“บรรหาร” อวยพรวันเกิด “เจ๊ปู” ทำงานเพื่อส่วนรวม ระบุนักการเมืองต้นเหตุความขัดแย้ง เตือน ปชป.ปราศรัยแยกราชประสงค์ในกรอบ เชื่อไม่ล้มกระดานเลือกตั้งหลังทหารประกาสไม่ยุ่งการเมือง มั่นใจไม่มีอำนาจพิเศษแทรกตั้งรัฐบาล แนะทุกฝ่ายลืมอดีตเข้าโหมดปรองดอง ยกพระราชดำรัสในหลวงลดความขัดแย้ง-ประเทศเดินหน้า ชี้ “ยิ่งลักษณ์” แรงเพราะสื่อจุดกระแส โหมโปรโมตลงรูปหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกวัน ทำให้อีกฝ่ายต้องรณรงค์หนัก บอกคันไม้คันมืออยากลงเล่นเอง ลั่นหลังเลือกตั้งไม่อยากเห็นสองมาตรฐาน วอนหาเสียงไม่ขัดแย้ง
นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า วันนี้ (21 มิ.ย.) วันเกิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญชีรายชื่ออันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ขอให้มีความสุขกาย สบายใจ มีความสวยงามอย่างยั่งยืน ทำงานทุกอย่างเพื่อส่วนรวม และประเทศชาติ ให้ประสบความสำเร็จเป็นที่พึ่งหวังของประชาชนต่อไป และจำได้ว่าวันที่ 3 ส.ค.เป็นวันเกิดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตนจะอวยพรเหมือนกันจะได้เสมอภาคซึ่งกันและกัน
นายบรรหารกล่าวว่า การเมืองที่ผ่านมาประมาณ 10 วันนี้ เป็นการหาเสียงที่มีความรุนแรงมากเท่าที่เคยมีมา มีการยิงกันเกิดขึ้นหลายจังหวัด ตนเป็นห่วงว่าการเลือกตั้งที่เหลือ 10 กว่าวันเหตุการณ์จะรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ตอบไม่ได้ ถ้ามากขึ้นปัญหาความขัดแย้งระหว่างพรรคใหญ่จะมีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เหตุที่เกิดก็มาจากฝ่ายการเมืองด้วยกันที่รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พอโพลออกมามีพรรคที่ได้คะแนนเสียงมาก อีกพรรคก็พยายามเร่งหาเสียงให้มากเท่าที่จะทำได้ กลยุทธอะไรก็นำออกมาใช้ เพื่อสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคตัวเอง ส่วนผลโพลล์ของพรรคชาติไทยพัฒนาลดลงเรื่อยๆ ก็ต้องระมัดระวัง
ส่วนในวันที่ 23 มิ.ย.พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดเวทีปราศรัยที่สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงของเสื้อแดงเมื่อปีที่ผ่านมานั้น นายบรรหารกล่าวว่า การเปิดเวทีปราศรัยดังกล่าวอาจจะบอกว่าเป็นการพูดแค่นโยบาย การทำงาน ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์จะพูดถึงความสงบเรียบร้อย ซึ่งอาจจะไปโยงถึงครั้งที่แล้ว หากพูดมากเกินไปก็จะเกิดความวุ่นวาย อีกฝ่ายก็คงไม่ยอมเด็ดขาด ตนคิดว่าความขัดแย้งต่างๆ ที่มีอยู่อยากให้เบาบางลง ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาคิดว่าการปรองดองเกิดขึ้นได้ ตนไม่เห็นด้วยที่หัวหน้าพรรคบางคนระบุว่าการปรองดองจะเกิดขึ้นไม่ได้ ต้องเกิดขึ้นจากประชาชน แต่ตนคิดว่าเกิดจากนักการเมือง ถ้านักการเมืองไม่สู้กัน ไม่เล่นงานกัน ก็มีความปรองดองเกิดขึ้น
ดังนั้น อยู่ที่ว่านักการเมืองจะปรองดองกันได้หรือไม่ ตนคิดว่าทำได้ แต่ไม่อยากทำกัน เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้พรรคชาติไทยพัฒนาจะจุดเทียนชัยชูการปรองดองในเย็นวันที่ 21 มิ.ย.ให้เกิดขึ้นให้จงได้โดยนายชุมพล ศิปลอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย เวลา 18.00 น.หากความปรองดองเกิดขึ้นได้
