง มีข่าวว่ามีคนบางกลุ่มเตรียมสร้างสถานการณ์ ในวันที่ 23 มิ.ย.มีข่าวว่าเรื่องนี้ไม่ได้คิดแต่พรรคประชาธิปัตย์ฝ่ายเดียว จะลงมือทั้งที่มือที่มองเห็นและไม่เห็น จะพูดกันทั้งปากที่มองเห็นและปากที่มองห้อย

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เพราะฉะนั้นจึงขอส่งสัญญานกับประชาชนให้ตั้งสติและระมัดระวังไม่ใช่เฉพาะคนเสื้อแดง คนเสื้อสีอะไรก็ตามถ้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำก็ขอความกรุณาอย่าออกไปเคลื่อนไหวและแสดงบทบาทอะไร เนื่องจากจะเป็นเหยื่อของสถานการณ์ของคนบางกลุ่มที่จะสร้างสถานการณ์ขึ้น เพราะสถานการณ์อันตรายต่อประเทศ และระบอบประชาธิปไตยเกินกว่าใครจะคาดคิด มีรายงานว่าจะเตรียมชายฉกรรจ์จากบางจังหวัดแถวอีสานใต้มาเคลื่อนไหวมาสร้างสถานการณ์ เตรียมกลุ่มมอเตอร์ไซด์ เตรียมขว้างปาระเบิดน้ำมัน ต่างๆมากมายที่เราได้ข้อมูลมา เพราะฉะนั้นหากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย

“ขอถามถึงพรรคประชาธิปัตย์ที่อ้างว่าไปปราศรัยที่ราชประสงค์จะพูดเพื่อดับไฟประเทศ ผมถามว่าไฟที่ลุกไหม้อาคารในประเทศไทยมันดับไปปีกว่าแล้วมิใช่หรือ ไฟไหม้ห้าง ไหม้ศาลากลาง อาคารถูกสร้างขึ้นมาใหม่แต่พรรคประชาธิปัตย์เลือกที่จะโหมไฟในใจประชาชนเพื่ออะไร เพียงเพื่อต้องการคะแนนเสียงเท่านั้นหรือ ไม่สนใจแม้กระทั่งจะซ้ำเติมบาดแผลให้กับประเทศไทยมากมายเพียงใดใช่หรือไม่ และคงไม่มีข้อเรียกร้องอะไรต่อพรรคประชาธิปัตย์เพราะนี่คือวิชาที่เขาถนัดที่สุด และถึงเวลา ถึงทางตันถึงมุมอับจริงๆก็หยิบออกมาใช้แต่ยืนยันว่าเราจะไม่ทะเลาะ ก่อสงครามบนกองเลือดด้วย และหากมีการใส่ร้ายก็จะดำเนินการตามกฎหมาย” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้พรรคประชาธิปัตย์จะมีการปราศัยที่ราชประสงค์ ทราบจากการข่าวของหน่วยงานความมั่นคงที่มีความกังวลว่าจะมีการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายให้เกิดขึ้นและมีคนแดงเทียมสร้างสถานการณ์ ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายดับไฟประเทศซึ่งตรงนี้เหมือนกับการจุดไฟให้ประเทศเราอยากให้หน่วยงานความมั่นคงและเจ้าหน้ามีมาตรการป้องกัน เพราะถ้าเกิดเหตุความวุ่นวายก็จะนำไปสู่การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทำให้เหตุการณ์วุ่นวายได้
กำลังโหลดความคิดเห็น