xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องเล่าของ อภิสิทธิ์ จุดกระแสปาร์ตี้ลิสต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่านไปแล้วครึ่งทาง สำหรับการหาเสียงเลือกตั้ง ชิงประเทศไทย ระหว่าง นช. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งลงสมัครโดยใช้ชื่อว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่ง โดนถล่มหนัก จากสื่อกระแสหลัก แบบ สิบต่อหนึ่งก็ยังน้อยไป

หากเชื่อสื่อ เชื่อโพลล์ ประเทศไทยจะได้มีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แน่ เพราะตั้งแต่เปิดตัวลงรับสมัครเป็นปาร์ตี้ลิสต์ หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย จนถึงนาทีนี้ แรงดีไม่มีตก ยิ่งนานยิ่งนำห่าง จากจำนวน สส. ที่เดิมคาดว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ 200 ขึ้น เพิ่มเป็น เกินครึ่ง 270 ล่าสุดจากการปั่นข่าว เพิ่มขึ้นเป็น 300 แล้ว

หากคะแนนนิยมตามกระแสข่าวปั่น ยังคงเส้นคงวา คาดว่า ต้นสัปดาห์หน้า จะเพิ่มขึ้นถึง 400 และสัปดาห์สุดท้าย ก่อนวันเลือกตั้ง อาจจะทะลุ 500 และพรรคเพื่อไทย จะเสนอแก้รัฐธรรมนูญ พ่วงไปกับการนิรโทษ นช. ทักษิณ ให้เพิ่ม สส. มากกว่า 500 คน เพื่อรองรับ สส. พรรคเพือ่ไทยที่ประชาชนเลือกเข้ามา ( +5555+)

วานนี้ หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง พาดหัวตัวไม้ว่า “ ปู ชนะมาร์ค” ยิ่งตอกย้ำความเป็นนายกฯโพลล์ นายกฯ หน้าหนึ่ง เข้าไปอีก หลังการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ โปรดจับตาดูว่า หนังสือพิมพ์ ค่ายนั้น จะมีการเปลี่ยนทีม บรรณาธิการยกแผง เหมือนปีที่แล้ว หลัง พ่ายศึก เสื้อแดงเผาบ้าน เผาเมืองอีกหรือไม่ (+ +55555++)

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวปั่น ข่าวปล่อย ความเคลื่อนไหวของพรรคเพือ่ไทย สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในชัยชนะ “ ปู ยิ่งลักษณ์” ถูกจับให้ลงไปเดินยิ้ม เป็นรอบที่ 2 ในหลายๆพื้นที่ทั้งภาคเหนือ และภาคอีสาน ซึ่งคุยว่า เป็นของตาย

ถ้าข่าวและโพลล์ที่ออกมา ไม่ใช่ข่าวปล่อย และโพลล์รับจ้างทำ พรรคเพือ่ไทยคงนิ่งกว่านี้ และคงไม่ต้องออกอาการ ตีปลาหน้าไซ ป้ายสีให้คนเข้าใจผิดล่วงหน้าว่า จะมีการโกง จะมีอำนาจพิเศษ ทำให้พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ตั้งรัฐบาล

ประเทศไทย ปกครองในระบบรัฐสภา ประชาชน เลือก สส. สส. เลือกนายกรํฐมนตรี ใครได้เสียง สส. เกิน 250 ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคไหนชนะเลือกตั้ง แต่ได้ สส. ไม่เกิน 250 คน แต่พรรคอื่นไม่เอาด้วย ก็ต้องเป็นฝ่ายค้านอีกสมัย นี่คือหลักการ ที่รัฐธรรมนูญทุกฉบับของประเทศไทยระบุไว้ แต่ถูกบิดเบือนให้กลายเป็นว่า พรรคไหนชนะเลือกตั้ง เป็นที่ 1 ต้องเป็นผู้ตั้งรัฐบาล เพราะพรรคเพื่อไทย ไม่มั่นใจว่า จะ ชนะ ได้เสียงเกินครึ่ง หรือชนะพรรคประชาธิปัตย์แบบขาดลอย

ข้อเท็จจริงประการหนึ่งของการเลือกตั้งเที่ยวนี้คือ การเลือกตั้งแบบเขตเล็ก เขตเดียว เบอร์เดียว เรื่องของตัวบุคคล และ “ กระสุน “ เป็นปัจจัยชี้ขาด ไม่ใช่ กระแสพรรค กระแสพรรคจะมีผลต่อ สส. ระบบบัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ นช. ทักษิณ จะได้กลับบ้าน หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ คะแนนปาร์ติ้สต์ของพรรคเพื่อไทย ว่า จะชนะพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม และชนะมากหรือน้อย