“ผมคิดว่าหลังเลือกตั้งไปแล้วทุกอย่างก็จบ เรื่องที่เคยหาเสียงไปก็อย่าหยิบยกมาพูดอีก แล้วเดินหน้าเข้าหากัน ผมคิดว่าทำได้ อะไรที่ถูกก็ว่าถูก ผิดก็ว่าผิด ว่ากันไปตามกฎหมาย อาจจะใช้หลักนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ก็ได้ ผมไม่อยากคุยว่าผมเก่ง ถ้าผมไม่ถูกเว้นวรรค 5 ปี ชื่อของนายบรรหาร สามารถทำได้เรื่องการปรองดอง ถ้าพูดได้เลย ใครทำไม่ได้ ผมทำได้ บังเอิญถูกเว้นวรรค 5 ปี นับวันเมื่อไหร่จะหมด เมื่อไหร่จะหมดเวรกรรมเสียที ใครสร้างเวรกรรมให้ผมก็ไม่รู้” นายบรรหารกล่าว
เมื่อถามว่าจนถึงเวลานี้แล้วพรรคชาติไทยพัฒนาคาดหวังจำนวน ส.ส.ไว้เท่าไหร่ นายบรรหา รกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่ตั้งไว้มากกว่า 30 ที่นั่งก็ลดลงแล้ว แต่ตนกล้าฟันธงได้ว่าน่าจะได้อยู่ประมาณ 25-30 ที่นั่ง ส่วนเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคยังไม่มีการพูดถึง เพราะการจะร่วมรัฐบาลต้องยอมรับระบอบประชาธิปไตยไม่ว่ากี่สมัย พรรคไหนมีเสียงข้างมาก พรรคนั้นเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และถ้าจัดไม่ได้ภายใน 30 วันพรรครองลงมาก็จะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ตนจำได้เมื่อปี 2538 ที่พรรคชาติไทยไปรณรงค์หาเสียงครั้งสุดท้ายที่จ.นครปฐม แล้วโพลล์ออกมาเลยในวันนั้นว่าพรรคชาติไทยจะได้ ส.ส.ถึง 97 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปัตย์ได้ 94-95 ที่นั่ง มีแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้โทรศัพท์มาหาตนว่าให้พี่บรรหารจัดตั้งรัฐบาลได้เลย เพราะพรรคชาติไทยได้ที่หนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์ได้ที่สอง นี่คือสปิริตของนักการเมืองที่มีอยู่เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับ ส่วนใครจะไปอยู่อย่างไรต้องไปถามหัวหน้าพรรค ตนไม่มีสิทธิ์จะตอบ
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ในยุคนี้จะมีสปิริตเหมือนครั้งนั้นหรือไม่นั้น นายบรรหารกล่าวว่า ตนตอบแทนไม่ได้ต้องไปถามพรรคประชาธิปัตย์เอง ซึ่งตนก็ไปทำโพลใน กทม.มาเหมือนกันเสียงของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยคู่คี่กัน เรียกได้ว่าฉิวเฉียดกันเลย ถ้าจะแพ้ก็แพ้แค่ 2-3 ที่นั่งเท่านั้น โพลใน กทม.พรรคเพื่อไทยมีคะแนนสูงขึ้นมา ส่วนต่างจังหวัดก็ต้องไปว่ากัน ภาคเหนือกับอีสานน่าจะเป็นของพรรคเพื่อไทย ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากใน กทม.คะแนนพรรคเพื่อไทยคะแนนสูสีกับพรรคประชาธิปัตย์แสดงว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ส.ส.อันดับหนึ่ง ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายบรรหารกล่าวว่า ต้องรอคำตอบวันที่ 3 ก.ค.นี้ เมื่อถามต่อว่าเที่ยวนี้หากพรรคที่ได้อันดับหนึ่งไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล นายบรรหารกล่าวสวนทันทีว่า ก็ต้องดูว่าพรรคไหนได้อันดับหนึ่ง
