xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” เผย กกต.ไปดูงานพร้อมกัน 4 คนผิดปกติ ส่อแววไร้เลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์” มั่นใจคนใต้พร้อม “โหวตโน” สั่งสอนประชาธิปัตย์ เชื่อได้ ส.ส.ไม่ตรงตามเป้าแน่นอน “อภิสิทธิ์-สุเทพ” เตรียมลาออกได้เลย เผยไม่เคยเห็น กกต.ไปดูงานต่างประเทศพร้อมกัน 4 คนแบบครั้งนี้ แถมมีข่าวลือว่าอาจไม่กลับมา ส่อแววไร้เลือกตั้ง หรือมีก็คงวุ่น เพราะไม่มีคนรับรอง ชี้ การเลือกตั้งของไทยทุกวันนี้เป็นเพียงวิธีการให้ได้มาซึ่งอำนาจไม่ใช่เนื้อหาของประชาธิปไตย ทั้งโกง- ฆ่ารายวัน ย้ำ “โหวตโน” จะเป็นพลังแสดงออกถึงความเป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”  

วันนี้ (17 มิ.ย.) เวลาประมาณ 21.30 น.นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า คนใต้หลายคนเวลานี้เขาโหวตโน เพราะเบื่อเลือกตั้งมากี่ยุคกี่สมัย มันก็เก่งแต่ปาก เก่งแต่พูด ปักษ์ใต้ก็ยังไม่เจริญเหมือนเดิม ที่สำคัญคนใต้มาสู้กับเรา มาเจ็บมาตายกับเราไม่น้อย แต่แล้วก็มาพูดจาดูถูกเหยียดหยาม เนรคุณคนเหล่านั้น หาว่าที่เขาจะมาโหวตโนเพราะไปเชื่อนายสนธิ ไปเชื่อพันธมิตรฯ และก็มารับงานนายทักษิณ ยิ่งทำให้คนใต้ที่รักความเป็นธรรมยิ่งฮึด ที่จะโหวตโน

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า มีการปล่อยข่าวลืมที่ภาคใต้เยอะ มันสะท้อนให้เห็นว่าประชาธิปัตย์หวั่นไหวกับโหวตโน ถ้าไม่หวั่นไหว คงไม่พยายามกระพือปล่อยข่าวอย่างหนัก แต่ในภาคอื่นแทบไม่มีเลย เพราะถ้าภาคใต้ได้ ส.ส.ไม่ตรงตามเป้า ก็ตอกตะปู ปิดฝาโลง ลาออกไปได้ ทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาพรรค

มันไม่ตามเป้าแน่คราวนี้ เพราะยังมีพรรคอื่นไปแย่ง และยังมีคะแนนโหวตโนมาอีก แล้วเวลานี้ คะแนนโหวตโน มันหนาแน่นขึ้นไปทุกวันๆ พรรคเพื่อฟ้าดิน ลงหาเสียงในพื้นที่ พล.ต.จำลอง มีเครือข่ายพี่น้องสันติอโศกในภาคใต้ ส่งข่าวว่า ภาคใต้โหมปล่อยข่าวอย่างหนัก นี่เป็นสัญญาณชี้ให้เห็นแล้วว่า กลัวแพ้ คนใต้กำลังจะสั่งสอน อบรมพรรคการเมือง นักการเมืองของเขา ให้รู้ว่าหัดทำงานและปรับปรุงตัวเสียบ้าง อย่าดีแต่พูด และเขาอยากสั่งสอนหัวหน้าพรรค เลขาฯพรรคด้วย เพราะมันกร่างเหลือเกิน วันนี้ยังไม่สำนึก แทนที่จะถ่อมตัว สำนึกผิด กลับทำเป็นกร่าง อวดดี ยโสโอหัง ดีแล้วจะได้รับบทเรียนอันเจ็บปวด คนแบบนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา

วันนี้ชัดเจนว่า การรณรงค์ของพวกเรามีผลกระทบต่อทุกพรรค และชัดเจนว่าพรรคการเมือง นักการเมืองคนไหนก็ตามที่จะมาเป็นรัฐบาลต่อไปต้องเผชิญหน้ากับพรรคโหวตโนอย่างแน่อน ไม่ว่าพรรคเผาไทย หรือพรรคผลาญประเทศไทย มันพอกัน เพราะฉะนั้นวันนี้ไม่ว่าใครมาเราพร้อมจะยืนหยัดต่อสู้ ปกป้องเอกราชดินแดนของไทย ปกป้องผลประโยชน์ชาติบ้านเมือง

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า แล้ววันนี้ทุกพรรคกำลังหวั่นไหวอีกเรื่องหนึ่งก็คือว่า พอเจอกระแสโหวตโนของเราขึ้นมาปั๊บ กกต.(คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ทำไมไปดูงานที่ต่างประเทศพร้อมกันทั้ง 4 คนเลย มีคนโทรมาเช็กกับตนวุ่นเลย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีการบอกอีกว่าคราวนี้ไป 4 คน ข่าวว่าอาจจะไม่กลับมาเลย และก็ไม่เคยเห็น กกต.ไปดูงานพร้อมกัน 4 คน ถามตนตนก็ไม่รู้หรอก เพราะโหวตโนลูกเดียว

“เพราะฉะนั้นพี่น้องเราพันธมิตรฯ คนไทยที่อยู่สวีเดน อยู่เดนมาร์ก เขาจะไปต้อนรับ กกต.ถ้าคิดว่าอยู่สวีเดน อยู่เดนมาร์กดีแล้ว พี่น้องคนไทยที่นู่นก็ให้ท่านพำนักพักผ่อนอยู่ที่นู่นเลยก็ดีเหมือนกัน ขณะนี้เป็นปัญหาอยู่ เช็กกันวุ่นเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วมันจะมีเลือกตั้งหรือไม่ แล้วมีเลือกตั้งแล้วมันจะไปยังไง ใครจะรับรอง ตอนนี้คนหาเสียงสับสน เปรียบเหมือนนั่งในเรือออกไปในแม่น้ำ เหมือนหมานั่งในเรือแล้วมันไม่รู้จะไปทางไหน จะกระโดดลงน้ำก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน จะเดินหน้าต่อไปก็ไม่มีคนพายให้ไป เพราะคนพายไปอยู่ต่างประเทศแล้ว” นายประพันธ์ กล่าว

โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรก็อย่างไรไม่รู้ แต่ถ้ากกต.ไปอยู่ต่างประเทศแล้วสบายดี ก็ไม่ต้องกลับมาหรอก เพราะว่ามันไม่ได้หาเสียงเลือกตั้งแล้วทุกวันนี้ มันฆ่ากัน ยิงกันทุกวัน การเลือกตั้งครั้งนี้มันสกปรก ใช้เงิน ใช้วิธีการที่ผิดกฎหมาย แล้วยังใช้อำนาจเถื่อน ฆ่ากันไม่เว้นแต่ละวัน

การเลือกตั้งของประเทศเราเป็นการเลือกตั้งในบ้านป่าเมืองเถื่อนไปแล้ว ไม่มีการเลือกตั้งประเทศไหนที่จะสามานย์ เถื่อน ถ่อย และอำมหิต มีการสังหารเข่นฆ่ากันทุกวันแบบนี้ ประเทศอื่นก็ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับประเทศเรา ไม่น่าเชื่อครับ โดยที่กฎหมายบ้านเมือง กกต. ตำรวจ ทหาร ผู้รักษากฎหมาย ยืนทำหน้าตาปริบๆ ความจริงแล้วเรื่องอย่างนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นถ้าประเทศเป็นประชาธิปไตยจริง

