“ชุมพล” ควง “เสธ.หนั่น” ช่วยลูกพรรคหาเสียงที่อยุธยา ลั่นจะทำให้ อ.เสนา-บางบาน น้ำไม่ท่วม ด้านเสธ.หนั่นบอก ชทพ.ขอเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยปรองดอง เมื่อ 2 พรรคใหญ่ร่วมกันไม่ได้ เหน็บ “ชูวิทย์” ด่าทุกคนยกเว้นตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (8 มิ.ย.) นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม นายเกษมสันต์ วีระกุล ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา นายวิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา และนายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา ได้เดินทางมาช่วยนายนพพร วณิชวรพงศ์ ผู้สมัค รส.ส.เขต 5 จ.พระนครศรีอยุธยา พรรคชาติไทย หาเสียงที่โรงเจบ้วนเฮงตั้น ตลาดบ้านแพน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยแต่งกายด้วยสีประจำพรรคคือสีชมพู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะปราศรัยหาเสียงแกนนำพรรคชาติไทย ได้ขอพรกับเทพเจ้าในโรงเจบ้านเฮงตั้น พร้อมทั้งขอพรให้ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 จ.พระนครศรีอยุธยาได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็น ส.ส. จากนั้นนายชุมพลปราศรัยว่าตนต้องมานั่งหัวหน้าพรรคแทนนายบรรหาร ศิลปอาชา เพราะถูกรังแกตัดสิทธิทางการเมืองไป 5 ปี วันนี้ตนจึงมากับนายกฯ ปรองดองแทน และพรรคชาติไทยพัฒนาพร้อมที่จะดูแลแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วมให้กับชาวเสนา ชาวบางบาน และชาวอยุธยาไม่ให้น้ำท่วมอีกเหมือนที่สุพรรณบุรีที่ปัจจุบันน้ำไม่ท่วมแล้ว
พล.ต.สนั่นกล่าวว่า ประเทศของเราขณะนี้แบ่งเป็นหลายกลุ่ม ตนจึงเสนอแนวทางปรองดองเพื่อให้คนไทยเลิกเลือกสีเลือกฝ่าย จะเห็นว่าสองพรรคใหญ่ขับเคี่ยวกันอย่างหนัก ไปพูดที่ไหนก็ฟังดูแล้วรวมกันไม่ได้แน่ ดังนั้น พรรคชาติไทยพัฒนาจะเป็นคนกลางในการพูดคุย ไกล่เกลี่ยเพื่อร่วมกันก้าวข้ามความเจ็บปวดทุกอย่าง ต้องรู้จักให้อภัย ขอโทษ จึงจะเห็นความสงบของบ้านเมืองเกิดขึ้น เพราะตอนนี้ทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 พรรคเพื่อไทยเอง ก็บอกว่ายินดีให้ พล.ต.สนั่นมานั่งคุยกัน ซึ่งนั้นก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะทำให้เกิดการปรองดอง หากไม่ปรองดองหลังเลือกตั้งก็ยังทะเลาะกันอยู่
ส่วนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ออกมาด่าตนและนายบรรหาร ตนก็เห็นว่านายชูวิทย์ด่าไปเสียทุกคน เว้นแต่ไม่ได้ด่าตัวเอง ซึ่งตนไม่ถือสาเพราะคิดว่าที่บ้านของนายชูวิทย์ไม่มีกระจกเลยไม่ได้ส่องตัวเอง ด่ามันไปเรื่อยๆ แต่ตนในฐานะนักปรองดองไม่ถือสาและอโหสิกรรม