เมื่อถามย้ำว่าหากพรรคเพื่อไทยได้อันดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วมีอำนาจพิเศษเข้ามา จะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า ไม่มีอำนาจพิเศษเข้ามา เพราะฟังจากฝ่ายทหารยืนยันอย่างมั่นเหมาะว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง จะวางตัวเป็นกลาง ทำให้สบายใจได้ และคิดว่าคราวนี้ไม่มีแน่ ซึ่งทุกครั้งก็ไม่มี ทุกอย่างว่ากันในสภาฯ ที่ว่ามีนั้นก็เป็นเรื่องที่เขาไปคุยกัน ไม่ได้ไปจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งคงไม่มีใครไปหาอะไรกับใครเป็นพิเศษ แต่หากหลังเลือกตั้งแล้วเกิดเหตุวุ่นวายนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เชื่อว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้เรียบร้อยและไม่มีอำนาจพิเศษเข้ามาเกี่ยวข้องหรือบีบบังคับ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 23 มิ.ย.ที่แยกราชประสงค์จะเกิดเหตุวุ่นวายหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า ตนก็เป็นห่วง หากการปราศรัยไม่เปิดประเด็น และไม่พูดแบบหาขีดจำกัดไม่ได้ หรือบางคนควบคุมไม่ได้ในการพูด มันจะมีปัญหาเกิดขึ้น ตนก็กลัว ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องควบคุมความเรียบร้อย เพราะในเมื่ออีกฝ่ายตั้งเวทีขึ้นได้ อีกฝ่ายก็ตั้งเวทีได้เหมือนกัน ก็เกิดการประชันกันว่ากันไปว่ากันมา ความขัดแย้งก็เกิดขึ้นอีก เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก หาข้อยุติไม่ได้
ต่อข้อถามว่าจะฝากอะไรถึงพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่เพราะยืนยันว่าจะปราศรัย ขณะที่คนเสื้อแดงก็บอกว่าจะไปฟัง นายบรรหารกล่าวว่า เท่าที่ตนฟังข่าวไม่ว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะไปปราศรัยที่ไหน ก็มีบางคนมาโห่บ้าง ขว้างบ้าง ก็ถือว่าเป็นธรรมดาในการหาเสียง ตำรวจต้องคอยป้องกัน แต่หากวันนั้นเสื้อแดงไปฟังแล้วปราศรัยอยู่ในขอบเขตมันก็ไม่มีปัญหา แต่หากปราศรัยออกนอกขอบเขตไปมาก นอกเส้นไปมาก จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเราก็ตอบไม่ได้ ที่ดีแล้วฟังทางวิทยุดีกว่า ปลอดภัย ถ้าเป็นประชาชนจะได้ไม่มีปัญหา หากปราศรัยที่สี่แยกราชประสงค์ต้องถามตำรวจด้วยว่ายอมหรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะใช้ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ปราศรัย นายบรรหารกล่าวว่า แล้วเจ้าของเซ็นทรัลเวิลด์ยอมหรือเปล่า ตนเชื่อว่าหากปราศรัยจริงจะลามมาที่ถนนแน่ การจราจรก็จะติดขัด เมื่อถามต่อว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะจัดปราศรัยบ้างหรือไม่ นายบรรหากล่าวว่า จะให้ไปด่าใครล่ะ ถ้าจะให้พรรคชาติไทยพัฒนาจัดปราศรัยก็ต้องด่าทั้งสองฝ่าย ให้มันจบไปเลย เป็นฮี่โร่