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้จึงสรุปได้เลยว่า การเลือกตั้งเป็นเพียงวิธีการให้ได้มาซึ่งอำนาจและการเข้าสู่อำนาจของนักการเมืองและพรรคการเมืองเท่านั้น ไม่ใช่เครื่องมือที่แสดงว่าเป็นประชาธิปไตย เป็นเพียงวิธีการ ไม่ใช่เนื้อหาของประชาธิปไตย และศาลก็เคยตัดสินมาแล้วในคดียุบพรรคไทยรักไทย ที่ไปจ้างพรรคเล็กมาเป็นตัวประกอบลงเลือกตั้ง เพื่อหนีเกณฑ์คะแนนไม่ถึง 20% แล้วศาลก็ยุบพรรค โดยในคำวินิจฉัยของศาลบอกว่าพรรคไทยรักไทย ได้ใช้การเลือกตั้งให้เป็นเพียงพิธีกรรมทางการเมืองเพื่อหลอกลวงตบตาประชาชนในการให้ได้ชัยชนะเข้าสู่อำนาจเท่านั้นเอง

ดังนั้น นักรัฐศาสตร์ไทย หรือบรรดาพวกที่บูชาการเลือกตั้ง ลัทธิการเลือกตั้ง จงฟังเอาไว้ว่าการเลือกตั้งของประเทศไทยไม่ใช่เป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยแต่อย่างใด ความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยอยู่ที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ และมีอำนาจโดยแท้จริง อย่างที่เรากำลังทำอยู่นี้ต่างหาก

นักวิชาการต่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญการเมืองระหว่างประเทศ มองตรงกันว่าสัญลักษณ์ที่แสดงความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยอยู่ที่ความเข้มแข็งของภาคประชาชน การมีอำนาจและมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น และทุกคน นักรัฐศาสตร์ นักวิเคราะห์การเมืองในประเทศ ต่างประเทศ พูดตรงกันหมดว่า การเลือกตั้งของประเทศไทยเป็นบ่อเกิดแห่งการนำไปสู่การคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬาร เพราะเป็นการเลือกตั้งที่ใช้เงินเป็นอำนาจ และใช้เงินซื้อเสียง โกงเลือกตั้ง จึงเป็นบ่อเกิดแห่งอำนาจที่ไม่ชอบธรรมและนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างที่เป็นอยู่ จึงป่วยการและเปล่าประโยชน์ที่ประเทศไทย จะจมปรักอยู่กับการเลือกตั้งแบบนี้อีกต่อไป

มีคนไปถามนักวิชาการ ผู้รู้ทั้งหลายว่า ความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงจากระบอบที่เป็นอยู่นี้ มีความหวังอยู่กับใคร อยู่กับเรื่องใด ทุกคนตอบตรงกันหมดว่า เขามีความหวังอยู่กับความเข้มแข็งของภาคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเข้มแข็งของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

“เพราะถ้าประชาชนเข้มแข็ง นักการเมืองก็ต้องอ่อนแอ นักการเมืองก็กร่างไม่ได้ วันนี้พลังโหวตโน จะเป็นพลังที่แสดงออกถึงความเป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง เหมือนอย่างที่พี่สุวัตร ได้พูดไปแล้วในประเด็นข้อกฎหมาย ถ้าคะแนนโหวตโนมีมากพอ หรือชนะในเขตเลือกตั้งใด เขตเลือกตั้งหนึ่ง เราจะยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของบุคคลผู้นั้น หรือพรรคการเมืองนั้น ว่าเป็นการละเมิดต่อหลักอธิปไตย ของปวงชนชาวไทยหรือไม่ ภูมิปัญญาของประชาชนจะชัดเจนขึ้น จะแหลมคมขึ้น เพราะเราอยู่กับความจริง อยู่กับภูมิปัญญาของประเทศ อยู่กับภูมิปัญญาของประชาชน เพราะเรายึดหลักผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง เราไม่ได้คิดเพื่อตัวเราเอง พลังโหวตโน จึงกลายเป็นพลังที่มีความหมาย เป็นอนาคต เป็นความหวังของพี่น้องประชาชนไทย ในยามที่ระบอบการเมืองล้มเหลวอย่างในขณะนี้ เราคืออนาคตและความหวังของบ้านเมือง” นายประพันธ์ กล่าว

คำต่อคำ

กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรัก และสวัสดีพ่อแม่พี่น้องทางบ้านและที่รับชมอยู่ในต่างประเทศ วันนี้เป็นวันที่พวกเรามีความคึกคักและสนุกสนานที่สุด และผมยังบอกกับเจ้าหน้าที่ของยูเนสโกว่า การชุมนุมของพวกเราเป็นการชุมนุมที่มีความสุขที่สุด ทุกคนมีความสุขที่ได้มาร่วมรณรงค์และชุมนุมในวันนี้ และในช่วง 140 กว่าวันนี้ เพราะว่าเป็นการชุมนุมภายใต้คำขวัญที่ว่า รักในหลวง หวงแผ่นดิน เป็นเรื่องที่ทุกคนทราบว่าตัวเองมาทำภารกิจอะไร และมาด้วยจิตสำนึก และจิตวิญญาณความรับผิดชอบต่อประเทศชาติบ้านเมืองอย่างไร พวกเราจึงมารวมกันโดยมิได้นัดหมายกันอย่างคึกคักที่สุด และวันนี้ผมมีส่วนไปร่วมรณรงค์กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนด้วย โดยไปเดินรณรงค์กับพ่อแม่พี่น้องประชาชน จากยูเนสโก ตลอดถนนสุขุมวิท ราชประสงค์ สยามสแควร์ เรื่อยมาจนถึงสะพานมัฆวาน ไปทำหน้าที่ในฐานะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ร่วมกับ พล.ต.จำลอง และคณะกรรมการท่านอื่นๆ อีก 7 ท่าน อ.ปานเทพ, อ.เทพมนตรี, พล.ร.ท.ประทีป และผม ได้ร่วมกัน รวมทั้ง อ.วีรพันธ์ ด้วย เพื่อยื่นหนังสือเอกสารหลักฐาน ซึ่งพี่น้องก็ทราบดีแล้ว

แต่ว่าในวันนี้ ในตอนที่ อ.ปานเทพ ท่านได้เขียนบันทึกและรายงานกับพี่น้องนั้น ในส่วนที่ผมได้พูดในที่ประชุมต่อหน้าเจ้าหน้าที่ของยูเนสโก หลังจากที่ท่าน พล.ต.จำลอง อ.วีรพันธ์ คุณเทพมนตรี อ.ปานเทพ ได้พูดได้นำเสนอเหตุผลข้อเท็จจริง เพื่ออธิบายถึงประเด็นสำคัญที่เรามานำเสนอกับคณะกรรมการยูเนสโก ตัวแทนของยูเนสโก เพื่อให้นำเรื่องของเราเข้าสู่วาระการประชุมที่เร่งด่วนที่สุดในการประชุมที่ปารีส ระหว่างวันที่ 19-29 ที่ อ.เทพมนตรี จะเดินทางไป หลายท่านได้พูดถึงข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว พวกเราได้พูดและได้นำเสนอข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว ในส่วนของผมนั้น ผมขอเพิ่มเติมว่า ผมอยากจะพูดถึงหัวใจสำคัญของการมาในวันนี้ต่อเจ้าหน้าที่ยูเนสโกว่า

กรณีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชานั้น ถือว่าเป็นการเหยียบย่ำ เกียรติภูมิศักดิ์ศรีของประเทศไทย และละเมิดอธิปไตยของประเทศอย่างร้ายแรงที่สุด ที่คนไทยยอมรับไม่ได้ แม้ว่าจะมีคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อปี 1962 หรือเมื่อปี พ.ศ.2505 ก็เป็นคำพิพากษาที่ประชาชนไทย ประเทศไทยไม่เคยยอมรับคำพิพากษานั้นเลย เพราะมันเป็นการฉ้อฉล ปล้นสดมภ์เอาแผ่นดินไทยไปโดยมิชอบ นั่นคือความเจ็บปวดและความขมขื่นใจ ที่ประชาชนชาวไทยและประเทศไทยได้รับ จากกระบวนการพิจารณาของศาลโลก ที่ไม่เป็นธรรม และฉ้อฉลที่สุด มาวันนี้กัมพูชาจะเอาปราสาทนั้นไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก เท่านั้นยังไม่พอ ยังลามปามมาถึงแผ่นดินไทยโดยรอบอีก นี่ยิ่งเป็นการซ้ำเติม เหยียบย่ำ และทำให้ประชาชนยอมรับไม่ได้ นี่คือประเด็นสำคัญ

