xs
xsm
sm
md
lg

ปชช.แห่ร่วมลงชื่อกล่าวโทษ “ปู-หมอตุลย์” เตรียมรื้อฟื้นคดีซุกห้นเอสซีแอทเซส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประชาชนแห่ร่วมลงชื่อกล่าวโทษ “ปู” ยื่นดีเอสไอสอบ 21 มิ.ย.นี้ “แก้วสรร” เผยหลังเลือกตั้งหากเพื่อไทยชนะ จะยอมรับทุกนโยบาย แต่รับไม่ได้หากทำเพื่อช่วย “แม้ว” เพราะจะเท่ากับทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชนเป็นครั้งที่สอง ด้าน “นพ.ตุลย์” เตรียมรื้อฟื้นคดีซุกหุ้นเอสซีแอสเซท ชี้ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา คนชั่วย่ามใจเพราะไม่มีใครเปิดโปงได้

วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ อาคารอเนกประสงค์ ห้องประชุมประกอบ หุตะสิงห์ นายแก้วสรร อติโพธิ และนพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเครือข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษกรรมทักษิณ ได้ตั้งโต๊ะเปิดให้ประชาชนร่วมลงชื่อแสดงเจตนารมย์กล่าวโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญชีรายชื่ออันดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ร่วมกับพวก เพื่อรวบรวมรายชื่อพร้อมหลักฐานเบื้องต้น ส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีไว้สอบสวน โดยจะเข้ายื่นเอกสารต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอไอ) ในวันที่ 21 มิ.ย. เวลา 10.00 น. ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้รับการตอบรับจากประชาชนที่ได้ทยอยเดินทางมาร่วมลงชื่อแน่นห้องประชุม นอกจากนี้ประชาชนอีกจำนวนหนึ่งยังได้ส่งคำกล่าวโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ผ่านไปรษณีย์ ถึงเครือข่ายพลเมืองฯ ด้วย

นายแก้วสรรกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีหน่วยงานใดดำเนินคดีต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในคดีเบิกความเท็จ แต่เมื่อมีการประกาศให้มีการนิรโทษกรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชนักที่ปักหลังอยู่แล้ว จึงต้องปักลึกลงไปการ “กล่าวโทษปู หยุดกฎหมู่ชินวัตร” เป็นการแสดงออกถึงการต่อต้านการใช้เสียงข้างมากมาเป็นประโยชน์ส่วนตัว

หากในการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยชนะด้วยเสียงข้างมากประชาชนก็ยอมรับในนโยบาย ไม่ว่าจะเป็น การให้เงินเดือน 1.5 หมื่นบาทแก่นักศึกษาจบใหม่ ทุกนโยบายสามารถทำได้เลย แต่ต้องไม่ใช่การกระทำเพื่อประโยชน์ของเจ้าของพรรค ซึ่งถือว่าเป็นการทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน พ.ต.ท.ทักษิณทรยศเรามาแล้วหนึ่งครั้ง จากการเล่นหุ้น ซุกหุ้น ตอนนี้กำลังส่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาช่วยเขา ซึ่งจะเป็นการทรยศในครั้งที่สอง ที่พวกเราทนไม่ได้

ด้าน นพ.ตุลย์กล่าวว่า ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา คนชั่วคนโกงย่ามใจว่าไม่มีใครแตะ หรือเปิดโปงเขาได้ และถึงจับได้ก็ไม่มีใครเอาผิด คดีซุกหุ้นถูกฟ้องครั้งแรกในสมัยรัฐบาล คมช. ขณะนั้นมีนายสุนัย มโนมัยอุดม เป็นอธิบดีดีเอสไอ ได้สั่งฟ้องคดีซุกหุ้น บ.เอสซีแอสเซท แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลอัยการสั่งไม่ฟ้อง ต่อมามีการเปลี่ยนตัวอธิบดีดีเอสไอ เป็นพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ซึ่งมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องทำให้คดีต้องยุติลง ดังนั้นตนจะหาทางเพื่อรื้อฟื้นคดีดังกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารแนบท้ายคำกล่าวโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังได้อธิบายถึงการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กับสำนักข่าวรอยเตอร์ ในวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการยอมรับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์กับพวกให้การเท็จต่อศาล โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ทุกวันนี้เหลืออยู่ 1,000 ล้านดอลลาร์ หลังศาลสั่งยึดทรัพย์ไป 1,400 ล้านดอลลาร์ เมื่อปีก่อน รัฐบาลได้ขโมยเงินของผมไป โดยเงินที่เหลือ 30,000 ล้านบาทก็เป็นเงินที่ศาลคืนให้ และจ่ายกลับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะผู้ถือหุ้นจริง” แสดงว่าเงิน 30,000 ล้านบาทเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ของนอมินี น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ น.ส.พินทองทา และนายพานทองแท้ ชินวัตร จึงให้การเท็จทุกคน ไม่เช่นนั้นเงิน 30,000 ล้านบาทต้องคืนให้แก่นายบรรณพจน์ กว่า 8,000 ล้านบาท คืนให้นายพานทองแท้กว่า 9,000 ล้านบาท คืนให้ น.ส.พินทองทากว่า 12,000 ล้านบาท และคืนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ 400 ล้านบาท ดังนั้น การตัดสินของศาลจึงถือว่าถูกต้องแล้ว ที่สำคัญเมื่อรับเงินคืนจากนอมินีแล้ว อย่าทำให้ประชาชนเข้าใจศาลผิดว่าเมืองไทยมีสองมาตรฐาน เลิกโกหกเสียทีว่าไม่ได้รับความยุติธรรม บ้านเมืองจะได้สงบ โดยสร้างความขัดแย้งเพื่อหาอำนาจครั้งใหม่ เป็นการโหดร้ายกับประเทศมากเกินไป






กำลังโหลดความคิดเห็น