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเกิดความวุ่นวายในการปราศรัย แล้วล้มกระดานการเลือกตั้งจะทำอย่างไร นายบรรหารกล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่าทำไมก กต.ถึงไปต่างประเทศทั้ง 4 คน พ้นจากวันที่ 3 ก.ค.ค่อยไปก็ได้ไปตอนนี้คนฉงนทำให้คิดต่างๆ นานาว่าไปเรื่องอะไร ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในการเลือกตั้งว่าไปดูงานต่างประเทศในช่วงเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามเรื่องการล้มกระดานเลือกตั้งในอนาคตตอบไม่ได้ ตนก็ตอบไม่ได้ อย่าเป็นการพูดเพื่อไปจุดไฟ หากพูดจุดไฟแล้วมันก็จะยุ่ง มีปัญหา หากพูดเรียบๆ ก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น จริงๆ แล้วเหตุการณ์ที่ราชประสงค์ผู้คนก็ลืมไปบ้างแล้ว
เมื่อถามว่ามองอย่างไร เพราะมีการมองว่าการปราศรัยที่ราชประสงค์เหมือนการฟื้นฝอยหาตะเข็บ นายบรรหารกล่าวว่า ก็ไม่ทราบ อาจเป็นการพูดถึงว่ารัฐบาลได้มีมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อยในเวลานั้นอย่างไร คงไม่ไปกล่าวหาว่าใครเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าฝีปากของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างไร และสไตส์พรรคประชาธิปัตย์เป็นแบบนี้มาตลอดเป็นวัฒนธรรม ห้ามไม่ได้ ทุกคนพูดเก่งหมด
ส่วนจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวหรือไม่นั้น นายบรรหารกล่าวว่า ก็อย่าให้เป็นแบบนั้นเลย ถ้าจะมีความวุ่นวายก่อนก็น่าจะมีก่อนยุบสภา จะได้จบเรื่องจบราวไป ไม่ต้องไปหาเสียง มาถึงตอนนี้ต้องมีเลือกตั้งไม่มีไม่ได้ และผลเลือกตั้งเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับด้วย ใครจะมาบอกว่าไม่มีการเลือกตั้งไม่มีหรอก ตามระบอบประชาธิปไตยเมื่อมีความขัดแย้งก็ยุบสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับ 1 พรรคเพื่อไท ยบอกเสื้อแดงให้เก็บความรู้สึกเอาไว้และไปแสดงในการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. นายบรรหาร กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็พูดเก่งเหมือนกันน่ะ แต่คนเสื้อแดงมีเป็นหมื่นจะไปควบคุมอย่างไร และหน้าที่ควบคุมไม่ใช่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย
“ผลออกมาวันนี้มีความชัดเจนพอสมควรว่าใครจะได้เท่าไหร ใครจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ผมพูดตามหนังสือพิมพ์เขียนแหละ และผมยังสงสัยว่าทำไมรูปของคุณยิ่งลักษณ์ถึงมีในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเลย นี่สิเป็นการจุดกระแสขึ้นมา อีกฝ่ายเลยต้องรณรงค์อีกรูปแบบหนึ่ง พรรคชาติไทยพัฒนาไม่รู้จะทำยังไงตอนนี้ก็ต้องลงโมษณาตามหนังสือพิมพ์ทุกวันเช่นกัน แต่ถ้าเป็นพรรคชาติไทยเก่าละก็น่าดูผมไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน” นายบรรหารกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าประเมิณการเมืองหลังการเลือกตั้งเป็นอย่างไร นายบรรหารกล่าวว่า ความขัดแย้งทุกอย่างควรเลิกได้แล้วและดูการทำงานรัฐบาลว่าได้ทำงานตามที่ได้มีการประกาศไว้กับประชาชนหรือไม่ ถ้าไม่เลิกปัญหาก็ไม่จบต้องเลิกได้แล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่าหัดลืมกันได้หรือไม่ท่องคำนี้กันถ้าท่องได้บ้านเมืองก็ไปรอด แตถ้ายังจำตลอดเวลาก็คงตัวใครตัวมัน ส่วนตัวยังต้องหัดลืมเลยไม่เก็บมาคิดเอาไว้ ทุกพรรคทุกสีต้องหัดลืมกันบ้างไม่งั้นบ้านเมืองก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้ ต้องคุยกับหัวหน้ากลุ่มพวกนี้ถ้าลืมได้ความขัดแย้งก็ไม่มี