และผมกล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับคำพิพากษาดังกล่าวนี้เท่านั้น และไม่เห็นด้วยกับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกที่กำลังดำเนินการอยู่ ของคณะกรรมการมรดกโลก โดยยูเนสโกให้การสนับสนุนเท่านั้น เรายังจะต่อสู้และทวงเอาปราสาทพระวิหารกลับคืนมาอีกด้วย เพราะยิ่งนานวัน ข้อเท็จจริง หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ทางธรณีวิทยา ภาพถ่ายทางอากาศ และความเจริญทางด้านเทคโนโลยี ข้อเท็จจริงยิ่งปรากฏชัดและตอกย้ำให้พวกเราคนไทยตระหนักว่า เราถูกปล้นแผ่นดินไปจริงๆ นี่คือสิ่งที่ผมได้กล่าวต่อหน้าผู้แทนยูเนสโก ในที่ประชุมที่เรานำข้อเท็จจริงไปเสนอ

และที่ต้องตอกย้ำอีกอันหนึ่งก็คือว่า เราจำเป็นต้องพูดถึงว่าปีนี้เป็นปีครบรอบ 84 พรรษา เฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ของประชาชนไทย ในวโรกาสอันสำคัญยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของเราจะมีพระชนมายุครบรอบ 84 พรรษา และเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์มายาวนานที่สุดในโลก เป็นพระมหากษัตริย์ที่ประชาชนรัก เทิดทูน กราบไหว้ บูชา นับถือ เป็นจิตวิญญาณของคนไทยทั้งชาติ ใช่มั้ยครับ

เราจะต่อสู้ถึงที่สุด และจะไม่ยอมให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดนและเสียแผ่นดินในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช โดยเด็ดขาดครับ

จึงอยากจะกราบเรียนเจ้าหน้าที่ยูเนสโกได้โปรดนำความนี้ไปบอกคณะกรรมการมรดกโลกและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ว่าเวลานี้ศาลโลกตัดสินไปแล้วก็จริง แต่ยูเนสโกจะมาซ้ำเติม และมาปล้นเอาแผ่นดินไทยเพิ่มขึ้นอีก โดยกระบวนการมรดกโลก คนไทยยอมรับไม่ได้และพร้อมตายเพื่อปกป้องแผ่นดิน

คุณลุงจำลองสมทบว่า ที่พวกเรามา เราไม่ได้มากดดัน แต่มาขอร้องให้ยูเนสโกคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนไทย คนไทยจำนวนมากรู้สึกว่า ยูเนสโกเป็นศัตรูของประชาชนไทย และมีส่วนร่วมในการช่วยเขมรเอาแผ่นดินไทยไป แต่ลุงจำลองบอกว่า ได้พยายามทำความเข้าใจกับคนไทยแล้ว จนครั้งที่แล้วยูเนสโกเลื่อนไป ได้อธิบายให้พี่น้องประชาชนไทยฟัง แต่คราวนี้ ยูเนสโกจะเพียงเลื่อนไปอย่างเดียวไม่ได้ ต้องลบชื่อการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชาออกจากทะเบียนมรดกโลกโดยเด็ดขาด ประชาชนไทยจึงจะยอมรับ และท่านยังบอกว่า ถ้าเรื่องนี้มีการพิจารณาขึ้นทะเบียนมรดกโลก และทำให้ประชาชนเสียดินแดน จะมีประชาชนไทยมาปักหลักพักค้างอยู่ที่ยูเนสโก และทุกคนปวารณาตัวด้วยว่า แม้เขาจะต้องเสียชีวิต พลีชีพเพื่อปกป้องแผ่นดิน ทุกคนพร้อมเสียสละครับ

นี่คือไฮไลท์สำคัญที่เราได้พูดกับตัวแทนยูเนสโก จะเรียกว่าเราไปขู่ก็ไม่ใช่ กดดันก็ไม่เชิง แต่เราเอาหัวใจและจิตวิญญาณของเราถอดวางลงบนโต๊ะเจรจา เพื่อให้ยูเนสโกรับทราบว่า คนไทยทั้งประเทศยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ นี่คือบรรยากาศของการพูดคุยกันในวันนั้น หลังจากนั้นผมออกมาแถลงกับพี่น้องสื่อมวลชน และประชาชน ดังที่ได้แถลง และพี่น้องคงทราบแล้วว่า ถ้อยแถลงอันนี้ เป็นถ้อยแถลงที่จะเป็นประวัติศาสตร์อันหนึ่งว่า เราได้แถลงหนักแน่นอย่างนี้จริงๆ เลยขออนุญาตอ่านให้พี่น้องประชาชนไทยทั่วประเทศ และทั่วโลก รับฟังอีกครั้งหนึ่งว่า หลังจากได้ไปพบกับเจ้าหน้าที่ยูเนสโก และเขายอมรับที่จะนำเรื่องที่เรานำไปเสนอนั้นส่งไปยังสำนักงานและผู้อำนวยการใหญ่ของเขาโดยทันที และจะนำเรื่องนี้เข้าในวาระการประชุม ก่อนที่เราจะไปเดินรณรงค์ ถ้อยแถลงอันนี้ขออนุญาตกราบเรียนพี่น้อง เพื่อพี่น้องที่ไม่ได้ทราบว่าเราได้ไปทำหน้าที่และบอกให้กับเจ้าหน้าที่ยูเนสโก และชี้แจงกับสื่อมวลชนทราบอย่างนี้จริงๆ ว่า

"คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ประเทศไทย และประชาชนทุกหมู่เหล่า มีความตระหนักและห่วงใยถึงปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารและการกระทำของมรดกโลก 21 ประเทศ ซึ่งมีพฤติการณ์สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา อันเป็นการผิดวัตถุประสงค์การขึ้นทะเบียนมรดกโลก ของศูนย์กลางมรดกโลก (WHC) รวมไปถึงองค์การยูเนสโก (UNESCO) ที่อยู่ในการดูแลของท่านและตัวท่านเองยังให้การสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกอย่างต่อเนื่องการกระทำดังกล่าวข้างต้นนั้น คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยได้พิจารณาแล้วว่าเป็นการรุกรานอธิปไตยและดินแดนของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งเราในฐานะเป็นประเทศภาคีสมาชิกตามอนุสัญญามรดกโลกยอมรับพฤติการณ์เช่นนี้ไม่ได้ จึงร้องขอให้ท่านได้พิจารณาข้อมูลหลักฐานของภาคประชาชนของประเทศไทยเพื่อนำเรื่องและข้อมูลที่จะได้รับต่อไปนี้ ไปเข้าที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 35 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 19-29 มิถุนายน พ.ศ.2554 เพื่อขอให้มีการพิจารณาลบชื่อ "ปราสาทพระวิหาร" ออกจากบัญชีรายชื่อของมรดกโลกทางวัฒนธรรม

