“เทพมนตรี” เตือนขึ้นทะเบียนร่วม เท่ากับสละสิทธิ์ทวงตัวปราสาท แนะขู่ถอนตัวบีบยูเนสโกถอนเขาวิหารออกจากบัญชีมรดกโลก แล้วเปิดเกมรุกอ้างเขมรรุกล้ำดินแดนไทย ศาลโลกยกตัวปราสาทให้เขมรขัดข้อบังคับตัวเอง แย้ม “มาร์ค” คดีเพียบ! เชื่อ ยอมเป็นเครื่องมือแลกเป็นนักการเมือง หวังได้สิทธิ์คุ้มครองรอดคุก เหน็บ ผบ.ทบ.ก่อนวิจารณ์ พธม.ทำหน้าที่ของทหารต้องรักษาอธิปไตยกับรักษาสถาบันสูงสุด ดีแล้วหรือยัง
วันที่ 15 มิ.ย.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ กล่าวถึงคำพูดของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ว่า จะจดทะเบียนเขาวิหารเป็นมรดกโลกร่วมไทยกับกัมพูชาได้ ต้องถอนชื่อปราสาทเขาวิหารออกจากบัญชีทะเบียนมรดกโลกก่อน ถึงจะทำแผนบริหารจัดการร่วมกัน หลายคนยังไม่เข้าใจ คิดว่า จดทะเบียนร่วมเป็นเรื่องดี ตรงนี้หากย้อนกลับไปดูมติประชุมมรดกโลก ครั้งที่ 32 ที่ควิเบก ประเทศแคนาดา บอกว่า “ขอให้ไทยเข้าร่วมเป็นหนึ่งใน 7 ชาติสมาชิกของรัฐภาคี ที่จะบริหารจัดการเขาวิหารของกัมพูชา” ขอย้ำเขาไม่ได้พูดว่าของไทย หรือของไทยกับกัมพูชา แต่พูดเป็นของกัมพูชาฝ่ายเดียว
การไปขึ้นทะเบียนร่วม คือ การไปเสียดินแดน สิ่งที่ นายอภิสิทธิ์ พูด เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเขาวิหารหมายถึงชีวิตทางการเมืองของ ฮุนเซน ซึ่งเขาไม่มีทางยอมแน่ๆ ไทยทำได้อย่างเดียวตอนนี้ต้องบีบยูเนสโกถอนมรดกโลก โดยขู่จะไม่เป็นภาคีสมาชิกอีกต่อไป จากนั้นเราสามารถอ้างได้ ว่า ปราสาทเขาวิหารที่ศาลโลกมีมติขึ้นทะเบียนให้กัมพูชารุกล้ำดินแดนของไทย ขัดต่ออนุสัญญามรดกโลก ในท้ายที่สุดปราสาทแห่งนี้จะกล้ายเป็นปราสาทร้อน ไม่ว่าใครก็เอาไปทำอะไรไม่ได้
“ยอมขึ้นทะเบียนมรดกร่วม เท่ากับยอมถอนข้อสงวนสิทธิ์ทวงคืนตัวปราสาท เมื่อเราบีบยูเนสโกถอนเขาวิหารออกจากบัญชีมรดกโลกได้แล้ว เราอาจใช้ประชามติประชาชน ลงความเห็นจะให้เลิกข้อสงวนสิทธิที่ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ไปทำไว้ที่สหประชาชาติหรือไม่ เชื่อหากถึงตรงนั้นจะถูกนักกฎหมายชำแหละ แล้วประชาชนจะเข้าใจมากขึ้น”
นายเทพมนตรี กล่าวว่า ใครจะเป็นคนของประชาธิปัตย์ ก็เป็นไป เห็นต่างได้แต่อย่ามาด่าเรา เห็นต่างมาเราก็อธิบายความเห็นต่างไป เมื่อเขาสู้ไม่ได้เลยมาจี้จุดอ่อนเรื่องหนึ่ง คือ เรื่องเงิน นายจิตกร บุษบา พูดกับ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ว่าป้ายหาเสียงโหวตโนเอาเงินจากไหนมาทำป้าย พูดเป็นนัยทำให้คนฟังที่ไม่รู้พื้นฐานข้อมูลเข้าใจไปได้ว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ไปเอาเงินใครมา ตรงนี้หากเปิดเว็บไซต์ manager แล้วจะรู้ว่าเงินเอามาจากไหน ส่วน ดร.เจิมศักดิ์ ความคิดความอ่านของท่านตนก็เคารพ แต่ดูเหมือนท่านโอ๋นายกฯจนออกนอกหน้า ท่านอาจไม่ชอบคนอื่นๆ อาจจะไม่รักพรรคประชาธิปัตย์ แต่ตนเชื่ออย่างสนิทใจท่านรักนายอภิสิทธิ์ แน่นอน