“อ่านหนังสือพิมพ์ไหม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรามราโชวาทแก่ผู้พิพากษาว่าปัญหาข้อขัดแย้งมีอยู่แน่นอน แต่ต่างฝ่ายต่างต้องลดความขัดแย้งลง ตรงกับความคิดคนไทยทั้งประเทศที่มีอยู่ พระองค์ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยออกมาแบบนี้เพราะฉะนั้นคนไทยเราต้องหัดลืม ไม่งั้นบ้านเมืองไปไม่ได้ ถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นมาผมได้เตรียมวัดไปบวชแล้วไปเป็นหลวงตา ผมยังเคยคิดว่าบั้นปลายชีวิตจะบวชสักพรรษาหนึ่งเพราะเห็นการเมืองแล้วเบื่อไม่รู้เป็นไง แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าถ้าพ้นจกการถูกตัดสิทธิ์อาจจะเลิกเบื่อบ้างก็ได้"
นายบรรหารกล่าวว่า ยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดและคันไม่คันมือบ้างในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเพราะที่ผ่านมาเลือกตั้งทุกครั้งก็ออกมาหาเสียงตลอด แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกตัดสิทธิ ทำได้ไปนั่งฟังปราศรัยอย่างเดียวแล้วนั่งเอามือปิดปากเป็นใบ้ 5 ปี มีชาวบ้านมาถามตนก็บอกไปว่าจะลาออกจากการเป็นคนไทยแล้ วถ้ามาตรา 237 ยังอยู่เพราะส่วนตัวซีเรียสมากเลยบอกตรงๆ เพราะกฎหมายนี้ไม่ให้ความเป็นธรรม พรรคการเมืองตั้งมาด้วยความยากลำบากเลย
“อยากโต้วาทีกับคนร่างมาตรานี้มากเลย ผมไหว้เลยบ้านเมืองต่อไปอย่าให้มีสองมาตรฐานเลยตัดสินดัวยความเป็นธรรม บอกได้แค่นี้แหละ บางพรรคจับซื้อเสียงได้เป็นล้านได้ใบเหลือง พอพรรคชาติไทยหมื่นกว่าคุณเธอให้ใบแดง เรื่องถูกรังแกแบบนี้ลืมยากแต่ปัญหาข้อขัดแย้งอื่นๆ ลืมได้” นายบรรหารกล่าว
นายบรรหารกล่าวว่า เหตุการณ์บ้านเมืองตอนนี้รุนแรงตลอดเวลาอย่างนายสุบรรณ จิระพันธุ์วาณิช ลูกนายกมล จิระพันธ์วานิช ก็เป็นอดีคลูกพรรคชาติไทยมาเก่าแก่นานกว่า 40 ปี เมื่อเกิดเหตุอย่างนี้ก็น่าเห็นใจและยังมีอีกเยอะหลายจังหวัดจะเป็นเรื่องการเมืองหรือเรื่องอะไรก็ตอบไมได้
นายบรรหารได้เปรยกับผู้สื่อข่าวว่าอยากเป็นนักข่าวและขอเป็นผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 โดยกล่าวว่า “ผมทำได้นะถ้ามีการทาบทาม และคุณสรยุทธ์ก็สู้ไม่ได้หรอกแต่ต้องขอมีพิธีกรคู่มาอีกคนหนึ่งขอเป็นดาราช่อง 7 มานั่งใกล้ๆ จะเป็นอั้ม พัชราภา หรือ พลอย ชมพู่ ก็ได้ทั้งนั้น ชอบทุกคน ถ้าได้มาประกาศด้วยกันผมยอมแน่ ทิ้งการเมืองเลย”
นายบรรหารกล่าวว่า ตนขอวิงวอนในโค้งสุดท้ายขอให้การหาเสียงทุกฝ่ายอยู่บนเงื่อนไขไม่เพิ่มความขัดแย้งซึ่งกันและกันเอาความจริงเข้ามาพูดใช้นโยบายหาเสียง แต่ถ้าเอาเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องอื่นก็ไม่สิ้นสุด และจากนี้ไปก็กระชั้นเข้าไปทุกที และพรรคชาติไทยพัฒนาเท่าที่คุยกับหัวหน้าพรรคก็จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครปฐมในวันที่ 1 ก.ค.ซึ่งตนก็จะไปร่วมรับฟังด้วย