ประเทศไทยเป็นประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ,องค์การยูเนสโก (UNESCO) และเป็นรัฐภาคีสมาชิกมรดกโลก มีอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของตัวเองอย่างสมบูรณ์การกระทำของประเทศกัมพูชาต่อกรณีปราสาทพระวิหารที่ผ่านมา เป็นการรุกล้ำอธิปไตยและดินแดน จนฝ่ายไทยได้มีหนังสือประท้วงหลายต่อหลายครั้ง องค์การยูเนสโกเป็นองค์กรที่มีปณิธานในการส่งเสริมสนับสนุนประเทศภาสมาชิกในความร่วมมือให้มีสันติภาพ มีความสงบสุข แต่พฤติการณ์และพฤติกรรมที่ปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารให้เป็นมรดกโลกนั้น มีลักษณะขัดแย้งต่อปณิธานขององค์กรที่ตั้งไว้ เพราะเมื่อมีการสนับสนุนให้ศูนย์กลางมรดกโลก คณะกรรมการมรดกโลกทำการอนุมัติการขึ้นทะเบียน ความขัดแย้งได้เพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อย มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาและล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์กองทัพกัมพูชาได้ระดมยิงจรวดและปืนใหญ่ถล่มบ้านเรือนของประชาชนคนไทยตรงบริเวณใกล้ปราสาทพระวิหาร และบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร ประชาชนชาวไทยต้องอพยพหลบภัยจากอาวุธของกองทัพกัมพูชาถึง 2 ครั้ง กว่า 1 แสนคน อนึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ใช้ตัวปราสาทพระวิหารเป็นที่กำบัง เป็นที่สะสมอาวุธและกองกำลัง (ดังปรากฏตามภาพถ่ายที่ได้แนบมา) ซึ่งได้ละเมิดอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ข้อ 180 ที่ว่าด้วยเรื่อง POTENRIAL DANGER แต่องค์การยูเนสโกศูนย์กลางมรดกโลก และคณะกรรมการมรดกโลกกลับนิ่งเฉย และยังคงเข้าข้างฝ่ายกัมพูชาในการดำเนินการตามแผนบริหารจัดการที่รุกล้ำดินแดนประเทศไทย อีกทั้งยังมีความพยายามบีบังคับให้ประเทศไทยต้องรับมติคณะกรรมการมรดกโลก การกระทำที่ฉ้อฉลเช่นนี้ ภาคประชาชนของประเทศไทยยอมรับไม่ได้จึงขอชี้แจงการกระทำขององค์การยูเนสโก ศูนย์กลางมรดกโลกและคณะกรรมการมรดกโลก

ในสภาพการปัจจุบันไดมีประชาชนชาวไทย ในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและคณะกรรมการป้อกงันราชอาณาจักร ได้ทำการชุมนุมแบบปักหลักพักค้าง ตลอด 24 ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2554 จนถึงปัจจุบัน 144 วัน แสดงความไม่เห็นด้วยกับองค์การยูเนสโก ศูนย์กลางมรดกโลก และคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยในฐานะภาคีสมาชิกถอนตัวออกจากคณะกรรมการมรดกโลกและสมาชิกมรดกโลก

ดังนั้น คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจัรกและประชาชนคนไทย จึงขอความอนุเคราะห์จากท่าน นำเหตุผลข้างต้นไปประกอบการพิจารณา ลบชื่อ “ประสาทพระวิหาร” ออกจากบัญชีรายชื่อของมรดกโลกทางวัฒนธรรม และตั้งคณะกรรมการสอบสวนรัฐภาคีกัมพูชา,ศูนย์กลางมรดกโลก และคณะกรรมการมรดกโลกที่ออกมติครั้งที่ 31, 32, 33, 34 อันเป็นฉ้อฉลขาดหลักการและเข้ามายุ่งเกี่ยวกับดินแดนประเทศไทยอันเป็นการรุกรานอธิปไตยและดินแดนของรัฐภาคีสมาชิก โดยร้องขอให้ท่านได้บรรจุเป็นวาระการประชุมเร่งด่วน ก่อนการพิจารณาวาระปราสาทพระวิหารในสมัยประชุมครั้งที่ 35 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ต่อไป

คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ประเทศไทย

17 มิถุนายน 2556 "

นี่คือสาระและหัวใจสำคัญที่เราต้องการให้ยูเนสโก และคณะกรรมการมรดกโลกรับรู้ว่านี่คือความรู้สึก จุดยืน และเจตนารมณ์ของพี่น้องชาวไทยทุกคนครับ

พี่น้องครับผมคิดว่าวันนี้ในการชุมนุมมา 144 วัน เราได้ทำหน้าที่ของเรามาครบทุกด้าน ไม่ว่าการเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก MOU 2543 กดดันไม่ให้สภา รัฐสภา รับรองร่างบันทึกการประชุมของคณะ เจบีซี ซึ่งจะนำผลไปสร้างความชอบธรรม และเท่ากับเป็นการยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 หรือส่งเสริมให้การบังคับใช้ เอ็มโอยู 2543 เดินหน้าต่อไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อกัมพูชา เราก็ทำสำเร็จมาแล้ว

ก่อนที่จะไปยูเนสโก วันที่ 16 เราเรียกร้องรัฐบาลมาโดยตลอดว่าให้ทำหน้าที่รักษาดินแดน และอธิปไตยของประเทศ ขับไล่คนกัมพูชา และทหารกัมพูชาที่เข้ามายึดครองแผ่นดินของเรา เราได้กดดันเรียกร้องไปยังรัฐบาลนายอภิสิทธิ์มาโดยตลอด แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ทำ ยุบสภาหนี แถมยังหาเรื่องเอาคนไทยไปติดคุกอีกต่างหาก ในเรื่องนี้เราจึงทำเรื่องยื่นกล่าวโทษนายอภิสิทธิ์ และฟ้องต่อศาล ทั้งกล่าวโทษไปที่ ป.ป.ช.ด้วย เรื่องนี้เราจะตามจนถึงที่สุด ในส่วนที่เกี่ยวกับทหาร เรายังได้เรียกร้องให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพทำหน้าที่ปกป้องเอกราช ดินแดน และอธิปไตย เราได้ทำหนังสือไปถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกคน ชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลว่า เป็นหน้าที่ของทหารหาญที่จะต้องปกป้องเอกราช ดินแดน และอธิปไตยของตน เมื่อเรายื่นหนังสือไปแล้วเขาไม่ทำหน้าที่ เราให้พี่น้องประชาชน แม่ทัพของเรา เมื่อวานนี้ ไปกดดันเรียกร้องที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ทวงถาม และเรียกร้องให้ทหารทำหน้าที่ เราทำของเราเต็มที่

และในวันนี้ข้อเรียกร้องข้อที่ 3 เรื่องที่จะขอให้ถอนตัวจากภาคีมรดกโลก และยังเรียกร้องเพิ่มว่า ให้ลบชื่อมรดกโลก ปราสาทพระวิหาร ออกจากบัญชีขึ้นทะเบียนมรดกโลก ในการประชุมคราวนี้อีกด้วย นี่คือหน้าที่พวกเรา พี่น้องคนพันธมิตรฯ ที่เราทำหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุด ตลอดระยะเวลา 144 วันที่ผ่านมา ด้วยความทุ่มเท หนัก เหนื่อย เสียสละ ด้วยกันทุกคนไม่ว่าคณะกรรมการฯ แกนนำ และพี่น้องประชาชนทุกคน ต้องปรบมือให้ตนเองและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน

ใครจะว่าอย่างไรเราไม่ต้องไปสนใจ แต่เราทำหน้าที่ของเราเยี่ยงพลเมืองไทยที่มีหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญอย่างดีที่สุดแล้วครับ จงภูมิใจในตัวของพวกเรา

แล้ววันนี้ก็เป็นวันที่เรามีความสุขที่สุด เพราะว่าตลอดเวลาที่เราต่อสู้มานั้น รัฐบาล พรรคการเมือง นักการเมือง ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ และกำลังรณรงค์แข่งขันกันจะมาทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองในขณะนี้ ไม่เคยมีคนไหน พรรคไหน แสดงจุดยืนในการที่จะรักษาปกป้องแผ่นดินของตนเองเลยแม้แต่คนเดียว พรรคเดียวครับ นี่จึงเป็นความอัปยศและเป็นความล้มเหลวทางการเมืองของประเทศไทย ที่เราได้นักการเมืองที่ปราศจากความรับผิดชอบ จิตใจต่ำกว่าสัตว์นรกอีกครับ สำนึกต่ำกว่าสัตว์นรกอีกครับ