พล.ต.สนั่นกล่าวว่า เพื่อความปรองดองตนจึงมาหาเสียงให้นายนพพร และหาเสียงให้กับพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อที่จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น ดังนั้นเข้าคูหากาเบอร์ 21 ทั้งสองใบ และหากเลือกนายนพพรเข้าไปเป็น ส.ส.พรรคชาติไทยพร้อมที่จะดูแลคนอยุธยาไม่พื้นที่นี้น้ำท่วมแน่นอน
ขณะที่ นายนพพรกล่าวว่า นายชุมพลได้บอกกับทุกคนแล้วว่าต่อไปน้ำจะไม่ท่วมอยุธยาแล้ว ซึ่งตนก็ดีใจ เพราะทุกปีเป็นข่าวดังมากเวลาน้ำท่วมเสนาเพราะเป็นจุดรับน้ำ แต่ตอนนี้ไม่ว่าใครจะสีเสื้ออย่างไร ขอให้หยุดกันไว้ก่อน แล้วมาเข้าคูหาเลือกเบอร์ 21
ส่วน นายธีระกล่าวว่า ภาคการเกษตรฯเหมือนเป็นตัวค้ำจุนประเทศไทยมาตลอดโดยเฉพาะข้าวที่เป็นสินค้าส่งออกไปขายต่างประเทศอันดับหนึ่งแต่ทำไมชาวนาไทยยังจนอยู่ จะเห็นว่าพรรคชาติไทยพัฒนา จึงขอดูแลกระทรวงเกษตรฯเพื่อเข้ามาดูแลพี่น้องเกษตรกรและชาวนาไทย ชาวนาเป็นทุกข์อย่างไรพรรคชาติไทยพัฒนาก็เป็นทุกข์อย่างนั้นเราตั้งใจดูแลแก้ไขปัญหาเรื่องข้าว มัน ข้าวโพด มีโครงการประกันรายได้และโครงการรับจำนำ โดยข้าวในขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนาได้ดูแลกระทรวงเกษตรฯข้าวก็ได้ตันละ 11,000 บาท เมื่อเราเห็นว่าต้นทุนของพี่น้องเกษตรกรเพิ่มขึ้นเราก็มั่นใจว่าเมื่อเราเข้ามาแล้วจะต้องทำให้ได้ 15,000 บาท
นายธีระกล่าวต่อว่า สำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วมไร่นาเสียหายตอนนี้ก็ได้รับการชดเชยไร่ละ 2,000 กว่าบาท นอกจากนี้ ชาวนาต้องมีสวัสดิการโดยพรรคชาติไทยพัฒนาตั้งใจจะทำโครงการสวัสดิการชาวนาให้เหมือนกับที่ข้าราชการเขามีบำนาญ ซึ่งครม.ได้อนุมัติกฎหมายนี้ไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันเกษตรกรที่ต้องเช่านาคนอื่นเขาทำทางพรรคชาติไทยพัฒนาจะเข้ามาดูแลให้เกิดความเป็นธรรมด้วยการช่วยเหลือไร่ละ 500 บาท ส่วนน้ำเป็นเรื่องที่ท้าทายของกระทรวงเกษตรฯและต่อไปนี้หากมา อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ก็ต้องน้ำแห้ง ไม่น้อยหน้า จ.สุพรรณบุรี ที่ปัจจุบันนี้เขาไม่มีน้ำท่วมแล้ว พรรคชาติไทยพัฒนา จะให้การสนับสนุนดูแลแหล่งน้ำในตำบลอีกตำบลละ 3,000 บาท แก้ไขปัญหาแหล่งน้ำกันอย่างเดียว และจะดูแลเรื่องเมล็ดพันธุ์พืช ปุ๋ย และเงินต้นเพื่อนำไปปรับปรุงเครื่องจักรกลการเกษตร ดังนั้นหากเลือกนายนพพร เข้าไปเป็นผู้แทนของพรรคชาติไทยพัฒนา และเราได้ดูแลกระทรวงเกษตรฯ คนในพื้นที่นี้ก็สบายใจได้ เราจะดูแลอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ในการปราศรัยดังกล่าวทุกคนได้เน้นย้ำให้ประชาชนให้ลงคะแนนเลือกตั้งพรรคชาติไทยพัฒนาทั้ง 2 แบบ คือ ส.ส.ระบบเขต และส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และหลังพบปะประชาชนที่โรงเจบ้วนเฮงตั้น ได้เดินทางพบปะพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนในตลาด ซึ่งประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก