รองปลัดบัญชีทหาร นำตัว “พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น” ผอ.กองกลาง สำนักงานปลัดบัญชีทหาร เข้ามอบตัวที่ สน.พญาไท ขณะที่เจ้าตัวปฏิเสธไม่ได้ขับรถชน “หมอมุก” แต่หมอสาวกระโดดชนกระโปรงหน้ารถเอง
วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.พิสุทธิ์ เปาอินทร์ รองปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมนายทหารพระธรรมนูญ ได้นำตัว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น อายุ 51 ปี ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ที่อ้างว่าเป็นผู้ขับรถยนต์ชน พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา อายุ 34 ปี แพทย์ประจำคลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้า หรือหมอมุก จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ แสงกล้า (สบ 2) สน.พญาไท โดยมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ร่วมสอบปากคำ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น มีสีหน้าเรียบเฉย พร้อมปฏิเสธขอให้การต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวน
พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ให้การเบื้องต้นโดยปฏิเสธว่าไม่ได้ขับรถชน พ.ต.พญ.หทัยพร แต่ พ.ต.พญ.หทัยพรกระโดดชนรถเอง แต่ยอมรับลูกสาวได้เขียนข้อความต่อว่า พ.ต.พญ.หทัยพร ว่าจอดรถไม่มีมารยาทจริง พร้อมกับกล่าวว่าวันนั้นได้ไปรับประทานอาหารที่ร้านสามเสนวิลล่า พร้อมครอบครัว จากนั้นได้เดินทางมาที่รถเพื่อเดินทางกลับ แต่ไม่สามารถนำรถออกไปได้เนื่องจากมีรถจอดปิดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ประกอบกับด้านข้างมีรถของหมอมุกจอดปิดอยู่ จึงมีปากเสียงกัน เนื่องจากลูกสาวของตนเองได้ไปเขียนที่กระจกรถว่า “จอดรถไม่มีมารยาท” ส่วนภรรยาก็บอกว่าเป็นที่สาธารณะ จากนั้นก็ได้ขับรถเคลื่อนออก แต่หมอมุกได้ใช้มือทุบท้ายกระโปรงรถ ตนจึงขับรถเคลื่อนออกมาและพยายามโทร.แจ้งตำรวจ 191 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่หมอมุกเดินมาหน้ารถ ตนจึงเกรงว่าจะมีเรื่องจึงได้เคลื่อนรถไปด้านหน้า แต่หมอมุกกับกระโดดขึ้นกระโปรงหน้าพร้อมกับคว้าที่ปัดน้ำฝน ตนจึงได้หยุดรถและถอยกลับเกรงว่าจะชนและหักรถหลบออกมา
ส่วนอาการของ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา ในวันนี้ไข้ลดลง แต่ยังต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ในห้องไอซียู ขณะที่ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกเข้าเยี่ยมอาการพร้อมให้ความมั่นใจการดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด
ขณะที่ พล.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกได้นำกระเช้าเข้าเยี่ยมอาการ พ.ต.พญ.หทัยพร โดยได้พูดคุยกับแพทย์หญิงพรรณกร อิ่มวิทยา มารดาของ พ.ต.พญ.หทัยพร พร้อมให้ความมั่นใจในเรื่องคดีที่เกิดขึ้นโดยจะให้ความเป็นธรรมต่อครอบครัวของหมอมุกมากที่สุด พร้อมมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวหมอมุกด้วย
สำหรับอาการของหมอมุกขณะนี้มีอาการไข้ลดลง และต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยมีการประเมินอาการชนิดนาทีต่อนาที ทั้งนี้ นายกฯแพทยสภาและคณะ ก็จะเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง และสอบสวนเชิงลึกของข้อกฎหมายด้านการรักษาเพื่อช่วยหมอมุกต่อไป
ด้านพล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหาใดกับ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งต้องสอบปากคำก่อนว่าเป็นคนขับรถคันต้องสงสัยชนหมอมุกจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นจริงคงเข้าข่ายข้อหาพยายามฆ่า ซึ่งพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น อาจต่อสู้คดีว่าประมาท ก็เป็นสิทธิ์ของพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานแน่ชัด โดยคดีนี้ตำรวจไม่ได้ดำเนินการล่าช้า แต่พยายามทำสำนวนให้รัดกุม ซึ่งทางฝ่ายทหารก็ให้ความร่วมมือด้วยดี โดยได้ส่งรถยนต์คันที่ต้องสงสัยขับชนหมอมุก มาตรวจพิสูจน์แล้ว
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ทั้งพยานแวดล้อมไว้หมดแล้ว ตลอดจนการสอบปากคำพยาน หรือคนที่มารับประทานอาหารในที่วันเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้คดีได้นำเข้าสู่กระบวนการแล้ว ทั้งนี้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวต่าง ๆ อย่าให้กระทบกองทัพ พร้อมทั้งขอความร่วมมือร้านอาหารต่าง ๆ ควรจัดระเบียบให้มีที่จอดรถ สำหรับผู้มาใช้บริการ ซึ่งไม่ควรให้มีการจอดกีดขวางบ้านใกล้เคียง เพราะสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวก็มาจากการจอดรถกีดขวาง
ตร.พร้อมล่าทหารเลวขับเก๋งพุ่งชนแพทย์หญิงเจ็บสาหัส!
วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.พิสุทธิ์ เปาอินทร์ รองปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมนายทหารพระธรรมนูญ ได้นำตัว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น อายุ 51 ปี ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ที่อ้างว่าเป็นผู้ขับรถยนต์ชน พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา อายุ 34 ปี แพทย์ประจำคลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้า หรือหมอมุก จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ แสงกล้า (สบ 2) สน.พญาไท โดยมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ร่วมสอบปากคำ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น มีสีหน้าเรียบเฉย พร้อมปฏิเสธขอให้การต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวน
พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ให้การเบื้องต้นโดยปฏิเสธว่าไม่ได้ขับรถชน พ.ต.พญ.หทัยพร แต่ พ.ต.พญ.หทัยพรกระโดดชนรถเอง แต่ยอมรับลูกสาวได้เขียนข้อความต่อว่า พ.ต.พญ.หทัยพร ว่าจอดรถไม่มีมารยาทจริง พร้อมกับกล่าวว่าวันนั้นได้ไปรับประทานอาหารที่ร้านสามเสนวิลล่า พร้อมครอบครัว จากนั้นได้เดินทางมาที่รถเพื่อเดินทางกลับ แต่ไม่สามารถนำรถออกไปได้เนื่องจากมีรถจอดปิดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ประกอบกับด้านข้างมีรถของหมอมุกจอดปิดอยู่ จึงมีปากเสียงกัน เนื่องจากลูกสาวของตนเองได้ไปเขียนที่กระจกรถว่า “จอดรถไม่มีมารยาท” ส่วนภรรยาก็บอกว่าเป็นที่สาธารณะ จากนั้นก็ได้ขับรถเคลื่อนออก แต่หมอมุกได้ใช้มือทุบท้ายกระโปรงรถ ตนจึงขับรถเคลื่อนออกมาและพยายามโทร.แจ้งตำรวจ 191 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่หมอมุกเดินมาหน้ารถ ตนจึงเกรงว่าจะมีเรื่องจึงได้เคลื่อนรถไปด้านหน้า แต่หมอมุกกับกระโดดขึ้นกระโปรงหน้าพร้อมกับคว้าที่ปัดน้ำฝน ตนจึงได้หยุดรถและถอยกลับเกรงว่าจะชนและหักรถหลบออกมา
ส่วนอาการของ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา ในวันนี้ไข้ลดลง แต่ยังต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ในห้องไอซียู ขณะที่ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกเข้าเยี่ยมอาการพร้อมให้ความมั่นใจการดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด
ขณะที่ พล.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกได้นำกระเช้าเข้าเยี่ยมอาการ พ.ต.พญ.หทัยพร โดยได้พูดคุยกับแพทย์หญิงพรรณกร อิ่มวิทยา มารดาของ พ.ต.พญ.หทัยพร พร้อมให้ความมั่นใจในเรื่องคดีที่เกิดขึ้นโดยจะให้ความเป็นธรรมต่อครอบครัวของหมอมุกมากที่สุด พร้อมมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวหมอมุกด้วย
สำหรับอาการของหมอมุกขณะนี้มีอาการไข้ลดลง และต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยมีการประเมินอาการชนิดนาทีต่อนาที ทั้งนี้ นายกฯแพทยสภาและคณะ ก็จะเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง และสอบสวนเชิงลึกของข้อกฎหมายด้านการรักษาเพื่อช่วยหมอมุกต่อไป
ด้านพล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหาใดกับ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งต้องสอบปากคำก่อนว่าเป็นคนขับรถคันต้องสงสัยชนหมอมุกจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นจริงคงเข้าข่ายข้อหาพยายามฆ่า ซึ่งพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น อาจต่อสู้คดีว่าประมาท ก็เป็นสิทธิ์ของพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานแน่ชัด โดยคดีนี้ตำรวจไม่ได้ดำเนินการล่าช้า แต่พยายามทำสำนวนให้รัดกุม ซึ่งทางฝ่ายทหารก็ให้ความร่วมมือด้วยดี โดยได้ส่งรถยนต์คันที่ต้องสงสัยขับชนหมอมุก มาตรวจพิสูจน์แล้ว
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ทั้งพยานแวดล้อมไว้หมดแล้ว ตลอดจนการสอบปากคำพยาน หรือคนที่มารับประทานอาหารในที่วันเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้คดีได้นำเข้าสู่กระบวนการแล้ว ทั้งนี้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวต่าง ๆ อย่าให้กระทบกองทัพ พร้อมทั้งขอความร่วมมือร้านอาหารต่าง ๆ ควรจัดระเบียบให้มีที่จอดรถ สำหรับผู้มาใช้บริการ ซึ่งไม่ควรให้มีการจอดกีดขวางบ้านใกล้เคียง เพราะสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวก็มาจากการจอดรถกีดขวาง
ตร.พร้อมล่าทหารเลวขับเก๋งพุ่งชนแพทย์หญิงเจ็บสาหัส!