เราจึงรณรงค์ให้มีการโหวตโน คือออกไปใช้สิทธิ์โดยกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนครับ แสดงจุดยืนไม่ไว้วางใจและไม่ยอมรับระบอบการเมือง และนักการเมืองทุกคน ทุกพรรค ที่กำลังแข่งขันกันในขณะนี้ ไม่มีใครดี ไม่มีใครเหมาะสม ไม่มีน่าเลื่อมใสศรัทธา น่าไว้วางใจสำหรับประชาชน เราจึงรณรงค์ไปใช้สิทธิ์โดยกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน

ในการณรงค์วันนี้ ผมก็ช่วยกับพี่น้องตั้งแต่เช้า ตลอด 4-5 ชั่วโมง จนกระทั่งมาถึงสะพานมัฆวาน ได้เห็นภาพแห่งความประทับใจอย่างยิ่ง อยากให้พี่น้องเห็นภาพแห่งความประทับใจอีกครั้ง ว่าขบวนรณรงค์ของพวกเรานั้นได้เคลื่อนขบวนไปตั้งแต่ ยูเนสโก ยาวเหยียดไปกระทั่งถึงแยกอโศก ท้ายยังอยู่ที่ยูเนสโกเลย เป็นกิโลฯ เลยครับ เดี๋ยวทีมงานมีภาพขบวนในวันนี้ด้วยครับ นี่เป็นภาพบรรยากาศที่ยูเนสโก ในช่วงเช้าที่พวกเราจะส่งตัวแทนของพวกเราเข้าไปพบผู้แทนของยูเนสโก คนนี้จำได้ ใส่เสื้อโหวตโน ก็เลยต้องใส่เสื้อโหวตโนไปด้วย จะได้ให้ฝรั่งรู้ด้วยและก็เผยแพร่ไปทั่วโลก

หลังจากนั้น หลังจากที่เราออกมาแล้ว พบปะพูดคุยกับทางยูเนสโกและออกมาแถลงอย่างที่ผมว่านี้แล้ว พี่น้องดูขบวนของพวกเราสิครับ ขบวนของพวกเราตั้งแถวยาวเหยียดและเตรียมเคลื่อนขบวนเพื่อจะรณรงค์ออกจากยูเนสโกมาตลอดเส้นทาง ถ.สุขุมวิท มาตาม ถ.สุขุมวิท ถึงสี่แยกอโศก ไปถึงเพลินจิต สยามสแควร์ พารากอน ยาวไปผ่านสนามกีฬา มาจนกระทั่งถึงมัฆวานฯ เป็นขบวนแถวที่ยาวเหยียดและมีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมมากที่สุดในการรณรงค์ครั้งนี้

พี่น้องครับ ตลอดเส้นทางที่เรารณรงค์มา เคลื่อนขบวนมานี้ ได้รับการตอบรับจากพี่น้องสองข้างทางเป็นอย่างดียิ่งครับ บนสะพานลอย บนทางเดินของสถานีรถไฟฟ้า ธนายง ข้างบนก็จะมีพี่น้องประชาชนเดินแล้วก็ยืนถ่ายรูป ให้กำลังใจ พร้อมส่งสัญลักษณ์โหวตโน มาโดยตลอดเส้นทาง ด้วยรอยยิ้ม กำลังใจ เสียงโบกไม้โบกมือ ยืนยันว่าคนเหล่านี้โหวตโนแน่นอนครับ ไม่ประสงค์ลงคะแนนแน่นอน พี่น้องดูแล้วกันครับว่ามันยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตาเลยครับ

แล้วเมื่อเคลื่อนขบวนมาถึงตรงบริเวณห้างสรรพสินค้าเอมโพเรียม บริเวณสวนสาธารณะ สวนสิริกิติ์ ปรากฏมีเวทีปราศรัยหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ กำลังเตรียมที่จะเปิดตั้งเวทีปราศรัยเย็นวันนี้ ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ และบรรดาคนที่ไปเตรียมงาน เห็นขบวนพี่น้องประชาชนขนาดนี้อาจจะช็อก เป็นลม แล้วไม่รู้งานปราศรัยเริ่มได้หรืเปล่า

เขาจัดเวทีสวยงามเลยครับ ลงทุนจัดประดับประดาอย่างงดงาม แต่ยังไม่ถึงเวลาปราศรัย แต่ผมเชื่อแน่ว่าที่เขาดูถูกดูแคลน และพูดจาเยาะเย้ย เสียดสี ถากถาง แถมใส่ร้ายพวกเราอีกต่างหาก หาว่าพวกเรามารณรงค์โหวตโนเพราะมีวาระแอบแฝง รับเงิน รับจ้าง รับจ๊อบ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ มา โดยเฉพาะปากสกปรกของนายอภิสิทธิ์ ที่กล่าวหาคุณสนธิด้วย อ๋อเดี๋ยวนี้สนธิไปอยู่กับทักษิณแล้วหรอ วิธีพูดแบบแกว่งปากหาเรื่อง เป็นนิสัยอันถนัดในดีเอ็นเอของนายอภิสิทธิ์ เพราะปากแบบนี้ถึงทำให้พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำ ย่อยยับ จมธรณีอยู่ในขณะนี้

พี่น้องครับ ยิ่งรณรงค์ ยิ่งเคลื่อนไหว ยิ่งพูดให้ข้อมูล ให้ความรู้ประชาชน ความรู้ประชาชนยิ่งแตกฉาน เข้าใจ และเห็นคุณค่า เห็นคุณูปการของการรณรงค์โหวตโน ไม่ประสงค์ลงคะแนนว่า รณรงค์โหวตโน เหมือนกระสุนนัดเดียว หรือไม่ก็เป็นระเบิดลูกเดียวทิ้งลงไป เหมือนนิวเคลียร์สังหารสัตว์นรกการเมืองตายหมดทุกพรรค กระสุนนัดเดียวยิงนกหลายตัว ไม่ใช่ เป็นเหมือนนิวเคลียร์ลูกเดียวโยนลงไปตายหมดทุกพรรค โดยเฉพาะเพลงโหวตโน เปิดตลอดทางแทบไม่ต้องพูดอะไร เพลงโหวตโนมันส์กว่าเพลงหาเสียงของพรรคต่างๆ จืดเหมือนน้ำล้างเท้าเลย ไม่มีสาระอะไรเลย

เพลงโหวตโนของเราคึกคักๆ เดี๋ยวผมจะไปซ้อมร้อง แต่ถึงผมร้องไม่ได้ผมก็เต้นบนเวทีตลอดเลย มีทั้งกลองยาว มีทั้งแร็พ มีทั้งร็อค มีทั้งลูกทุ่ง ครบหมดเลย มันส์ที่สุดในการรณรงค์ กว่าจะถึงวันเลือกตั้ง ผมว่าคนไทยร้องเพลงโหวตโนได้หมดเลย เพลงมันส์จริงๆ และทำให้บรรยากาศคึกคัก สองข้างทางพี่น้องก็ออกมาขานรับ ต้อนรับเป็นอย่างดี

การรณรงค์โหวตโนของพวกเราครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากพี่น้องทั่วประเทศ ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ตลอดเส้นทางที่เราผ่านมานั้นได้รับความสนใจเป็นอย่างดี ที่สำคัญก็คือ ได้สร้างความรับรู้ และความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชน เพิ่มมากขึ้นโดยลำดับ ยิ่งนานวัน ยิ่งเข้าโค้งสุดท้ายยิ่งเข้มข้น

