xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” บอก “แม้ว” กลับไทยไม่ต้องเคลียร์กองทัพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (แฟ้มภาพ)
“ผบ.ทบ.” ควงเสธ.ทบ.ลงใต้ ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบ ลั่น! ลงดาบนายทหารขับรถชน “หมอมุก” ชี้หนีกฎหมายไม่ได้ พร้อมเมิน “ทักษิณ” ขอเคลียร์กองทัพถึงได้กลับไทย บอกไม่มีปัญหาอะไรกัน ไล่ส่งเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมไม่เกี่ยวกองทัพ

วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ไปติดตามการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการเน้นย้ำการรักษาความปลอดภัย และทรัพย์สิน ที่ผ่านมาสถิติเหตุการณ์ลดลงกว่า 6 เดือนที่แล้ว แต่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอยู่ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเนื่องจากมีปัจจัยหลาย ประเด็น ทั้งมาตรการเชิงรุกของกองทัพ หรือ ฝ่ายกลุ่มผู้ก่อเหตุต้องการก่อเหตุให้เกิดความรุนแรง และหวาดกลัว ซึ่งเป็นธรรมดาที่จะต้องกำหนดมาตรการรุก-รับ ให้เกิดความเหมาะสม และปลอดภัยทั้งกำลังพล และ ผู้บริสุทธิ์ การที่มีประชาชน หรือ เจ้าหน้าที่บาดเจ็บแม้แต่คนเดียวก็เป็นสิ่งที่กองทัพไม่สบายใจเราห่วงมากตรง นี้ ทั้งนี้สถานการณ์จะดีขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ หากยังมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ และสูญเสีย

“การ แก้ไขปัญหาหลัก ๆ จะต้องแก้ด้วยความเข้าใจ และให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบ.ชต.) รับเรื่องการพัฒนา โดย 20 กระทรวงจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง และทำงานในกรอบของ ศบ.ชต. ซึ่งไม่มีวิธีการใดที่จะให้เจ้าหน้าที่รัฐได้ทำงาน และประเทศไทยก็จะต้องมีการปกครองในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ใครที่จะเสนอความคิดเป็นอย่างอื่นก็จะต้องไปทบทวนดูให้ดีว่าจะเกิดสุ่ม เสี่ยงต่อจะเกิดขึ้นอะไรในอนาคตหรือไม่ ผมทราบดีถึงประชาธิปไตยเป็นอย่างไร ก็จะต้องทบทวนว่าประเทศชาติสำคัญที่สุด ดังนั้นการทำอะไรต่าง ๆ ก็ตาม หากมีการสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความไม่เข้มแข็ง หรือการเกิดความอ่อนแอต่ออำนาจของรัฐ ผมว่าน่าเป็นห่วง ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศใหญ่โตที่จะต้องถ่ายทอดอำนาจมากจนขาดตอนไปไม่เหมือน กับต่างประเทศ ที่มีพื้นที่กว้างขวาง ที่สำคัญคนไทยก็คือคนไทย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อ ถามว่า ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในพื้นที่เริ่มผสมโรงกับการเมือง โดยเฉพาะล่าสุดมีการลอบยิงหัวคะแนนพรรคประชาธิปัตย์ จ.ยะลา เสียชีวิต พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มันมีมาตั้งนานแล้ว คนภาคใต้เขาสนใจเรื่องการเมือง กับกีฬา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่คนภาคใต้สนในเรื่องการเมือง เพื่อจะได้พัฒนาการเมืองในอนาคต


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทหารยศพันโทขับรถยนต์ชน พ.ต.แพทย์ หญิงหทัยพร อิ่มวิทยา(หมอมุก) แพทย์ ร.พ.พระมงกุฎฯ จนปัจุบันพ.ต.พญ.หทัยพร มีอาการสมองบวมและยังไม่ได้สติว่า กองทัพบกกำลังดำเนินการอยุ่ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน และขณะนี้ทางตำรวจได้รายงานและแจ้งให้ทราบในรายละเอียดมาแล้ว ขอเรียนอย่างเดียวว่า ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะผู้เสียหายเป็นกำลังพลของกองทัพบก ซึ่งกองทัพบกจะดูแลอย่างเต็มที่ และจะไม่มีใครมาทำร้ายแพทย์หญิงคนดังกล่าวอีก เพราะทำไม่ได้อยู่แล้ว ทั้งนี้เราได้ติดตามเหตุการณ์ตามลำดับ ขณะนี้อยูุ่่ในระหว่างการสอบสวนพยานหลักฐานต่างๆให้ชัดเจน ที่สำคัญ หลักฐานทางวัตถุพยานก็มีอยู่ ไม่ต้องกลัวว่า จะตรวจไม่พบ อยากให้เข้าใจว่า การที่มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บถือเป็นความรับผิดชอบและหน้าที่ของหน่วยต้น สังกัดที่ต้องดูแล ตนได้สั่งการไปยังโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าให้รายงานผ่านกรมแพทย์ทหารบกเกี่ยว กับข้อเท็จจริงว่า เป็นอย่างไร ที่ผ่านมาตนไม่ทราบรายละเอียดจึงสั่งการให้สอบสวนเรื่องนี้ว่า เป็นอย่างไร โดยขณะนี้ได้ติดตามผู้กระทำความผิดอยู่ ซึ่งคงปกปิดไม่ได้