จะว่าไปแล้ว นายอภิสิทธิ์ มีต้นทุนทางสังคมดีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่รู้จักใช้ความหล่อหน้าตาดี มีชาติตระกูล การศึกษาดี ครองใจชาวบ้าน หากเข้าไปพูดกับชาวบ้านดีๆ ด้วยความจริงใจ ชาวบ้านก็พร้อมเทใจให้แล้ว ไม่ใช้วันนี้พูดอย่าง พรุงนี้พูดอีกอย่างดังที่เป็นอยู่ 2 ปี ที่ผ่นมา ทำให้คนที่เคยรักท่าน เสื่อมศรัทธาเยอะมาก ก็ด้วยจุดเสียที่ไม่รักษาคำพูด
“นายอภิสิทธิ์ ยอมเป็นเครื่องมือให้ใครบางคน เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง เพราะหากไม่ได้เป็นนักการเมืองต่อ คดีดีต่างๆ ที่ถูกฟ้องคณะบริหารประเทศ อย่างเช่น ที่พันธมิตรฯฟ้อง มีโทษถึงประหารชีวิตทั้งนั้น ดังนั้น สิ่งเดียวที่ นายอภิสิทธิ์ ต้องการ คือ เป็นนักการเมืองเพื่อใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองเหมือนนายจตุพร พรหมพันธุ์”
นายเทพมนตรี กล่าวว่า ถ้าแผนบริหารจัดการผ่าน แสดงว่า นายอภิสิทธิ์ ล้มเหลวต่อเรื่องมรดกโลก ทำให้ไทยเสียดินแดน หลายคนอาจแย้งแทนนายอภิสิทธิ์ปัญหามีมาตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อนๆแล้วดังนั้นอย่าไปโทษนายอภิสิทธิ์ นั้น ทำไมจะโทษไม่ได้เพราะนายอภิสิทธิ์ รู้เรื่องนี้ดี ปัญหาเขาวิหารที่มันเป็นเรื่องการเมืองเพราะเราเอาการเมืองไปจับ หากเอานักการเมืองออกไปก็จะเป็นเรื่องเขมรเอากองทัพมารุกล้ำดินแดนไทย
เมื่อพูดถึงเขาวิหารสิ่งหนึ่งที่เข้าไปเกี่ยวอย่างขาดไม่ได้ คือ ผบ.ทบ.ซึ่งวันนี้ท่านพูดนอกหน้าที่ หน้าที่ท่านมีสองอย่างต้องรักษาอธิปไตยของชาติกับรักษาสถาบันสูงสุด ไม่ใช่มาวิจารณ์พันธมิตรฯ ท่านพูดมากทำน้อย หน้าที่ของท่านทำได้ดีแล้วหรือยังในการจัดการ เว็บไซต์หมิ่น คนจาบจ้วงตลอดเวลา เขมรมารุกล้ำอธิปไตย ระหว่างนักการเมืองกับทหาร ดูเหมือนท่านจะเป็นนักการเมือง ท่านบอกทหารไม่ยุ่งการเมืองแต่ท่านเปิดโอกาสให้การเมืองมายุ่งเกี่ยวทหารได้ เป็นยุคที่ทหารตกต่ำที่สุด ทหารชั้นผู้น้อยที่ดีในกรมกองเขาอึดอัด แต่บังเอิญสายบังคับบัญชาทหารขึ้นตรงต่อผู้บังคับบัญชา หากรบแล้วสั่งไม่ได้ก็แพ้อย่างเดียว ดังนั้น ต้องมีนายทหารที่มีคุณธรรมจริยธรรม รู้หน้าที่ หากเก่งจริงก่อนศาลโลกตัดสิน ท่านไปยึดพื้นรอบเขาวิหารคืนมาได้หรือไม่
