“สรรเสริญ” อ้าง “ประยุทธ์” พูดได้ เหตุไม่ลงสมัคร ส.ส.-เล่นการเมือง ซัด “จาตุรนต์” แขวะไปทั่วป้อง “นายแม้ว” แจงสัสดีขอรายชื่อหัวคะแนนได้ เหตุทำงานให้กอ.รมน.ป้องภัยมั่นคง แนะการเมืองคิดบวก เลิกวิตกท่าทีทหาร ปัดสวมสิทธิ์พลทหารปลดประจำการเลือกตั้ง ท้า “เพื่อไทย” แจ้งจับ หากทหารทำผิด กม.
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สัสดีจังหวัดสมุทรสาคร ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำ จ.สมุทรสาคร เพื่อขอรายละเอียดผู้สนับสนุนและหัวคะแนนทุกพรรคการเมืองว่า คนที่เป็นสัสดีคือเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารที่ต้องประสานงานกับพลเรือน และเขาทำงานอยู่ในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งเขาต้องปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่ เนื่องจากพื้นที่จ.สมุทรสาคร เป็นพื้นที่หนึ่งที่มีภัยคุกคามรูปแบบใหม่ และเขาอยากรับทราบผู้สนับสนุนพรรคการเมืองทั้งหลายว่า มีใครบ้าง ซึ่งเมื่อรับข้อมูลทาง กกต.จึงได้ประสานงานไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องจนกระทั่ง ได้ข้อมูลมาให้ แต่กลับมีคนบางกลุ่มไปโยงว่า สัสดีไปกดดันหัวคะแนนของพรรคการเมือง ขอย้ำว่า กอ.รมน.ดูแลงานด้านความมั่นคงมีสิทธิ์ขอได้ และไม่ได้ขอพรรคใดพรรคหนึ่ง อีกทั้งยังมีการทำหนังสือไปตามขั้นตอน
“สิ่งที่กองทัพบกพยายามทำทั้งเรื่องชุดปกิบัติพิเศษ 315 หรือกรณีที่ผู้บัญชาการทหารบกเปิดใจถึงจุดยืนของกองทัพต่อสถานการณ์การเมือง รวมถึงกรณีนี้สรุปว่ากองทัพไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอะไรก็สามารถโยงไปทางการเมืองได้ อยากให้ทุกฝ่ายคิดบวกบ้าง อย่าวิตกกังวล ทหารเพียงคนเดียวคงไม่สามารถไปทำอะไรหัวคะแนนได้ สำหรับกรณีที่มีอดีตนายทหาร และอดีตนายตำรวจออกมาวิจารณ์การเปิดใจของผบ.ทบ.นั้น คนอื่นที่พูดแบบเดียวกับผบ.ทบ.แต่ไม่โดนวิจารณ์ แต่เมื่อท่านพูดกลับมีอดีตนายทหาร และตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาวิจารณ์ว่า ไม่เหมาะสม เพราะหากดูเนื้อหาถือว่าเป็นกลาง อย่างไรก็ตาม ทุกคนมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ เพราะแต่ละท่านไปเล่นการเมืองแล้ว และผบ.ทบ.เป็นบุคคลสาธารณะ เป็นผู้นำขององค์กร อยากให้ผู้วิจารณ์ดูเนื้อหาที่ผบ.ทบ.พูด โดยเฉพาะการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะวันนี้มีการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น อยากให้สังคมตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเกิดขึ้นในช่วงเลือกตั้งนี้ ซึ่ง ผบ.ทบ.พูดได้ เพราะไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.หรืออยู่พรรคการเมืองใด การที่ท่านพูดไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้สมัครรับเลือกตั้ง นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ยังเชิญชวนคนไทยไปเลือกตั้ง เพื่อเลือกคนดี คนที่มีจริยธรรม ไม่ทำให้บ้านเมืองยุ่งหยิง หรือพูดจาให้ร้ายคนอื่น โดยไม่ได้มีการส่งสัญญาณใดๆ” พ.อ.สรรเสริญกล่าว
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยออกมาวิจารณ์ว่าการเปิดใจของ ผบ.ทบ.อย่างรุนแรงนั้น ผบ.ทบ.ออกมาปกป้องลูกน้องที่ออกไปทำงานเพื่อสังคม แต่นายจาตุรนต์กลับวิพากษ์วิจารณ์ว่า ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่ง ผบ.ทบ.ปกป้องลูกน้อง แต่นายจาตุรนต์ออกมาคล้ายเป็นการปกป้องชายในใจของท่าน นายจาตุรนต์ออกมาแขวะคนอื่นเขาไปทั่ว อีกทั้งนายจาตุรนต์ยังอยู่ในบ้านเลขที่ 111 ที่ถูกตัดสิทธิห้ามยุ่งกิจกรรมทางการเมือง เรื่องนี้สังคมวิเคราะห์ได้ว่าเหมาะสมหรือไม่ เมื่อนายจาตุรนต์อินกับเรื่องการเมืองในฝั่งที่ท่านชอบ ท่านก็มองคนอื่นที่เป็นกลาง แต่ไม่เกื้อหนุนในพรรคการเมืองที่ท่านรักว่า เขาไม่เป็นกลาง นายจาตุรนต์น่าจะควบคุมอารมณ์เพราะถือเป็นผู้ใหญ่แล้ว อยากฝากนายจาตุรนต์ไปบอกอดีตรักษาการหัวหน้าพรรคการเมืองท่านหนึ่ง ที่วันหนึ่งออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านทีวีว่า ยินดีรับฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อศาลตัดสินยุบพรรกการเมืองที่นั่งรักษาการหัวหน้าพรรคอยู่ กลับออกอาการโกรธเกรี้ยว ฟูมฟาย โมโหโกรธา เป็นที่น่าสังเวชใจแก่ผู้พบเห็น จึงอยากให้นายจาตุรนต์ไปเตือนท่านนั้นด้วย อย่าเตือนผบ.ทบ.คนเดียว ไม่รู้ว่า นายจาตุรนต์รู้จักรักษาการหัวหน้าพรรคท่านนั้นหรือเปล่า ถ้าท่านจำไม่ได้ ท่านอาจจะต้องยืนหน้ากระจกก็จะระลึกได้ว่า ควรไปเตือนใคร
พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า กองทัพเตรียมจะสวมสิทธิ์พลทหารที่ปลดประจำการไปแล้วกว่า 2 แสน นายไปเลือกตั้งว่า เขาพยายามเชื่อมโยงดึงกองทัพเข้าไปเกี่ยวข้อง กองทัพสงบปากสงบคำมาตลอด แต่ปัจจุบันสงบไม่ได้เพราะมีมนุษย์เผ่าพันธ์หนึ่งพยายามลากกองทัพเข้าไป เกี่ยวข้อง กองทัพทนไม่ได้ที่จะให้ประชาชนเข้าใจกองทัพผิดจากความเป็นจริงจึงต้องมาชี้ แจงทั้งที่ไม่อยากออกมา ทุกอย่างทหารทำไปตามข้อกฎหมายสามารถตรวจสอบพิสูจน์ได้ว่า ใครมีการสวมสิทธิ์ และถ้าทำจริงสามารถไปจับกุมได้ ไหนว่า มีคนกลุ่มแดงคอยตรวจสอบอยุ่ หากทำผิดดำเนินการได้เลยถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะได้ร่วมกันตรวจสอบว่า การเลือกตั้งเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ ในส่วนทหารใหม่มีกฎกติกาอยู่แล้วว่า ต้องไปเลือกตั้งที่หน่วยที่ตนประจำการอยู่ ส่วนทหารที่ปลดประจำการไปแล้วก็ต้องกลับมาเลือกที่ต้นสังกัดที่เคยอยู่ และกำลังพลของกองทัพบกไม่มีถึง 2 แสนนายตามที่ถูกกล่าวหา เพราะรวมทุกเหล่าทัพมีกำลังพลแค่ 2 แสนกว่านายเท่านั้น