เพราะฉะนั้นวันนี้การเลือกตั้งไม่คลาดเคลื่อนหรอกครับ ไม่ผิดเลยที่พวกเราสรุปและนักวิเคราะห์การเมืองมองว่าเวลานี้อีสาน พรรคเพื่อไทยมันสู้กับโหวตโน พรรคทักษิณสู้กับโหวตโน ไม่ได้แข่งเลยกับพรรคอื่นๆ พรรคประชาธิปัตย์ก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย ไม่ต้องพูดถึงเลยในภาคอีสาน พรรคเพื่อไทยสู้กับโหวตโน และพรรคเพื่อไทยก็กลัวโหวตโนครับวันนี้ กลัวมากครับ เพราะคนอีสานที่ไม่เอาเพื่อไทย ไม่เอาเสื้อแดง ไม่เอาคนล้มเจ้า ไม่เอาคนเผาเมือง ก็พร้อมจะโหวตโน เพราะไม่อยากไปเลือกใครแล้วครับ

ส่วนกรุงเทพฯ พี่น้องก็รู้แล้วว่ามันสู้กันอยู่ 3 พรรค พรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และพรรคโหวตโน เพราะฉะนั้นพี่น้องกรุงเทพมหานครที่เคารพรักครับ ถ้ารักประพันธ์ ชอบประพันธ์ ก็ให้กาโหวตโนนะครับ เราก็หาเสียงได้ใช่มั้ยครับ ถ้าเบื่อ เกลียดคนเผาบ้านเผาเมือง เกลียดคนล้มเจ้า เกลียดคนเผาเมือง ก็กาโหวตโนเหมือนกัน เบื่อคนหน้าแหล เบื่อพวกทำงานไม่เป็น ดีแต่พูด ก็กาโหวตโนครับ เพราะฉะนั้นวันนี้กรุงเทพฯ สู้กันอยู่ 3 พรรค ปรากฏว่าขณะนี้พรรคโหวตโนผมว่ามันแซงพรรคดีแต่พูดไปแล้วครับ คงสลบไสลกันไปแล้วตอนนี้ ไม่รู้จะแก้เกมอย่างไร ยิ่งส่งคนปากเสียออกมาพูดทางช่อง 11 น่ะ ปากเสียเหมือนปากแม่ค้า เชิญพูดทุกวัน ยิ่งเรียกแขกให้กับพวกเรา ยิ่งทำให้ประชาชนเข้าใจ นึกว่าเก่ง นึกว่ามีความรู้ ที่ไหน มีกึ๋นแค่นั้นเองครับ ไม่มีเหตุผลจะมาอธิบายโต้แย้งหักล้างเลย ก็เลยมั่ว พูดใส่ร้าย หาว่าเขาไปทำงานรับจ๊อบคนอื่น แล้วที่มึงไปแหกช่อง 11 น่ะ มึงรับจ๊อบใครมาล่ะ

เวลานี้หมดราคาแล้ว เพราะสวมกบาลว่า อ๋อ คุณ จ.จาน ณ ประชาธิปัตย์ ไม่ใช่นามสกุลปิ่นทองแล้ว คนเขาก็รู้ พอคนเขารู้อย่างนี้เขาก็ไม่ฟังแล้ว มิน่าอีแอบมาตลอด วันนี้เขารู้แล้วว่าใส่เสื้อสีอะไร วันนี้ทำตัวเป็นคนรับใช้นักการเมือง พรรคการเมือง โดยไม่พิจารณาเลยว่าคนของตัวเองห่วยแตก ยังหลับหูหลับตาเชียร์ไม่รู้เรื่อง แถมมาพูดว่า พวกเราจะช่วยทักษิณกลับมา โหวตโนเพราะจะช่วยทักษิณ ก็จะล่อมาเข้าถ้ำแล้วจะได้กระทืบอีกที ไม่รู้หรอนี่ล่อเสือเข้าถ้ำ เป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดเพราะ ฟาดลูกเดียวลงไปตายหมดทุกพรรค ตอนนี้ดิ้นรนแล้ว เพราะว่าถ้าเลือกตั้งไปคะแนนตัวเองจะไม่ชอบธรรม ผมว่าดีไม่ดีคะแนนคราวที่แล้วที่ได้ 10 กว่าล้าน วันนี้อาจจะไม่ถึง เพราะเจอกระแสโหวตโนเข้าไป รับรองได้เสียละครับคราวนี้ โหวตโนอาจจะชนะท่วมท้น เดี๋ยวได้รู้วันที่ 3 กรกฎาคม

กรุงเทพฯ เป็นอย่างนี้ อีสานเป็นอย่างนี้ เหนือล่ะเหมือนกัน คือ เพื่อไทยสู้กับโหวตโน จะมีพรรคอื่นเป็นน้ำจิ้ม ส่วนภาคกลางลงมาคงสู้กันหลายพรรค แต่ว่าโหวตโนหนาแน่นครับภาคกลาง ถ้ารวมกรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรีไปแล้ว โหวตโนหนาแน่นกว่า ดีไม่ดีผมว่าภาคกลางอาจจะเป็นการสู้กันระหว่างโหวตโนกับทุกพรรค แต่ทุกพรรคสู้โหวตโนไม่ได้ ทีนี้หันไปดูภาคใต้ จุดสำคัญที่ทำให้เขาดิ้นรนเหมือนไส้เดือนถูกขี้เถ้า เหมือน....ถูกน้ำร้อน ทำไมครับภาคใต้จึงมีการปล่อยข่าวใส่ร้ายคุณสนธิ ใส่ข่าวขบวนการพวกเราเป็นวิชาการน้ำเน่า วิชามารเก่าๆ ที่เคยใช้ได้ผลของพรรคนี้ แต่มันโบราณแล้ว ใช้จนเขาจับทางได้ เขาเลยเตะดักทางกระจุยไปเลย ประเภทปล่อยข่าวปรีดีฆ่าในหลวง จำลองพาคนไปตาย สนธิรับเงินมา มันเป็นเกมสกปรก วิชามารชั้นต่ำ มันสู้กันพวกเราไม่ได้ เขาเรียกว่าวิทยายุทธมันต่างกัน บักหำน้อย ลื้อมันต่ำกว่าเยอะ

ปรากฎว่า อย่างที่ผู้พันจอร์จพูด ผู้พันจอร์จเขาคนใต้ คนใต้หลายคนเวลานี้เขาโหวตโนครับ เพราะเขาเบื่อเลือกมากี่ยุคกี่สมัย มันก็เก่งแต่ปาก เก่งแต่พูด ปักษ์ใต้ก็ยังไม่เจริญเหมือนเดิม ที่สำคัญคนใต้มาสู้กับเรา มาเจ็บมาตายกับเรา มาไม่น้อยครับ แต่แล้วก็มาพูดจาดูถูกเหยียดหยาม เนรคุณคนเหล่านั้น หาว่า ที่เขาจะมาโหวตโนนั้น เพราะไปเชื่อสนธิ ไปเชื่อพันธมิตร และก็มารับงานทักษิณ ยิ่งทำให้คนใต้ที่รักความเป็นธรรมยิ่งฮึด ที่จะโหวตโน

ที่ปล่อยข่าวภาคใต้เยอะมันสะท้อนว่า หวั่นไหว ถ้าไม่หวั่นไหว คงไม่พยายามกระพือปล่อยข่าวอย่างหนักในภาคใต้ ภาคอื่นแทบไม่มีเลย เพราะถ้าภาคใต้ได้ ส.ส. ไม่ตรงตามเป้า ก็ตอกตะปู ปิดฝาโลง ลาออกไปได้ ทั้งหัวหน้าและเลขาเลย

มันไม่ตามเป้าแน่คราวนี้ เพราะมันยังมีพรรคอื่นไปแย่ง และยังมีคะแนนโหวตโนมาอีก แล้วเวลานี้ คะแนนโหวตโน มันหนาแน่นขึ้นไปทุกวันๆ หวั่นไหวมาก จึงไม่แปลกที่จะโหมกระพือ ปล่อยข่าวหนักในภาคใต้ พรรคเพื่อฟ้าดินลงไปหาเสียงในพื้นที่ ลุงจำลองมีเครือข่ายพี่น้องสันติอโศกในภาคใต้ ส่งข่าวว่า ภาคใต้โหมปล่อยข่าวอย่างหนัก นี่เป็นสัญญาณชี้ให้เห็นแล้วว่า กลัวแพ้ แสดงให้เห็นว่า คนใต้กำลังจะสั่งสอน อบรมพรรคการเมือง นักการเมืองของเขา หัดทำงานและปรับปรุงตัวเสียบ้าง อย่าดีแต่พูด และเขาอยากสั่งสอนหัวหน้าพรรค เลขาฯพรรคด้วย เพราะมันก่างเหลือเกิน วันนี้ยังไม่สำนึก แทนที่จะถ่อมตัว สำนึกผิด กลับทำเป็นก่าง อวดดี ยโสโอหัง ดีแล้วจะได้รับบทเรียนอันเจ็บปวด คนแบบนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา

วันนี้ชัดเจนว่าการรณรงค์ของพวกเรามีผลกระทบต่อทุกพรรค ทุกนักการเมือง และชัดเจนว่า พรรคการเมือง นักการเมืองคนไหนก็ตามที่จะมาเป็นรัฐบาลต่อไปต้องเผชิญหน้ากับพวกเรา พรรคโหวตโน อย่างแน่อน ไม่ว่าพรรคเผาไทย หรือพรรคผลาญประเทศไทย มันพอกัน พรรคหนึ่งผลาญประเทศไทย พรรคหนึ่งก็เผาประเทศไทย พรรคหนึ่งบอกเลวน้อย พรรคหนึ่งบอกเลวมาก โกงแค่ 10-20% เลวน้อยโกงถึง 50% เลวน้อยทุจริตรับเงินใต้โต๊ะ 30-50% เลวมากเอาแค่ 20% เพราะฉะนั้นวันนี้ไม่ว่าใครมาเราพร้อมจะยืนหยัดต่อสู้ ปกป้องเอกราชดินแดนของไทย ปกป้องผลประโยชน์ชาติบ้านเมือง

วันนี้การรณรงค์โหวตโนของพวกเรานั้น กำลังจะขยายตัวไปทั่วประเทศ และในกรุงเทพฯ พรุ่งนี้เราจะบุกฝั่งธนฯ หลังจากเราตีกรุงเทพฯ หมดแล้ว เราจะขยายตัวที่ฝั่งธนฯ และพี่น้องธนบุรี ลูกพระเจ้าตากสิน รักบ้านรักเมืองรักแผ่นดิน และทุกคนก็พร้อมที่จะเข้าร่วมขบวนการรณรงค์โหวตโนกับพวกเราครับ หวั่นไหวกันไปหมดแล้ว

แล้ววันนี้ทุกพรรคกำลังหวั่นไหวอีกเรื่องหนึ่งก็คือว่า พอเจอกระแสโหวตโนของเราขึ้นมาปั๊บ เอ๊ะ กกต.ทำไมไปดูงานที่ต่างประเทศพร้อมกันทั้ง 4 คนเลย เมื่อกี้โทรมาเช็กผมวุ่นเลย มันเกิดอะไรขึ้นคุณประพันธ์ รู้มั้ย ได้ข่าว ข่าวผมเช็กแล้วนะว่า คราวนี้ไป 4 คน ข่าวว่าจะไม่กลับมาเลยครับ

และก็ไม่เห็น กกต.ไปดูงานพร้อมกัน 4 คน ผมก็ไม่เคยเห็น มาถามผม ผมจะไปรู้เรอะ เพราะผมโหวตโนลูกเดียวครับ

เพราะฉะนั้นพี่น้องเราพันธมิตรฯ คนไทย อยู่สวีเดน อยู่เดนมาร์ก มีหมดครับ เขาจะไปดู จะไปต้อนรับ กกต. ถ้าคิดว่าอยู่สวีเดน อยู่เดนมาร์กดีแล้ว พี่น้องคนไทยที่นู่นก็ให้ท่านพำนักพักผ่อนอยู่ที่นู่นเลยก็ดีเหมือนกัน

ขณะนี้เป็นปัญหาอยู่ เช็กกันวุ่นเลยครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วมันจะมีเลือกตั้งหรือไม่ แล้วมีเลือกตั้งแล้วมันจะไปยังไง ใครจะรับรอง ตอนนี้คนหาเสียงสับสนครับ เปรียบเหมือนนั่งในเรือออกไปในแม่น้ำ เหมือนหมานั่งในเรือแล้วมันไม่รู้จะไปทางไหนครับตอนนี้ จะกระโดดลงน้ำกูก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน จะเดินหน้าต่อไปก็ไม่มีคนพายให้ไป เพราะคนพายไปอยู่ต่างประเทศแล้ว

บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้ ก็รู้แต่ว่าถ้าไปแล้วอยู่ต่างประเทศสบายดี ก็ไม่ต้องกลับมาหรอก เพราะว่ามันไม่ได้หาเสียงเลือกตั้งแล้วทุกวันนี้ มันฆ่ากัน มันยิงกัน ทุกวัน ไม่เว้นแต่ละวันเลยครับ

การเลือกตั้งครั้งนี้มันสกปรก ใช้เงิน ใช้วิธีการที่ผิดกฎหมาย แล้วยังใช้อำนาจเถื่อน ใช้ความรุนแรงเข้าสังหารเข่นฆ่ากันไม่เว้นแต่ละวัน ยิงกันตั้งแต่ยังไม่มีเลือกตั้งเลยครับ ส.ส.สมุทรปราการ โดนไป รอดตัวไป หลังจากนั้นก็ยิงกัน หัวคะแนนและผู้สมัครไม่เว้นแต่ละวัน
การเลือกตั้งของประเทศเราเป็นการเลือกตั้งในบ้านป่าเมืองเถื่อนไปแล้วครับ ไม่มีการเลือกตั้งประเทศไหนที่จะสามานย์ เถื่อน ถ่อย และอำมหิต เป็นการเลือกตั้งที่นองเลือด มีการสังหารเข่นฆ่ากันทุกวันนี้แบบนี้ ประเทศอื่นก็ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับประเทศเรา ไม่น่าเชื่อครับ โดยที่กฎหมายบ้านเมือง คณะกรรมการ กกต. ตำรวจ ทหาร ผู้รักษากฎหมาย ยืนทำหน้าตาปริบๆ ดีแต่มาถ่ายภาพ ชี้แจง มีภาพสเก็ตช์อย่างนั้นอย่างนี้ ความจริงแล้วเรื่องอย่างนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นถ้าประเทศเป็นประชาธิปไตยจริง

วันนี้จึงสรุปได้เลยว่า การเลือกตั้งเป็นเพียงวิธีการ เป็นเพียงวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและการเข้าสู่อำนาจของนักการเมืองและพรรคการเมืองเท่านั้น ไม่ใช่เครื่องมือที่แสดงว่าเป็นประชาธิปไตย เป็นเพียงวิธีการ ไม่ใช่เนื้อหาของประชาธิปไตย และศาลก็เคยตัดสินมาแล้วในคดียุบพรรคไทยรักไทย ที่ไปจ้างพรรคเล็กพรรคน้อยมาเป็นตัวละครประกอบการแสดงยอดเยี่ยม เพื่อหนีเกณฑ์คะแนนไม่ถึง 20% โดยการไปจ้างพรรคเล็กพรรคน้อย แล้วศาลก็ยุบพรรค โดยในคำวินิจฉัยของศาลท่านบอกว่าพรรคการเมือง พรรคไทยรักไทย ได้ใช้การเลือกตั้งให้เป็นเพียงพิธีกรรมทางการเมืองเพื่อหลอกลวงตบตาประชาชนในการให้ได้ชัยชนะเข้าสู่อำนาจเท่านั้นเองครับ

ดังนั้น นักรัฐศาสตร์ไทย หรือบรรดาพวกที่บูชาการเลือกตั้ง ลัทธิการเลือกตั้ง จงฟังเอาไว้ว่า การเลือกตั้งของประเทศไทยไม่ใช่เป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยแต่อย่างใด

ความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยอยู่ที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ และมีอำนาจโดยแท้จริง อย่างที่เรากำลังทำอยู่นี้ต่างหาก

