xs
xsm
sm
md
lg

เจาะ...ยุทธศาสตร์การเมือง เลือกตั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรื่องการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน จะเป็นรัฐบาลชุดไหน เพราะเป็นปัญหาที่อยู่คู่ประเทศไทยมายาวนานเหลือเกิน ทุกคนก็ได้แต่ตั้งตารอว่า ใครจะมาเป็นผู้พิชิตปัญหานี้ให้หมดสิ้นไปเสียที

วันนี้ปี่กลองการเมืองเชิดกันอีนุงตุงนัง ทุกพรรคการเมืองเดินสายหาเสียง เพื่อหวังพาตัวเองให้เป็นรัฐบาล มีอำนาจบริหารประเทศ แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่จะนำไปขาย นำไปหาเสียงกับประชาชนคือ “นโยบาย” เรื่องการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ย่อมต้องถูกบรรจุอยู่ในนโยบายของพรรคการเมืองใหญ่ๆ และพรรคการเมืองที่คาดหวังจะได้ ส.ส.ในพื้นที่เหล่านี้

ชาวบ้าน ประชาชนในพื้นที่ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกัน สิ่งที่ต้องการมากที่สุด สิ่งที่อยากได้เป็นของขวัญในทุกโอกาสสำคัญ คือความสงบสุขของประชาชนชาว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ฉะนั้น เมื่อถึงเทศกาลเลือกตั้งก็ต้องสอดส่ายสายตาไปดูพรรคการเมืองใดบ้างที่มีนโยบายที่น่าจะจัดการหรือ บรรเทาปัญหาให้พวกเขาได้ และทำได้จริง

พรรคประชาธิปัตย์ที่มี ส.ส.เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมอยู่เต็มพรืด ก็หาเสียงด้วยการขันอาสาเข้ามาสานต่อนโยบายที่ทำไว้เดิม ซึ่งคิดว่าดีอยู่แล้ว เช่น การจัดตั้ง ศอ.บต. รวมทั้งการมอบงบประมาณให้ไปบริหารจัดการอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ใช้ความเป็น ส.ส.เดิม เป็นฐานหาคะแนนที่ยึดโยงกับประชาชนในพื้นที่ นอกจากนั้นยังเสนอให้ ส.ส.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุดด้วย

แต่ก็ไม่แน่ใจว่าคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะชื่นชอบและไว้วางใจให้ทำหน้าที่ต่อมากน้อยแค่ไหน เพราะสภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันนั้น ไม่แตกต่างจากรัฐบาลไหนๆ สักเท่าไหร่ สมัยพรรคไทยรักไทยเกิดความรุนแรงอย่างไร วันนี้ก็ยังคงซ้ำรอยแบบเดิมๆ

การแก้ปัญหาโดยรวมก็ดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี น้อยเกินไป ไม่เคยเห็นภาพการลงพื้นที่ระหว่างที่เป็นรัฐบาลอย่างจริงจัง จริงใจ ที่เห็นก็มีเพียงการส่งกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมเข้าไป

โดยเน้นปริมาณเข้าว่า แต่คุณภาพไม่ถึง รวมทั้งอัดงบประมาณลงไป

แต่ไม่มีการบริหารจัดการที่ดีเพียงพอ เหตุการณ์ลอบทำร้าย ลอบสังหาร ลอบวางระเบิด ยังมีให้เห็นจนชินตาไม่ต่างจากอดีต

สำหรับพรรคเพื่อไทย ที่ได้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว นช.พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯผู้หลบหนีคดี ณ ต่างแดน และเคยเป็นคนโหมไฟใต้ให้กระพือหนัก ด้วยวาทะที่แข็งกร้าว “โจรกระจอก” มาถือธงนำ ขออาสาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ ใช้ความอ่อนน้อมสร้างความปรองดอง ก็จับยัดนโยบายแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไว้ในแคมเปญเช่นเดียวกัน

หลักใหญ่คือจะทำพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ปกครองพิเศษเหมือนกรุงเทพมหานคร และพัทยา บริหารจัดการเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ขณะเดียวกันก็จะทำให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ มีเงินสะพัดในพื้นที่ภาคใต้ สำคัญคือจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อให้พี่น้องชาวมุสลิมได้ไปประกอบพิธีฮัจจ์ เพิ่มจากเดิม 12,000 คน เป็น 20,000 คน ดูและจัดการเรื่องที่พักยามเดินทางไปอย่างดี นอกจากนั้นจะบริหารจัดการให้พื้นที่ 3 จังหวัดเป็นศูนย์การผลิตอาหารฮาลาลส่งออกทั่วโลก