เมื่อ ถามว่า การปิดคดีในครั้งนี้จะมีการจับแพะหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็คิดกันแบบนี้ ประเทศไทยจะอยู่ได้หรือไม่ คนเราต้องมีกฎหมาย ถามเหมือนบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ จับได้แล้วจะประหารชีวิตเลย ถามว่า ประเทศไทยเป็นอย่างนั้นหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงต้องประหารชีวิตทุกคนที่มีความผิด ขณะนี้ทุกอย่างต้องมีหลักฐาน ตอนนี้จะกล่าวอ้างอะไรก็ได้หรือจะบอกว่า ใครข่มขู่ ต้องไปหาหลักฐานมา ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นไม่ได้นิ่งนอนใจ ไม่วา จะกล่าวอ้างว่าใครเป็นคนชน หรือเป็นรถของใคร ซึ่งผุ้บังคับบัญชาระดับสูงให้วามเห็นเรื่องนี้หมดแล้ว เรียนว่า หากลูกน้องเจ็บ ไม่มีการยกเว้น ไม่ว่า ใครจะทำต้องถูกลงโทษ ถ้าเป็นทหารด้วยกันมีระเบียบวินัยที่จะดำเนินการอยู่ ต้องเข้าใจขั้นตอนระเียบกฎหมาย ถ้าไม่สอนให้คนรู้จักกฎหมายก็ไม่มีวันเกรงกลัวกฎหมาย วาระแรกทำความผิดถึงรู้ว่า ผิดกฎหมายก็ไม่กลัว แต่พอดำเนินคดีกลับกลัว

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องการเคลียร์ใจกับกองทัพว่า “ไม่ใช่เรื่องของผม เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไรกับผม ผมกับท่านไม่ได้มีอะไรกัน”

ขณะเดียวกันนั้น พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าเรื่องนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้แสดงความห่วงใย พร้อมกำชับไปยังพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้อำนวยความสะดวกต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกกรณี หากมีการร้องขอหรือประสานงานมา และสั่งการให้ทางกองทัพตั้งชุดสืบหาพยานหลักฐานต่างๆสนับสนุนเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทั้งนี้ยังได้สั่งการยังผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎฯให้ดูแล พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา ผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดและเป็นคนไข้พิเศษ เพราะเป็นบุคลากรทรงคุณค่าซึ่งทำคุณประโยชน์ให้ประเทศอย่างใหญ่หลวง และเป็นแพทย์ในโครงการพระราชดำริฯ

พ.อ.ธนา ธิป กล่าวว่า คดีเดียวกันนี้ทางตำรวจมีพยานหลักฐาน เช่นกล้องวงจรปิด พยานบุคคล พยานวัตถุ คิดว่าคงดิ้นไม่หลุดคาดว่าในไม่ช้าจะมีการแถลงข่าวให้ทราบ สำหรับผลการตั้งคณะกรรมการสอบสวนของกองทัพไทยนั้นต้องรอให้กองทัพไทยชี้แจง เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องสะเทือนขวัญต่อสังคม ไม่ว่าจะใครก็ตามทั้งทหาร พลเรือน ต้องถูกดำเนินคดีและรับโทษถึงที่สุด ซึ่งผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นไม่มีนโยบายในการช่วยเหลือคนกระทำความผิดทุก กรณี คนเจ็บเป็นกลังพลของกองทัพเหมือนกัน คงไม่มีการปกป้อง เพราะกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ ถือว่าเป็นเรื่องดีที่พนักงานสอบสวนจะได้ทำงานอย่างถูกต้องยุติธรรม ซึ่งเราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย กองทัพยืนอยู่บนความยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตาสีตาสา ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฏหมายบ้านเมือง หมดสมัยที่กองทัพจะมีอิทธิพลหรือสิทธิประโยชน์ ซึ่งน่าจะใช้เวลา 15 วันในการสอบสวน

เมื่อ ถามว่า ผู้ก่อเหตุเป็นถึงลูกนายทหารระดับพลเอก พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ทุกชั้นยศหรือใครในกองทัพหากทำความผิดจริงต้องนำมาดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด และรถที่ใช้ในการก่อเหตุอยู่ที่กองพิสูจน์หลักฐาน ทั้งนี้มีลายนิ้วมือของผู้บาดเจ็บอยู่ที่รถ เมื่อถามว่าต้องพักราชการกับนายทหารที่ก่อเหตุหรือไม่ พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่ามีการกล่าวหาใครต้องรอให้ตำรวจจะยื่นหนังสือมาถึงใคร

เมื่อ ถามว่าหลักการใช้รถของทางราชการ พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า รถที่ใช้เป็นรถที่ใช้ในงานประจำการ คือให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในทางธุรการหรือยุทธวิธีใช้ในยามปกติ ซึ่งรถคันดังกล่าวทราบว่า มีการเบิกจ่ายให้สำนักงานปลัดบัญชีทหารตั้งแต่ปี 2550 และเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2554 ได้นำมาจอดทิ้งไว้ในที่จอดรถ เนื่องจากเครื่องยนต์เสียไม่สามารถวิ่งได้ ส่วนที่นำมาใช้งานในที่เกิดเหตุต้องดูผลของคณะกรรมการสอบสวน

เมื่อ ถามว่าเป็นไปได้หรือมที่จะมีการสวมทะเบียนรถที่ก่อเหตุ พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่ามีความเป็นไปได้ แต่พิสูจน์ไม่ได้ อย่างไรก็ตามทางตำรวจคงจะมีพยานหลักฐาน หากกำลังพลในกองทัพก่อเหตุจะนำมาดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่ปกปิดซ้อนเร้นอำพรางคดี หรือดัดแปลงรถแต่อย่างใด ซึ่งมีบทลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา เมื่อถามว่ามารดาของผู้บาดเจ็บตั้งข้อสังเกตว่า รถที่ใช้ก่อเหตุมี สติกเกอร์หน้ารถมากกว่า รถที่นำมาพิสูจน์หลักฐาน พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ต้องฟังคณะกรรมการเพราะจะได้ข้อมูลทั้งหมด ตั้งแต่ที่มาที่ไปของรถ
กำลังโหลดความคิดเห็น