นักวิชาการต่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญการเมืองระหว่างประเทศ มองตรงกันว่าสัญลักษณ์ที่แสดงความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยอยู่ที่ความเข้มแข็งของภาคประชาชน การมีอำนาจและมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้นครับ

และทุกคน นักรัฐศาสตร์ นักวิเคราะห์การเมืองในประเทศ ต่างประเทศ พูดตรงกันหมดว่า การเลือกตั้งของประเทศไทยเป็นบ่อเกิดแห่งการนำไปสู่การคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬาร เพราะเป็นการเลือกตั้งที่ใช้เงินเป็นอำนาจ และใช้เงินซื้อเสียง โกงเลือกตั้ง จึงเป็นบ่อเกิดแห่งอำนาจที่ไม่ชอบธรรมและนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างที่เป็นอยู่ จึงป่วยการและเปล่าประโยชน์ที่ประเทศไทย จะจมปลักอยู่กับการเลือกตั้งแบบนี้อีกต่อไป มีคนไปถามนักวิชาการ ผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้รู้ทั้งหลายว่า ความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงจาก ระบอบที่เป็นอยู่นี้ ท่านมีความหวังอยู่กับใคร อยู่กับเรื่องใด ทุกคนตอบตรงกันหมดว่า เขามีความหวังอยู่กับความเข้มแข็งของภาคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเข้มแข็งของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

เพราะถ้าประชาชนเข้มแข็ง นักการเมืองก็ต้องอ่อนแอ นักการเมืองก็กร่างไม่ได้ วันนี้พลังโหวตโน จะเป็นพลังที่แสดงออกถึงความเป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง เหมือนอย่างที่พี่สุวัฒน์ ได้พูดไปแล้วในวันนี้ ประเด็นข้อกฎหมาย ถ้าคะแนนโหวตโนมีมากพอ หรือชนะในเขตเลือกตั้งใด เขตเลือกตั้งหนึ่ง เราจะยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของบุคคลผู้นั้น หรือพรรคการเมืองนั้น ว่าเป็นการละเมิดต่อหลักอธิปไตย ของปวงชนชาวไทยหรือไม่

ภูมิปัญญาของประชาชนจะชัดเจนขึ้น จะแหลมคมขึ้น เพราะเราอยู่กับความจริง อยู่กับภูมิปัญญาของประเทศ อยู่กับภูมิปัญญาของประชาชน เพราะเรายึดหลักผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง เราไม่ได้คิดเพื่อตัวเราเอง พลังโหวตโน จึงกลายเป็นพลังที่มีความหมาย เป็นอนาคต เป็นความหวังของพี่น้องประชาชนไทย ในยามที่ระบอบการเมืองล้มเหลวอย่างในขณะนี้ เราคืออนาคตและความหวังของบ้านเมือง

ยิ่งเรารณรงค์มากเท่าไร ก็จะมีประชาชนเข้าร่วมมากขึ้นๆ เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่เราต่อสู้กับระบอบทักษิณ คนก็ยังไม่มาก แต่คนทยอยมากขึ้นๆ เพราะประชาชนเริ่มมีดวงตาเห็นธรรม และเข้าถึงสัจจะ และความจริง ที่เรานำเสนอกับพี่น้องประชาชน เขาจึงเข้าใจและหันมาร่วมกับพวกเราในแนวทางที่ถูกต้อง

เพราะฉะนั้นวันนี้ท่านอย่าแปลกใจครับว่า การที่พรรคการเมืองทั้งหลายพยายามดิ้นรนใส่ร้ายป้ายสีขบวนการพวกเรา ทำลายแกนนำนั้น เขาไม่มีวันทำสำเร็จ และไม่มีวันเอาชนะพี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน เพราะการกระทำของเขาเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว เป็นการกระทำที่อธรรม เป็นการกระทำที่ไร้คุณธรรม เป็นการกระทำที่ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง เพื่อจะแก้เกมการเมืองที่ล้มเหลวและพ่ายแพ้พลังประชาชน เท่านั้นเอง ยิ่งเขาทำ ยิ่งเขาดิ้นรน เท่ากับขุดหลุมฝังศพตัวเอง ไม่มีวันที่เขาจะเอาชนะพวกเรา ยืนยันได้ว่า สิ่งที่เขาพูดจะเป็นบูมเมอแรงสะท้อนกลับไปตัวเขาเองว่า ผู้ใดกล่าวความเท็จและถือความไม่จริง อธรรม นำความไม่จริงมาใส่ร้ายป้ายสี ปั้นน้ำเป็นตัว ท้ายสุดผลกรรมจะตามสนองเขาเอง

พรรคการเมืองพรรคนี้เคยกล่าวหาพรรคการเมืองคู่ต่อสู้ว่า เป็นพวกโรงงานน้ำแข็ง ปั้นน้ำเป็นตัว แต่วันนี้เขากลับทำตัวเป็นเจ้าของโรงงานน้ำแข็ง ปั้นน้ำเป็นตัว ใส่ร้ายป้ายสีพวกเราโดยไม่เป็นธรรม ท้ายที่สุดกรรมจะตามสนองพวกเขาอย่างแน่นอน พวกเราสะอาด พวกเราสง่างาม พวกเราบริสุทธิ์ใจ พวกเราไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวแอบแฝง พวกเรามีแต่ผลประโยชน์ชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้งทุกลมหายใจ ต่อให้คุณใส่ร้ายป้ายสี ใส่มาเลยพวกเรามันจันหอม ยิ่งทุบยิ่งหอม เพราะฉะนั้นพวกเราเป็นเหล็กกล้า ยิ่งผ่านเตาหลอม ยิ่งร้อนแรงเท่าไหร่ เรายิ่งเข้มแข็งและคงทน เราไม่หวั่นไหว แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีภูมิปัญญา ไม่มีความรู้พอจะโน้มน้าวประชาชนเห็นด้วยกับเขาว่า ทำไมจึงต้องเลือกคุณ คุณหมดปัญญาที่จะบอกประชาชนว่า คุณมีดีอะไรเขาจึงจะเลือกคุณและไว้วางใจคุณ คุณเลยสร้างราคาพยายามบอกว่า คนอื่นชั่วกว่าคุณ ผมเลวน้อยกว่า กรุณาเลือกผมเพราะผมชั่ว ผมเลวน้อยกว่า นี่คุณด้อยปัญญาจริงๆ เป็นการหาเสียงไร้สิ้นซึ่งปัญญาจริงๆ และไม่เคยมีประเทศไหน ไม่มีนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยประเทศไทยจะหาเสียงว่า เลือกผมเถอะครับผมชั่วน้อยกว่า ผมโกงน้อยกว่า ผมเลวน้อยกว่า ไม่มีเลยนอกจากประเทศนี้ และพรรคการเมืองไร้สิ้นปัญญาแบบนี้

วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแต่ผมชื่นชมพ่อแม่พี่น้องอย่างยิ่ง เดินกันทั้งวันผมเห็นพี่น้องเดินตั้งแต่ยูเนสโก มาถึงมัฆวาน ผมยังต้องกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมา แต่ระหว่างที่ผมไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่น้องกลับดิ้นด้วยความสนุกสนานหน้าเวที คุณตั๋วที่อยู่บนรถแห่มาถึงนี่ยังมาร้องเพลงดิ้นกับพี่น้องอีก มนุษย์พันธมิตรฯ สุดยอดจริงๆ ประเทศไทยถ้ามีพลเมืองแบบนี้ทั้งประเทศ ชาติเจริญแน่นอน ขอชื่นชม ปรบมือให้กำลังใจพ่อแม่พี่น้องที่นี่และทั่วประเทศที่ร่วมรณรงค์โหวตโนด้วยกัน วันนี้ขออนุญาตพักเสียง 1 วัน พรุ่งนี้จะเอาเพลงใหม่มาร้องให้ฟัง ขอบคุณครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น