กมธ.การมีส่วนร่วมภาค ปชช.วุฒิฯ วอน กกต.ตรวจสอบสื่อรัฐเสนอข่าวด้านเดียว ทำให้พรรคการเมืองเกิดการได้เปรียบ-เสียเปรียบ แนะขั้นตอนการขนหีบบัตรหรือรายงานผลการเลือกตั้ง ควรให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมเพื่อความโปร่งใส
วันนี้ (9 มิ.ย.) นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาเรื่องบทบาทสื่อมวลชนต่อการพัฒนาการเมือง โดยเชิญผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุม โดยมีกรรมาธิการฯ หลายคนได้ซักถามถึงการจัดสรรเวลาให้ผู้สมัครของแต่ละพรรค ได้ออกอากาศ รวมถึงการนำเสนอของบางรายการที่ไปโจมตีบางพรรค โดยที่ประชุมมีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1.ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 (4) กำหนดว่า คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งอันเนื่องจากการยุบสภา ต้องไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐ เพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบกกต.กำหนด
นายอนุรักษ์กล่าวว่า ต่อกรณีดังกล่าว กกต.ได้ออกระเบียบมาเพื่อรองรับแล้ว ในกรณีที่มีสื่อของรัฐนำเสนอข่าวสารข้อมูลเพียงด้านเดียว ไม่เป็นธรรมและไม่เป็นกลาง โดยการนำเสนอข่าวสารข้อมูล อาจเป็นการสร้างความได้เปรียบและเสียเปรียบทางการเมือง ทาง กกต.ต้องดำเนินการตามกระบวนการที่ กกต.กำหนดไว้ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาสอบสวนและฟ้องร้องอาจไม่ทันต่อสถานการณ์ อันอาจทำให้ไม่สามารถเยียวยาผลเสียหายที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที กรณีดังกล่าว กกต.ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ควรสร้างกลไกหรือกำหนดระเบียบของ กกต.เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยความรวดเร็ว เพื่อแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที และสร้างเป็นบรรทัดฐานเพื่อมิให้เป็นตัวอย่างต่อไปในอนาคต รวมทั้งสื่อมวลชนในฐานะสื่อของรัฐควรนำเสนอข่าวสารหรือข้อมูลที่เป็นธรรม และมีความเป็นกลาง นอกจากนี้ควรมีกลไกในการตรวจสอบภายในของสื่อของรัฐเพื่อควบคุมมิให้เกิดปัญหาดังกล่าว
นายอนุรักษ์ล่าวว่า กรณีการขนย้ายหีบบัตรเลือกตั้ง การลงคะแนนเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้งและนอกเขตจังหวัด และบัตรลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการเคลื่อนย้ายจากเขตเลือกตั้งนำมาเก็บไว้ที่ส่วนกลาง หรือขั้นตอนการนำส่งไปให้แต่ละเขตเลือกตั้งในจังหวัดต่างๆ ควรมีกระบวนการการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ควรให้ภาคประชาชน ตัวแทนพรรคการเมือง และสื่อมวลชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใสและทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม 3.การรายงานผลการเลือกตั้ง ควรมีการแถลงข่าวรายงานเปิดเผยต่อสื่อมวลชนและประชาชน ในจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง จำนวนบัตรที่รับ จำนวนที่ใช้บัตรไปทั้งหมด จำนวนบัตรเลือกตั้งที่เหลือ จำนวนบัตรดี บัตรเสีย และจำนวนบัตรที่ไม่ประสงค์ลงคะแนน นอกจากจะเป็นการตรวจสอบความถูกต้องแล้ว ยังเป็นการแสดงความบริสุทธิ์และทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์และยุติรรม
วันนี้ (9 มิ.ย.) นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาเรื่องบทบาทสื่อมวลชนต่อการพัฒนาการเมือง โดยเชิญผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุม โดยมีกรรมาธิการฯ หลายคนได้ซักถามถึงการจัดสรรเวลาให้ผู้สมัครของแต่ละพรรค ได้ออกอากาศ รวมถึงการนำเสนอของบางรายการที่ไปโจมตีบางพรรค โดยที่ประชุมมีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1.ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 (4) กำหนดว่า คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งอันเนื่องจากการยุบสภา ต้องไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐ เพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบกกต.กำหนด
นายอนุรักษ์กล่าวว่า ต่อกรณีดังกล่าว กกต.ได้ออกระเบียบมาเพื่อรองรับแล้ว ในกรณีที่มีสื่อของรัฐนำเสนอข่าวสารข้อมูลเพียงด้านเดียว ไม่เป็นธรรมและไม่เป็นกลาง โดยการนำเสนอข่าวสารข้อมูล อาจเป็นการสร้างความได้เปรียบและเสียเปรียบทางการเมือง ทาง กกต.ต้องดำเนินการตามกระบวนการที่ กกต.กำหนดไว้ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาสอบสวนและฟ้องร้องอาจไม่ทันต่อสถานการณ์ อันอาจทำให้ไม่สามารถเยียวยาผลเสียหายที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที กรณีดังกล่าว กกต.ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ควรสร้างกลไกหรือกำหนดระเบียบของ กกต.เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยความรวดเร็ว เพื่อแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที และสร้างเป็นบรรทัดฐานเพื่อมิให้เป็นตัวอย่างต่อไปในอนาคต รวมทั้งสื่อมวลชนในฐานะสื่อของรัฐควรนำเสนอข่าวสารหรือข้อมูลที่เป็นธรรม และมีความเป็นกลาง นอกจากนี้ควรมีกลไกในการตรวจสอบภายในของสื่อของรัฐเพื่อควบคุมมิให้เกิดปัญหาดังกล่าว
นายอนุรักษ์ล่าวว่า กรณีการขนย้ายหีบบัตรเลือกตั้ง การลงคะแนนเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้งและนอกเขตจังหวัด และบัตรลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการเคลื่อนย้ายจากเขตเลือกตั้งนำมาเก็บไว้ที่ส่วนกลาง หรือขั้นตอนการนำส่งไปให้แต่ละเขตเลือกตั้งในจังหวัดต่างๆ ควรมีกระบวนการการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ควรให้ภาคประชาชน ตัวแทนพรรคการเมือง และสื่อมวลชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใสและทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม 3.การรายงานผลการเลือกตั้ง ควรมีการแถลงข่าวรายงานเปิดเผยต่อสื่อมวลชนและประชาชน ในจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง จำนวนบัตรที่รับ จำนวนที่ใช้บัตรไปทั้งหมด จำนวนบัตรเลือกตั้งที่เหลือ จำนวนบัตรดี บัตรเสีย และจำนวนบัตรที่ไม่ประสงค์ลงคะแนน นอกจากจะเป็นการตรวจสอบความถูกต้องแล้ว ยังเป็นการแสดงความบริสุทธิ์และทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์และยุติรรม