กระแสพรรคเพื่อไทย คือ เอานช. ทักษิณ กลับบ้าน นิรโทษกรรมความผิด ให้ตัวเอง

กระแสพรรคประชาธิปัตย์คือ จะเอาประเทศไทย หรือจะเอา นช. ทักษิณ และพวกเผาบ้านเผาเมือง

จากนี้ไปจนถึงโค้งสุดท้ายก่อนวันที่ 3 กรกฎาคม พรรคประชาธิปัตย์ จะโหมสร้างกระแสพรรค ปูพรมถล่มพรรคเพื่อไทย ด้วยประเด็น อย่าเลือกพวกเผาบ้านเผาเมือง โดยมั่นใจว่า จะเป็นการเตือนความจำ ตอกย้ำคนไทย ให้นึกถึงเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง ที่เพิ่งจะผ่านไปปีเศษๆเท่านั้น และสร้างกระแสให้ประชาชนที่ไม่ใช่เสื้อแดง ลงคะแนนเลือกปาร์ตี้สลิสต์ ของ พรรคประชาธิปัตย์

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตยื เริ่ม “ ปล่อยของ” แล้ว ในข้อเขียนเรื่อง "จากใจอภิสิทธิ์ ถึงคนไทยทั้งประเทศ"ตอนที่ 3 ผ่านเฟซบุ๊ก

คนที่เหม็นหน้านายอภิสิทธิ์ ขอแนะนำมุขใหม่ สำหรับเขียนป้ายด่า เพิ่มเติมจาก “ ดีแต่พูด” คือ “ ดีแต่เขียน” เพราะลีลาการเขียนนั้น แม้จะเรียบๆ ตรงไปตรงมา แต่อ่านแล้ว “โดน” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นช. ทักษิณ โดนเข้าไปหลายดอก จะหาวา นายอภิสิทธิ์ ใส่ร้ายก็ไมได้ เพราะเป็นเรื่องจริง ที่นายอภิสิทิ์ อ้างอิงหลักฐานได้หมด

ตัวอยางเช่น นายอภิสิทธิ์ เขียนว่า

“ ชนวนเหตุการณ์ปี 2553 เริ่มจากการที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษายึดทรัพย์คุณทักษิณจากการทุจริตเชิงนโยบายจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท คุณทักษิณ วิดีโอลิงค์จากต่างประเทศทันทีที่ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาจบมีเนื้อหาไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่ง คุณทักษิณใช้คำว่า "เป็นกระบวนการยุติความเป็นธรรม"

ถึงขนาดกล่าวหาว่า(...)เป็นเครื่องมือทางการเมือง สร้างวาทกรรมสองมาตรฐานปลุกปั่นพี่น้องเสื้อแดงให้เข้าใจว่าเขาถูกกลั่นแกล้งโดยอำมาตย์แต่ไม่เคยพูดถึงวันที่ตัวเองชนะคดีซุกหุ้นซึ่งคนจำนวนไม่น้อยเห็นต่างจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีการระดมมวลชนกดดันสังคมให้ความเคารพคำตัดสินดังกล่าวและให้โอกาสคุณทักษิณได้บริหารประเทศเป็นเวลานานกว่า 5 ปี

เท่ากับว่าถ้าศาลตัดสินแล้วตัวเองได้ประโยชน์ถือว่าเป็นธรรม แต่ถ้าทำผิดหลักฐานมัดแน่นศาลตัดสินลงโทษกลายเป็นสองมาตรฐาน

นี่คืออันตรายที่ คุณทักษิณใช้พี่น้องประชนที่ศรัทธาคุณทักษิณด้วยความบริสุทธิ์ใจเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างโหดร้าย

คุณทักษิณ ระบุในการวิดีโอลิงค์ครั้งนั้นว่า"วันนี้การเมืองตอนนี้ดุมาก ใจดำมาก แต่ขอผมเป็นเหยื่อการเมืองคนสุดท้าย ถ้าเมื่อไรประเทศได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง และมีระบบถ่วงดุลอย่างเหมาะสม คงจะไม่มีเหยื่ออย่างผมอีกเพราะวันนี้ดุลทั้งหมดไปอยู่อำมาตย์ที่สามารถกดปุ่มสั่งการให้ระบบหนึ่ง มีอำนาจเหนืออีกระบบหนึ่งอย่างง่ายดาย"

ผมทราบทันทีว่าประเทศชาติกำลังตกอยู่ในอันตราย ประชาชนอยู่ในภาวะหวาดผวากลัวจะเกิดเหตุรุนแรง คำประกาศ "แดงทั้งแผ่นดิน” การเทเลือดหน้าบ้านทำให้ผมเป็นห่วงชาติบ้านเมืองว่ากำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะเป็นทะเลเลือดแดงฉานทั้งแผ่นดิน”

ผมพยายามอย่างที่สุดในการประนีประนอมบนหลักกฎหมายและความถูกต้อง พวกเขาเรียกร้องให้ผมยุบสภาทันที ผมก็ไปนั่งเจรจาคุยกับแกนนำเสื้อแดงสองวัน 6 ชั่วโมง เสนอทางออกด้วยการยุบสภาในช่วงปลายปี ไม่ใช่เพราะต้องการถ่วงเวลาอยู่ในอำนาจให้นานที่สุดแต่ต้องการให้เศรษฐกิจมั่นคง การเมืองมาตกลงเรื่องกติกาให้ชัดและไม่ให้เป็นแบบอย่างให้เกิดการเรียกร้องโดยใช้มวลชนกดดันไม่จบไม่สิ้น

อย่างไรก็ตามการเจรจาไร้ผล เพราะมีคนวางแผนเป็นขั้นตอนที่จะยัดเยียดให้ผมเป็น"ฆาตกรสั่งฆ่าประชาชน" จึงไม่ยอมรับในวิธีการแก้ปัญหาการเมืองด้วยการเมืองอย่างสันติ ซึ่งหากแกนนำคนเสื้อแดงและคุณทักษิณมีจุดประสงค์เพียงแค่ต้องการให้ยุบสภาไม่เกี่ยวกับการล้างความผิดให้ คุณทักษิณ ย่อมไม่มีความตาย 91 ศพ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

หรือ ในข้อเขียนอีกตอนหนึ่งที่ว่า

“ ความแตกต่างในการเคลื่อนไหวปี 2553 คือการเก็บเกี่ยวบทเรียนจากปี 2552 ที่การยั่วยุไม่ประสบความสำเร็จ มาคราวนี้ปิดจุดอ่อนคราวที่แล้ว ด้วยการเพิ่มกองกำลังติดอาวุธซึ่งคนที่ยืนยันเรื่องนี้ไม่ใช่มีแค่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เพียงคนเดียว แต่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดงก็เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนในทำนองเดียวกันและก่อนเกิดเหตุรุนแรง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ประสานเสียงกับเสธ.แดงหลังพบคุณทักษิณที่ดูไบว่า จะมีการตั้งกองทัพประชาชน ซึ่งสื่อมวลชนเรียกขานว่า "กองทัพแดง"

แม้ดูเหมือนจะเป็นการพูดจาที่ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่นอยุ้บ่าง แต่ใครละปฏิเสธละว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เขียน นั้น ไม่จริง

นายอภิสิทธิ์ ยังกระตุ้น และเชิญชวนให้ ผู้อ่าน ติดตามตอนต่อไปว่า

“ กระนั้นก็ตามผมก็ยังมุ่งมั่นคิดถึงแผนปรองดอง ซึ่งผมจะเขียนถึงในตอนต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงว่า แกนนำเสื้อแดงสามารถหยุดยั้งไม่ให้เกิดศพเพิ่มได้ แต่พวกเขากลับเลือกแนวทางสร้างศพเพิ่ม เพื่อยัดเยียดข้อหาฆ่าประชาชนให้ผม”

เรื่องเล่าของนายอภิสิทธิ์ จะช่วยจุดกระแสปาร์ตี้ลิสต์ ให้พรรคประชาธิปัตย์ชนะ พรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะเป็นผู้ตัดสินใจ

นอกจากเรื่องเผาบ้านเผาเมืองแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ ยังต้องลุ้นกับ การประชุมมรดกโลก ที่จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 19- 29 มิถุนายนนี้ว่า จะเลื่อน การพิจารณาแผนการบริหารพื้นที่ปราสาทพระวิหารออกไปหรือไม่ และคำตัดสินของศาลโลก ว่า จะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรตามคำขอของกัมพูชา หรือไม่ ซึ่งคาดว่า คำตัดสนิน่าจะออกมาในช่วงปลายเดือน

สองเรื่องนี้ คือโค้งสุดท้าย จริงๆ ที่จะมีผลต่อกระแสปาร์ตี้สิลต์ และจะชี้ขาดว่า นช. ทักษิณจะได้กลับบ้าน หรือ นารีจะตกม้าขาว
กำลังโหลดความคิดเห็น