แต่ดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทย ที่ตัดต่อพันธุกรรมมาจากพรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทย จะไม่เคยได้รับความเชื่อมั่นจากชาวบ้านในพื้นที่สักเท่าไรนัก การได้ ส.ส.ในพื้นที่เหล่านี้ในอดีตก็ล้วนเป็นเพราะความแข็งแกร่งของฐานเสียงเฉพาะตัวของ ส.ส.เท่านั้น

ดังนั้นจึงต้องจับตาดูว่าการนำเสนอนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่วันนี้ไม่มีผู้สมัครที่เป็น ส.ส.เดิม จะมีก็เพียงแต่นายซูการ์โน มะทา อดีต ส.ส.ยะลา จะสามารถทะลวงแทรกเข้าไปยึดพื้นที่ได้มากน้อยแค่ไหน นโยบายที่นำเสนอมาจะทำให้ชาวบ้านสัมผัสจับต้องได้ หรือเป็นเพียงการขายฝัน 3 ก.ค.จะได้รับคำตอบ

นักวิชาการในพื้นที่บางท่านบอกไว้ว่า นโยบายพรรคการเมืองไหนตรงใจชาวบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้จับสัญญาณจากผลคะแนน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อในพื้นที่ เพราะส่วนใหญ่คนจะเน้นเลือกตัวบุคคลก่อนเรื่องอื่นๆ ถ้าผลคะแนนของพรรคเพื่อไทยแปรผกผันมีนัยยะเชิงบวกแสดงว่าประสบความสำเร็จ และจะต้องเดินหน้าทำนโยบายที่ประกาศไว้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยคาดหวังกับพื้นที่เหล่านี้ไม่น้อย ล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ โชว์ภาพความเป็นหญิงแกร่ง ลงลุยพื้นที่ด้วยตัวเอง ทำให้นายอภิสิทธิ์และมวลหมู่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์สะอึกแบบคาดไม่ถึงไปเหมือนกัน ไม่คิดว่าผู้หญิงบอบบางตัวเล็กๆ จะกล้าลุย กล้าชนถึงเพียงนี้

แต่แน่นอนว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้พรรคเพื่อไทยก็ต้องบริหารจัดการเตรียมการล่วงหน้าไว้เป็นอย่างดี อาศัยช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะ เช็คสถานการณ์ประเมินแล้วว่าไม่มีความรุนแรงแน่นอน และยังต้องเดินทางไปแบบค่อนข้างกะทันหัน ไม่ให้เอิกเกริกจนเกินไป ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย

เมื่อลงไปแล้วเสียงสะท้อนที่กลับมาล้วนเป็นเชิงบวกทั้งสิ้น “ยิ่งลักษณ์” อาสาเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ ไม่เลือกว่าเป็นพื้นที่ตัวเอง หรือคู่แข่ง พื้นที่อันตรายยังกล้าไปเหยียบ โกยแต้ม โกยคะแนนไปไม่น้อย สมมติฐานเป้าหมายเบื้องต้นที่จะรักษา 1 เก้าอี้เดิมไว้ หวังเพียงบวกคะแนนปาร์ตี้ลิสต์นั้น หากกระแสตอบรับดีอาจหวังถึงเก้าอี้ ส.ส.ที่จะเพิ่มเติมเข้ามาเป็นโบนัสพิเศษเลยก็ได้

อย่างไรก็ดี พื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญนี้พรรคเพื่อไทยจะได้หรือจะเสีย ส่วนหนึ่งถึงส่วนใหญ่คือการบงการเกมของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตขุนพลใหญ่ภาคใต้ของพรรคไทยรักไทย คนใหญ่คนโตของชาวมุสลิม ว่าจะใส่เต็มที่ บี้เต็มร้อยให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่

หาก “วันนอร์” เหยียบเรือสองแคม หรือเทกำลังไปให้พรรคมาตุภูมิของ “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ.ผู้ปฏิวัติรัฐประหารกำราบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่วันนี้ขายนโยบายแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นนโยบายหลักของพรรค มากกว่าแล้ว พรรคเพื่อไทยคงตกที่นั่งลำบาก เพราะตัวผู้สมัครที่ดูจะมีภาษีกว่า พอฟัดพอเหวี่ยงกับพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า ล้วนอยู่ที่พรรคมาตุภูมิ
กำลังโหลดความคิดเห็น